ตอนที่แล้วตอนที่ 39 - ยอมรับสัญญา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 - คุณลุงกับเด็กน้อย   

ตอนที่ 40 - กระเป๋าฉีก


ตอนที่ 40 - กระเป๋าฉีก

 

เรื่องที่อยู่ดีๆสือเหล่ยมีแฟนที่สวยและน่ารัก เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของเพื่อนร่วมห้องสือเหล่ยย่อมไม่พอใจ

พวกเขาบ่นกับสือเหล่ยตลอดทั้งช่วงบ่ายและน้ำลายของพวกเขาพ่นออกมาก็เกือบจะเพียงพอสำหรับให้สือเหล่ยอาบน้ำ แต่ถึงอย่างไร สือเหล่ยก็ไม่ได้สนใจพวกเขา

ประเด็นคือสือเหล่ยอยากจะความรุนแรงออกมาซะจริงๆ แต่ฝ่ายตรงข้ามทั้งมีถึงสามคนและจางโม่ยังมีตัวอ้วนเป็นอย่างมากจนเขาสามารถแทนที่ได้ถึงสองคน สือเหล่ยจึงทำได้แค่อดทนเท่านั้น

เมื่อมองไปที่ความรู้สึกของพวกเขาทั้งสามและน้ำลายที่พวกเขาพ่นออกมาทั้งหมด สือเหล่ยก็ร้องไห้และพึมพำออกมาซ้ำๆ 'หัวใจของฉันมันเจ็บแสบ แต่ฉันก็หวาดกลัวเกินไปที่จะพูดมันออกมา' ในที่สุดทั้งสามก็พร้อมใจกันหยุดและต้องการให้สือเหล่ยเลี้ยงข้าวพวกเขา

สือเหล่ยรู้สึกโล่งใจจากภาระ "ไม่ใช่แค่ข้าวหรอกใช่ไหม? บอกมา พวกนายหวังอะไรถึงบ่นฉันมาตลอดทั้งบ่ายแบบนี้?"

ทั้งสามบิดขี้เกียจ จางโม่ยืดเอวของตัวเองซึ่งมันหนาซะยิ่งกว่าไหล่ของเขา และพยายามทำให้ตัวเองดูเป็นคนชอบธรรมและมีคุณธรรมมากขึ้น เขาพูด "นายคิดว่ามันจะเป็นอาหารมือง่ายๆงั้นเหรอ? พวกเราต้องการอาหารทะเล อาหารทะเลมื้อใหญ่!"

ซื่อหมิงพูดออกมาอย่างชอบธรรมเป็นอย่างมาก "ใช่แล้ว พวกเราต้องการล็อบสเตอร์ ล็อบสเตอร์ตัวใหญ่ๆ บอสตัน ไม่สิ ออสเตรเลี่ยนล็อบสเตอร์! "

"และหอยเป๋าฮื้อ แปดหัว ...... "

ก่อนที่ลั่วอี้จะพูดจบประโยคของเขา มือที่คล้ายกับลูกชิ้นของจางโม่ก็ตบลงบนหลังหัวของเขา "นายบ้าเหรอ? พวกเราต้องเอาหอยเป๋าฮื้อสองหัว กับคนที่ร่ำรวยอย่างสือเหล่ย นายคงไม่ได้พอใจแค่การกินหอยเป๋าฮื้อแปดหัวหรอกนะ!"

ลั่วอี้มองไปที่จางโม่อย่างโง่เขลาและพูด "ไม่ใช่ว่าแปดหัวมันแพงกว่างั้นเหรอ? แปดหัว มันต้องใหญ่!"

ซื่อหมิงเตะและสบถออกมา "นี่นายโง่รึเปล่า? หอยเป๋าฮื้อแปดหัว? นายคิดว่ามันเป็นยามาตะโนะโอโรจิงั้นเหรอ?"

"งั้นแปดหัวกับสองหัวมันหมายความว่าไง?" ลั่วอี้ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อเรื่องที่ไม่รู้จัก

สือเหล่ยพูดไม่ออกและส่ายหัวของเขา "เห็นแก่ความอยากรู้ในสิ่งใหม่ๆของนาย ฉันจะบอกให้ฟังเอง หลังจากที่หอยเป๋าฮื้อแห้ง ขนาดของมันจะแยกออกเป็นสองหัว สามหัว สี่หัวเป็นต้น ในกรณีนี้ มันกล่าวได้ว่าหอยเป๋าฮื้อที่มีน้ำหนัก 500 กรัมสองตัวคือสองหัว หอยเป๋าฮื้อสี่ตัวที่มีน้ำหนัก 520 กรัมคือสี่หัว...... "

ขากรรไกรของลั่วอี้ตกลงด้วยความตกใจ "งั้นมันก็คือ? ฉันคิดว่ายิ่งมีหัวมาก มันจะยิ่งแพงขึ้นและอร่อยยิ่งขึ้น! ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอาสองหัว ไม่สิ หัวเดียวก็พอ! "

แม้แต่สือเหล่ยเองก็ทดไม่ไหวอีก เขายกขาขึ้นและเหยียบมันลงบนใบหน้าของลั่วอี้ "หัวเดียว? ลองตัวหัวของนายแล้วตากแห้งมันดูสิ นั่นแหละหัวเดียว! ไม่ต้องคิดแม้แต่สองหัว ฉันไม่สามารถจ่ายมันได้ แม้ว่าฉันจะสามารถจ่ายได้ มันก็ยากที่จะหาพบ นายคิดจริงๆเหรอว่ามันหาได้ทุกที่บนถนน?"

"เลิกไร้สาระกันได้แล้ว อาหารทะเลชุดใหญ่ ไปหรือไม่ไป?" จางโม่ถามอย่างฉะฉาน

สือเหล่ยพูดอย่างขี้เกียจ "แค่อาหารเท่านั้นนะ ฉันบอกนายไว้เลยนะว่าห้ามวุ่นวายมากกว่านี้แล้ว มันเป็นช่วงบ่ายที่ดีและฉันก็เสียมันไป ฉันจะไปล้างหน้า แล้วจะพาไปกินกุ้งล็อบสเตอร์กับหอยเป๋าฮื้อ ...... "

เมื่อเป็นเช่นนั้น สือเหล่ยจึงหยิบผ้าขนหนูของเขา พาดมันไว้เหนือไหล่ และเดินไปที่ห้องน้ำ

เมื่อสือเหล่ยพาจางโม่และคนอื่นๆไปที่ภัตตาคารอาหารทะเล พนักเสิร์ฟก็ดุ้งขึ้นและวิ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์โดยไม่พูดแม้แต่คำว่า 'ยินดีต้อนรับ' ออกมา

ขณะที่เขาวิ่ง เขาได้ตะโกนว่า "ผู้จัดการ ไอ้บ้ากุ้งล็อบสเตอร์กลับมาแล้ว ...... " สือเหล่ยหมดคำพูด

แต่ผู้จัดการก็ค่อนข้างใจเย็น มันไม่สำคัญว่าสือเหล่ยจะแปลกยังไง แต่อย่างน้อยสือเหล่ยกำลังให้เงินกับเขา แม้ว่าพวกเขาจะมีคำถามแปลกๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ลำบากอะไรและสือเหล่ยก็ไม่เคยลังเลที่จะจ่ายเงิน ผู้จัดการเอ่ยทักทายเขาด้วยรอยยิ้มจนใกล้เคียงกับการคำนับ "คุณสือ คุณมาที่นี่อีกแล้ว!? คุณไม่ได้มาที่นี่พักหนึ่ง ฉันคิดว่าคุณป่วยซะอีก งั้นวันนี้คุณมีวิธีการใหม่ๆในการรับประทานอีกไหม?"

สือเหล่ยกรอกตาและคิด นายคิดจริงๆเหรอว่าฉันอยากจะกินมันมากแบบนั้น? โปรตีนที่สูงมากขนาดนั้นถ้าเขาป่วยก็คงจะเป็นเพราะเขากินมันมากเกินไปจริงไหม? ผู้จัดการเพิ่งจะพูดถึงสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะคิดถึงดังนั้นใบหน้าของสือเหล่ยจึงค่อยๆร้อนขึ้นมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายตาของจางโม่และคนอื่นๆที่มีต่อเขาอย่างแปลกประหลาด จางโม่พูดอย่างเป็นนัย "นายคุ้นเคยกับพวกเขางั้นเหรอ? ดูเหมือนว่านายจะมาที่นี่บ่อยโดยไม่มีพวกเรานะ? "

สือเหล่ยยิ้มอย่างขื่นขมและส่ายหน้า จางโม่โกรธ "เฮ้ นายกำลังปฏิเสธมันงั้นเหรอ? อืม ผู้จัดการ คุณเป็นผู้จัดการใช่มั้ย? " จางโม่หันไปหาผู้จัดการภัตตาคาร ผู้จัดการก็ยังคงมองไปที่ร่างกายของจางโม่ แต่เมื่อเขาเห็นว่าจางโม่กำลังถามคำถาม เขาจึงพยักหน้าออกมาอย่างเร่งรีบ จางโม่พูดออกมาอีกครั้ง "ผู้ชายคนนี้มาที่ร้านของคุณบ่อยๆหรือเปล่า? และเขามาตามลำพังอยู่เสมอใช่ไหม? "

ผู้จัดการมองไปที่สือเหล่ยและพยักหน้าอย่างเงียบๆ

จางโม่ส่ายหัวขนาดอย่างน้อย 15 กิโลกรัมของเขา และถอนหายใจ " ชายคนนี้ ฉันคิดว่านายเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนตั้งแต่ที่นายซ่อนแฟนสวยๆของนายไว้ห่างจากพวกเรา ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่เป็นคนชอบเก็บเงิน! โอ้ ไม่ ถ้าจะให้ถูกต้อง นายเป็นคนขี้งก ดูนายสิ นายมีเงินมากมาย งั้นมันจะมีอะไรผิดที่จะเลี้ยงพวกเรา สหาย กุ้งล็อบสเตอร์นานๆครั้งงั้นเหรอ? จริงๆแล้วนายแอบมาที่นี่ตามลำพังงั้นเหรอ? หึหึ ยิ่งนายรวยมากเท่าไร นายก็ยิ่งขี้งกเท่านั้น!"

ในขณะที่เขาพูด จางโม่ก็เดินไปยังตู้โชว์อาหารทะเลและชี้ไปที่กุ้งล็อบสเตอร์ "อ่าาา นี่มันทำให้ฉันเศร้าจริงๆ ฉันเหนื่อยมามากจากสั่งสอนนายตลอดทั้งบ่ายและพลังงานของฉันจะไม่กลับมาจนกว่าฉันจะได้กินกุ้งล็อบสเตอร์สักสองตัว เอ่อ ผู้จัดการ เอากุ้งออสเตรเลี่ยนล็อบสเตอร์สองตัวมาก่อน แล้วฉันจะสั่งเพิ่มอีกถ้ามันไม่พอ"

ผู้จัดการมองไปที่สือเหล่ยที่กำลังพูดไม่ออก เขาโบกมือและพูด "สอง!แล้วก็เอาหอยเป๋าฮื้อที่ใหญ่ที่สุดที่คุณมีมาให้พวกเราอีกสี่ที่ และหูฉลามมาให้พวกเราคนละที่......"

"ฉันขอสองได้ไหม? หูฉลามเป็นของดี " ลั่วอี้พูดสอด

สือเหล่ยมองไปที่เขาและถอนหายใจ "งั้นก็เอามาให้พวกเขาคนละสองที่ ฉันเอาแค่ที่เดียวก็พอ พวกนายต้องการรังนกอีกสักสองที่ไหม? "

ลั่วอี้และซื่อหมิงพยักหน้าอย่างแข็งขันพร้อมๆกัน ผู้จัดการจดมันไว้ แต่ก็แอบคิดว่า 'คุณสือมีเพื่อนแบบนี้เหรอ?' ไม่ใช่ว่าคนรวยๆมักจะเป็นเพื่อนกับคำที่รวยเหมือนกันเหรอ? แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้มันคืออะไรกัน?

พวกเขาสั่งอาหารหลายจานและพวกเขาก็ไม่สุภาพกับสือเหล่ยเลย หลังจากที่พวกเขาสั่งอาหารเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งสามยังเดินไปรอบๆตู้โชว์พร้อมด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย มันดูเหมือนกับว่าถ้ากระเพราะอาหารของพวกเขามีที่ไม่จำกัด และพวกเขาคงจะยกเอาทั้งภัตตาคารกลับไปที่บ้านแล้ว

ค่าอาหารเป็นเงินมากกว่า 8,000 หยวน จางโม่และคนอื่นๆลูบท้องของพวกเขาที่หนักจนพวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นได้ ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกถึงความเสียใจ

"เอ่ออ ...... " ก่อนที่จางโม่จะเปิดปากของเขา เขาได้เรอออกมาและมันก็เต็มไปด้วยกลิ่นของอาหารทะเล

"เอ่อ ก้อนหิน พวกเราเสียสติไปงั้นเหรอ?"

ลั่วอี้และซื่อหมิงก็ได้เรอออกมาเช่นกันเมื่อพวกเขามองไปที่สือเหล่ย สือเหล่ยหัวเราะและพูดออกมาเบาๆ "ไม่เป็นไร มันเข้าใจได้ มันก็เป็นบางครั้งบางคราว"

ดวงตาเล็กๆของจากโม่เปลี่ยนไปและพูดออกมาอย่างมีความสุข "บางครั้งฟังดูดี แต่ไม่บ่อยนัก เดือนละครั้ง? ไม่ ไม่ ไม่ นั่นมันดูถูกเขาเกินไปสำหรับก้อนหินที่มั่งคั่งของพวกเรา งั้นอาทิตย์ละครั้งละกัน! หลังจากนี้ ทุกวันพุธจะเป็นวันของพวกเรา มันฟังดูเป็นยังไงก้อนหินผู้มั่งคั่ง?"

สือเหล่ยตัดบทด้วยคำพูดของเขา "ไปตายซะ!" นอกจากนี้สิ่งที่มาพร้อมกับคำพูดของเขาย่อมเป็นนิ้วกลางของเขา

 

** เรื่องหอยเป๋าฮื้อนี่ผมไม่เข้าใจแล้วก็หาข้อมูลไม่เจอจริงๆครับ ขออนุญาตแปลตรงตัวไปเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด