ตอนที่แล้วTWO Chapter 77 เทศกาลโคมไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 79 สถาปนิก

TWO Chapter 78 ตลาดของเกษตรกร


TWO Chapter 78 ตลาดของเกษตรกร

***(หมายเหตุ : เปลี่ยนจากกองทหารเป็นกองร้อยทหารนะครับ)

วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกหลังปีใหม่ของปิงเอ๋อ หลังจากที่ออกจากเครื่องเล่นเกมส์ เขารีบพาปิงเอ๋อไปกันข้าวเช้าที่ด้านล่าง แล้วพาปิงเอ๋อไปส่งที่โรงเรียน ก่อน 9.00 น.

หลังจากที่กลับจากไปส่งปิงเอ๋อ เครื่องเล่นเกมส์ที่ถูกสั่งโดยเสี่ยวเยว่ก็มาถึง มันกำลังถูกติดตั้งในห้องของเธอ

……………………………………………………………………………………………………………….

โอหยางโชวล็อกอินเข้าเกมส์อีกครั้งในเวลา 20.00 น. เขาฝึกฝนหอกและปาจีฉวน เป็นเวลารวม 2 ชั่วโมง ตามปกติ จากนั้น เขาก็เดินไปที่ร้านขายของชำ เมื่อคืนเขาเดินผ่านร้านขายของชำ และเขาตระหนักได้ว่าเขายังไม่เคยเข้าไปเยี่ยมชมตั้งแต่มันถูกสร้าง มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

ร้านขายของชำเป็น 1 ในร้านค้าพื้นฐานที่เขายังไม่เคยมาเยี่ยมชม เจ้าของร้านคือ พ่อค้าขั้นต้นหลี่ฟู่กุ้ย เจ้าของร้านวัยกลางคนตกใจเมื่อได้เห็นโอหยางโชว เขากล่าวว่า “การมาเยือนของนายท่าน ทำให้ร้านเล็กๆแห่งนี้สว่างไสวขึ้น เชิญเข้ามาด้านใน”

ร้านค้านี้ขายของใช้ประจำวัน เช่น น้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู ฯลฯ นอกจากเกลือแล้วไม่มีอะไรที่ผลิดได้ในดินแดน มันเป็นเพียงชั้นวางสินค้าธรรมดาด้านหลังคนขาย ทำให้ร้านนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร

ชั้นวางทำงานคล้ายกับตลาด สามารถสนับสนุนธุรกิจและโอนเงินระยะไกลได้ ชั้นวางสินค้าจะได้รับการอัพเกรด เมื่อปริมาณการซื้อขายสินค้าถึงระดับหนึ่ง รวมถึงระดับความสามารถพิเศษของพนักงานขายด้วย แล้วสินค้าก็จะได้รับการอัพเกรดตามไปด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากับโอหยางโชว หลี่ฟู่กุ้ยก็เปิดเผยความลับของร้านค้า

“นายท่าน จริงๆแล้วร้านค้านี้ มีฟังก์ชั้นซ่อนอยู่” หลี่ฟู่กุ้ยพูดอย่างลึกลับ

“โอ้? ฟังก์ชั่นอะไร?”

“ในร้านค้า คุณสามารถซื้อสินค้าได้ แต่ไม่สามารถขายได้ ยกเว้นเฉพาะผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น หากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นถูกนำมาขายผ่านร้านค้า จะมีการเก็บภาษีเพียง 10% เท่านั้น”

“ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นหรือ?” โอหยางโชวขมวดคิ้ว เหล้ากุ้ยหลิน 3 ดอกไม้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของเมืองซานไห่หรือไม่? ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาเวลาลองดูพวกมันบ้าง

“ขอรับ”

“ดี ข้ารู้แล้ว ข้าจะจำมันไว้” โอหยางโชวพยักหน้า แล้วออกจากร้านขายของชำ

เขาเดินไปที่ตลาดขั้นกลาง โอหยางโชวซื้อเมล็ดผักบางชนิด เพื่อเตรียมทำสวนผัก มีผักหลายชนิดที่สามารถปลูกได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เขาได้เลือกซื้อผักมาหลายชนาด เช่น กระเทียม กระหล่ำปลี แตงกวา มะเขือ ผักโขม ผักกาด หอม แครอท พริกไทย ฟักทอง ถั่ว มีเขือเทศ บวบ และอื่นๆ

หลังจากนั้น เขาก็ซื้อเมล็ดพันธ์ของสมุนไพรทั่วไปบางชนิด สำหรับสร้างสวนสมุนไพร เนื่องจากสมุนไพรจำนวนมากต้องหามาจากป่า สวนสมุนไพรจึงยากกว่าสวนผัก

เขาพบว่าสินค้าบางชนิดไม่สามารถจัดหาได้อย่างเพียงพอในดินแดน เขาถึงถือโอกาสนี้ใช้เงิน 30 เหรียญทอง เพื่อซื้อ คู่มื่อเทคโนโลยีการผลิตน้ำส้มสายชู และคู่มือเทคโนโลยีการผลิตซอส

หลังจากที่กลับจากตลาด โอหยางโชวก็เรียก ซุนหยานหนง ตู่เสี่ยวหลาน และเจ้าเต๋อหวัง มาที่สำนักงานของเขา อธิบายถึงสวนผักที่เขาวางแผนไว้

“ผักจะถูกปลุกในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ดังนั้น ฝ่ายการเกษตรควรเตรียมพื้นที่ 200 หมู่ เพื่อใช้สำหรับปลูกผักหลากหลายชนิด ฝ่ายทรัพยากรเตรียมพื้นที่สำหรับจัดเก็บให้พร้อม ฝ่ายก่อสร้างควรร่วมมือกับฝ่ายทรัพยากร เพื่อสร้างโรงผลิตน้ำส้มสายชู โรงผลิตซอส และโรงผลิตเต้าหู้ เพื่อเพิ่มเครื่องเทศ และเครื่องบริโภคแก่ชาวเมือง”

หัวหน้าฝ่ายทั้ง 3 พยักหน้าเข้าใจ

“นายท่าน หลังจากที่โรงผลิตทั้ง 3 ดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว เราควรตั้งร้านขายของใหม่หรือไม่?” ตู่เสี่ยวหลานถาม

หลังจากที่เขาฟังคำถามของเธอ มันก็เกิดแรงกระตุ้นขึ้น โอหยางโชวกล่าวว่า “ไม่จำเป็น เราไม่ควรสร้างร้านค้าใหม่ๆ สำหรับสินค้าใหม่ๆทุกชนิด เนื่องจากสินค้ามีอยู่มากมาย การตั้งร้านค้าจำนวนมากจึงไม่สมเหตุสมผล ในความเห็นของข้า เราควรสร้างตลาดของเกษตรกรขนาดใหญ่ขึ้นมา จากนั้น เราก็สามารถขายสินค้าทางการเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ ปลา ไข่ เครื่องเทศ ฯลฯ ที่นั่นได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตู่เสี่ยวหลานก็ตื่นเต้น เธอกล่าวว่า “นายท่าน, นี่ย่อมเป็นความคิดที่ดี ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่มันจะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัย แต่พวกเขายังสามารถสินค้าทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ฝ่ายทรัพยากรก็จัดการได้ง่ายขึ้น และยังลดจำนวนพนักงานที่จะต้องส่งไปดูแลร้านข้าต่างๆได้ด้วย”

โอหยางโชวส่ายหัว “ไม่ใช่แค่นั้น มันยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับฝ่ายภาษีอากร สามารถจัดเก็บภาษได้อย่างเข้มงวดมากขึ้น ที่สำคัญกว่านั้น ตลาดการเกษตร จะกลายเป็นเวทีการขายสำหรับทุกครัวเรือน และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของดินแดนอีกด้วย คนที่เลี้ยงไก่ เป็ด หรือห่าน พวกเขาสามารถขายพวกมันได้ที่ตลาด เพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้ เมื่อพวกเขาได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี่ โดยไม่ต้องกระตุ้นพวกเขา พวกเขาจะเพิ่มการเพราะพันธ์สัตว์เลี้ยงของพวกเขาด้วยตัวเอง จากนั้น เราก็จะผ่อนคลายข้อจำกัดในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ เต้าหู้ ฯลฯ สำหรับแต่ละครัวเรือน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาของพวกเขา”

ทั้ง 3 คน พยักหน้า ทุกคนเชื่อมั่นในตัวลอร์ดของพวกเขา

“เหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องควบคุมการเพาะปลูกอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่เพื่อต่อสู้กับผลประโยชน์ของชาวเมือง แต่เพื่อประโยชน์ในการวางแผนแบบบูรณาการ จะมีผักอยู่ทุกแห่งถ้าเราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการวางแผนของเมือง ดังนั้น เฉพาะชาวเมืองบางคนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในย่านชานเมืองเท่านั้น ที่เราจะผ่อนผันข้อจำกัดในเรื่อง ผักและผลไม้ได้” โอหยางโชวกล่าวเพิ่ม

ซุนหยานหนงพยักหน้าเมื่อความสงสัยในใจเขาหายไป

“ตอนนี้ ให้เริ่มก่อสร้างตลาดของเกษตรกรไปก่อน แม้ข้าจะรู้ว่า โครงสร้างกำแพงเมืองและค๔นำกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ แต่เจ้าก็ต้องโอนช่างฝีมือบางส่วนมาสร้างตลาดของเกษตรกร รวมถึงโรงผลิตทั้ง 3 เพื่อให้มันแล้วเสร็จโดยเร็ว” โอหยางโชวบอกกับเจ้าเต๋อหวัง

“นายท่าน, ข้ารับรองว่า ข้าจะปฏิบัติตามภาระกิจที่ท่านมอบหมายให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด” เจ้าเต๋อหวังกล่าวเสียงดัง

“ดี ไปเริ่มงานกันได้แล้ว” โอหยางโชวจบการสนทนา

เมื่อเวลา 14.00 น. โอหยางโชวกำลังอ่านรายงานจากกรมการบริหาร ในขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูก็มารายงานเขาว่า “เรียนนายท่าน, ผู้จัดการศูนย์ศิลประการต่อสู้มาขอเข้าพบขอรับ!”

“ให้เข้ามา!”

โอหยางโชวสุภาพกับมาสเตอร์หลินคนนี้เป็นอย่างมาก เขาเทน้ำชาให้เขาด้วยตัวเอง เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นน้ำชาใหม่สำหรับปีนี้ เชิญท่านลองดื่มดูเถิด”

หลินเยว่หยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วดื่มลงไปเล็กน้อย “ชาดี!” เขาวางถ้วยชาลงเบาๆ หลิยเยว่กล่าวด้วยความอึดอัดว่า “นายท่าน ข้าจะบอกท่านอย่างตรงไปตรงมา ข้ามาที่นี่เพื่อขอสิ่งหนึ่งจากท่าน”

“ข้ายินดีมาสเตอร์หลิน หากมันไม่ขัดต่อหลักการของข้า, ท่านได้แสดงความเมตตาด้วยการสอนทักษะให้กับข้า ข้าย่อมไม่ปฏิเเสธท่าน แค่ท่านบอกข้ามาเท่านั้น” โอหยางโชวจะพลาดโอกาสที่จะเพิ่มความสนิทสนมกับเขาได้อย่างไร

“ความจริงก็คือ ลูกศิษย์ทั้ง 5 คน ของข้าเรียนจบการศึกษาแล้ว และพวกเขาก็ต้องการที่จะเข้าร่วมกองทัพ ข้าหวังว่านายท่านจะช่วยได้”

โอหยางโชวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อคิดถึงสถานะของหลินเยว่ มันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะให้จัดลูกศิษย์ของตนอยู่ในกองทัพ นอกจากนี้ มันก็ไม่ได้ขัดกับหลักการของเขา แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น  แต่กลับเลือกที่จะมาขอร้องโอหยางโชวแทน เขาเป็นคนที่ชัดเจน และจริงจังต่อการทำงานจริงๆ

“เด็กฝึกงานในศูนย์ศิลปะการต่อสู้เรียนรู้ไท่เก็กจากมาสเตอร์หลิน มันคงวิเศษมากหากพวกเขาได้เข้าร่วมกองทัพ ข้ารับประกันได้ว่า พวกเขาจะสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นหัวหมู่ได้ หากพวกเขาได้เข้าร่วมกองทัพ และหากพวกเขาทำงานได้ดี พวกเขาอาจจะได้เป็นนายกองหรือสูงกว่านั้น” โอหยางโชวกล่าวขณะพี่พยักหน้าไปด้วย

“ขอบคุณนายท่าน” มันบ่งบอกได้ถึงการรับรองจากลอร์ดอย่างชัดเจน เขาจะไม่พอใจได้อย่างไร

หลังจากหลินเยว่ออกไป  โอหยางโชวก็ไปที่ค่ายทหาร ตอนนี้ค่ายทหารได้อัพเกรดเป็นค่ายทหารขั้นสูงแล้ว ซึ่งมันทั้งประณีต สวยงาม และมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าค่ายทหารขั้นกลางมาก

หลังจากอัพเกรดเป็นเมืองขนาดเล็กระดับ 2 เมืองซานไห่ยังไม่รีบร้อนขยายกองทัพเพิ่มเติม ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการจะขยายมันเพิ่ม แต่้เนื่องจากขาดแคลนนายทหารที่จะบัญชาการ ถ้าเขาเร่งขยายขนาดของกองทัพเหมือนคนตาบอด จะไม่มีใครนำพวกเขาไปออกรบได้

โอหยางโชวจบเจ้าซีฮู และบอกเขาเกี่ยวกับลูกศิย์จากศูนย์ศิลปะการต่อสู้ทั้ง 5 คน บอกให้เขาจัดให้พวกเขาเป็นหัวหมู่ในกองร้อยทหารราบ เจ้าซีฮูพยักหน้า เขาได้ผ่านการเลื่อนขั้นแล้ว ตอนนี้เขาได้เป็นนายทหารขั้นต้นอย่างเป็นทางการแล้ว เขากำลังคิดถึงคนที่จะมาเป็นหัวหมู่ในกองร้อยของเขาพอดี นี่จึงเหมือนเป็นการช่วยเขาไปในตัว

ชื่อ : เจ้าซีฮู

อัตลักษณ์ : ผู้บัญชาการกองร้อยทหารราบ แห่งเมืองซานไห่

อาชีพ : นายทหารขั้นต้น

ความจงรักภักดี : 85

ความเป็นผู้นำ : 30

กำลัง : 40

สติปัญญา : 20

การเมือง : 15

ฝึกฝน : ไม่มี

อุปกรณ์ : ดาบสั้นชั้นเยี่ยม, เกราะหนังชั้นเยี่ยม, โล่ชั้นเยี่ยม

การประเมิน : เกิดในครอบครัวธรรมดา เติบโตผ่านเลือดและเปลวเพลิง จากทหารขั้น 9 กลายเป็นนายทหาร

เห็นได้ชัดว่า เจ้าซีฮูที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาจากทหารขั้น 9 นั้น ด้อยกว่านายทหารขั้นต้นอย่างหลินยี่ สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกันอย่างชัดเจนก็คือ การฝึกฝน

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด