ตอนที่ 43 - สิ้นสุดการฝึกฝนของมือใหม่
ตอนที่ 43 - สิ้นสุดการฝึกฝนของมือใหม่
สือเหล่ยไม่เคยรู้เลยว่าคนที่ใช้เงินแบบมีความกดดันน้อยที่สุดในโลกนี้เป็นอย่างไร แต่บุคคลตรงหน้าเขาได้ทำให้เขาได้สัมผัสกับประสบการณ์เช่นนั้น
แม้ว่าอาหารและเครื่องดื่มจะไม่ได้แตกต่างกับบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลทั่วไป แต่จางเหลียงเหลียงก็เลือกร้านที่อยู่สูงที่สุดในหวู่ตง ซึ่งเป็นร้านที่อยู่สูงเป็นอันดับที่สองในประเทศจีน
บางทีอาจเป็นเพราะร้านอยู่ค่อนข้างสูง ราคาของมันจึงแพงตามไปด้วย
สือเหล่ยอาจจะไม่สูญเสียการควบคุมต่อหน้าอาหารที่มีราคาเพียงไม่กี่พันเนื่องจากเขาได้เห็นมามากแล้ว แต่กับนักเรียนชั้นมัธยมต้นอายุประมาณ 16 ปีที่สามารถใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ได้และไม่ได้คิดว่ามันเป็นอะไรได้ทำให้สือเหล่ยถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์สะเทือนใจ
เมื่อพวกเขาได้รับอาหาร จางเหลียงเหลียงก็พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับร้านนี้ อย่างเช่น ถ้าพวกเขาวัดความสูงของร้านนี้มาตั้งแต่โรงจอดรถ มันจะเป็นร้านที่อยู่สูงที่สุดในประเทศจีน แต่เนื่องจากตามปกติแล้วพวกเขาคำนวณเฉพาะจากพื้นดินขึ้นไปเท่านั้น ทำให้มันจบลงด้วยอันดับที่สอง และแม้ว่ามันจะไม่ใช่ภัตตาคารที่อยู่สูงที่สุดในโลก แต่มันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นร้านบุฟเฟต์ที่อยู่สูงที่สุดในโลก
สือเหลยไม่รู้ว่าจางเหลียงเหลียงจะบอกข้อมูลเหล่านี้กับเขาทำไม ดังนั้นเขาจึงถาม "งั้นหมายความว่าคนหวู่ตงชอบที่จะโชว์พาวใช่มั้ย?"
จางเหลียงเหลียงไม่เข้าใจสือเหล่ย ดังนั้นเธอจึงมองเขาด้วยความประหลาดใจ
สือเหล่ยอธิบายว่า "เธอก็รู้ ตึกที่สูงที่สุดในโลกไม่ใช่ที่นี่ใช่ไหม? แม้แต่ตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีนก็ยังไม่ใช่ที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะเปรียบเทียบภัตตาคารเพียงอย่างเดียว แต่มันก็เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ร้านที่อยู่สูงที่สุดแต่อย่างใด แต่นี่คือร้านบุฟเฟ่ต์ที่อยู่สูงที่สุดในโลก นี่เป็นคำกล่าวที่เปรียบเทียบกับคนอื่นๆจากภูมิภาคหรือประเทศอื่นๆ พวกเขาคิดว่าในที่สูงเช่นนี้พวกเขาควรจะกินสิ่งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น พวกเขาคิดยกย่องกันว่าภัตตาคารที่พวกเขามีนั้นสุดยอด แต่สำหรับพวกเราแล้ว พวกเราแค่มากินบุฟเฟต์เท่านั้น แม้ว่าราคาจะแพงไปบ้าง แต่ถ้าเก็บเงินสักหน่อย ใครก็จะมากินมันได้ทั้งนั้น ไม่เหมือนกับภัตตาคารที่อยู่สูงที่สุดในประเทศจีนที่ตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ เธอไม่สามารถแม้แต่จะจ่ายได้แม้ว่าเธอจะกินแค่ขนมปังตลอดทั้งปี ดังนั้นคนหวู่ตงก็แค่จะโชว์พาวออกมาให้กับลูกเศรษฐีบางคนอย่างเธอ เธอคิดว่าที่นี่มันเยี่ยมยอดแล้วงั้นเหรอ!"
"เฮ้! คุณลุง คุณกำลังพูดอะไรหน่ะ? ฉันคิดว่ามันค่อนข้างน่าสนใจเฉยๆ ทำไมคุณถึงว่าฉันแบบนี้?" จางเหลียงเหลียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"เธออาจไม่เคยขาดแคลนในชีวิตเลย ค่าใช้จ่ายนี้มันมากกว่าหนึ่งพันต่อหนึ่งคน แต่ในความเป็นจริง เมื่อมองไปที่สิ่งเหล่านั้น พวกมันก็ไม่ดีไปกว่าของที่มีราคาสองสามร้อยเลย ถ้ามันไม่ใช้สำหรับเธอที่ใช้เงินราวกับเป็นเศษกระดาษ ใครจะยอมมากระเป๋าฉีกที่นี่กัน?"
"งั้นก็ง่ายๆ ถ้าคุณจ่ายเงิน มันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร"
สือเหล่ยโบกมืออย่างรีบร้อน มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการจ่ายเงิน 2,000 หยวน แต่เป็นเพราะประการแรก เขาไม่แน่ใจว่าจางเหลียงเหลียงจะถูกมองว่าเป็นเหมือนของเขาหรือไม่ สือเหล่ยไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เนื่องจากคทาเป็นคนตัดสิน ประการที่สองนั้นร้ายแรงกว่า นั่นเพราะสือเหล่ยใช้เงินเกือบจะหมดแล้ว
สือเหล่ยใช้ในโควตาสัปดาห์นี้ไปแล้วตามการคำนวณของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้นับเงินโควต้า แต่เขาก็เหลือเงินอยู่ประมาณหนึ่งร้อยหยวนเท่านั้น เงิน 120 หยวนที่เป็นค่าสอนพิเศษจางเหลียงเหลียง
"ในฐานะผู้ชาย ฉันต้องทำตามข้อตกลง การจ่ายเงินรอบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับของราคาแพงแบบนี้ มันจะทำให้ลูกเศรษฐีอย่างเธอรู้จักควบคุมมันมากยิ่งขึ้น"
"ฉันไม่ได้เป็นลูกเศรษฐี แม่ของฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น"
"ถ้าเธอคิดว่าแม่ของเธอไม่ได้มีเงินมากจริงๆ เธอก็ควรจะช่วยเขาประหยัดนะ มันเป็นแค่อาหารเย็น เธอสามารถเลือกร้านอาหารแบบสุ่มๆและจัดการมันด้วยเงินไม่กี่ร้อยได้"
จางเหลียงเหลียงโกรธขึ้นมาทันที เธอกระแทกจานที่เต็มไปด้วยอาหารบนเคาน์เตอร์และเดินออกไป สือเหล่ยไม่รู้ว่าเขาทำอะไรให้เธอโกรธ เขารีบตามเธอไปอย่างรวดเร็วด้วยจานสองใบในมือ
ดีที่จางเหลียงเหลียงไม่คิดจะออกไป แต่แค่เดินกลับมายังที่นั่งที่เธอเลือกไว้และนั่งลงด้วยความโกรธ ร่างของเธอหันหน้าไปทางหน้าต่าง และมองลงมาที่เมืองหวู่ตงซึ่งมองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงไฟ
“นี่มันอะไรกันเนี้ย? เธอจะไม่กินงั้นเหรอ?” สือเหล่ยวางจานลงตรงหน้าจางเหลียงเหลียงและถาม
"กินตูดอะไร ฉันอิ่มคำสอนของคุณแล้ว!"
สือเหล่ยหัวเราะ เขายัดหอยเป๋าฮื้อตัวเล็กๆใส่ปากและพูด "ราคาของมันตั้งพันหยวน มันน่าเสียดายนะถ้าเธอไม่กิน!"
"คุณจะใส่ใจทำไมกับเงินทั้งหมดนี้?" จางเหลียงเหลียงจ้องมองสือเหล่ยด้วยความโกรธ
สือเหล่ยยังคงหัวเราะและพูดต่อ "มันคงจะดีถ้าเธอรู้ค่าของเงิน!"
"กิน กิน กินซะ ฉันหวังว่าคุณจะตายไปจากการกิน!"
"กินจนตายดีกว่าตายเพราะอดกิน!"
"...... " จางเหลียงเหลียงพูดไม่ออก หลังจากกินเสร็จ สือเหล่ยต้องการจะไปส่งจางเหลียงเหลียงที่บ้าน แต่เธอไม่สนใจเขา เธอเรียกรถแท็กซี่และกลับไปโดยไม่มีสือเหล่ย สือเหล่ยรีบเรียกอีกคนและตามจางเหลียงเหลียงไปเพื่อทำให้แน่ใจว่าเธอกลับไปที่บ้านและไม่ได้ที่บาร์ จากนั้นเขาจึงกลับไปที่มหาวิทยาลัย
ทันทีที่เขาลงจากรถ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น สือเหล่ยตรวจดูและพบว่าเป็นข้อความจากจางเหลียงเหลียง
เอ้อเจี่ย: คุณกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้วเหรอ?
หินสามก้อน: ฉันเพิ่งลงจากรถเอง
เอ้อเจี่ย: ฉันหิว มากินข้าวกับฉันหน่อย
หินสามก้อน: เธอบ้าหรือเปล่า? คุณเพิ่งกินเสร็จไปและเธอหิวอีกแล้วเหรอ?
เอ้อเจี่ย: เมื่อกี้คุณกินทุกอย่างและฉันก็กินแค่ผลไม้
หินสามก้อน: บุฟเฟ่ต์ราคากว่าพันหยวนและเธอก็กินเฉพาะผลไม้เท่านั้น เธอโง่หรือเปล่าเนี้ย?
เอ้อเจี่ย: ……
เอ้อเจี่ย: ฉันไม่สน คุณต้องมากินข้าวกับฉัน
หินสามก้อน: ฉันง่วงแล้วและฉันอยากจะนอน กินขนมไม่ก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปละกัน โอ้ หรือบางทีอาจจะเป็นช็อกโกแลต ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดี ช็อคโกแลตสามารถทำให้เธอมีความสุขขึ้นมาได้
เอ้อเจี่ย: ……
เอ้อเจี่ย: ไม่เอา! ไม่เอา!
สือเหล่ยคิดและตัดสินใจที่จะไม่ตอบ ขณะที่เดินเข้าหอพัก โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีก สือเหล่ยหยิบมันออกมาและมันก็ยังเป็นจางเหลียงเหลียง
เอ้อเจี่ย: ดูที่ไทม์ไลน์ของฉัน
สือเหล่ยขมวดคิ้วและเปิดไทม์ไลน์ใน Wechat ของเธอ ตามที่คาดไว้ เขาได้เห็นโพสต์รูปถ่ายใหม่ๆของจางเหลียงเหลียง มันมีทั้งหมดสี่รูป ภาพแรกคือภาพวิวในยามค่ำคืนนอกภัตตาคารและแสงไฟที่ชวนหลงใหล ภาพที่สองคือบรรยากาศของภัตตาคาร ทุกๆคนที่ไปที่ร้านจะรับรู้ได้ถึงการตกแต่งที่โอ่อ่าของภัตตาคาร ภาพที่สามเป็นจานที่เต็มไปด้วยอาหารที่มีทั้งกุ้งล็อบสเตอร์และหอยเป๋าฮื้อ ภาพที่สี่คือเซลฟี่ของจางเหลียงเหลียง เธอสวยน่ารักแม้จะไม่ได้แต่งหน้า รวมทั้งใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยคอลลาเจน ซึ่งมันดียิ่งกว่าการใช้เครื่องสำอางค์
หินสามก้อน: สวยๆ
เอ้อเจี่ย: ใช่มั้ยล่า?
หินสามก้อน: มีอะไรอีก?
เอ้อเจี่ย: ไปตายซะ!
สือเหล่ยเกาหัวของเขา เมื่อคืนว่ามันค่อนข้างยากที่ความสวยงามและความดื้อรั้นเช่นนี้จะไปด้วยกันได้
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน สือเหล่ยเดินออกจากประตูมหาวิทยาลัย เมื่อมองไปที่เวลา อีกเพียงหนึ่งนาทีก็จะถึงเที่ยงคืน เขาจึงเดินเข้าไปที่ตู้เอทีเอ็ม
เขาสอดบัตรสีดำเข้าไปในตู้เอทีเอ็มและภาพที่คุ้นเคยได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง คทาค่อยๆหมุนจากจุดสีทองจนเป็นคทาเต็มตัว
ก่อนที่สือเหล่ยจะเปิดปากของเขา เสียงของคทาก็ดังขึ้นมาซะก่อน
"ขอแสดงความยินดีด้วยทาสของข้า ผ่านความพยายามอย่างหนักในช่วงสี่สัปดาห์ เจ้าได้ผ่านช่วงการฝึกฝนของมือใหม่แล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นทาสของข้าอย่างเป็นทางการแล้ว "
สือเหล่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดพลาดและถามออกมาอย่างระมัดระวัง "อย่างเป็นทางการ ท่านหมายความว่ายังไง?"
คทาหัวเราะอย่างแปลกประหลาดด้วยความพึงพอใจ "ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนว่ามันหมายความตามนั้น!"
"แล้วสี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหล่ะ?"
"เจ้าโง่! ไม่ใช่ว่าข้าเพิ่งบอกเจ้าไปเหรอว่าเจ้าได้ผ่านช่วงการฝึกฝนของมือใหม่มา? เห็นได้ชัดว่าสี่สัปดาห์ก่อนคือการฝึกฝน! "
"มันแตกต่างกันยังไง ฉันก็ยังถูกลงโทษถ้าฉันไม่ได้ใช้จ่ายเงินให้หมด!"
คทาหัวเราะอย่างแปลกประหลาดอีกครั้งและสือเหล่ยเองก็รู้สึกประหลาดใจกับมัน ในเวลาเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง
"การลงโทษในช่วงฝึกฝนจะไม่พรากชีวิตของเจ้า ฮีฮีฮี"
"อย่าบอกฉันนะว่าฉันสามารถลาออกได้ตลอดเวลาในช่วงเวลาฝึกฝน!"
"ทาสที่ต่ำต้อย ดูเหมือนว่าหลังจากการฝึกฝนในสี่สัปดาห์นี้ ไอคิวของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!"
บัดซบ!