ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSH -- 2  วิญญาณร้าย ?

SH -- 1 ผีดิบ !


SH -- 1 ผีดิบ !

         

          ในปี 1990 วันที่ 15 ในเดือนจันทร์ทรคติครั้งที่ 7 จะเป็นวันที่มีชื่อว่า เหล่าวิญญาณกระหายเลือด…..

 

          พระจันทร์ดวงใหญ่โดดเดี่ยวท่ามกลางท้องฟ้า : ปฏิทินจีนได้อธิบายเรื่องราวพวกนี้ไว้ว่า ในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยเหล่าวิญญาณร้ายออกมาเพ่นพ่าน ในช่วงเวลานี้ผู้คนมักจะซ่อนตัวอยู่ในบ้านและไม่กล้าทำพิธีที่เป็นศิริมงคลในช่วงเวลานี้อย่างเด็ดขาด

 

          มีหมู่บ้านหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เหยี่ย’ เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่นอกเมือง ตามประเพณีของหมู่บ้านนี้แต่ละครอบครัวจัดเตรียมเศษกระดาษหรือสิ่งของที่เป็นของอัปมงคลมาไว้ที่หน้าบ้านของพวกเขา จากนั้นนำมาวางรวมกันไว้และจุดเพื่อเผาพวกมัน มีความเชื่อว่าวิญญาณที่ไร้ญาติที่ได้รับสิ่งของที่เผาไปให้แล้ว พวกมันจะไปยังที่อื่นทันทีและไม่มารบกวนผู้คนในหมู่บ้านอีกหรือมีบางครอบครัวคนอื่นที่นับถือศาสนา พวกเขาจะทำการสวดมนต์และขอพรเทพเจ้าเพื่อให้เทพเจ้าช่วยปกป้องคุ้มครองครอบครัวของเขาตลอดทั้งคืน

 

          จากนั้นไม่นานเม็ดฝนก็ร่วงหล่นมายังพื้นดิน เสียงฝนกระทบพื้นทำให้เกิดเสียงประหลาดออกมาความเงียบงันที่คืบคลานมายังแต่ละครอบครัว เสียงลมที่โหมกระหน่ำและฟ้าร้องทำให้บรรยากาศในคืนนี้น่าขนลุกยิ่งขึ้นไปอีก มีบุคคลหนึ่งอยู่ในเงามืดท่ามกลางสายฝนกำลังใช้เส้นทางเล็กๆในหมู่บ้านเดินทางไปยังสุสานที่ตั้งอยู่ในหุบเขา

 

          สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพเก่าแก่ของหมู่บ้านเหยี่ย มีบรรพบุรุษของครอบครัวเหยี่ยมากมายถูกฝังมาอยู่ที่นี่ ในที่สุดเงามืดที่กำลังคืบคลานก็หยุดต่อหน้าหลุมศพไร้ญาติหลุมหนึ่ง มีเงาสลัวๆของคนกำลังร่ายรำต่อหน้าหลุ่มศพนั้นราวกับว่าเขาคนนั้นกำลังทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง….

 

          “พี่ ผมมาเยี่ยมแล้วนะ ทุกๆวันที่ 7 ของเดือนจันทร์ทรคติอยู่จะเป็นวันวิญญาณกระหายเลือดและเป็นวันที่คุณเสียชีวิต” ชายวันกลางคนกล่าวออกมาอย่างขมขื่น

 

          ชายคนนั้นหยุดลงตรงหน้าหลุมฝังศพ เขาได้หยิบร่มสีแดงออกจากกระเป๋าของเขา เขากางมันและตั้งไว้หน้าหลุมศพเพื่อป้องกันเม็ดฝนที่กำลังตกจากนั้นเขาค่อยๆจุดเทียนอย่างระมัดระวังและจุดธูป 3 ดอกปักไว้หน้าร่มคันนั้น เขาทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพโคลนและเม็ดฝนชโลมร่างกายของเขาจนสกปรก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยิบพลั่วขึ้นมาและเริ่มขุดหลุมศพหลุมนั้น

 

          พื้นแผ่นดินปิดบังหลุมศพเอาไว้แต่ไม่สามารถปิดบังชายคนนี้ได้ เขาค่อยๆใช้น้ำฝนทำให้ดินบริเวณนั้นอ่อนลงจากนั้นเขาก็เริ่มใช้พลั่วตักดินขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยต่อมา 20 นาทีหลุมศพหลุมนั้นถูกขุดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชายวัยกลางคนได้ตักโคลนชั้นบางๆในหลุมศพออก โลงศพสีแดงก็ปรากฏขึ้นคนมักจะเชื่อว่าคนตายที่ถูกใส่ไปในโลงศพสีแดงเป็นเพราะว่าคนตายคนนั้นเสียชีวิตอย่างกะทันหันและคนที่เสียชีวิตคนนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ยิ่งมีสีแดงมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดเลยว่าคนตายคนนั้นยิ่งมีความอาฆาตแค้นมากขึ้นเท่านั้น……..

 

          ชายคนนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าโลงศพพร้อมกับพูดว่า “พี่สะใภ้ ผมมาแล้ว ผมจะมาช่วยคุณ !” เขาหยิบมีดออกมาและเริ่มตัดสายสิญจน์ที่พันอยู่รอบโรงศพและหลังจากนั้นเขาใช้ชะแลงงัดไปที่ผาของโลงศพโลงนั้น จากนั้นเขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วใช้แรงทั้งหมดเปิดฝาโลงศพสีแดง !

 

          เมื่อฝาโลงศพถูกเปิดออกมีศพหญิงสาวสวมชุดสีขาวภายในโรงศพโลงนั้น…..

 

          แสงจากสายฟ้าแลบทำให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นเธอมีใบหน้าที่ซีดเผือกดวงตาของเธอช่างมืดมนคล้ายกับปีศาจที่ล่วงลับไปนานแล้ว ใบหน้าของเธอแสดงความเจ็บปวดทรมานก่อนเธอตายได้อย่างน่าเวทนา กลิ่นจากศพของเธอลอยขึ้นมาเตะจมูกของชายวัยกลางคน.........มันเป็นกลิ่นอายของความตาย !

 

          “...............”

 

          ชายวัยกลางคนคนนั้นรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นเขารู้สึกอ่อนแรงและล้มตัวคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า “คุณตายในขณะที่คุณกำลังจะคลอดลูก ลูกของคุณก็ตายภายในท้องของคุณไปพร้อมๆกันแต่สมาชิกในครอบครัวของคุณยืนยันที่จะเอาลูกของคุณออกจากตัวคุณ พวกเขาค่อยๆนำลูกของคุณออกจากท้องในขณะที่คุณตายแล้วและทำการฝังคุณและลุกของคุณคนละที่ คืนนี้เป็นคืนที่จิตวิญญาณของคุณจะกลับมาที่นี่และผม ‘เหยี่ยต้าป่าว’ นำลูกของคุณกลับมาหาคุณเพื่อที่อยู่กับคุณตลอดไป……..”

 

          ในขณะนี้ที่เขากำลังพูดอยู่นั้นเขาได้นำผ้าห่อศพออกจากกระเป๋าของเขาและเมื่อเขาเปิดมันก็พบว่ามีศพทารกน้อยอยู่ภายในผ้าห่อศพผืนนั้น เขาก็ค่อยๆบรรจงวางศพทารกน้อยบนซากศพของหญิงสาว จากนั้นเขารีบถอยหลังออกไปและคุกเข่าลงต่อหน้าโลงศพทันที ทันใดนั้น ! มีเสียงร้องโหยหวนที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงสายฝนที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่….

 

          ทันใดนั้น ! ซากศพของหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาแขนของเธอค่อยๆบีบรัดผ้าห่อศพที่เขานำไปวางไว้บนตัวเธอ ใบหน้าของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุกและน่าสะพรึงกลัวมาก…….

 

          เหยี่ยต้าป่าวยังคงคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลุมศพเขากล่าวกับซากศพว่า “พี่สะใภ้ตอนนี้ผมได้เติมเต็มความปรารถนาของคุณแล้ว แล้วครั้งนี้คุณจะเติมเต็มความปรารถนาของผมได้หรือยังล่ะ ?”

 

          หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็รีบนำธูปและเทียนออกจากพื้นทันที ควันธูปและเทียนลอยคละคลุ้งไปในอากาศ เขาใช้มีดกรีดไปที่บริเวณคางของศพหญิงสาวคนนั้นในขณะที่เขานำถ้วยทองแดงมาเก็บน้ำมันที่ค่อยๆหยดลงมาสิ่งที่น่าแปลกใจมากที่สุดก็คือน้ำมันที่หยดลงมานั้นมีเป็นจำนวนมากราวกับว่าเธอเต็มใจที่จะช่วยเหยี่ยต้าป่าว …..

 

          น้ำมันจากศพค่อยๆหยดลงมาในชามทองแดงอย่างช้าๆหลังจากนั้นผ่านไป 10 นาที เขาก็ทำการเก็บน้ำมันจากศพ ในขณะที่เขากำลังเก็บน้ำมันอยู่คิ้วของศพหญิงสาวคนนั้นเริ่มขยับและใบหน้าชองเธอยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เหยี่ยต้าป่าวรีบนำธูปเทียนและชามทองแดงห่อใส่ผ้าและรีบเก็บมันไปไว้ในกระเป๋าและค่อยๆวางศพหญิงสาวคนนั้นอยู่ในโลงศพของเธอพร้อมกับศพเด็กทารกในอ้อมแขน……

 

          “พี่ ในตอนนี้คุณได้อยู่กับลูกของคุณแล้ว ขอให้คุณพักผ่อนให้สบายเถอะและหลังจากนี้อีก 49 วันพวกคุณจะกลายเป็นผีดิบที่ร้ายกาจที่สุดและนำพลังนั้นออกมาแก้คุณผู้คนที่เคยทำให้คุณต้องทรมาน ในตอนนี้ผมจะปิดโลงศพของคุณจะปล่อยให้คุณพักผ่อนจนถึงเวลานั้น……..”

 

          หลังจากนั้น 10 นาที เหยี่ยต้าป่าวใช้ดินกลบโลงศพนั้นไว้ดังเดิมจากนั้นเขาโค้งคำนับ 1 ครั้งและรีบวิ่งลงไปทางหุบเขา……….

 

          เดือนต่อมาในหมู่บ้านเหยี่ย เดือนนั้นเป็นเดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของปีผู้คนมักเปิดประตูและหน้าต่างเพื่อระบายอากาศที่ร้อนให้ถ่ายเทออกจากบ้านแต่ไม่ใช่สำหรับเหยี่ยต้ากงประตูและหน้าต่างบ้านเขาถูกปิดอย่างแน่นหนาและมีเตาเผาถ่านอยู่ภายในบ้านถึง 3 เตา

 

          มีเด็กวัย 5 ขวบนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับห่มผ้าหนาทึบ ริมฝีปากและเล็บของเด็กคนนั้นเป็นสีม่วง ในขณะที่นอนขดตัวอย่างหนาวสั่นพร้อมกับพูดพึมพำอย่างไม่หยุดว่า “อากาศมันช่างหนาวเหลือเกิน......” เหยี่ยต้ากงยืนอยู่ในห้องนั้นเพียงชั่วครู่หนึ่งเหงื่อของเขาก็เริ่มไหลออกมาเนื่องจากอากาศในบ้านร้อนมาก เขาถอนหายใจและเดินออกมาจากห้องพร้อมกับนำมือไปเช็ดเหงื่อและคราบน้ำตาของเขาออกจากใบหน้า….

 

          “พ่อ ! ซ่าวหยางจะเป็นอะไรมั้ย ?” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่ของเธอเต็มไปด้วยความอิดโรยที่มาจากความเหนื่อยล้า เธอน่าจะเป็นแม่ของเด็กคนนี้

 

          “ก่อนอื่น เราต้องรอเซี่ยวบิงกลับมา !”

 

          เหยี่ยต้ากงส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่เคยเจอสภาพอย่างนี้มาก่อนในรอบ 20 ปีที่เขาเป็นหมอ เขานำหลานชายของเขาไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ทั้งหมดในบริเวณนี้แล้วแต่ไม่มีใครสามารถรักษาอาการผิดปกติของหลานชายได้เลย เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าหลานชายของเขาป่วยเป็นโรคอะไรหรือมีจิตวิญญาณร้ายคอยทำร้ายชีวิตของเด็กอยู่คนนี้หรือเปล่า ? เมื่อเดือนที่แล้วเขาได้จ้างหมอผีในเมืองมาทำพิธีกรรมแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเขาคงต้องส่งหลานชายของเขาไปรักษาในเมืองหลวงที่มีเครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัยกว่านี้ซะแล้ว

 

          ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ลูกชายของเขา ‘เหยี่ยบิง กลับมาพร้อมนักบุญคนหนึ่ง’

 

          “นี่คือ…. ?”

 

          “เขาเป็นนักบุญที่เก่งกาจ ผมบังเอิญไปเจอเขาแล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง จากนั้นเขาก็ตกลงมาที่นี่ด้วยตัวเขาเอง”

 

          “ขอบคุณนะ ที่มาที่นี่” เหยี่ยต้ากงยื่นมือออกไปจับมือนักบุญคนนั้นเพื่อแสดงความขอบคุณ

 

          นักบุญคนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุประมาณ 60 ปีใบหน้าของเขาคมชัด ริมฝีปากเล็กและคิ้วที่ดูน่าเกรงขามเขามีเชือกศักดิ์สิทธิ์และเทียนอยู่ในถุงผ้าข้างตัวเขา การที่เขาได้เดินเข้ามาในบ้านแห่งนี้ดวงตาของเขาก็กำลังสำรวจรอบๆบริเวณบ้าน ท่าทีของนักบุญคนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆหลังจากที่เขากวาดสายตาไปรอบๆบ้านยังไงก็ตามเหยี่ยต้ากงก็หมดหนทางที่จะรักษาหลานชายของเขาแล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจนำทางนักบุญคนนั้นเดินเข้ามาอย่างในห้องที่หลานชายของเขานอนป่วยอยู่…..

 

          ติดตามตอนต่อไป………….

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด