ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 39 – หลิงซีจากตำหนักเก้าพิศุทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 41 – สภาวะหนึ่งในล้าน

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 40 – สถานะปัจจุบันของเขา


Chapter 40 – สถานะปัจจุบันของเขา

 

“เซี่ยวหยุน เจ้าอยู่ไปที่ใดกันเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว?” เมื่อเซี่ยวเฉิงได้เห็นความสงบของเซี่ยวหยุนที่มองไปยังจิ้งจอกม่วงที่น่ารัก 2 ตัวบนไหล่ของเขา ความโกรธก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวเฉิง เขาแค่นเสียงเย็นชา “เอาล่ะ ทุกคนต่างรู้สึกกังวลอย่างไม่น่าเชื่อเกี่ยวกับที่เจ้าล่วงเกินฝ่าเฮ่า แล้วเจ้ายังเอาแต่เล่นและจับสัตว์เลี้ยง?”

 

ผู้เยาว์คนอื่นก็ยังไม่รู้สึกประทับใจด้วยเช่นกัน “ฮึ่ม เขาก็เป็นแค่เศษขยะ ทำไมผู้นำตระกูลคนเก่ายังคงปกป้องเขากันนะ?”

 

เซี่ยวหยุนมองไปยังฝูงชนขณะที่เขายิ้มอย่างสงบและเดินต่อไป ในดวงตาของเขา คนเหล่านี้ยังคงไร้เดียงสาและยังไม่บรรลุนิติภาวะเกินไป

 

“เซี่ยวหยุน เจ้ามีท่าทีอะไรกัน?” ดวงตาของเซี่ยวเฉิง(Eng ใช้คำว่าเซี่ยวหยุนแต่ผมว่าไม่ใช่)ส่งประกายขณะที่เขาขวางทางข้างหน้าของเซี่ยวหยุน

 

เซี่ยวหยุนหยุดเดินขณะที่เขาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงอันหนาวเย็น “เจ้ายั่วโมโหข้า?”

 

“แล้วมันจะทำไมถ้าข้าทำ?” การแสดงออกของความโกรธปรากฏบนดวงตาของเซี่ยวเฉิง “ท่านปู่ปกป้องเจ้าแต่ข้าไม่ ข้าต้องการให้เจ้ารู้ว่าเจ้าไม่สามารถทำตามที่เจ้าต้องการได้ – เจ้าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดภัยพิบัติกับตระกูลและเจ้าก็ยังไปหลบซ่อนด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าจะต้องได้รับการสั่งสอนบทเรียน”

 

“เจ้าต้องการจะสอนบทเรียนให้ข้า?” รอยยิ้มอันหนาวเย็นปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยวหยุน “ข้าเกรงเจ้าจะไม่มีสิทธิ์ทำ”

 

หลายปีที่ผ่านมา เซี่ยวเฉิงได้เยาะเย้ยเขาอย่างไม่ลดละ ย้อนกลับไปตอนนั้น เซี่ยวลี่(บักตัวประกอบโดนตบหมัดเดียวจอด)ได้กล้าโจมตีเซี่ยวหยุนเพราะว่าเขามีเซี่ยวเฉิงคอยสนับสนุนอยู่ ตอนนี้เซี่ยวหยุนนั้นได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว และมีมาตรฐานที่สูงขึ้น เขาไม่ต้องการที่จะโต้แย้งกับกบในบ่อน้ำเหล่านี้

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขายังยืนกรานที่ยั่วยุเขา เขาขมวดคิ้วอย่าช่วยไม่ได้ มันดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่แสดงอำนาจของเขาและสั่งสอนบทเรียนให้กับคนเหล่านี้ พวกเขาจะไม่ยอมแพ้!

 

เซี่ยวเฉิงแค่นเสียงเย็นชา "ข้ามีสิทธิ์เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกาย ตอนนี้ 2 เดือนมาแล้ว ข้าต้องการจะเห็นว่าเจ้าก้าวหน้ามากเท่าใดสำหรับเจ้าที่จะกล้าลุกขึ้นต่อหน้าข้า รับการโจมตีของข้า!"

 

ขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชา ดวงตาของเซี่ยวหยุนเป็นประกายขณะที่เขากำมือเป็นกำปั้นและชกพวกมันไปยังเซี่ยวหยุน

 

หวือ!

 

กำปั้นนี้เหมือนกับค้อนอันหนักหน่วงที่ทุบมายังเซี่ยวหยุน มันทะลวงผ่านอากาศและทำให้อากาศสั่นสะเทือน  กำปั้นของเซี่ยวเฉิงได้พาคลื่นของพลังที่แข็งแกร่งอย่างไม่เชื่อมาด้วย ทำให้คนรุ่นเยาว์อยู่ใกล้ๆ ถอยออกไป

 

“เป็นพลังภายในที่แข็งแกร่งอะไรกัน”

 

“พี่ใหญ่เซี่ยวเฉิงได้ก้าวเข้าสู่ระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายอย่างแท้จริง”

 

“ระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายมีความแข็งแกร่งมาก มาดูกันว่าเซี่ยวหยุนจะขัดขวางมันอย่างไร” ดวงตาของเหล่าคนรุ่นเยาว์เปล่งปลั่งขณะที่พวกเขายิ้มเย้ยและมองไปที่เซี่ยวหยุนอย่างสนุกสนาน พวกเขามั่นใจว่าเขากำลังจะต้องสูญเสีย

 

“ฮ่าฮ่า เซี่ยวหยุน เจ้าควรจะนำความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้าออกมาดีกว่า ข้าได้ก้าวเข้าสู่ระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายแล้ว” หลังจากชกออกไป เซี่ยวเฉิงเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เพราะเขาได้ถูกพิจารณาว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญภายในรุ่นของเขาแล้ว

 

“ความแกร่งของเจ้ามันไร้ความหมาย” เซี่ยวหยุนยังคงสงบและไม่ได้ขมวดคิ้วขณะที่เขาเผชิญหน้ากับหมัดที่บ้าคลั่ง ในดวงตาของเขา หมัดนั้นช้าเป็นอย่างมาก และเขาก็สามารถที่จะเห็นเส้นวิถีของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งระลอกคลื่นที่หมัดสร้างขึ้นในอากาศก็ถูกเห็นได้อย่างชัดเจนโดยเซี่ยวหยุน

 

พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนตอนนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง เช่นเดียวกันกับสัมผัสของเขาที่ถึงจุดที่ทำให้เขาได้เห็นถึงรายละเอียดที่ละเอียดที่สุด เขายังสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการไหลของอากาศ เช่นนี้เมื่อเซี่ยวหยุนชกอกมา เขาก็ไม่ได้แม้แต่จะขยับ

 

“เด็กเหลือขอนี้ยังไม่ได้พยายามแม้แต่จะตอบโต้”

 

“ไม่ใช่ว่าเขาวางแผนที่จะหลบ?”

 

“เซี่ยวหยุนรู้สึกหวาดกลัวและไร้ปัญญา?” ผู้เยาว์คนอื่นรู้สึกแปลก และพวกทั้งหมดก็คิดว่าเซี่ยวหยุนไม่สามารถขยับได้เพราะว่าเขาหวาดกลัวอย่างมาก มิฉะนั้นทำไมเขาถึงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น?

 

ในระยะไกล คนรุ่นเยาว์บางส่วนที่ยังคงฝึกอยู่ได้มองมา พวกทั้งหมดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอย่างเหลื่อเชื่อเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ ไม่มีใครคิดว่าเซี่ยวหยุนจะแข็งขืนต่อเซี่ยวเฉิงได้ และพวกทั้งหมดก็มั่นใจว่าเขาได้มีความกลัวออกมาจากจิตใจ – ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนก็แค่ก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายเมื่อ 2 เดือนที่แล้วเท่านั้น ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสามารถทะลวงผ่านอีกครั้งหลังจากที่เขาเพิ่งจะทะลวงผ่านหลังจากผ่านมา 8 ปี

 

เมื่อการพูดคุยได้หนานแน่นขึ้น หมัดได้ห่างน้อยกว่า 30 เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเซี่ยวหยุนก็เคลื่อนไหว

 

หวือ!

 

เซี่ยวหยุนกำหมัดของเขา(เซี่ยวเฉิง)ด้วยมือขวาอย่างลวกๆ

 

“เขากำลังพยายามที่จะคว้ากำปั้นของนายน้อยเซี่ยวเฉิง?” ฝูงชนตกตะลึงจนพูดไม่ออก

 

พยายามที่คว้ากำปั้นของผู้ฝึกตนระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย – มันไม่ใช่การรนหาที่ตาย? หมัดจากผู้ฝึกตนระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายบดขยี้หินก้อนใหญ่ได้และแม้กระทั่งสังหารสัตว์อสูรที่มีการป้องกันอันทนทานได้ในชั่วอึดใจ เซี่ยวหยุนจะรอดจากการโจมตีนี้ได้อย่างไร?

 

ขณะที่ทุกคนเฝ้ามองอย่างเย็นชาและต้องการที่จะเยาะเย้ยเซี่ยวหยุน ม่านตาของพวกเขาก็หดตัวลงทันที

 

หวือ!

 

มือของเซี่ยวหยุนลดลงเหมือนกับกรงเล็บของนกอินทรีและยึดไว้บนกำปั้นของเซี่ยวเฉิง มันได้ระเบิดพลังงานไป ซึ่งทำให้มันเป็นไปไม่ได้สำหรับการยืดต่อไปของมัน (น่าจะเป็นกำปั้น) สิ่งที่ตกใจมากก็คือส่วนเหลือของร่างกายเซี่ยวหยุนไม่ได้ขยับตัวเลย

 

เกิดอะไรขึ้น? จีนมุงทั้งหมดได้แปลกใจและตกใจอย่างมาก พูดตามหลักเหตุผล หมัดควรจะส่งเซี่ยวหยุนบินออกไปอย่างน้อย 10 เมตร!

 

อย่างไรก็ตาม เหตุใดเซี่ยวหยุนยังยืนอยู่ที่นั่นอย่างมั่นคงเหมือนก้อนหินยักษ์? ผู้ชมได้มองกันและกัน คิดว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติกับดวงตาของพวกเขา

 

เซี่ยวเฉิงนั้นตกใจมากที่สุด เขารู้สึกเหมือนกับกำปั้นของเขาติดอยู่กับห่วงเหล็กและมันไม่สามารถจะเคลื่อนไหวได้เลย

 

เกิดอะไรขึ้น” คลื่นแห่งความตกใจได้กระแทกภายในหัวใจของเซี่ยวเฉิง แรงที่อยู่เบื้องหลังหมัดของนั้นมหาศาล แล้วเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขาคว้ามือของเขาแบบลวกๆ ได้อย่างไร? เขาจำเป็นอย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดถึงจะทำแบบนั้นได้

 

มันเป็นไปได้ไหมว่าเข้าก้าวสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว?” ตอนนี้ เซี่ยวเฉิงเริ่มตื่นตระหนก

 

ในขณะนี้ เซี่ยวหยุนยิ้มอย่างสงบ “เจ้าต้องการจะสั่งสอนบทเรียนให้ข้าด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่เพียงพอ?”

 

หลังจากกล่าวเช่นนี้ ดวงตาของเซี่ยวหยุนส่งประกายขณะที่เขาเตะออกไปและส่งเซี่ยวเฉิงให้บินออกไป เซี่ยวเฉิงรู้สึกราวกับว่าเขาได้ถูกเตะด้วยเท้าเหล็กและกระดูกของเขาก็ถูกบดขยี้ขณะที่เขาตกลงสู่พื้น

 

“สวรรค์! นายน้อยเซี่ยวเฉิงผู้ที่อยู่ในระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย!”

 

“เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร? นายน้อยเซี่ยวเฉิงระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย!”

 

เห็นเหตุการณ์นี้ คนรุ่นเยาว์ภายในลานฝึกศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดอุทานออกมาด้วยความตกใจ

 

มีคนถามว่า “เป็นไปได้ไหมว่าเซี่ยวหยุนได้ทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว?”

 

“ขอบเขตต้นกำเนิด?” เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ ลานฝึกศิลปะการต่อสู้ได้ระเบิดด้วยความบ้าคลั่งขณะที่คนจำนวนมากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 

ตามมาด้วยสิ่งนี้ การจ้องมองที่เหมือนกับไฟนับไม่ถ้วนได้ตกลงบนร่างกายของเซี่ยวหยุน

 

ตั้งแต่ตอนแรก เด็กหนุ่มดูเหมือนสงบมากราวกับการจัดการเซี่ยวเฉิงไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก บนไหล่ของเด็กหนุ่มยังมีคู่ของจิ้งจอกม่วงร้องไห้แบบเด็กๆ ซึ่งดูกำลังหวาดกลัวอย่างเหลือเชื่อ

 

“ชู่วว ไม่เป็นไร” เซี่ยวหยุนลูบจิ้งจอกม่วงทั้งสองขณะที่เขามองไปยังพวกด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่สนใจคนอื่นในลานศิลปะการต่อสู้โดยสิ้นเชิง นี้ทำให้เหล่าผู้ชมรู้สึกแปลกใจมาก เซี่ยวหยุนดูเหมือนจะลึกลับอย่างลึกซึ้ง

 

เมื่อพวกเขาเห็นความสงบของเซี่ยวหยุน บางคนก็เริ่มสงสัย “เป็นไปได้ไหมว่านายน้อยเซี่ยวหยุนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดอย่างแท้จริงแล้ว?”

 

หลังจากที่จิ้งจอกม่วงทั้งสองสงบลง เขาก็เริ่มเดินจากไป ขณะที่เซี่ยวหยุนเดินผ่านไป คนรุ่นเยาว์ที่มาด้วยกันกับเซี่ยวเฉิงรีบถอยออกไปด้วยการมองที่หวาดกลัวในสายตาของพวกเขา ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขารู้สึกว่าร่องรอยของความอันตรายภายใต้การแสดงออกที่สงบของเด็กหนุ่ม

เมื่อเซี่ยวหยุนเดินผ่านพวกเขา เขาไม่ได้แม้แต่จะมองพวกเขา

 

เซี่ยวเฉิงยังคงขดตัวบนพื้นด้วยความเจ็บอันมหาศาล เมื่อเด็กหนุ่มไม่ได้มองมายังเขา เขารู้สึกยอมจำนนที่ถูกละเลย เขาลุกขึ้นด้วยมือของเขาขณะที่ถามว่า “เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้วหรือ?”

 

"ข้าบอกไว้แล้วว่าข้าจะไม่เป็นขยะตลอดไป" เซี่ยวหยุนหยุดเดินขณะที่เขามองกลับไปยังเด็กหนุ่มบนพื้น “มีผู้อาวุโสกล่าวไว้ มันจะดีกว่าถ้าแกล้งคนแก่มากกว่าเด็กหนุ่มที่น่าสงสาร เพราเจ้าไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาจะกลายเป็นอะไร ข้าขอแนะนำให้เจ้าเปลี่ยนความไม่รู้และจิตใจที่คับแคบของเจ้า”

 

ความปฏิเสธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิง “เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดที่แท้จริงแล้ว?”

 

“พิจารณาว่าข้านั้นสอนบทเรียนให้เจ้าแล้ว” เซี่ยวหยุนตอบกลับอย่างสงบขณะที่เขาออกจากลานศิลปะการต่อสู้

 

เห็นเด็กหนุ่มออกไป ทุกๆคนก็ตกตะลึงโดยสมบูรณ์

 

ผู้คนต่างก็สงสัย "นายน้อยเซี่ยวหยุนหมายความว่าอย่างไร? เป็นไปได้ว่าเขาได้ก้าวสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้วจริงๆ?" ถึงแม้ว่าเซี่ยวหยุนจะไม่ได้ตอบคำถามนี้โดยตรง แต่คำพูดของเขาก็ค่อนข้างชัดเจน

 

ข้ากล่าวไว้ว่าข้าจะไม่เป็นขยะตลอดไป

 

เขาสามารถฟื้นคืนพรสวรรค์ของเขาได้แล้วจริงๆ? เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้วจริงๆ? เหล่าผู้คนมองกันและกัน และตกลงกันอย่างเงียบๆว่ามันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่แบบนี้ แล้วเขาจะทำให้เซี่ยวเฉิงแพ้ง่ายๆได้อย่างไร ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย?

 

“พี่ใหญ่เซี่ยวเฉิง ท่านสบายดีไหม?”

 

คนรุ่นเยาว์เริ่มถามเซี่ยวเฉิงขณะที่พวกเขาเดินไป “พี่ใหญ่เซี่ยวเฉิง เซี่ยวหยุนนั้นก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดที่แท้จริงแล้ว?”

 

“มันอาจจะเป็นความจริง” เซี่ยวเฉิงอดทนต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นขณะที่มองไปยังร่างของเด็กหนุ่มในระยะไกล เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะไม่สามารถแม้แต่จะได้รับการโจมตีเดียว – นี่เป็นเซี่ยวหยุนจริงๆ?

 

เมื่อเขานึกได้ว่าเขาได้กระทำต่อเด็กหนุ่มอย่างไรในอดีตที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นของความขมขื่นภายในหัวใจของเขา ถ้าเซี่ยวหยุนเป็นขยะ เขาก็เป็นแค่กากเดนแล้วล่ะ

 

“นายน้อยเซี่ยวหยุนก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดที่แท้จริงแล้ว?”

 

“เป็นไปได้อย่างไร?”

 

“เขาทะลวงผ่านขอบเขตต้นกำเนิดจากระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายแค่ 2 เดือน; เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?”

 

ทุกคนร้องออกมาและรู้สึกแปลกใจอย่างเหลือเชื่อเมื่อเห็นเซี่ยวเฉิงเป็นแบบนี้ มันต้องเป็นที่รู้กันว่าปกติผู้คนจะใช้เวลาทั้งปีในการทะลวงผ่านหลังจากที่ถึงระดับ 6 ขั้นหลอมร่างกาย!

 

ภายใต้ความแปลกใจนี้ ข่าวของเซี่ยวหยุนที่ทำให้เซี่ยวเฉิงพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดายได้กระจายไปเหมือนกับโรคระบาด เพียงชั่วครู่เท่านั้น เกือบทุกคนในตระกูลก็ได้รู้ ซึ่งทำให้การสนทนานับไม่ถ้วนและส่งให้ทั่วทั้งที่อยู่อาศัยไปสู่ความบ้าคลั่ง

 

“อะไรนะ? เซี่ยวหยุนชนะเซี่ยวเฉิง? เขาได้ทะลวงผ่านสู่ขอบเขตต้นกำเนิด?”

 

“แน่นอน ไม่งั้นเขาจะสามารถเอาชนะนายน้อยเซี่ยวเฉิงอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”

 

“ฮ่าฮ่า เซี่ยวหยุนก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด ถ้าพรสวรรค์ของเขากลับมา เขาจะไม่ต้องกลัวตระกูลฝางอีกต่อไป”

 

“ปิดข้อมูลนี้ไม่ให้ตระกูลฝางสามารถค้นหาเกี่ยวกับมันได้ทันที”

 

“ถูกต้อง เราไม่สามารถปล่อยให้พวกมันรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ได้ ถ้าใครกล้าที่จะกระจายข้อมูลนี้ พวกมันจะต้องถูกทำให้พิการ” ผู้อาวุโสได้ตัดสินใจทันที ถ้าเซี่ยวหยุนได้ฟื้นพรสวรรค์ของเขากลับมา นี้จะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลเซี่ยว!

 

ตอนนี้เซี่ยวหยุนได้รับเข้าไปในห้องของหลิงเอ๋อ นี่เป็นเพราะว่าปราณเย็นของหลิงเอ๋อได้แตกออกมาอีกครั้งแล้ว และแม้กระทั่งสมุนไพรประเภทไฟก็ไม่สามารถยับยั้งมันได้ ปราณเย็นตอนนี้มีความแข็งแกร่งขึ้นมากจากเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และหลังจากที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนได้เปิดใช้งานทำให้มันแค่ลดระดับลงเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การจู่โจมจากปราณเย็น ได้มีรอยย่นของน้ำแข็งปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเซี่ยวหยุน โชคดีที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาได้ยกระดับเมื่อไม่นานมานี้และเขาก็ได้หลอมรวมกับจิตวิญญาณการต่อสู้เปลวไฟสีม่วงแล้ว เขามีการต่อต้านต่อปราณเย็นที่มากยิ่งขึ้น

 

ถ้ามันเป็นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เซี่ยวหยุนแน่นอนว่าจะไม่สามารถทนต่อปราณเย็นที่เข้มแข็งแบบนี้ได้

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด