ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 126 วิญญาณภูตพฤกษา (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 127-2 ศีลธรรมและสายสัมพันธ์ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 127-1 หอคอยเกียรติยศ (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 127-1 หอคอยเกียรติยศ

แปลโดย iPAT 

การต่อสู้จบลงในช่วงเย็น

ณ ลานประชุมพันธมิตร กลุ่มผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากยังแบ่งออกเป็นสามกลุ่มอย่างง่ายๆ ขณะที่ร่างกายของพวกเขาปรากฏให้เห็นบาดแผลเล็กๆน้อยๆ

การประลองระหว่างผู้ใช้วิญญาณในครั้งนี้เป็นการระบายอารมณ์แต่มันยังอยู่ในขอบเขตของการประนีประนอม

บนโลกใบนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่ง มีเพียงบุคคลที่ครอบครองความแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะได้รับการยกย่อง

หลังจากซ่งหลี่ท้าทายฟางหยวน ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจฟางหยวนอีก

ฟางหยวนเป็นเพียงเด็กใหม่ เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้วิญญาณของอีกสองตระกูลและยิ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงความเกลียดชัง สำหรับสมาชิกตระกูลแสงจันทร์ พวกเขาจะไม่ท้าทายสมาชิกตระกูลของตนเองในสถานการณ์นี้

โดยเฉพาะเมื่อฟางหยวนยอมรับความพ่ายแพ้ นั่นทำให้ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดละความสนใจไปจากเขา คู่ต่อสู้ที่ขี้ขลาดจะมีคุณค่าใดให้เอาชนะ?

มีสองวิธีที่คนผู้หนึ่งจะไม่ถูกเหยียบย่ำ หนึ่งเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งจนไม่มีผู้ใดกล้าเหยียบย่ำหรือสองเป็นอึสุนัขที่ไม่มีผู้ใดต้องการเหยียบย่ำ

ฟางหยวนไม่สนใจเรื่องอึสุนัขหรือผู้แข็งแกร่ง เขาสนใจเพียงเป้าหมายของตนเองและไม่แยแสต่อศีลธรรมหรือเรื่องไร้ยางอายใดๆทั้งสิ้น โดยปราศจากการท้าทาย ชีวิตของเขาจะง่ายดายขึ้น

คำดูถูกจากผู้คนรอบข้างเป็นเพียงอากาศที่ว่างเปล่าสำหรับเขา หากเขาไม่สามารถอดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แล้วเขาจะแบกรับแรงกดดันบนเส้นทางสายปีศาจได้อย่างไร

การประชุมพันธมิตรสามตระกูลจบลง ตระกูลแสงจันทร์ ตระกูลไป่ และตระกูลซ่งบรรลุข้อตกลงในที่สุด

ขั้นแรก ประกาศกฎ ทั้งสามตระกูลจะวางความขัดแย้งลงชั่วคราวและร่วมมือกันต่อต้านคลื่นหมาป่า ในเวลาคับขัน พวกเขาต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน การสังหารกันเองถือเป็นข้อห้ามร้ายแรง หลังจากสอบสวน ตระกูลจะตัดสินประหารชีวิตโดยไม่นับพวกเขาเป็นสมาชิกของตระกูลอีกต่อไป แม้แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อ หลังจากผู้ใช้วิญญาณตกตาย วิญญาณของพวกเขาจะถูกส่งมอบให้กับตระกูล

ขั้นที่สอง จัดตั้งระบบผลงาน ยิ่งล่าหมาป่าได้มากเท่าใด พวกเขาก็จะได้รับการจัดอันดับบนหอคอยเกียรติยศที่ดีขึ้นเท่านั้น ดวงตาของหมาป่าสายฟ้าสามารถแลกคะแนนผลงานได้สิบแต้ม คะแนนผลงานสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นวิญญาณ หินวิญญาณ หรือทรัพยากรต่างๆจากทั้งสามตระกูล

ระบบผลงานดังกล่าวจะกระตุ้นให้ผู้ใช้วิญญาณตั้งใจปฏิบัติภารกิจ

ผลลัพธ์ของการประลองไม่สามารถชี้วัดความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของผู้ใช้วิญญาณ ตัวอย่างเช่นซ่งเจียงกับไป่ปิงอี้ วิญญาณหอกวารีของไป่ปิงอี้มีวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบ ขณะที่วิญญาณกระจกเงาของซ่งเจียงมีระยะการทำงานเพียงสิบเมตรร

นอกจากนี้การต่อสู้ที่แท้จริงยังมีปัจจัยภายนอกมากมาย แต่การประลองเป็นการต่อสู้ที่ค่อนข้างถูกจำกัด

ผู้ใช้วิญญาณจะล่าหมาป่าสายฟ้าเพื่อให้ได้รับการจับอันดับที่ดีขึ้น มันไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของชื่อเสียงส่วนตัวแต่ยังรวมไปถึงเกียรติยศและชื่อเสียงของตระกูลอีกด้วย

โดยเฉพาะสามอันดับแรกบนหอคอยเกียรติยศ มันเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นและมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกวัน

หนึ่งเดือนผ่านไป

ฤดูใบไม้ผลิกลับมาเยือนและทำให้ทุกชีวิตเต็มโตขึ้นอีกครั้ง

เมื่อการต่อสู้จบลง ฟางหยวนยืนอยู่บนพื้นหิมะบางๆ เขากำลังควบคุมลมหายใจและสังเกตสนามรบ

ในสนามรบมีหมาป่าสายฟ้าสิบตัวนอนอยู่ พวกมันตายแล้วทั้งหมด เลือดและศพของหมาป่าสามารถมองเห็นได้ทุกที่ กลิ่นคาวเลือดยังลอยคละคลุ้งอยู่รอบๆ

"อะวู้..." เสียงเห่าหอนดังขึ้นจากระยะไกล

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ด้วยประสบการณ์ เขารู้ว่าฝูงหมาป่ากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความเร็วสูง

หากเป็นผู้ใช้วิญญาณคนอื่น หลังจบการต่อสู้ โดยปราศจากพลังวิญญาณที่เพียงพอ พวกเขาจะล่าถอยทันที แต่ฟางหยวนไม่สนใจเรื่องนี้ เขาก้มลงและเริ่มรวบรวมดวงตาหมาป่า

การเคลื่อนไหวของฟางหยวนไหลลื่นและมีประสิทธิภาพ แต่หลังจากเขาควักดวงตาหมาป่าออกมาทั้งหมด เขาก็ถูกหมาป่าฝูงใหม่ล้อมกรอบเอาไว้อีกครั้ง

พวกมันเป็นฝูงหมาป่าพิการจำนวนหนึ่งร้อยตัว ดวงตาสีเขียวที่ดุร้ายของพวกมันจ้องมองมาที่ฟางหยวน

ฟางหยวนเก็บดวงตาหมาป่าเอาไว้และยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม วินาทีถัดมาร่างกายของเขาเกิดระลอกคลื่นขึ้นก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากตำแหน่งนั้นอย่างกะทันหัน

เหตุการณ์นี้ทำให้หมาป่าพิการบางตัวยิ่งขุ่นเคือง แต่บางตัวแสดงออกถึงความลังเล ไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็ยังเป็นสัตว์ป่าที่มีสติปัญญาจำกัด ฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแปลกประหลาดเกินกว่าที่พวกมันจะสามารถทำความเข้าใจ

'นี่เป็นเพราะหมาป่าสายฟ้าใช้ดวงตาของพวกมันตรวจสอบสิ่งต่างๆ ไม่ใช่จมูก หมาป่าสายฟ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สายตาของพวกมันแหลมคมเหมือนเหยี่ยว แต่จมูกของพวกมันรับรู้กลิ่นได้ไม่ต่างจากมนุษย์ วิญญาณเกล็ดลี้ลับของข้าสามารถซ่อนเร้นจากสายตาของหมาป่าสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเพียงกลิ่นที่ไม่สามารถเก็บงำ' ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

วิญญาณเกล็ดลี้ลับถูกหลอมรวมก่อนสงครามครั้งนี้จะปะทุขึ้น มันเหมือนปลาคราฟสีเทาที่แหวกว่ายอยู่ในทะเลวิญญาณของฟางหยวน

ฟางหยวนได้รับวิญญาณเกล็ดปลามาจากการแลกเปลี่ยนวิญญาณหมูดำกับฉิงซู

ด้วยวิญญาณเกล็ดลี้ลับ ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องหลบหนีจากฝูงหมาป่าสายฟ้า

หลายวันที่ผ่านมา สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

หมาป่าทั่วไปหรือสุนัขล่าเนื้อมีประสาทรับรู้กลิ่นที่ดีมาก แต่หมาป่าสายฟ้ากลับต่างออกไป พวกมันมีความเร็วสูง หากพวกมันไม่มีสายตาที่แหลมคม พวกมันอาจพุ่งชนต้นไม้หรือภูเขาหินได้อย่างง่ายดาย

ธรรมชาติจะรักษาสมดุลเสมอ เมื่อมันอนุญาตให้หมาป่าสายฟ้ามีสายตาที่เฉียบแหลม มันจึงลบความสามารถในการดมกลิ่นออกไป

แต่ไม่ใช่กับราชาหมาป่าสายฟ้า

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณเกล็ดลี้ลับ ฟางหยวนสามารถเดินไปรอบๆสนามรบได้อย่างอิสระ แต่ต่อหน้าราชาหมาป่าสายฟ้า เขายังไม่สามารถซ่อนตัวจากมัน

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากราชาหมาป่าสายฟ้าครอบครองวิญญาณดวงตาสายฟ้าที่อนุญาตให้มันมองทะลุวิธีปกปิดทุกชนิด

อย่างไรก็ตามนอกจากวิญญาณดวงตาสายฟ้ายังมีวิญญาณอีกหลายชนิดที่สามารถตรวจจับการคงอยู่ของฟางหยวน

ตัวอย่างเช่นวิญญาณสัมผัสอสรพิษ มันสามารถตรวจจับความร้อน วิญญาณภาษาอสูร มันอนุญาตให้ผู้ใช้วิญญาณสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสัตว์ป่า วิญญาณหูทิพย์ มันมอบความสามารถในการได้ยินที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้วิญญาณ

ดังนั้นแม้ฟางหยวนจะครอบครองวิญญาณเกล็ดลี้ลับ มันก็ยังไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้กับเขาได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันยังเป็นความช่วยเหลือที่ดี

เมื่อฟางหยวนกลับไปถึงหมู่บ้าน มันเป็นยามบ่าย

กลางวันในฤดูใบไม้ผลิสว่างสดใสและมีผู้คนมากมายเดินผ่านประตูหมู่บ้าน สิ่งที่แตกต่างจากก่อนหน้าคือผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณ

ภายใต้แรงกดดันจากคลื่นหมาป่า ไม่มีความปลอดภัยอยู่นอกหมู่บ้าน นักล่าไม่กล้าออกไปล่าสัตว์ขณะที่ทุ่งนาถูกทิ้งร้าง

บนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้ใช้วิญญาณที่กระตือรือร้น พวกเขามักจะพูดคุยกันเกี่ยวกับหอคอยเกียรติยศหรือประสบการณ์ในการสังหารหมาป่าสายฟ้า แต่บางคนก็พูดถึงผู้ใช้วิญญาณของหมู่บ้านอื่น

ฟางหยวนเป็นหนึ่งในผู้คนที่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขามุ่งหน้าไปยังลานกว้างหน้าคฤหาสน์ของผู้นำตระกูล

ลานกว้างกลางหมู่บ้านคือจุดแลกเปลี่ยนคะแนนผลงาน

ผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งกำลังทำงานด้านบริการ ผู้ใช้วิญญาณระดับสองนำดวงตาหมาป่ามาแลกคะแนนผลงาน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่บางส่วนถูกจัดให้เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนวิญญาณและทรัพยากร

กลางลานกว้างตั้งไว้ด้วยป้ายหินขนาดใหญ่และมีตัวอักษรของโลกใบนี้ปรากฏอยู่ นอกจากนั้นมันยังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

นี่คือหอคอยเกียรติยศ ตัวอักษรที่ปรากฏบนหอคอยเกียรติยศคือวิญญาณอักษรวารี มันเป็นวิญญาณสายสนับสนุนระดับหนึ่งที่ถูกควบคุมโดยผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและสามารถแปรอักษรได้อย่างอิสระ

"อืม เหตุใดอันดับหนึ่งยังเป็นไป่ปิงอี้?" บางคนมองหอคอยเกียรติยศพร้อมกับขมวดคิ้ว

"ให้ข้าดู อันดับหนึ่ง กลุ่มของไป่ปิงอี้ อันดับสอง กลุ่มฉิงซู อันดับสาม กลุ่มซ่งหลี่ กลุ่มของข้าอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ด!"

"ดูนั่น มันเปลี่ยนแล้ว กลุ่มของฉิงซูขึ้นอันดับหนึ่งและผลักกลุ่มของไป่ปิงอี้ตกไปอยู่อันดับสอง!"

ชื่อฉิงซูพุ่งขึ้นไปอยู่ด้านบนสุดของป้ายหินและผลักชื่อของไป่ปิงอี้ให้ร่วงลงมา

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจดังกลาว ช่วยไม่ได้ที่ผู้ใช้วิญญาณบริเวณนั้นจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขและชี้นิ้วไปที่ป้ายหินพร้อมทั้งกล่าวยกย่องสรรเสริญกลุ่มของฉิงซู แม้แต่ใบหน้าของผู้ใช้วิญญาณที่ควบคุมวิญญาณอักษรวารียังเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น