ตอนที่แล้วตอนที่ 53 - ธนาคารพัฒนาพนักงาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 55 - เดทที่สอง

ตอนที่ 54 - ทำไมเอ้อเจี่ยถึงไม่พอใจ


ตอนที่ 54 - ทำไมเอ้อเจี่ยถึงไม่พอใจ

 

จางเหลียงเหลียงเปิดประตูให้สือเหล่ยอย่างไม่เต็มใจ เธอไม่ได้ทักทายเขาและเดินเข้าไปในห้องของเธอตัวเอง

ทันทีที่สือเหล่ยเข้ามา เขาก็เริ่มขอโทษและบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเขาต้องมาสอนเธอ แต่จางเหลียงเหลียงก็ไม่สนใจเขา และสือเหล่ยก็รู้สึกอึดอัดมากๆ

เธออาจจะยังโกรธเรื่องเมื่อวานนี้ แต่สือเหล่ยก็ไม่เข้าใจว่าเขาไปทำอะไรให้จางเหลียงเหลียงโกรธ

สือเหล่ยปล่อยมันไปเมื่อเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาและพลิกมันผ่านๆ จากนั้นก็จดจำได้ถึงคำถามที่เขาให้กับจางเหลียงเหลียงไปในเมื่อวาน เด็กผู้หญิงคนนี้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว และเธอฉลาดกว่าสือเหล่ยด้วยซ้ำ สือเหล่ยไม่รู้จริงๆว่าเขาจะสอนอะไรได้บ้าง

ดูเหมือนว่าเขาต้องคุยกับจางเหมยเหมยบ้างแล้ว เขาไม่ต้องการหารายได้แบบนี้ แต่จางเหมยเหมยก็คงจะไม่สนใจเรื่องเงินเพราะจุดประสงค์ของเธอคือการหาคนที่จะดูแลจางเหลียงเหลียงแทนเธอ

"ฉันพูดตามตรงนะ จากแบบทดสอบที่ฉันให้เธอเมื่อวาน ฉันไม่มีอะไรจะสอนเธอเลย ทั้งหมดที่ฉันสามารถทำได้คือการดูแลเธอทำการบ้านเท่านั้น ในเรื่องนี้ หลังจากพวกเราเสร็จสิ้นกันในวันนี้ ฉันจะพูดคุยกับแม่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสอนอะไรเธอ เธอไม่มีปัญหาอะไรกับบทเรียนชั้นมัธยมต้นเลย ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของเธอ และเธอต้องเปลี่ยนทัศนคติของเธอเอง เธอคิดว่ายังไง?"

สือเหล่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะบอกจางเหลียงเหลียงแบบนี้ แต่เขาไม่คิดว่าจางเหลียงเหลียงจะระเบิดออกมาหลังจากที่เขาพูดสิ่งนี้

เธอลุกขึ้นยืนและตะโกน"ได้ ได้! คุณสามารถออกไปได้เลย! ฉันสามารถทำทุกอย่างที่ฉันต้องการได้! ครูสอนพิเศษอะไรกัน? ฉันต่อสู้กับพวกเขาหลายสิบคนในปีนี้ และคุณก็จะเป็นหนึ่งในพวกเขา! ออกไปเดี๋ยวนี้ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะดูแลฉัน ไม่ต้องรอให้ถึงครั้งต่อไป! คุณมาเพราะค่าสอนพิเศษใช่ไหม? 120 หยวน เอามันไปซะ!" จางเหลียงเหลียงดึงเงินทั้งหมดในกระเป๋าของเธอออกมาซึ่งมันมีค่ามากกว่า 120 หยวน และโยนใส่หน้าสือเหล่ย

ธนบัตรล่วงลงมาจากอากาศ สือเหล่ยไม่รู้อีกแล้วว่าเขาไปทำให้เธอโกรธตอนไหน

"ออกไป! คุณมาทำอะไรที่นี่? หลังจากวันนี้ไป คุณไม่ต้องมาอีกแล้ว! ออกไปซะ! ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก!" จางเหลียงเหลียงตะโกนออกมาและเธอได้สำลักกับอาการสะอื้น

จู่ๆสือเหล่ยก็เข้าใจขึ้นมาว่าทำไมจางเหลียงเหลียงถึงเป็นเช่นนี้ เหตุผลที่เมื่อก่อนเธอดูเหมือนจะเป็นคนดื้อรั้นนั้นเกิดจากการขาดความอบอุ่นในครอบครัว และเธอได้ต่อต้านครูสอนพิเศษทั้งหมดให้ออกไป บางทีเขาอาจจะแตกต่างจากครูคนก่อนๆ อย่างน้อยจางเหลียงเหลียงก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาแต่กลับยินดีที่จะออกไปเที่ยวกับเขา ในตอนนี้ที่สือเหล่ยได้บอกกับจางเหลียงเหลียงว่าเขาต้องการที่จะพูดคุยเรื่องนั้นกับแม่ของเธอ มันทำให้จางเหลียงเหลียงรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง

เมื่อเห็นว่าจางเหลียงเหลียงยังดูไม่สนใจอะไร สือเหล่ยก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร และเขาทำได้แค่รอให้เธอใจเย็นลงเท่านั้น

น้ำตาไหลลมาจากแก้งของจางเหลียงเหลียง เธอไม่ได้แต่งหน้าแบบเดิม และเธอดูเรียบเนียนและมีเสน่ห์ สือเหล่ยใจอ่อน เขาหยิบเอากระดาษทิชชู่จากโต๊ะและยื่นมันให้กับเธอ

จางเหลียงเหลียงปัดมือของเขาออกและตะโกน "หยุดทำเป็นห่วงใยฉัน! ออกไป!ฉันไม่ต้องการการดูแลของคุณ! ฉันไม่เป็นไร!"

สือเหล่ยถอนหายใจและยัดกระดาษทิชชู่ลงในมือของเธอ เขาพูดอย่างช้าๆ "ธรรมชาติของเธอไม่ได้เลวร้ายและเธอยังฉลาด เธอสามารถรับมือกับการเรียนได้หากเธอให้ความสนใจกับมันแค่เล็กน้อย ฉันคิดว่าแม่ของเธอน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงบอกให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอสักสองสามชั่วโมงเพื่อกันไม่ให้เธอออกไปข้างนอกกับเพื่อนเหล่านั้นของเธอเพราะบางสิ่งอาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว"

"นั่นไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันจะอยู่กับใครก็ได้ที่ฉันต้องการ!" จางเหลียงเหลียงเช็ดน้ำตาของเธอและโยนกระดาษทิชชู่ที่เปียกชุ่มใส่สือเหล่ยอย่างไม่ใยดี

สือเหล่ยไม่สนใจเธอและพูดต่อ "ในตอนนี้เธออยู่ในวัยที่ดื้อรั้น เธออาจจะคิดว่าแม่ของเธอให้ความสนใจกับเธอน้อยเกินไป และเธอกำลังพยายามที่จะเรียกร้องความสนใจจากแม่ของเธอแบบนี้ แต่แม่ของเธอกำลังเลี้ยงดูเธอตามลำพัง สิ่งแรกที่เธอต้องทำให้แน่ใจคือคุณภาพชีวิตของเธอ ผู้หญิงที่ต่อสู้ในที่ทำงานมันไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้เธอยังเป็นทนายที่มักจะยุ่งอยู่เสมอ เธอยังเด็กอยู่และเธออาจไม่เข้าใจสิ่งเหล่านั้น แต่เมื่อเธอกลายเป็นพ่อแม่ เธอจะเข้าใจความยากลำบากของแม่เธอ!"

"ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ฉันโตแล้ว ทุกๆคนคิดว่าฉันเป็นเด็ก! นอกจากนี้คุณยังเป็นเพียงนักศึกษาอีกด้วย เพียงเพราะฉันเรียกคุณว่าลุง คุณคิดว่าตัวเองแบบนั้นจริงๆเหรอ? แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจความยากลำบากของแม่ แล้วคุณล่ะ? คุณจะรู้อะไร?"

ถึงแม้ว่าจางเหลียงเหลียงจะยังโกรธ แต่อย่างน้อยเธอก็คิดตามสือเหล่ย และพวกเขาก็สามารถสื่อสารกันได้

สือเหล่ยอดทนและพูดต่อ "เธอพูดถูก ฉันอายุมากกว่าเธอแค่ไม่กี่ปี แต่ฉันก็เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และฉันมีประสบการณ์การในการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พ่อแม่ของฉันเป็นเพียงพนักงานปกติและพื้นหลังของฉันไม่ได้ร่ำรวยเท่ากับเธอ ดังนั้นฉันจึงเข้าใจความยากลำบากของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น มันไม่ใช่ว่าแม่ของเธอไม่สนใจเธอ แต่เธอไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เพราะถ้าเธอไม่พยายามทำงานนี้อย่างหนัก เธอจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณภาพชีวิตของเธอจะดีขึ้น? ตอนนี้คุณอยู่ในโรงเรียนมัธยมต้นเท่านั้น หลังจากที่เธอเข้าเรียนมัธยมปลาย ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนหรือค่าครองชีพ มันก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เธอเข้ามหาวิทยาลัย ค่าเทอมมันอาจจะไม่กี่หมื่นหยวนต่อปีเธออาจจะไม่คิดอะไรเกี่ยวกับมันเมื่อเธอใช้เงิน แต่เธอรู้รึเปล่าว่าแม่ของเธอใช้ความพยายามไปมากแค่ไหนเพื่อทำให้มั่นใจว่าเธอจะมีเงินจำนวนมีมาใช้จ่าย?"

"เงิน เงิน เงิน ทั้งหมดที่คุณรู้จักคือเงิน! เมื่อวานนี้ก็เหมือนกัน พวกเราแค่ไปกินข้าว แต่คุณก็พูดถึงแต่เรื่องเงินกับฉัน ได้ ฉันไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะได้เงินมา แต่เธอก็รู้จักแต่การให้เงินฉันเท่านั้น แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? ถ้าฉันไม่ใช้เงิน เธอจะอยู่บ้านและไม่ไปทำงานงั้นเหรอ? "

สือเหล่ยอึ้งไปชั่วขณะและรู้แล้วว่าทำไมจางเหลียงเหลียงจึงโกรธเขาเมื่อวานนี้

สือเหล่ยไม่รู้ว่าจางเหมยเหมยสื่อสารกับจางเหลียงเหลียงยังไง แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ค่อยจะดีนักหรืออาจจะเป็นการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพเลย อาชีพของเธอแข็งกระด้างเกินไปราวกับว่าทุกๆสิ่งสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาได้ ดังนั้นวิธีการเดียวที่ให้ความสนใจกับจางเหลียงเหลียงก็คือการทำให้เธอพอใจ ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และด้วยเหตุนี้เธอจึงพยายามจะตอบสนองจางเหลียงเหลียงด้วยสิ่งที่สำคัญกว่า

สิ่งนี้ทำให้จางเหลียงเหลียงไม่ได้เห็นเงินเป็นสิ่งที่สำคัญไปกว่าของที่แม่เธอสามารถจ่ายให้ได้ นอกจากนี้จางเหมยเหมยยังไม่รู้ว่าทั้งหมดที่จางเหลียงเหลียงต้องการคือการใช้เวลากับเธอ กินข้าวกับเธอ ให้ของขวัญเล็กๆน้อยๆกับเธอ และไม่ต้องให้เงินก้อนกับเธอแล้วบอกเธอให้ซื้อของที่เธอต้องการได้

สือเหล่ยหัวเราะและพูด "ครอบครัวของฉันมีเบื้องหลังที่ธรรมดามากๆดังนั้นฉันจึงมีความรู้สึกที่ไวต่อเงิน ฉันไม่เคยกินบุฟเฟ่ต์ราคาพันหยวนมาก่อน ฉันขอโทษเรื่องเมื่อวานนี้ มันเป็นความผิดของฉัน ฉันใช้จ่ายเงินไปแล้ว ฉันควรจะปฏิบัติกับมันอย่างจริงจังมากขึ้น และไม่น่าพูดถึงเรื่องราคากับเธอ"

ขนตาของจางเหลียงเหลียงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา เธอมองไปที่สือเหล่ยด้วยดวงตาที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งเพราะเธอไม่คิดว่าสือเหล่ยจะขอโทษเธอ

"ฉันไม่เข้าใจว่าเมื่อวานเธอถึงโกธ และในตอนนี้ฉันก็เข้าใจแล้ว ฮึ่ม ฉันควรจะกินมันกับเธออย่างมีความสุข และไม่ต้องพูดคุยเรื่องราคาแบบไม่หยุด แต่ราคาของมันก็สูงจริงๆ ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ลองไปหาร้านที่ถูกกว่าดูไหม?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด