ตอนที่แล้วตอนที่ 55 - เดทที่สอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 57 - ดันเจี้ยน!

ตอนที่ 56 - อี้เจี่ยและเอ้อเจี่ย


ตอนที่ 56 - อี้เจี่ยและเอ้อเจี่ย

 

สือเหล่ยหยิบลูกชิ้นเนื้อขึ้นมากิน แต่จางเหลียงเหลียงกลับหยิบทุกๆสิ่งทุกๆอย่างขึ้นมากิน จากนั้น น้ำเสียงอายๆก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกเขา

"พี่หิน......"

สือเหล่ยหันหัวของเขาไปอย่างฉับพลันและตามที่คาด มันคือซุนอี้อี้ ซึ่งมีดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น และใบหน้าของเธอก็แสดงถึงร่องรอยของความประหม่า

"อี้อี้ เธอมาที่นี่ทำไม?" เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาก็ได้เห็นกล่องเก็บความร้อนอยู่ในมือของซุนอี้อี้ สือเหล่ยไม่ได้ต้องการคำตอบจากเธอและรู้ว่าเธอทำซุปมาให้เขาอีกครั้ง

"ไม่ ไม่ ฉันหมายถึง เธอมาที่นี่ทำไมในเวลานี้? คุณป้าเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เธอควรจะอยู่โรงบาลเพื่อคอยหาอาหารให้คุณป้าไม่ใช่เหรอ?"

ซุนอี้อี้หน้าแดงและเสียงของเธอก็เบาเหมือนกับแมลงวัน "แม่ได้กินไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นฉันได้กลับบ้านและทำซุป ฉันคิดว่าฉันสามารถทำมันก่อนที่พี่จะกินข้าวฉัน แต่ฉันโทรหาพี่และพี่ก็ไม่รับสาย ฉันไปหาพี่ที่หอพักแต่คนอ้วนๆได้บอกฉันว่าพี่ไม่ได้มากินข้าวที่โรงอาหาร ดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันจะมาลองหาพี่แถวๆนี้......"

แม้ว่าจะฟังดูง่าย แต่สือเหล่ยรู้ว่าซุนอี้อี้ได้ใช้เวลานานในการค้นหาเขา เขารีบดึงเก้าอี้ออกมาและลากไปให้เธอนั่ง

"เธอกินข้าวเย็นรึยัง?" สือเหล่ยถามด้วยความห่วงใย

"ฉันยังไม่ได้กิน... " เสียงของซุนอี้อี้เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

สือเหล่ยรับดันอาหารทั้งหมดไปตรงหน้าของซุนอี้อี้และพูด "รีบกินเร็วเข้า เลือกของที่เธออยากจะกินได้เลย! "

แต่ซุนอี้อี้กลับวางกล่องเก็บความร้อนลงบนโต๊ะอย่างช้าๆและพูดเบาๆ "พี่หิน พี่ควรกินซุปซะก่อน มันอยู่ในกล่องดังนั้นมันควรจะยังไม่เย็น "

เมื่อเธอพูดแบบนั้น เธอก็เปิดฝากล่องและเทซุปลงในชาม

ขณะที่เธอยื่นซุปมาตรงหน้าสือเหล่ย ซุนอี้อี้ก็สังเกตเห็นจางเหลียงเหลียงที่จ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอพูดออกมาอย่างเหนียมอายแต่หนักแน่น "ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าพี่หินอยู่กับเพื่อนที่นี่ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้เตรียมชามมาเพิ่ม"

สือเหล่ยพูดอย่างรวดเร็ว "ไม่เป็น พวกเราใช้ของใช้แล้วทิ้งก็ได้"

แต่จางเหลียงเหลียงกลับพูดออกมาอย่างใจกว้าง "คุณลุง นี่คือแฟนของคุณงั้นเหรอ?"

สือเหล่ยกลิ้งตาของเขาไปที่จางเหลียงเหลียง เขามองไปที่ซุนอี้อี้ แต่เธอได้ก้มหัวลงด้วยความเขินอายและหน้าแดงยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ สือเหล่ยไม่รู้จริงๆว่าจะแนะนำตัวเธอเองว่ายังไง ถ้าคทาไม่ได้เน้นว่าเธอได้ขายตัวเองให้กับเขา เขาคงจะบอกว่าเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกันกับเธอและคงจะไม่กล้าบอกว่าเธอเป็นแฟนของเขา แต่สถานการณ์มันค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้าเขาไม่ยอมรับออกไปแบบนั้น แล้วจะให้เขาบอกจางเหลียงเหลียงว่าเขาซื้อเธอมาเป็นเวลาหนึ่งปีงั้นเหรอ?

โชคดีที่ซุนอี้อี้เงยหน้าขึ้น แม้ว่าเธอจะขี้อายและขี้เกรงใจ แต่เธอก็พูดออกมาอย่างหนักแน่น "ฉันเติบโตขึ้นมาพร้อมกับพี่หินและครอบครัวของพวกเราก็ต้องการให้พวกเราอยู่ด้วยกัน"

เธอไม่ได้พูดมาก แต่เธอได้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญมากๆสองอย่างออกมา

ประการแรก เนื่องจากพวกเขาเติบโตขึ้นมาด้วยกัน พวกเพื่อนเล่นกันและรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน ไม่สำคัญว่าจางเหลียงเหลียงเป็นใคร แต่เธอจะไม่สามารถแข่งขันกับซุนอี้อี้ในด้านของเวลาได้อย่างแน่นอน

ประการที่ ครอบครัวของพวกเขาเองก็อยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกันและมันก็ไม่ผิด ในเวลานั้น พ่อแม่ของพวกเขาอยากให้พวกเขารักษาความรู้สึกของพวกเขาไว้และถ้าพวกเขาสามารถเดินไปด้วยกันได้หลังจากที่พวกเขาโตขึ้น มันก็จะเป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุด แต่เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทางหลังจากที่ซุนอี้อี้ย้ายออกไป และพ่อแม่ของพวกเขาก็ไม่ได้มีความคิดแบบนั้นอีกต่อไป แต่ซุนอี้อี้จงจัยปกปิดสิ่งนี้ไว้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จางเหลียงเหลียงจะทราบ

"โอ้ เพื่อนเล่นในวัยเด็ก สวัสดีค่ะ ฉันชื่อจางเหลียงเหลียง" จางเหลียงเหลียงยื่นมือของเธอออกมาและซุนอี้อี้ได้ประหลาดใจเล็กน้อย เธอเป็นคนเก็บตัวมากๆไม่เหมือนกับจางเหลียงเหลียงที่เป็นคนเข้าสังคม ถ้ามันเป็นเธอ มันจะไม่มีทางเป็นไปได้ที่เธอจะทำอะไรแบบนี้

เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็จับมือกับจางเหลียงเหลียงและพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ "ฉันซุนอี้อี้"

สือเหล่ยยังพูดเสริมไปอีกว่า "เอ้อเจี่ยคือนักเรียนที่ฉันสอนพิเศษอยู่ เธอเหมือนเธอที่อาศัยอยู่กับแม่ ยกเว้นแต่ว่าแม่ของเธอมักจะไม่ว่างและไม่ได้กลับมาทานข้าวเย็นด้วย ดังนั้นฉันจึงออกมากินข้าวกับเธอหลังจากสอนเสร็จ ฉันไม่คิดว่าเธอจะมา ...... "

จางเหลียงเหลียงยิ้มและทำท่าทำทางปกติ ยกเว้นแต่ว่าเธอได้ชี้ไปที่สือเหล่ยและพูด "คุณลุง คุณดูเป็นกังวลซะจริงๆ คุณจะอธิบายให้มากทำไม? ฉันยังอายุไม่ถึง 16 ปี อย่าบอกนะว่าคุณกลัวว่าอี้อี้เจี่ย(1) จะเข้าใจพวกเราผิด?"

สือเหล่ยหมดคำพูดและคิดกับตัวเอง 'ถ้าเธอไม่อ้าปากออกมา มันก็จะไม่มีความเข้าใจผิดใดๆ'

แต่ความสนใจของซุนอี้อี้เห็นได้ชัดว่าแตกต่างไปจากพวกเขาทั้งสอง เธอถาม "เธออายุเพียง 16 ปีเท่านั้น พี่หิน ทำไมคุณถึงเรียกเธอว่าเอ้อเจี่ยล่ะ?"

สือเหล่ยหัวเราะและพูดออกมา "ชื่อของเธอคือจางเหลียงเหลียง แต่ใน WeChat เธอใช้ชื่อว่าเอ้อเจี่ย ฉันจึงเคยชินกับมันและเรียกเธอแบบนั้น"

และเป็นอีกครั้ง จุดสนใจของซุนอี้อี้ค่อนข้างแปลกเมื่อเธอพูด "โอ้ ดังนั้นพวกพี่ได้เพิ่ม WeChat ของกันและกันแล้ว"

สือเหล่ยรู้สึกอึดอัดใจและจางเหลียงเหลียงก็ได้อธิบายแทนเขา "แม่ของฉันยุ่งมาก ฉันต้องจัดเวลาสำหรับครูสอนพิเศษและค่าสอนด้วยตัวฉันเอง ดังนั้นมันจึงสะดวกกว่าสำหรับฉันที่จะเพิ่มคุณลงไว้ใน WeChat ฮิฮิ อี้อี้เจี่ยเจี่ย อย่าบอกฉันนะว่าคุณหึง?"

"ฉันไม่ได้หึง!" ซุนอี้อี้กลายเป็นเขินอายขึ้นมาอย่างฉับพลันและลดศีรษะของเธอลง จางเหลียงเหลียงเลิกคิ้วขึ้นและพูด "อี้อี้เจี่ยเจี่ย เมื่อฉันเห็นคุณครั้งแรก ฉันคิดว่าว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ นอกจากนี้ เมื่อมองดูแล้ว ฉันชื่อเหลียงเหลียง และคุณชื่ออี้อี้ คุณสามารถเป็นพี่สาวของฉันได้เลย ครอบครัวของพวกเรามีแม่คนเดียว และพวกเราทั้งสองได้อยู่กับแม่ของพวกเราเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงไหม?"

ซุนอี้อี้คิดว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องบังเอิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชื่อของพวกมัน บางทีไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะเจอคนชื่อซานซานในภายหลังก็ได้

"หยุดไร้สาระได้แล้ว พ่อของอี้อี้จากไปแล้ว แต่พ่อของเธอยังไม่...... "

จางเหลียงเหลียงพูดอย่างไม่สนใจ "ชายคนนั้น ไม่ว่าจะอยู่หรือตายก็ไม่ได้แตกต่างอะไร"

สือเหล่ยพูดไม่ออก และเมื่อคิดกลับไปถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับจากพ่อของจางเหลียงเหลียงที่อีกฟากของประตู มันก็เกือบจะเพียงพอแล้วที่ทำให้เขาได้เข้าใจความคิดของเธอ ชายคนนั้นไม่เคยรับผิดชอบต่อลูกสาวของเขาจริงๆ และมันก็ไม่ได้แตกต่างจริงๆว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หรือไม่

พวกเขาไปเอาชามมาอีกสองใบและสือเหล่ยได้เทซุบให้ทั้งอี้เจี่ย(2)และเอ้อเจี่ย จางเหลียงเหลียงจิบน้ำซุบและทึ่งกับทักษะการทำอาหารของอี้อี้ไม่หยุด หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอยังได้ลากซุนอี้อี้มาเพื่อแลกเปลี่ยน WeChat และเบอร์โทรศัพท์ เธอดูเป็นมิตรมากๆจนเหมือนกับว่าพวกเธอเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันมานาน

แต่สือเหล่ยรู้สึกเหมือนกับว่าจางเหลียงเหลียงเป็นมิตรมากเกินไป ซุนอี้อี้เองก็ไม่เข้าใจในขณะที่เธอคิดว่าบุคลิกของจางเหลียงเหลียงเป็นแบบนี้

หลังจากเสร็จสิ้นการรับกินข้าวเย็น สือเหล่ยได้บอกว่าเขาจะไปส่งจางเหลียงเหลียงกลับ แต่จางเหลียงเหลียงบอกว่าเธออยู่ใกล้ๆกับที่นี่ ดังนั้นเธอจึงยืนยันที่จะเห็นซุนอี้อี้ขึ้นรถไปก่อน

ดังนั้นทั้งสองคนจึงได้รอซุนอี้อี้จนกระทั่งรถเมล์ของเธอมา จากนั้นสือเหล่ยก็ได้ส่งจางเหลียงเหลียงกลับบ้าน

ระหว่างทางกลับ จางเหลียงเหลียงถาม "คุณลุง คุณชอบอี้เจี่ยจริงๆใช่ไหม?"

"เธอเป็นแค่เด็กตัวกระเปี๊ยก ทำไมเธอต้องอยากรู้มันมากฮะ?"

"ฉันไม่รังเกียจนะ เธอสามารถเป็นคนแรกและฉันจะเป็นคนที่สอง ชื่อของพวกเราได้ตัดสินทุกๆอย่างแล้ว! "

จางเหลียงเหลียงพึมพำกับตัวเอง และได้ทำให้สือเหล่ยประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

พระเจ้า! เธอบ้าไปแล้วเหรอ? แต่มันก็ฟังดูดีนะ!

 

(1) เจี่ย หมายถึง พี่สาว (ในภาษาจีน)

(2) จางเหลียงเหลียงได้ใช้ชื่อว่าเอ้อเจี่ยที่มาจากเชื่อของเธอ ดังนั้นในลักษณะเดียวกัน อี้เจี่ย จึงแปลงมาจากชื่อของซุนอี้อี้ (คำอธิบายจากคนแปล Eng)

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด