ตอนที่แล้วตอนที่ 007 – ไม่ใช่กฎระเบียบของฉัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 009 – ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็นก็ใต้ฟ้าเดียวกัน

ตอนที่ 008 – วางแผน


เจ่าไห่พยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ปู่กรีน ตอนนี้เราบริหารจัดการกับพวกเนื้อสัตว์อย่างไร อย่าบอกนะว่าเราไม่ได้ซื้อสัตว์เวทย์มนตร์มาเลี้ยงเลย?”

กรีนไม่รู้ว่าทำไมเจ่าไห่นั้นถึงตั้งคำถามแบบนี้ แต่เขาเชื่อว่าเจ่าไห่นั้นกลัวว่าจะไม่มีเนื้อให้ทาน จึงตอบไปว่า“นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง เราเลี้ยงบูลอายแรบบิทและหมูขนไว้เป็นอาหาร ดังนั้นนายน้อยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเนื้อให้ทานครับ”

เจ่าไห่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับคำตอบของกรีนดี ด้วยลักษณะของอดัมนั้นมันก็คงช่วยไม่ได้ที่กรีนจะตอบเขาในลักษณะนี้ ซึ่งจริงแล้วนั้นเขาต้องการที่จะรู้ว่ามีสัตว์ชนิดไหนนั้นเพิ่มจำนวนได้รวดเร็วและไม่เลือกกินอาหาร แต่กรีนกับคิดว่าเขานั้นกังวลเรื่องที่จะมีเนื้อทานหรือไม่

ในขณะนั้น เมอร์รินและเม็กก็นำถาดอาหารเข้ามา ในถาดนั้นมีหลายอย่างที่ดูน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเจ่าไห่

เจ่าไห่นั้นเหลือบมองไปที่จานของเขา จานของเขานั้นมีขนมปังขาว ไข่ 2 ฟอง และเนื้อชิ้นหนึ่งพร้อมผัก พร้อมการจัดที่สวยงาม

แต่บนจานของกรีนและคนอื่นๆนั้นมีเพียงขนมปังดำและผัก ไม่มีไข่และเนื้อสัตว์ ทำให้เจ่าไห่นั้นรู้สึกเจ็บจิ๊ดในใจ แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้แค่หยิบมีดและส้อมขึ้นมาทานอาหาร เมื่อกรีนและคนอื่นๆ เห็นเจ่าไห่ทาน พวกเขาจึงเริ่มทาน

กรีนและคนอื่นๆนั้นไม่รีบทานจะมีเพียงแค่บล๊อคและร๊อคเท่านั้นที่ดูรีบร้อน นอกจากนี้อาหารที่เมอร์รินจัดให้บล๊อคและร๊อคนั้นดีกว่าคนอื่นๆ

เขาต้องยอมรับเมอร์รินทำให้อาหารได้อร่อยมาก แม้ว่าจะไม่ได้รสชาติแบบจีนแต่มันเป็นการดึงรสชาติออกมากจากเครื่องปรุงและส่วนผสมต่างๆซึ่งทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

เจ่าไห่พยักหน้าด้วยสีหน้าที่พอใจและทานอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับการทานอาหารตะวันตกที่ใช้มีดและส้อม แต่ด้วยความหิวทำให้เขาอย่างมูมมาม

แต่เมื่อเขาทานเสร็จ ทุกคนในโต๊ะก็หยุดมือและยืนขึ้น เจ่าไห่รู้สึกอึดอัดกับธรรมเนียมปฏิบัติแบบนี้แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคงจะเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืนไม่ได้

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เมอร์รินและเม็กก็เก็บจานและสิ่งต่างๆ ก่อนจะหยิบกาบางอย่างมา เมื่อสูดกลิ่นทำให้เจ่าไห่รู้ว่าในกานั้นใส่คีจา  คีจานั้นมีลักษณะคล้ายกาแฟซึ่งเป็นขุนนางชอบกัน [ผู้แปล:ใครคอกาแฟช่วยบอกด้วยนะครับ Keja คือะไรผมดูตามที่ต่างๆ ก็ไร้คำตอบขอบคุณครับ]

กรีนรินใส่ถ้วยของเขา เจ่าไห่ดื่มในหนึ่งอึก มันให้รสชาติที่คล้ายกับกาแฟ จากนั้นก็หยิบกาขึ้นมารินให้กรีนจากนั้นก็บอกให้ “ปู่กรีนเชิญนั่ง ผมมีบางอย่างอยากจะปรึกษาด้วย เชิญดื่ม”

กรีนรีบกล่าวว่า “ไม่ได้ครับนานน้อย ให้ผมยืนจะดีกว่า”

เจ่าไห่ขืนขึ้นพร้อมกับพยายามผลักให้กรีนนั่งลงบนเก้าอี้ “ปู่กรีน คุณอยู่ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของผม คุณดูผมเติบโตมาโดยตลอด จนเรียกได้ว่าคุณเป็นปู่ของผมคนหนึ่ง ตอนนี้ตระกูลบูดาตกอับจนมาขนาดนี้แล้ว หากไม่ได้ปู่ช่วยไว้บางทีผมอาจจะไม่รอดแล้วก็เป็นได้  ไม่ต้องยืนตามแบบธรรมเนียมใดๆ นั่งลง ผมมีเรื่องอย่างจะคุยกับปู่จริงๆ”

กรีนนั่งพร้อมกับมองไปที่เจ่าไห่ น้ำตาไหลรินไหลออกมาก่อนพูดว่า “ได้ๆ ผมจะนั่ง นายน้อยคุณเติบโตขึ้นมาก”

เจ่าไห่แกล้งถอนหายใจ “มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเติบโตขึ้น ผมต้องขอโทษปู่กรีนด้วย ที่ทำให้ปู่ต้องเป็นห่วง”

กรีนส่ายหน้าก่อนตอบว่า “ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้นเลยนายน้อย มันเป็นเพราะกระผมต่างหากที่ไม่สามารถปกป้องคุณได้ ปล่อยให้เกิดเรื่องราวต่างๆกับนายน้อยและยังปล่อยให้ตระกูลตกต่ำถึงเพียงนี้”

เจ่าไห่ยิ้ม “อย่าตำหนิตัวเองเลย ท่านพ่อได้รับคำแนะนำจากคุณแล้ว เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก ปู่กรีนผมอยากรู้ว่าสัตว์เวทย์มนตร์ชนิดไหนที่กินได้ทุกอย่าง โตเร็วแล้วก็ขยายพันธุ์ได้เร็วบ้าง?”

กรีนตกใจกับคำถามของนายน้อยแต่นี้เป็นสิ่งที่เขาพอจะรู้บ้างจึงตอบไปว่า “ในทวีปมีสัตว์เวทย์มนตร์หลายชนิดที่คล้ายกับบูลอายแรบบิทและหมูขนแบบที่เราเลี้ยง พวกมันจัดเป็นสัตว์เวทย์มนตร์ระดับ 1 ซึ่งไม่มีพลังโจมตีใดๆเลย บูลอายแรบบิทจะใช้เวลาในการโตเต็มวัยอยู่ 3 เดือนซึ่งเมื่อโตเต็มวัยแล้วจะให้กำเนิดลูกเดือนละครั้ง ซึ่งจะได้ครอกละ 5 ตัวอย่างน้อย หมูขนนั้นจะโตเต็มวัยได้นั้นใช้เวลานานกว่าซึ่งอยู่ที่ 8 – 10เดือนและผสมพันธุ์กันทุกๆ 4 เดือนซึ่งจะได้ครอกละ 7ตัวอย่างน้อย ซึ่งสัตว์เวทย์มนตร์ทั้งสองนั้นเป็นที่นิยมในการเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารในทวีป

เจ่าไห่พยักหน้า “แล้วเมื่อเทียบกันระหว่าง2ชนิดนี้ ชนิดไหนเป็นที่นิยมมากกว่ากัน?”

กรีนกล่าวว่า “หมูขน แม้ว่าบูลอายแรบบิทจะไม่ได้จุกจิกกับการกินมาก แต่มันเป็นสัตว์กินพืชดังนั้นมันจึงกินแค่เฉพาะใบพืช ไม่เหมือนหมูขนที่กินได้ทุกอย่าง”

เจ่าไห่พยักหน้า เขาพบว่าบูลอายแรบบิทนั้นไม่ต่างจากกระต่ายของโลกที่เขาอยู่ เจ่าไห่ยืนขึ้น “ปู่กรีน คุณเคยบอกผมว่าคุณซื้อบูลอายแรบบิทมาใช่ไหม? พาผมไปดูหน่อย”

แม้ว่ากรีนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ่าไห่ แต่การได้เห็นเจ่าไห่นั้นเริ่มสนใจสถานการณ์ของตระกูล ทำให้กรีนนั้นปลื้มปิติอย่างมาก “นายน้อย ผมคิดว่านี้มันดึกมากแล้ว ผมจะพาคุณไปในวันพรุ่งนี้ นายน้อยกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ”

เจ่าไห่มองไปยังท้องฟ้าข้างนอกที่มืดสนิท ทำให้เขากระวนกระวายเล็กน้อย “เอาอย่างนั้นแล้วกัน พวกเราไปกันวันพรุ่งนี้ แต่ปู่กรีนผมสังเกตเป็นว่ายังมีสิ่งของอีกมากมายในลานกว้าง ทำไมไม่เอามันเข้ามาไว้ข้างใน”

กรีนดูอายเล็กน้อย “นายน้อยไม่ใช้ว่าเราไม่อยากนำมันเข้ามา แต่ตัวปราสาทนั้นเล็กเกินไปที่จะนำสิ่งของทั้งหมดเข้ามาและตอนนี้เรากำลังจัดเก็บสิ่งของอยู่ด้วย”

เจ่าไห่พยักหน้า “แล้วทาสพักอาศัยอยู่กันอย่างไร นี้มันก็ปลายเมษายนแล้ว ใกล้หน้าฝนเข้าทุกที มันจะดีมากหากพวกทาสมีที่หลบฝน ตระกูลบูดาของเรานั้นเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน พวกเราจำเป็นต้องพึ่งพวกเขา”

กรีนนั้นตื่นเต้นกับการเปลี่ยนไปของเจ่าไห่ เมื่อเขาถามถึงสิ่งของในลานกว้าง และยังถามถึงเรื่องของพวกทาส เพราะในสายตาของขุนนางทั่วไปนั้นทาสมีค่าน้อยกว่าสิ่งของเหล่านี้ซะอีก ถ้าเจ่าไห่คิดแบบขุนนางทั่วป คงไล่พวกทาสออกไปจากปราสาทและเก็บของเหล่านี้แทน

แต่กรีนเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลบูดาในตอนนี้เป็นอย่างดีว่าหากไล่พวกทาสออกไปจากปราสาทในช่วงฤดูฝนนี้จะทำให้พวกทาสล้มป่วยจนตายและทำให้ไม่มีคนคอยทำงาน และฟื้นฟูตระกูล

แต่กรีนไม่คาดคิดเลยว่าเจ่าไห่จะตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ นี้เป็นสิ่งที่บอกตัวเขาว่านายน้อยนั้นเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงครับนายน้อย ข้าน้อยจะเตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

เจ่าไห่พยักหน้า“งั้นผมก็สบายใจหน่อย ฝากปู่กรีนช่วยจัดการด้วย ดีละผมกลับไปพักผ่อนก่อน หากมีเรื่องอะไรก็ค่อยกันพรุ่งนี้” หลังจากพูดเสร็จ เจ่าไห่ก็เดินจากไป

ในขณะนั้น เมอร์รินและเม็กก็เดินออกมาจากห้องครัว เห็นกรีนนั่งอยู่ เมอร์รินจึงเกิดความสงสัย “ตาแก่เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นหรือ?”

จู่ๆกรีนก็หัวเราะออกมาดังลั่น“นายน้อยนั้นรู้จักที่จะโตขึ้นแล้ว ฮ่าๆๆๆ สวรรค์ยังคงไม่ทอดทิ้งตระกูลบูดา” กรีนทวนการสนทนาของเขากับเจ่าไห่ให้เมอร์รินฟังจากนั้นก็กล่าวว่า “นายน้อยรู้จักที่จะบริหารตระกูลนั้นเป็นเรื่องที่ดี ตราบเท่าทีนายน้อยยังพอจะบริหารได้ ถึงแม้ว่าตระกูลบูดาจะไม่สามารถมีอำนาจได้มากกว่านี้ แต่ก็ยังคงอยู่ต่อไปได้ ไม่ว่ายังไงตระกูลบูดาจะต้องไม่สูญสิ้น”

เมอร์รินรู้สึกดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก “ตราบเท่าที่นายน้อยปลอดภัย ฉันแค่ต้องการสิ่งนี้ก็พอแล้ว ตอนที่เราอยู่ในเมื่อหลวงถึงแม้ว่าตระกูลบูดาจะออกมาแล้ว แต่ก็ยังมีคนค่อยจับตามองอยู่  ตอนนี้เหล่าออกมาจากที่นั้นทำให้คนที่สนใจเรานั้นก็น้อยลง แดนทมิฬนั้นเป็นสถานที่คนไม่ค่อยจะแวะเวียนมาอยู่แล้วยิ่งทำให้ตระกูลบูดายิ่งปลอดภัยมาขึ้น”

กรีนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กๆ “ใช่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่เราซื้อทาสครึ่งหนึ่งเป็นชายส่วนครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิงก็เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฟื้นฟูตระกูล ในตอนนี้เราไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากที่นายน้อยนั้นเป็นนักปราชญ์ได้ และตระกูลบูดาอยู่รอดไปได้ แค่นี้ก็พอใจแล้ว”

เมอร์รินพยักหน้ารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เม็กยืนอยู่ข้างหลังเมอร์รินแม้ว่าใบหน้าของเธอจะไม่แสดงสีหน้าอะไรแต่ในแววตาของเธอนั้นแสดงความสุข

เจ่าไห่นั้นได้ยินเสียงหัวเราะของกรีน ทำให้นึกถึงสีหน้าของกรีนตอนนี้ เจ่าไห่รู้ว่าทำไมกรีนถึงดีใจ ความคิดนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เจ่าไห่ไม่คาดคิดเลยว่าแค่ทำตัวเป็นคนปกติเหมือนที่คนอื่นทำจะทำให้พวกเขาดีใจขนาดนี้ ดูเหมือนว่าตัวอดัมในอดีตคงไม่เคยทำสิ่งดีๆเลยสักหนเดียว

กลับไปที่ห้องของเขา เจ่าไห่นั้นไม่ได้ไปนอน บางทีอาจเป็นเพราะเขานอนมามากพอแล้ว ตาของเขานั้นใสเป็นประกายและไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนอนไปแล้วเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เจ่าไห่ก็ยังไม่ผล็อยหลับไป เมื่อขบคิดสักพัก เขาจึงตัดสินใจเข้าไปในมิติเพื่อดูว่าหัวไชเท้าเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อมาถึงในมิติ เจ่าไห่นั้นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ปลูกไป หัวไชเท้านั้นโตขึ้นจนมีใบขนาดใหญ่แล้ว และดูเหมือนว่าอีกไม่นานมันก็จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว

เจ่าไห่นั้นจองไปที่หัวไชเท้า เขานั้นไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะโตเร็วขนาดนี้ แม้ว่าดินสเปเทียลและน้ำสเปเทียลจะช่วยเร่งเวลาในการเติบโต แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเร็วขนาดนี้

เจ่าไห่ไปยังบริเวณริมไร่และดึงหัวไชเท้าออกมา เขาพบว่ามันโตจนมีขนาดหัวเล็กพอสมควร แต่มันใช้เวลาเพียงไม่นานดังนั้นจึงไม่แปลกที่ยังมีขนาดไม่ใหญ่มากและยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย

เจ่าไห่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งและฝังหัวไชเท้ากลับไปอีกครั้งและบ่นพึมพำว่า “ถ้ามันโตเร็วขนาดนี้ พวกมันน่าจะสามารถเก็บได้ตอนพรุ่งนี้เช้า จากนั้นก็คงต้องถามปู่กรีนละว่ามันมีอะไรบ้างที่คล้ายหัวไชเท้าแบบนี้ และถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะให้บูลอายแรบบิทกินใบหัวไชเท้า ถ้าหากมันกิน เราก็เปิดโรงปศุสัตว์ได้”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด