ตอนที่แล้วตอนที่ 56 - อี้เจี่ยและเอ้อเจี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 58 - ไอเทมระดับพระเจ้า

ตอนที่ 57 - ดันเจี้ยน!


ตอนที่ 57 - ดันเจี้ยน!

 

ตอนที่สือเหล่ยออกมา เขาได้วิ่งตรงไปที่ตู้เอทีเอ็มเมื่อเขายังไม่ลืมเกี่ยวกับเงิน 9,300 หยวนที่เป็นของเขา

แต่ในขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่นั้น เขาถูกขวางไว้โดยซื่ออี้ จากนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากจางเหมยเหมยและสือเหล่ยก็ได้วิ่งไปที่บ้านของจางเหลียงเหลียงในขณะที่ยังเคี้ยวขนมปังนึ่งอยู่ ดังนั้นเธอธรรมดาที่เขาจะยังไม่มีเวลาพูดคุยกับคทา

ในตอนนี้เขาได้เสร็จสิ้นสิ่งที่เขาต้องทำแล้ว สือเหล่ยมุ่งหน้ากลับไปที่มหาวิทยาลัยและไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อพูดคุยกับคทา เมื่อเขาเดินไปถึงตู้เอทีเอ็มและเปิดประตูเข้าไป เขาก็ชนเข้ากับคนร่างอ้วนซะก่อน

เมื่อสือเหล่ยเปิดประตู มันไม่ได้มีใครอยู่ด้านหลังบานกระจก ซึ่งหมายความว่าคนร่างอ้วนได้ชนกับเขาที่อีกด้าน สือเหล่ยต้องการจะตำหนิเขาด้วยจิตใต้สำนึก แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็รู้ว่าคนร่างอ้วนนั้นเป็นเพื่อนของเขา

เขาคือจางโม่ ไม่มีใครที่จะอ้วนแบบเขาอีกแล้ว จากการตำหนิได้กลายเป็นการด่า

"บัดซบ ไอ้อ้วน นายตาบอดรึไง? นายรีบที่จะไปเกิดใหม่งั้นเหรอ? หรือว่านายบ้าไปแล้ว?"

จางโม่ไม่ได้บ้าแม้แต่น้อย แต่เขากลับประหลาดใจและมีความสุข เขาดึงสือเหล่ยเข้ามาและพูด "สือเหล่ย ฉันหานายมานานแล้ว ทำไมนายไม่รับโทรศัพท์ของฉันฮะ? "

สือเหล่ยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าซุนอี้อี้ก็บอกว่าเธอติดต่อเขาไม่ได้ เขาดึงโทรศัพท์ออกมาและตรวจสอบ โทรศัพท์ของเขาแบตหมดและปิดเครื่องไปเอง เขาต่อสู้กับคทามาเป็นเวลานานเมื่อคืนและนอนไม่ค่อยหลับจริงๆ จนเขาเผลอหลับไปในตอนเช้า เขาจึงลืมชาร์จโทรศัพท์ของเขา"

"โอ้ แบตหมด!"

"เอาล่ะ นี่ต้องเป็นโชคชะตา รีบตามฉันมาเร็วเข้า! " จางโม่ไม่ได้ให้เวลาสือเหล่ยเพื่อตอบสนองอะไรแม้แต่น้อยและดึงเขาออกจากประตูของตู้เอทีเอ็ม

"นายกำลังวิ่งไปงานศพงั้นเรอะ? ฉันต้องไปกดเงิน ฉันไม่มีเงินเหลืออยู่เลย" สือเหล่ยรู้สึกเหมือนกับบินอยู่ เขาไม่สามารถต้านทานอะไรได้กับคนที่มีน้ำหนักเป็นสองเท่าของเขา

จางโม่ลากเขาราวกับว่าเขากำลังบินอยู่และพูด "พวกเรากำลังเข้าสู่ดันเจี้ยนในเร็วๆนี้และพวกเราขาดนายไป นายสามารถไปกดเงินได้หลังจากที่นายลงดันเจี้ยนกับพวกเราเสร็จ เงินมันไม่ได้บินหนีจากนายไปไหน! ฉันจะบอกนายให้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้คนสามารถเล่นดันเจี้ยนได้บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ผู้คนจำนวนมากกำลังเฝ้ารอมันอยู่ มันมีโอกาสในการดรอปไอเทมดีๆมากกว่า 50% การประกาศของกิลด์ระบุว่ามันอาจจะเป็นไอเทมระดับทองคำม่วงที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ฉันสร้างทีมและปิดประตูทางเข้าไว้ ทุกๆคนกำลังต่อสู้อยู่ในตอนนี้ ถ้าพวกเราสามารถจัดการดันเจี้ยนนี้ได้ ชื่อตัวแดงของพวกเราก็สามารถยกเลิกได้"

"แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น นายก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ฉันบินแบบนี้! เท้าของฉันไม่ได้สัมผัสกับพื้นแล้ว!  มันก็แค่ดันเจี้ยนเอง!"

“บัดซบ! มันเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ เห็นได้ชัดว่าคนอย่างนายไม่ได้สนใจ แต่ฉันที่จะเป็นผู้เล่นมืออาชีพในอนาคต ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะได้รับ 'การเคลียร์ครั้งแรก' ของดันเจี้ยน ฉันจะพลาดมันได้อย่างไร? ตอนนี้ชื่อของเราติดตัวแดงแล้ว และแดงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพวกเราไม่ทำแบบนี้ มันจะใช้เวลานานเท่าไรฮะกว่าจะกลับเป็นปกติ? นายจะใจไม้ไส้ระกำที่ได้เห็นสหายของนายถูกไล่ล่าและสังหารตลอดทั้งเดือนเลยงั้นเหรอ?”

สือเหล่ยพูดอย่างจริงจังในขณะที่เขากำลังบินอยู่ "ใช่!"

"บัดซบ!" จางโม่ตะโกนออกมาด้วยเสียงแปลกประหลาด แต่ยังคงลากสือเหล่ยเข้าไปในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

ไอดีของสือเหล่ยในเกมเป็นนักเวทย์ แต่เลเวลของมันค่อนข้างต่ำ เขาไม่ได้เล่นมันอย่างจริงจังและเล่นเฉพาะเมื่อเขารู้สึกเบื่อ แต่เนื่องจากการควบคุมที่ค่อนข้างดีของเขา เขาจึงค่อนข้างเป็นที่รู้จักดีในเซิร์ฟเวอร์ เดิมที จางโม่มีนักเวทย์ที่เหมาะสมในทีมอยู่แล้ว แต่ที่เหมาะสมไม่ได้เป็นเพราะทักษะของเขา แต่เป็นเพราะเลเวลของเขา ถ้าสือเหล่ยได้เล่นไอดีนั้น พวกเขาจะได้รับการการันต์ตีมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความสำเร็จของดันเจี้ยน และเพื่อสิ่งนี้ จางโม่ได้มองหาสือเหล่ยตอนทั้งช่วงบ่ายและตอนนี้ในที่สุดจางโม่ก็ได้เจอกับเขา ซึ่งพวกเขาไม่มีทางปล่อยสือเหล่ยไปแน่

ทันทีที่จางโม่เข้าไปในร้านอินเทอร์เน็ต เขาได้ตะโกนออกมา "พวกเราจะจัดการดันเจี้ยนได้อย่างแน่นอน! ฉันได้ตัวก้อนหินมาแล้ว! นักเวทย์ รีบลุกขึ้นแล้วให้ก้อนหินเล่นมัน!"

นักเวทย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกในการเคลียร์ดันเจี้ยนใหม่และเขารู้ว่าทักษะของเขาไม่ได้ดีอะไร ถ้าเขาเล่น มันจะมีโอกาสที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จไม่เกิน 30% แต่ถ้าสือเหล่ยเล่น โอกาสจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 30% หรือ 40% ด้วยโอกาส 60% หรือ 70% ที่จะชนะ พวกเขาก็ควรจะจัดการดันเจี้ยนนี้ลงได้

เห็นได้ชัดว่าจางโม่ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีต่อเพื่อนของเขา เขาพูดด้วยเสียงอันดัง "นายไม่จำเป็นต้องให้ฉันพูดถึงความสำคัญของดันเจี้ยนนี้ ผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกอยู่ในไอดีนักเวทย์ของนายในตอนท้าย ดังนั้นไอเทมทั้งหมดจะเป็นของก้อนหิน นายมีปัญหาอะไรไหม?"

ถึงแม้ว่านักเวทย์จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็รู้ว่าสถานการณ์นั้นยิ่งใหญ่กว่าคนอย่างเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ยอมรับ

แต่คนอื่นๆได้พูดออกมา "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา ถ้าดรอปไอเทมทองคำม่วงขึ้นมาจริงๆ พวกเราควรจะสุ่ม"

"บัดซบ! พวกนายไม่ละอายใจกันเหรอ? หากไม่มีก้อนหิน อัตราความสำเร็จของพวกเราก็เหลือเพียง 30% เท่านั้น ถ้าเราสามารถประสบความสำเร็จได้ แม้ว่านายจะไม่ได้บอกว่ามันเป็นเครดิตของก้อนหินทั้งหมด แต่อย่างน้อยมันก็เป็นส่วนใหญ่! ไม่ต้องพูดจาไร้สาระอีก พวกเราจะปฏิบัติตามกฎเดิม ไอเทมที่ดรอปจะถูกแบ่งตามอาชีพ!" จางโม่ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ

"นั่นไม่ถูกต้อง มีความเป็นไปได้ที่ไอเทมระดับทองคำม่วงจะดรอปและจะเป็นชิ้นแรกของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด แม้ว่าฉันจะไม่ใช้มันได้ แต่ฉันก็สามารถขายมันได้! ไม่สำคัญว่าอัตราความสำเร็จในการเคลียร์ดันเจี้ยนจะเป็นเท่าไร แต่มันก็ยังมีโอกาสอยู่ ทำไมนายถึงบอกว่าพวกเราจะสามารถเคลียร์มันได้อย่างแน่นอนถ้าก้อนหินเป็นคนเล่นล่ะ?"

แม้แต่นักเวทย์คนนั้นก็คิดว่าเขาเสียเปรียบ เขาเข้ามาสอดและพูด "ถูกต้อง ฉันยอมรับว่าทักษะของฉันไม่ดีเท่ากับก้อนหิน แต่นี่เป็นไอดีของฉันถ้าใช้ไอดีของตัวเขาเอง ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของพวกนายก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน แต่ฉันลงทุนไปค่อนข้างมากกับไอดีนี้ ดังนั้นทำไมก้อนหินถึงจะต้องได้รับไอเทมทั้งหมดไป? เจ้าอ้วน นี่มันมากเกินไป! ถ้านายจะเอาแบบนี้ ฉันก็จะเล่นไอดีของตัวเอง"

จางโม่โกรธขึ้นมาเมื่อเขาได้ยิน เขาโยนเมาส์ออกไปและพูด "งั้นพวกนายก็เล่นมันเองละกัน ฉันไม่เล่นแล้ว! บัดซบ พวกเราได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้และตอนนี้พวกนายทุกคนจะมาเปลี่ยนใจงั้นเรอะ?!"

หลังจากนั้น คนเหล่านั้นก็เงียบไป ไอดีของคนอ้วนคือนักรบ และเขาไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวทำดาเมจเท่านั้น แต่เขายังเป็นฮีลเลอร์(คนฟื้นพลังชีวิต)อีกด้วย พวกเขาทั้งหมดคาดว่าเขาจะเป็นคนรับความเสียหายไว้และถ้าเขาออกไปจริงๆ พวกเขาก็คงจะไม่สามารถอะไรได้อีก

ในความเป็นจริง สือเหล่ยไม่ได้สนใจอะไรเลย เมื่อเห็นว่าสถานการณ์แย่ลง เขารู้ว่าจางโม่ได้พยายามที่จะต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของเขาเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อยากเห็นพวกเขาล้มเหลวงหลังจากที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างมาก

ดังนั้นสือเหล่ยจึงพูดออกมา "เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไอเทมอื่นนอกจากไอเทมระดับทองคำม่วงที่ดรอป สำหรับไอเทมที่เป็นของนักเวทย์ ฉันจะได้เลือกมันอย่างน้อยสองชิ้นแรก หากไอเทมระดับทองคำม่วงดรอปจริงๆ ฉันก็ยอมรับที่จะสุ่ม และถ้ามันดรอปจริงๆและฉันสุ่มได้มัน งั้นก็ขอโทษ แต่มันต้องเป็นของฉัน แต่กับไอเทมอื่นๆมันไม่สำคัญ ฉันไม่ขอรับพวกมันและทั้งหมดจะเป็นของไอดีเมจนี้ เอาอย่างนี้เป็นไง?  ตกลงหรือไม่ ถ้าไม่ พวกเราจะไป"

มันค่อนข้างเหมาะสม คนอื่นๆไม่ได้สนใจอะไรนอกจากการสุ่มสำหรับไอเทมระดับทองคำม่วงเท่านั้น ยกเว้นแต่นักเวทย์ที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาคิดว่าโอกาสที่ไอเทมจะดรอปมีไม่ถึงครึ่ง และคนเหล่านี้ก็เข้าร่วมการสุ่ม ซึ่งมันทำให้โอกาสสำหรับเขายิ่งน้อยลงไป แต่ในการเคลียร์ดันเจี้ยนครั้งแรก แน่นอนว่าโอกาสในการดรอปไอเทมจะค่อนข้างดี และเขาสามารถเลือกไอเทมที่สือเหล่ยไม่เอาได้เช่นกัน ด้วยวิธีนี้ เขาเองก็ได้ประโยชน์จากสือเหล่ย ดังนั้นเขาจึงตกลง

หลังจากที่ทุกคนเห็นด้วยก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา "ดันเจี้ยนเปิดแล้ว!"

ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองและเข้าไปในดันเจี้ยน สือเหล่ยเองก็ได้เสียบโทรศัพท์เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อชาร์จไปด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด