ตอนที่แล้วตอนที่ 52 - รุ่นพี่หลายสิบคน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 54 - ทำไมเอ้อเจี่ยถึงไม่พอใจ

ตอนที่ 53 - ธนาคารพัฒนาพนักงาน


ตอนที่ 53 - ธนาคารพัฒนาพนักงาน

 

สือเหล่ยรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกหลอก เขากลิ้งอยู่บนเตียงและเกือบจะวิ่งออกไปโดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้า

โชคดีที่มันเป็นฤดูหนาวและในทันทีที่เขาเปิดประตูออกไป ลมหนาวก็ได้พัดพาให้เขากลัยมายังเตียงอีกครั้ง

เตียงที่อบอุ่นคือเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุดของสือเหล่ย และได้ทำให้ร่างกายของเขาอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง สมองของสือเหล่ยได้รับการฟื้นฟูและทำงานได้ตามปกติ

เขานึกถึงการสนทนาเมื่อคืนนี้กับคทา และแทบจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับรางวัลนี้เลยเนื่องจากสือเหล่ยกังวลมากเกินไปและคำถามทั้งหมดของเขาก็เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เขาจึงละเลยเงิน 9,300 หยวนนี้ไป

แม้ว่ามันจะเป็นเงินไม่ถึง 9,300 หยวน และมันไม่นับว่าเป็นอะไรกับสือเหล่ยที่ในตอนนี้เขามีเงิน 100,000 ต่อสัปดาห์ แต่มันก็เป็นเงินเพียงก้อนเดียวที่เขาสามารถจัดการได้อย่างอิสระ ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องอื่นใด ถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น สือเหล่ยก็หวังว่าจะใช้เงินส่วนนี้เพื่อชดเชยจำนวนเงินเหล่านั้นที่ขาดไป

ไม่ได้แล้ว เขาต้องได้รับเงิน 9,300 หยวนนี้! มันไม่สำคัญว่ามันจะเล็กราวกับแมลงวัน ถึงยังไงมันก็ยังเป็นเนื้ออยู่!

สือเหล่ยไม่ได้กระโดดลงจากเตียงด้วยความประมาทในเวลานี้ เขาสวมเสื้อผ้า ล้างหน้าและแปรงฟันจนเสร็จ จากนั้นเขาได้ออกจากหอพักไป

สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการไปที่ตู้เอทีเอ็มเพราะเขาต้องการพูดคุยกับคทาเพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับเงินจำนวนนี้

สือเหล่ยล้วงบัตรสีดำออกมาในขณะที่กำลังวิ่ง เขาก้มศีรษะลงและมอง จากนั้นก็ตระหนักได้ถึงความแตกต่างเล็กน้อย

สือเหล่ยมองอย่างรอบคอบและตระหนักได้ว่าที่มุมขวาล่าง โลโก้ของธนาคารมีการเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อเขาได้รับบัตรมาจนถึงเมื่อวานนี้ 'ธนาคารพัฒนาทาส' ถูกเขียนไว้ที่มุมขวาล่างแต่ตอนนี้ภาษาอังกฤษได้เปลี่ยนเป็น 'ธนาคารพัฒนาพนักงาน'

จากทาสเป็นพนักงาน? ดูเหมือนว่าเขาจะเลื่อนระดับขึ้นมาแล้ว

สือเหล่ยอับเฉาเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากการเลื่อนระดับของเขาจากระดับการฝึกฝนมาเป็นระดับของพนักงานระดับที่หนึ่ง หรือว่าเพราะเขาได้มองข้ามกลยุทธ์เล็กๆของคทาที่ว่าเขาไม่ใช่ทาสของมันและความสัมพันธ์ของเขากับบัตรสีดำก็คือพนักงานและนายจ้าง

ถ้ามันมาจากการคาดเดาที่ว่าเพราะเขาได้เลื่อนระดับขึ้น งั้นมันก็หมายความว่าทุกๆระดับจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปงั้นเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ระดับถัดไปก็ควรจะเป็นหัวหน้าฝ่าย และระดับที่สามก็จะเป็นผู้ถือหุ้นงั้นเหรอ? งั้นระดับที่สี่ก็จะเป็นหุ้นส่วน และสือเหล่ยก็ยังสามารถคิดได้กระทั่งว่าเขาอาจจะกลายเป็นหัวหน้าของบัตรสีดำ?

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันน่าจะเป็นเพราะการยอมรับของสือเหล่ยที่ทำให้ตัวตนของเขาเปลี่ยนไป เกี่ยวกับคำว่าทาสนั้น มันอาจจะเป็นเพราะความไร้สาระของคทาเอง

โอ้ใช่ มันสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ งั้นสิ่งที่สือเหล่ยต้องใส่ใจก็คือเงิน 9,300 หยวนที่เป็นของเขา

"ก้อนหิน นายจะไปไหน?"

ใครบางคนได้ตบเข้าที่ไหล่ของสือเหล่ยอย่างหนัก เขาหันกลับไปและมันก็เป็นซื่ออี้

"ฉันเพิ่งตื่นและฉันหิว ฉันกำลังจะไปหาอะไรกิน!" สือเหล่ยโบกมือและอยากที่จะจากไป เขาต้องการไปหาคทาและไม่ได้มีเวลาจะคุยกับซื่ออี้

ดวงตาของซื่ออี้เปล่งประกายเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาพูดขึ้นมาในทันที "คนรวยกำลังจะไปหาอะไรกิน ฉันก็ต้องไปด้วย! ไปที่ๆเราไปกันครั้งล่าสุดใช่ไหม?" ซื่ออี้กอดคอสือเหล่ยเมื่อเขาต้องการพูดคุยต่อโดยไม่ลังเลใจ

"มันแค่บ่ายสองเท่านั้น นายเพิ่งกินข้าวกลางวันมาเมื่อไม่นานนี้ไม่ใช่เหรอ? ฉันเพิ่งตื่นเอง ทำไมนายถึงจะมาด้วย!"

"แน่นอนว่าฉันจะไปกินอาหารทะเลกับนาย ไม่ต้องกังวลว่าฉันกินหรือไม่ ฉันจะไม่ประหยัดเงินของนายแน่นอน"

"ฉันวางแผนที่จะไปซื้อขนมปังนึ่ง นายอยากกินด้วยไหม?" สือเหล่ยปัดมือของซื่ออี้ออกราวกับว่าเขาดูถูกคนแบบนี้ที่คอยแต่จะหาประโยชน์จากคนอื่น

ซื่ออี้หัวเราะและพูด "อย่าล้อเล่นน่า ลูกเศรษฐีอย่างนายจะมากินขนมปังนึ่งแบบพวกเราได้ยังไง นอกจากนี้แม้ว่าจะเป็นพวกเรา แต่พวกเราก็เพิ่งกลับมาที่โรงเรียนในวันอาทิตย์ แม้แต่พวกเราก็มีเงินพอและไม่จำเป็นต้องกินขนมปังนึ่ง ไปกันเถอะพ่อลูกเศรษฐี วันนี้พวกเราจะกินอะไรกันดี!"

"หุบปาก!" โทรศัพท์ของสือเหล่ยดังขึ้นพร้อมๆกับคำพูดของเขา เขาเห็นว่าซื่ออี้ยังต้องการเข้ามาใกล้เขาและจะเอาแขนขึ้นมาโอบคอของเขา สือเหล่ยแกล้งทำเป็นจะเตะเขาออกไป เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและมีสายเข้ามาจากจางเหมยเหมย

"สวัสดีครับ คุณจาง"

ซื่ออี้ยังคงพยายามและสือเหล่ยได้โบกมือบอกให้เขาหยุด ผ่านทางโทรศัพท์ จางเหมยเหมยดูเหมือนจะไม่พอใจและพูดออกมา "คุณสือ มันเป็นเวลาบ่ายสองโมงครึ่งแล้ว คุณควรจะมาถึงบ้านของฉันเพื่อสอนเหลียงเหลียงในเวลาบ่ายสอง แต่ฉันเพิ่งโทรหาเธอและเธอบอกว่าคุณยังไม่มา?"

สือเหล่ยอึ้งไปชั่วขณะและจำได้ว่าเขามีงานสอนพิเศษ เขาสับสน "คุณไม่ได้บอกผมว่าผมต้องไปสอนในวันนี้หนิ"

จางเหมยเหมยพ่นลมหายใจออกมา "ฉันออกไปตั้งแต่เช้า ฉันว่าจะโทรหาคุณ แต่เมื่อคิดว่าวัยรุ่นอย่างคุณชอบนอนในช่วงวันหยุด ดังนั้นฉันจึงส่งข้อความไป มันเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าฉันต้องการให้คุณมาสอนเหลียงเหลียงในวันนี้"

สือเหล่ยตรวจสอบโทรศัพท์ของเขาอย่างรวดเร็วและเพิ่งเห็นข้อความ สือเหล่ยขอโทษ "ผมขอโทษ ข้อความที่ผมได้รับมักจะเป็นโฆษณา ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยได้สนใจมันเท่าไร เอาอย่างนี้ ผมอยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณเท่าไร ผมจะไปในตอนนี้และพวกเราจะเริ่มกันในตอนบ่ายสาม"

เมื่อได้ยินคำอธิบาย จางเหมยเหมยดูเหมือนจะคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้และน้ำเสียงของเธอก็ไม่ได้เข้มงวดอีก "ได้ แต่ฉันหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกในครั้งต่อไป สัญญาด้วยวาจาก็ยังถือว่าเป็นสัญญา คุณเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย คุณควรจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกฎหมายอยู่บ้าง "

สือเหล่ยหมดคำพูด เขาคิดกับตัวเองว่ามันคงจะเป็นความคิดด้านเดียวของจางเหมยเหมยและเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับมัน มันกลายเป็นคำสัญญาด้วยวาจาได้อย่างไร? แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนประเภทที่จะโต้แย้ง ดังนั้นเขาจึงพูด "โอเค ผมจะระมัดระวังในครั้งต่อไป แต่คุณจาง ได้โปรดโทรหาผมในครั้งต่อไป ผมไม่เคยตรวจสอบข้อความเลยนับตั้งแต่ที่ผมได้โทรศัพท์มา"

จางเหลียงเหลียงไม่ได้พูดอะไรอีกและวางสายไปทันที สือเหล่ยได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์และพูดออกมา "หยาบคาย!" จากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า

ซื่ออี้ยังคงวนเวียนอยู่กับสือเหล่ยและถาม "คุณจาง เกิดอะไรขึ้น? นั่นควรจะเป็นคุณน้าคนสวยใช่ไหม? "

เขาพยักหน้าและซื่ออี้ก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงยิ้มเยาะ "ตามที่คาดไว้ของลูกเศรษฐี พวกเราไม่สามารถแม้แต่จะได้สาวในมหาวิทยาลัยของพวกเรา แต่นายกลับได้ผู้หญิงที่โตเต็มที่แล้ว ฮิฮิ ก้อนหิน รสนิยมของนายค่อนข้างแปลก...... "

สือเหล่ยเตะออกไป และซื่ออี้ก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน สือเหล่ยสถบ "หุบปาก!"

"เฮ้ ฉันไม่สามารถหุบปากได้ ฉันยังไม่ได้กิน!"

"งั้นก็ขนมปังนึ่งละกัน! ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังยุ่ง!"

"นายกินขนมปังนึ่งจริงๆเหรอ? งั้นไม่เป็นไร!" ซื่ออี้วิ่งออกไปอย่างหน้าด้าน

 

**ชื่อตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ

จาก ซื่อหมิง เป็น ซื่ออี้

จาก ลั่วอี้ เป็น ลั่วหมิง

ปล. สองคนนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องร่วมหอของสือเหล่ยกับจางโม่อีกคน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด