ตอนที่แล้วบทที่ 82 ไม่เสี่ยงก็ไม่รวย!  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 84 เพื่อจิงสือ!  

บทที่ 83 วิธีการอันอำมหิต


ขณะที่หูซานโหมฟันคลื่นดาบอาบเพลิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง กระแสธารเย็นเยียบเมื่อทะลวงผ่านเข้าไปในม่านเพลิง ทันใดนั้นก็ระเบิดดังสนั่น แปรเปลี่ยนเป็นกระแสธารเจ็ดสาย รายล้อมรอบกายหูซาน กระแสธารทั้งเจ็ดบางเฉียบ เต็มไปด้วยพลังเย็นสีขาว พวกมันจู่ๆ หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว เปล่งเสียงซี่ซี่ออกมาไม่ขาดสาย

เจ็ดวังวน!

พลังเย็นเจ็ดสายผสานกับปราณกระบี่ก่อกำเนิดเป็นวังวน แต่ละวังวนดุจเสากรงสูงตระหง่าน กักขังหูซานไว้ตรงกึ่งกลาง

วังวนทั้งเจ็ดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วลมน่าหวาดหวั่นขวัญผวา ประหนึ่งพายุหมุนเล็กๆ เจ็ดลูก แต่ละวังวนมีพลังดูดแกร่งกร้าวรุนแรง ทุกที่ที่พวกมันเคลื่อนผ่าน ม่านเพลิงหลายต่อหลายชั้นล้วนถูกสูบกลืนจนเกลี้ยงเกลา ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ

เถาซูเอ๋อร์กับเอี้ยนหมิงจื่อสีหน้าทอแววสยดสยองอันยากจะบรรยายออกมาเป็นวาจา เหม่อมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกด้านหลังจั่วม่อตื่นเต้นจนพูดไม่ออก ชมดูการต่อสู้อย่างดื่มด่ำมึนเมา

หูซานใบหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง!

รอบกายมัน เห็นวังน้ำวนหมุนคว้างพลางดูดกลืนเปลวไฟ เปลวไฟเกลียวหมุนรอบเสาน้ำวนกลายเป็นพายุหมุนยาวสูง พวกมันราวกับเสาผอมบางเจ็ดต้นที่จับกุมมันไว้อย่างแน่นหนา เสียงน้ำปะทะไฟในวังวนดังสะเทือนเลื่อนลั่น  เป็นสัญญาณอันเด่นชัดว่าพายุหมุนเหล่านี้ไม่มีความมั่นคงสักเท่าใด อีกทั้งยังแสดงถึงพลังอันหฤโหดที่พวกมันมีอยู่!

“ไม่!”

หูซานคำรามอย่างหมดหวัง มือซ้ายของมันฉกลงไปยังถุงร้อยสมบัติที่เอวอย่างรวดเร็ว

บูม!

เจ็ดวังวนน้ำไฟระเบิดพร้อมกัน หูซานที่น่าสงสาร เพิ่งจะกระชากยันต์เกราะออกมาจากถุง พลันถูกกลืนหายไปในคลื่นเพลิงและน้ำแข็งเล็กๆ เหลือคณานับ!

แรงระเบิดกวาดวาบ ทิ้งไว้เพียงควันลอยกรุ่นขึ้นมาจากร่างของหูซาน ชุดเกราะปราณสีแดงอันโอ่อ่าของมันเวลานี้หม่นมัวและเปรอะเปื้อน เขม่าเถ้าถ่านเกาะทับเป็นชั้นๆ มีริ้วรอยเล็กๆ มากมายบนพื้นผิวเกราะ เส้นผมที่ผูกไว้อย่างสง่างามหลุดกระจายฟูฟ่องไม่ต่างจากรังนก ใบหน้าดำทะมึนเต็มไปด้วยขี้เถ้า ไอควันบางส่วนลอยอ้อยอิ่งขึ้นจากใบหน้าและศีรษะมัน ดาบอาบเพลิงในมือเปลวไฟดับสลายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่หลงเหลือพลังสภาวะอันดุดันเช่นที่มีก่อนหน้านี้ มือซ้ายของมันยังถือครึ่งล่างของยันต์เกราะที่ไม่ทันมีโอกาสได้ใช้ค้างอยู่

คนประหนึ่งเสาไม้ที่ไหม้เกรียมต้นหนึ่ง

จี้หยกไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย!

จั่วม่อระบายลมหายใจยาว มันโคจรวัชรสูตรน้อยอย่างเงียบเชียบ ย่องเข้าหาหูซานอย่างระมัดระวัง เหลือบมองหูซาน เห็นมันยังไม่มีท่าทีตอบสนอง จั่วม่อไม่เกรงอกเกรงใจ ฉกจี้หยกแดงออกจากลำคอของหูซาน หลังจากหยิบจี้หยกออกมา ยังมองอย่างเศร้าเสียดายไปยังดาบอาบเพลิงในมือของหูซานและเกราะปราณบนร่าง สองชิ้นนี้ก็ดียิ่ง! อย่างไรก็ตาม จั่วม่อตระหนักดีว่าผู้คนไม่อาจล้ำเส้น เวลานี้มันฉกจี้หยกมา นั่นเป็นรางวัลของชัยชนะ ไม่ถือว่าข่มเหงกันเกินไป อย่างไรก็ตาม หากมันปล้นทุกอย่างของผู้อื่นจนเกลี้ยงเกลา จากนั้นก็รอให้อีกฝ่ายกลับมาฆ่ามันได้เลย

นอกจากนี้จั่วม่อยังไม่คลายการระวังป้องกัน มือข้างซ้ายของมันซุกอยู่ในถุงร้อยสมบัติตลอดเวลา คอยแตะไว้ที่กระบี่หยดน้ำที่มันเพิ่งได้รับมา มันเร่งประทับรอยวิญญาณของมันอย่างรีบด่วน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่อาจประทับรอยวิญญาณในกระบี่บินอย่างสมบูรณ์ และได้แต่ทิ้งรอยประทับขั้นพื้นฐานไว้ แต่จะอย่างไร กระบี่ผลึกน้ำแข็งของมันถูกทำลายไปแล้ว มันไม่มีอาวุธอื่นใดอีก ที่สำคัญคือฝ่ายตรงข้ามยังคงเหลืออีกหนึ่งคน

“ฮ่าฮ่า!” เอี้ยนหมิงจื่อเห็นจั่วม่อริบจี้หยกของหูซานไป มันก็สุดจะกลั้นอีกต่อไปแล้ว ต้องแหกปากหัวร่ออย่างเบิกบานใจและยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น มันทราบกระจ่างว่าหูซานหวงแหนจี้หยกอันนั้นมากเพียงใด เห็นหูซานสูญเสียมากกว่าที่ตัวมันเสียไป ความเสียหายโดยรวมยังย่อยยับยิ่งกว่าตนเสียอีก เอี้ยนหมิงจื่อค่อยรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม มันพบว่าการสูญเสียกระบี่หยดน้ำของมัน ก็ไม่ได้เศร้าเสียใจเท่าใดแล้ว

เถาซูเอ๋อร์มองไปยังสภาพน่าอนาถของหูซาน นางอดไม่ได้ต้องหัวร่อคิกคัก เพียงแต่เมื่อนางมองไปยังจั่วม่อ ดวงตามีร่องรอยตื่นตระหนกและสงสัยใคร่รู้

หูซานค่อยๆ ดึงสติกลับคืนสู่ร่าง พอเห็นจั่วม่อยืนอยู่เบื้องหน้ามัน ความขุ่นแค้นก็พลุ่งขึ้น ท่ามกลางเสียงตวาดอย่างชิงชัง มันเงื้อดาบขึ้นหมายผ่าร่างอีกฝ่ายเป็นสองส่วน

แต่น่าเสียดาย จั่วม่อผู้ระวังป้องกันอยู่แล้ว ย่อมลงมือได้เร็วกว่า มือขวาเรืองประกายทองของมัน ฉกวาบดุจสายฟ้าฟาด ขยุ้มเข้าที่ลำคอของหูซานอย่างแม่นยำ จากนั้นมันหงายศีรษะไปด้านหลัง แล้วดีดกลับมา

เปรี้ยง!

เสียงหนักทึบดังไม่ต่างอันใดกับศีรษะกระแทกหิน

ซี๊ด เสียงสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บดังระงมขึ้นรอบด้าน ทุกผู้คนเหม่อมองจั่วม่ออย่างซึมเซา อ้าปากหวอ สูญเสียความสามารถในการกล่าววาจาไปทั้งหมด

หูซานตาเหลือกขาว คอพับคออ่อนโอนเอนไปมา

ยังคงเจ็บปวดอยู่บ้าง! จั่วม่อขบกราม จากนั้นเหวี่ยงหูซานที่ไม่ได้สติลงบนพื้น ยกมือขวานวดหน้าผากหนักๆ หน้าผากของมันไม่มีริ้วรอยใดๆ อย่างสิ้นเชิง แต่หน้าผากของหูซานมีบุปผาโลหิตบานสะพรั่ง

สังขารของมันจะต้องทนทานอีกสักเท่าใด กระบี่บินจึงจะไม่อาจทำร้ายได้? จั่วม่อคิดขณะที่ถูหน้าผากแวววาวของมันไปพลาง อย่างไรก็ตามมันยังคงพึงพอใจมาก นี่เท่ากับว่าความเจ็บปวดและความพยายามที่มันทุ่มเทลงไปในการเสริมสร้างสังขาร ไม่ได้เสียเปล่าไปเลย

“ยังต้องการสู้อีกหรือไม่?” จั่วม่อถามเถาซูเอ๋อร์

อันที่จริง เมื่อมันถามเช่นนี้ ก็ไม่ได้มีความมั่นใจอันใด แต่ใบหน้าผีดิบของมันเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ เต็มไปด้วยท่วงท่าสภาวะเฉกเช่นยอดฝีมือ นอกจากนี้เถาซูเอ๋อร์แตกตื่นอย่างยิ่งกับการโจมตีแบบแหกคอกของจั่วม่อ ในเวลาเช่นนี้ นางไม่ทราบว่าจะตอบว่ากระไร

“หากไม่ต่อสู้แล้ว ก็พามันกลับไปเถอะ เกองานยุ่งมากเหลือเกิน” จั่วม่อฉวยโอกาสชิงปิดปากอีกฝ่ายไว้เสียเลย มันโบกมือไล่ หมุนตัวกลับ เตรียมจะจากไป

“รอประเดี๋ยว!” เถาซูเอ๋อร์ตะโกนอย่างกะทันหัน

จั่วม่อหัวใจกระดอนขึ้น จะเรียกหาอะไร นางยังต้องการต่อสู้หรือ? ยามนี้กระบี่บินของมันพังไปแล้ว หากคิดควบคุมกระบี่หยดน้ำให้ได้ดั่งใจปรารถนา ไม่ใช่เรื่องที่สามารถกระทำได้ในเวลาอันกระชั้นสั้นเช่นนี้ ที่สำคัญต่อสู้ติดต่อกันสองรอบ มันใช้พลังปราณในร่างไปจนเกือบหมดสิ้น

“เจ้าต้องการอะไรอีก?” จั่วม่อหมุนตัวกลับไปอย่างเยือกเย็น แสร้งทำเป็นขุ่นข้องรำคาญ

“สำนักกระบี่สุญตา ร้ายกาจจริงดังคำร่ำลือ แต่ในเมื่อเจ้าท้าทายพรรคเรา ตัวต่อตัวไม่เคยหวาดเกรงผู้ใด พรรคอัจฉริยะปราณเราย่อมต้องน้อมสนองถึงที่สุด ต่อไปหากเรามาขอคำชี้แนะ ยังหวังว่าเจ้าอย่าได้ปฏิเสธ” เถาซูเอ๋อร์จ้องจั่วม่อเขม็ง กล่าวย้อนวาจามันคำต่อคำ

นางต้องยอมรับว่าวันนี้พวกตนประมาทเผอเรอ เป็นเหตุให้พ่ายแพ้ต่ออีกฝ่าย แต่กับสีหน้าของจั่วม่อซึ่งดูราวกับว่าไม่แยแสพวกมันแม้แต่น้อย คนหยิ่งยโสถือดีอย่างพวกมันไหนเลยจะยอมกล้ำกลืนฝืนทนได้? อย่างไรก็ตาม หากจะให้ลงมือเอง นางก็ไม่กล้าหาญถึงเพียงนั้น บุรุษที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้ นางไม่อาจหยั่งวัดได้ชัดเจนนัก

โดยเฉพาะการเอาหัวกระแทกในกระบวนท่าสุดท้ายของมันนั่น...

ฮึ่ม ฮึ่ม นี่จึงน่าสนุก สนุกสนานออกปานนี้พวกนางจะสงวนไว้เล่นกันเพียงแค่สามคนได้อย่างไร? เถาซูเอ๋อร์คิดอย่างชาญฉลาด นางเชื่อว่าหลายคนในสำนักน่าจะสนใจเรื่องนี้

จั่วม่อเวลานี้ไม่สามารถอดทนรอส่งแขกอีกแล้ว มันกระทั่งคิดยังไม่คิด เพียงโบกมือไล่ “เข้าใจแล้ว ไสหัวไปได้แล้วไป๊!”

กล่าวจบ มันหมุนตัวกลับ ลอยจากไปท่ามกลางสายตาเลื่อมใสเทิดทูนของเหล่าศิษย์ฝ่ายนอก เวลานี้เถาซูเอ๋อร์กล่าวอันใดอีกมันก็ไม่ได้ยินแล้ว จั่วม่อในที่สุดระบายลมหายใจอย่างโล่งอกออกมา

เถาซูเอ๋อร์กัดริมฝีปาก นางไม่เคยถูกเมินเฉยเช่นนี้ ทั้งยังไม่เคยถูกไล่จนต้องรีบลนลานจากไปเยี่ยงนี้! บางขณะความเคียดแค้นของสตรี ก็ก่อตัวขึ้นจากรายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้เอง

รอไปก่อนเถอะ! นางคิดอย่างชิงชัง

จั่วม่อกลับไปถึงลานน้อยลมตะวันตก นำสินสงครามทั้งสองชิ้นออกมาลูบไล้อย่างรักใคร่ พวกมันเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ! ยิ่งชมดูมากเท่าใด ก็ยิ่งหลงรักพวกมันมากขึ้นเท่านั้น วันนี้ทำกำไรชิ้นใหญ่จริงๆ ! สำหรับผลลัพธ์ที่จะตามมา จั่วม่อโยนทิ้งไปด้านหลังศีรษะอย่างไม่แยแส ในความเห็นของมัน สองชิ้นนี้เป็นยุทธภัณฑ์เวทชั้นยอดที่สุดในบรรดาระดับสาม มีมูลค่าเหนือกว่าเรื่องยิบย่อยอะไรทั้งหมด!

จั่วม่อนั่งเข้าฌานฟื้นฟูพลังปราณในห้องศิลา จากนั้นเริ่มประทับรอยวิญญาณลงในกระบี่หยดน้ำ

ระหว่างที่กำลังประทับรอยวิญญาณ จั่วม่อรู้สึกลึกๆ ว่ากระบี่หยดน้ำเป็นกระบี่ที่ดีที่สุดในหมู่กระบี่ระดับสาม ใบกระบี่ของกระบี่หยดน้ำอ่อนหยุ่นมาก และสามารถงอโค้งไปได้ทุกรูปแบบ ทั้งยังมีแก่นหยดน้ำลี้ลับขนาดใหญ่มากอยู่ภายใน มันเป็นกระบี่น้ำจริงๆ! พลังปราณสามารถบรรลุถึงทุกอณูของกระบี่ และเนื่องจากความอ่อนหยุ่นของมัน จั่วม่อสามารถใช้การควบคุมพลังปราณเพื่อเปลี่ยนรูปร่างของกระบี่บินได้อีกด้วย

ราวกับว่ากระบี่เล่มนี้สร้างมาเพื่อเคล็ดเพลิงวารีโดยเฉพาะ

นับตั้งแต่จั่วม่อได้รับกระบี่เล่มนี้มา นอกจากเวลาที่นำมาประทับรอยวิญญาณ จั่วม่อจะวางมันไว้ในบ่อน้ำพุปราณในห้องศิลา ปราณธรรมชาติในน้ำพุปราณอุดมสมบูรณ์และมีชีวิตชีวา เมื่อนำกระบี่หยดน้ำไปวางไว้ที่นั่นและค่อยๆ หล่อเลี้ยงบำรุง มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มความคล่องแคล่วปราดเปรียวของกระบี่หยดน้ำ

สำหรับจี้หยก จั่วม่อสวมไว้ไม่ห่างกาย มันในที่สุดก็เข้าใจค่ายกลทั้งหมดที่สลักไว้บนจี้หยก ในจี้หยกมีค่ายกลอยู่สามรูปแบบ นอกเหนือจากค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิงแล้ว ยังมีมนตราใจกระจ่าง และค่ายกลรวบรวมปราณ ไม่ต้องกล่าวถึงค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิง มนตราใจกระจ่างช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจ และค่ายกลรวบรวมปราณก็เป็นไปดังนาม สามารถรวบรวมปราณธรรมชาติในบริเวณรอบๆ มีประโยชน์มากสำหรับการบำเพ็ญเพียร

หากจั่วม่อไม่มีเส้นชีพจรปราณปฐพีในห้องศิลา ค่ายกลรวบรวมปราณแน่นอนว่าจะเป็นหนึ่งในค่ายกลที่มันอยากได้มาครอบครองมากที่สุด ค่ายกลรวบรวมปราณที่สลักไว้บนจี้หยก แม้จะเป็นเพียงรูปแบบพื้นฐานที่สุดของค่ายกลรวบรวมปราณ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อจั่วม่อสวมจี้หยกนั่งเข้าฌานในห้องศิลา ผลลีพธ์ที่ได้จะเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงหนึ่งในสิบส่วน!

อย่าได้ดูถูกว่าเพียงแค่หนึ่งในสิบ หนึ่งในสิบนี้หากสั่งสมเป็นเวลานาน ช่องว่างจะใหญ่โตมโหฬารไม่น้อย ค่ายกลรวบรวมปราณเป็นหนึ่งในค่ายกลที่น่าศึกษาค้นคว้าที่สุด ในเวลาเดียวกัน ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อค่ายกลเขมือบจิงสือ ยิ่งเป็นค่ายกลรวบรวมปราณชั้นสูงมากเท่าใด ก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้จิงสือเป็นจำนวนมากเท่านั้น ค่ายกลรวบรวมปราณฉบับเรียบง่าย แม้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าการดูดซึมโดยตรงจากจิงสือ แต่หากต้องการสลักค่ายกลนี้ลงในจี้หยกชิ้นหนึ่ง นอกเหนือจากต้องการนักหลอมสร้างที่มีความเชี่ยวชาญในค่ายกลรวบรวมปราณแล้ว ยังต้องการวัสดุที่มีคุณสมบัติสามารถรวบรวมพลังปราณโดยธรรมชาติ แต่วัสดุที่สามารถรวบรวมพลังปราณโดยธรรมชาติ ทั้งหมดล้วนราคาแพงมหาศาล

ดังนั้นจี้หยกชิ้นนี้มีคุณค่าเท่าใด เกรงว่าจั่วม่อเองยังไม่ทราบชัด

สิ่งที่มีค่าที่สุดในจี้หยกชิ้นนี้ ย่อมเป็นค่ายกลรวบรวมปราณซึ่งคล้ายไม่มีอะไรโดดเด่นนี้เอง มันยังมีค่ามากกว่าค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิงเสียอีก เพียงแค่ค่ายกลรวบรวมปราณนี้ ก็เพียงพอที่จะจัดจี้หยกชิ้นนี้เข้าเป็นระดับสามได้

น่าเสียดายที่ยังไม่อาจหลอมกลั่นโอสถได้ในระยะนี้ มิเช่นนั้น มันอยากจะทดลองใช้ผลของค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิงดูบ้างจริงๆ

จั่วม่ออาจไม่คาดคิด ว่าเหตุการณ์ที่มันขับไล่จอมก่อกวนจากพรรคอัจฉริยะปราณจนกระเจิดกระเจิง จะส่งผลกระทบสะท้านสะเทือนต่อบรรดาศิษย์ฝ่ายนอก มากกว่าตอนที่มันประลองกับหลัวหลีในการทดสอบของสำนักเสียอีก สำหรับศิษย์ฝ่ายนอกแล้ว บุคคลที่เข้มแข็งจะทำให้พวกมันหวาดเกรงและเคารพ แต่ศิษย์พี่ที่ยินดีออกหน้าปกป้องผลประโยชน์ของพวกมัน ย่อมได้รับความรักใคร่บูชาจากพวกมันยิ่งกว่าผู้ใด

ในการต่อสู้คราวนี้ จั่วม่อยังได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยม

อันที่จริง กล่าวถึงพลังบำเพ็ญเพียร มันไม่ได้แตกต่างจากหูซานและเอี้ยนหมิงจื่อมากมายกระไรนัก ถึงกับอ่อนแอกว่าพวกมันเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่ทำให้มันได้ชัย มาจากความจริงที่ว่ามันบรรลุเจตจำนงกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นเจตจำนงกระบี่กระแสธารของอาจารย์ลุงซินหยาน หรือเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราก็ตาม ความแตกฉานในเคล็ดกระบี่ของจั่วม่อและความสามารถในการประเมินสถานการณ์ ล้วนเหนือล้ำกว่าคู่ต่อสู้ไปไกลโข รวมกับผู้อื่นประมาทมัน มันจึงสามารถคว้าชัยมาได้อย่างง่ายดาย

มิเช่นนั้น คนที่พ่ายแพ้อย่างหมดรูปสมควรเป็นมันเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหูซานใช้ยันต์เกราะเร็วกว่านั้นก้าวหนึ่ง

คิดถึงเรื่องนี้ จั่วม่ออดเดือดดาลไม่ได้ เจ้าพวกนี้นี่เรียกว่าต่อสู้กันอย่างนั้นหรือ? พวกมันกำลังขว้างปาจิงสือเล่นชัดๆ!

ยุทธภัณฑ์เวทอันหรูหราที่ได้เห็น ทำเอาจั่วม่อน้ำลายไหลยืด คนเหล่านี้สามารถควักยันต์เกราะออกมาใช้อย่างไม่แยแส จั่วม่ออดรู้สึกปวดร้าวแทนพวกมันไม่ได้! ฟุ่มเฟือย! เจ้าพวกนี้ฟุ่มเฟือยทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า!

สิ่งที่สะกิดความสนใจของจั่วม่อคือวัชรสูตรน้อย ไม่ว่าจะเป็นในการต่อสู้กับเอี้ยนหมิงจื่อหรือหูซาน วัชระสูตรน้อยทรงพลังมากและมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ ดูเหมือนมันจะต้องทุ่มเทให้กับวัชรสูตรน้อยให้มากกว่าเดิม สิ่งนี้ไม่เพียงมีไว้ช่วยรักษาชีวิตมัน ถึงกับยังมีพลานุภาพด้านอื่นๆ อีกด้วย ช่างน่าแปลกใจเสียจริง

แต่พอมันคิดถึงวัชรสูตรน้อย มันก็นึกถึงวัชรสูตรน้อยฉบับป้ายหินสุสานขึ้นมาพร้อมกัน

ห้าตำแหน่งที่ถูกปรับปรุงนั่น คอยหลอกหลอนรังควานความคิดมัน  มักจะปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเวลาฝึกปรือวัชรสูตรน้อย มันไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ครุ่นคิดเกี่ยวกับห้าส่วนที่แตกต่างกันนั้นได้ ส่งผลกระทบต่อการฝึกปรืออย่างรุนแรง

เช่นนั้น ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ไฉนข้าไม่ทดลองดูเสียเลย? จั่วม่อคิดอย่างลังเล

 

กลุ่มถึงตอนที่ 161 แล้ว คลิก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด