ตอนที่แล้วตอนที่ 26 - ไอเดียฉับพลัน 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 - แฟนกันหนึ่งปี

ตอนที่ 27 - ประวัติศาสตร์ความเจ็บปวดของการวางมาด 


ตอนที่ 27 - ประวัติศาสตร์ความเจ็บปวดของการวางมาด

 

ทันทีที่สือเหล่ยเดินเข้าไปในร้านของเอเลี่ยนแวร์ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวขึ้นมาทันที

ครั้งแรกที่เขาเข้ามา เขาล้มเหลวในการแสร้งทำเป็นเจ๋ง แม้ว่าพนักงานจะไม่ได้พูดอะไรออกมาและขายแล็ปท็อปมูลค่า 20,000 หยวนอย่างมีความสุข แต่สือเหล่ยก็ค่อยข้างรู้สึกอักอ่วน

ครั้งที่สองเป็นการโต้กลับที่ยิ่งใหญ่ เขาเดินเข้ามาในร้านโดยอ้างว่าความสามารถในการกันน้ำของแล็ปท็อปนั้นแย่มาก จากนั้นเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขามีเงินมากพอและดูถูกว่าแล็ปท็อปรุ่น 20,000 หยวนนั้นไม่เพียงพอสำหรับเขา ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ประหลาดใจและดูยกย่องจากพนักงาน เขาซื้อแล็ปท็อปที่ราคาแพงที่สุดในร้านทันที ในเวลานั้นเขารู้สึกดีมากจากความปิติที่เขาวางมาดได้สำเร็จ

แต่หลังจากผ่านไปเพียงวันเดียว เขาก็นำแล็ปท็อปของเขากลับมาคืนหลังจากใช้งานไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง!

ใช่แล้ว สือเหล่ยมาเพื่อขอคืนเงิน

ถึงแม้ว่าเขาจะลังเล แต่เพื่อการรวบรวมเงินสำหรับการผ่าตัดบายพาสแม่ของซุนอี้อี้ ในที่สุดสือเหล่ยก็ตัดสินใจที่จะทำตามนี้

มันอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของใครบางคน มันก็แทบจะไม่เป็นปัญหาเลย

สือเหล่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเดินเข้าไปในร้านเอเลี่ยนแวร์

มันยังคงเป็นพนักงานคนเดิม ช่วงเวลาที่เขาเห็นสือเหล่ยเดินเข้ามาในร้าน ม่านตาของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรงและเป็นกังวล

เขาก็มีภาพปรากฏขึ้นมาในใจของเขาอย่างฉับพลัน ภาพของลูกค้าที่ร่ำรวยคนนี้ได้เอาน้ำเทลงบนแป้นพิมพ์ของแล็ปท็อปเพื่อทดสอบความสามารถในการกันน้ำของเอเลี่ยนแวร์รุ่นที่ดีที่สุด

'อย่าบอกฉันนะว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ?'

พนักงานฝืนยิ้มบนใบหน้าของเขาและเอ่ยทักทาย

"นายท่าน มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า? อย่าบอกนะว่าคุณได้เทน้ำลงบนแล็ปท็อปอีกครั้ง?"

สือเหล่ยยื่นแล็ปท็อปไปยังมือของพนักงาน และพูดอย่างรวดเร็วด้วยเสียงต่ำ "ฉันจำได้ว่าร้านของคุณสามารถขอคืนเงินได้โดยไม่มีเหตุผลภายในเจ็ดวันไม่ว่าจะเป็นการซื้อออนไลน์หรือการซื้อผ่านหน้าร้านใช่ไหม?"

เอ่อ…...

นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันฝันอยู่! อย่าบอกฉันว่าเมื่อคืนฉันนอนผิดท่าและกำลังฝันอยู่? - พนักงานลอบบีบต้นขาของเขา เวรเอ้ย มันเจ็บ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ฝันอยู่

"นายท่าน ขอโทษนะครับเมื่อครู่คุณพูดว่าอะไรนะ?"

"ฉันบอกว่าฉันจำได้ว่าร้านของคุณสามารถขอคืนเงินได้โดยไม่มีเหตุผลภายในเจ็ดวัน ไม่ว่าฉันซื้อออนไลน์หรือผ่านหน้าร้านก็ตามใช่ไหม?" คราวนี้สือเหล่ยพูดเร็วขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ แม้กระทั่งเขายังรู้สึกอายตัวเอง มันยังดีที่ห้างเพิ่งเปิดจึงไม่มีลูกค้าคนอื่นๆอยู่ภายในร้าน แม้แต่พนักงานคนอื่นก็ยังยุ่งอยู่กับงานของพวกเขา

"นายท่าน ฉันไม่เข้าใจจริงๆ...... คุณพูดช้าๆได้มั้ย?" พนักงานสงสัยว่าเขาได้ยินสือเหล่ยพูดผิด ไม่ใช่ว่ามันไม่มีการคืนเงิน แต่คนอย่างสือเหล่ย ผู้ที่ซื้อแล็ปท็อปสองเครื่องภายในสองสัปดาห์ซึ่งเครื่องแรกนั้นเขาได้ทำมันพังเอง และเขาไม่แม้แต่จะกังวลเรื่องการซ่อมมันและเพิ่งจะซื้ออีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นรุ่นที่ดีที่สุดไป พนักงานไม่คิดว่าคนร่ำรวยมากๆอย่างเขาจะมาขอคืนเงิน 'เขากำลังทำบ้าอะไรกับฉันอยู่เนี้ย?'

"คุณได้ยินมันจริงๆใช่มั้ย?" สือเหล่ยกล่าวด้วยความหงุดหงิด

พนักงานถอนหายใจและพูดออกมา "คุณไม่พอใจอะไรเกี่ยวกับแล็ปท็อปของเราหรือ?"

สือเหล่ยเกาศีรษะของเขาและกล่าวว่า "ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นที่พอใจหรอก มันแค่ ...... แค่ ...... " เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขาต้องการเงิน ตัวเขาเองอาจถูกตำหนิว่าโอ้อวดและวางมาดเกินไปได้ ถ้าเขาไม่ได้วางมาดมากขนาดนั้น เขาก็คงไม่ประทับอยู่ในใจของพนักงานมากเช่นนี้ และเขาคงไม่ถูกจ้องมองราวกับว่าเขาเป็นผีแบบนี้

"ไม่ใช่ว่าฉันไม่พอใจ แล็ปท็อปของคุณดีจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่ว่ากฎของคุณสามารถขอคืนเงินได้ภายในเจ็ดวันงั้นหรือ? อีกอย่าง ตราบใดที่แล็ปท็อปไม่พัง หรือมีการแตกหักและการกระแทกที่เห็นได้ชัดเจนซึ่งมันไม่ส่งผลกระทบต่อการขายในครั้งต่อไป ฉันก็ควรได้รับอนุญาตให้ขอเงินคืนได้โดยไม่มีเหตุผลใช่ไหม?"

พนักงานตกใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็พูดออกมาหลักจากผ่านไปไม่กี่วินาที "กฏของร้านเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่มันจะเป็นการดีถ้าคุณสามารถให้เหตุผลกับผมได้ เพื่อให้ทุกๆอย่างมันง่ายขึ้นสำหรับเรา ยิ่งไปกว่านั้น คุณได้ใช้มันไปแล้วใช่ไหม?"

สือเหล่ยยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคิดว่าแม้เขาจะต้องเป็นคนขี้โกงก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงเขาต้องขอคืนเงินแล็ปท็อปอันนี้ให้ได้

"ฉันแค่เปิดมันหลังจากที่เอามันกลับไป ไม่ได้ใช้มันจริงๆ หลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยดีและอยากจะเอามาคืนเงิน"

เอาล่ะ นี่เป็นเหตุผลที่แย่มากจริงๆ! ไม่มีคำไหนที่จะเหมาะไปกว่าคำว่า 'รู้สึกแย่' อีกแล้ว!

พนักงานคิดและพูด "ถ้าคุณต้องการเงินคืนจริงๆก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องตรวจสอบเครื่องก่อน ถ้าไม่มีความเสียหายและยังไม่ถูกรื้อเครื่องแต่อย่างใด ผมจะดูแลขั้นตอนการคืนเงินให้เอง"

"ตกลง เอาไปเช็คเลย!"

พนักงานเปิดบรรจุภัณฑ์ และตรวจสอบภายนอกอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการกระแทกและไม่มีร่องรอยของการรื้อเครื่อง จากนั้นเขาก็เปิดเครื่องและตรวจสอบฟังก์ชั่นฮาร์ดดิสก์ จากนั้นเขาก็ตรวจสอบวงจรแบตเตอรี่ หลังจากตรวจสอบอย่างมั่นใจแล้วว่าแล็ปท็อปยังใช้งานแบตเตอรี่ไม่หมดรอบเลย ในที่สุดเขาก็ไปดำเนินขั้นตอนการขอคืนเงิน

ในระหว่างขั้นตอนทั้งหมด พนักงานก็มองมาที่สือเหล่ยอย่างแปลกประหลาด ซึ่งมันทำให้เขาอยากที่จะหลบซ่อนตัวลงไปบนช่องว่างระหว่างพื้น

เขาไม่สามารถมาที่ร้านนี้ได้อีกต่อไป เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ครั้งแรกที่เขาล้มเหลวในการวางมาดถูกกอบกู้ไว้ด้วยความสำเร็จในครั้งที่สอง แต่ในคราวนี้ เขาได้เสียหน้ามากเกินไปและเป็นไปไม่ได้ที่จะกู้คืนขึ้นมา ถ้าสือเหล่ยทำได้ เขาจะไม่มาที่นี่อีก ตอนนี้ เขาอยากทุบหัวของตัวเองด้วยเงิน 80,000 หยวนนี้ - โอ้ 71,000 หยวนสิ แล็ปท็อปนี้ถูกลดราคา!

หลังจากการคืนเงินแล้ว การโอนเงินจะไม่ได้เกิดขึ้นในเร็วๆนี้แต่สือเหล่ยก็ไม่กังวลว่าแบรนด์ใหญ่ๆแบบนี้จะฮุบเงิน 70,000 หยวนจากเขาไป หลังจากที่พนักงานแสดงให้เห็นว่าการโอนเงินจะใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง สือเหล่ยก็รีบวิ่งจากห้างในทันที ในขณะที่วิ่งออกใส สือเหล่ยได้เตือนตัวเองว่าเขาจะไม่ผ่านมาใกล้ๆร้านนี้อีกเลยตลอดชีวิตของเขา

โอ้ ยกเว้นถ้าพนักงานคนนั้นจะไม่ได้ทำงานที่นั่นอีก!

ในช่วงบ่ายสือเหล่ยก็ได้รับการแจ้งเตือนว่ามียอดเงินคงเหลืออย่างน้อย 76,000 หยวนในบัญชีของเขา มันหายไปประมาณ 4,000 หยวน เนื่องจากเขาได้เลี้ยงเหล้าและเลี้ยงข้าวเพื่อนของเขาเมื่อคืน

ทันทีที่เขาได้รับเงินแล้ว สือเหล่ยก็มั่นใจขึ้นมาทันที เรียกรถแท็กซี่และพุ่งตรงไปยังโรงจอดรถที่ซุนอี้อี้และแม่ของเธอเช่าอยู่

สือเหล่ยโทรหาซุนอี้อี้เมื่อเขามาถึงบ้านของเธอ และบอกให้เธอเปิดประตูบ้านขณะที่เขาอยู่หน้าบ้านของเธอ

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าซุนอี้อี้พูดคุยด้วยความระมัดระวัง เธอกล่าวว่า "พี่หิน ฉันไม่ได้อยู่บ้าน"

"ฉันคิดว่าฉันบอกให้เธอหยุดทำงานในวันนี้ไม่ใช่เหรอ? มันยังเช้าอยู่เลย เธอออกไปทำอะไรข้างนอก?"

ซุนอี้อี้ตะกุกตะกัก "ไม่มีอะไร ฉันเพิ่งจะเดินออกมานอกบ้าน"

"แม่ยังอยู่บนเตียงและจำเป็นต้องได้รับการดูแล แล้วเธอยังออกไปข้างนอกอีกเหรอ? รีบกลับมาเร็วเข้า! ฉันกำลังรอเธออยู่หน้าประตู! ถ้าเธอกลับมาแล้วให้บอกฉันด้วย อย่าปล่อยให้แม่ของเธออยู่ลำพังและออกไปข้างนอกแบบนี้ เธอจะเศร้าได้! "

ซุนอี้อี้ที่กำลังอดกลั้นอยู่พูดออกมา "พี่หิน คุณควรกลับไปที่มหาวิทยาลัยก่อน  ตอนนี้ฉันยุ่งมาก ฉันจะกลับไปเร็วๆนะ"

"เธอมีธุระอะไรงั้นเหรอ? คุณไม่ได้ไปโรงเรียน และฉันได้บอกให้เธอหยุดทำงาน คุณกำลังทำงานพาร์ทไทม์อื่นอยู่งั้นหรือ? แม้ว่าเธอจะทำงานพาร์ทไทม แต่มันต้องใช้เวลานานเท่าไรกันในการรวบรวมเงินเพื่อรักษาแม่ของเธอ? เร็วเข้า รีบกลับมา! " สือเหล่ยที่เห็นว่าซุนอี้อี้ยังคงตะกุกตะกัก เขาจึงเริ่มโกรธออกมา

"พี่หิน ฉันมีอะไรต้องทำจริงๆ......" น้ำเสียงของซุรอี้อี้เหมือนกับว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

สือเหล่ยโกรธและเสียงของเขากลายเป็นจริงจัง "อี้อี้ เธอยังเป็นเด็กอยู่ไม่เหรอ? ฉันไม่สนใจว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ รีบกลับมาซะ ถ้าฉันไม่เห็นเธอภายในครึ่งชั่วโมง ฉันจะเคาะประตูเอง อย่าทำให้คุณป้าโกรธเธออีกครั้ง! " เมื่อสือเหล่ยกล่าวเช่นนี้ เขาก็วางสายไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด