ตอนที่แล้วตอนที่ 25 - สถานการณ์ที่ยากลำบากเท่าเทียมกันทั้งสอง 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 - ประวัติศาสตร์ความเจ็บปวดของการวางมาด 

ตอนที่ 26 - ไอเดียฉับพลัน 


ตอนที่ 26 - ไอเดียฉับพลัน

 

บางสิ่งพูดง่ายกว่าลงมือทำ

เงิน 60,000 หยวนดูเหมือนไม่ค่อยมากเท่าสำหรับสือเหล่ยที่ใช้จ่ายเงินมากกว่า 100,000 หยวนในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมห้องของเขาคิดว่าเขาเป็นลูกเศรษฐีที่ปลอมตัวมาเป็นอย่างดี

แต่สือเหล่ยไม่ได้เป็นเศรษฐีจริงๆ ยกเว้นแต่เงินที่เขาต้องใช้จ่าย ตัวจริงสือเหล่ยไม่ได้มีเงินเลย

สือเหล่ยพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืนขณะที่เขาคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องเงิน 60,000 หยวนสำหรับการผ่าตัดของแม่ซุนอี้อี้และค่าธรรมเนียมในการฟื้นฟูอย่างไร มันจะดียิ่งขึ้นถ้าจะมีเงินพิเศษบางส่วนเพื่อให้ซุนอี้อี้ลดความกังวลเกี่ยวกับอนาคตลงได้และทำให้เธอตั้งใจดูแลแม่ของเธอได้อย่างเต็มที่จนกว่าเธอจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่าเธอจะฟื้นตัวเต็มที่

สือเหล่ยปล่อยเวลาผ่านไปจนเช้าเพราะความคิดของเขาวุ่นวายอยู่กับเงิน 60,000 หยวนมากจนเกินกว่าที่จะนอนหลับได้

มีบางครั้งที่เขาอยากจะหยิบบัตรสีดำและไปเจรจากับคทา บางทีอาจเป็นเช่นในนวนิยาย ถ้าเขาทำสัญญากับปีศาจ ปีศาจก็จะตอบสนองทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เขาต้องการ คทาเป็นเช่นเดียวกับปีศาจ แม้ว่ามันจะทำให้เจ้าของบัตรสีดำมีเงินเป็นจำนวนมาก แต่ก็เหมือนกับเป็นดาบสองคม ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจจะหมายถึงค่าใช้จ่ายที่แลกด้วยชีวิตของเขา

สือเหล่ยมั่นใจได้ว่าคทาสามารถแก้สถานการณ์ตรงหน้าเขาได้ แต่เขาก็แน่ใจว่าคทาจะทำให้เขาเสียค่าใช้จ่ายที่เขาไม่สามารถแบกรับได้

ช่วยเธอหรือคิดถึงแค่ตัวเอง สือเหล่ยประสงค์ว่าเขาจะสามารถทำทั้งสองอย่างได้

สือเหล่ยหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาและโทรหาบางคน

"ไงลูกชาย ทำไมแกถึงโทรมาหาฉันเช้าแบบนี้? ฉันบอกแกไว้เลยนะว่าฉันกับแม่ของแกได้ทำงานหนักมามากกว่า 20 ปีเพื่อจ่ายค่าเทอมให้แก และในตอนนี้แกก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว รีบหางานทำซะ ถ้าแกหางานดีๆไม่ได้ล่ะก็ น่าดูแน่!"

เดิมทีสือเหล่ยต้องการจะถามพ่อแม่ของเขาเพื่อดูว่าพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือแม่ของซุนอี้อี้ได้หรือไม่ แต่แค่ประโยคแรกของพ่อก็ทำให้เขาแทบจะยอมแพ้แล้ว ใช่แล้ว ครอบครัวของเขาไม่ได้รวยมาก เงินเดือนของพ่อแม่ของเขาเมื่อรวมเข้าด้วยกันนั้นมีเพียงแค่ 5,000 หรือ 6,000 หยวนเท่านั้น ค่าเล่าเรียนของสือเหล่ยเป็นเงินประมาณ 10,000 หยวนต่อปี และพวกเขาได้มอบเงินให้กับเขาอีก 2,000 หยวนต่อเดือนเพื่อให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติในมหาวิทยาลัย ซึ่งเงินจำนวนที่เหลือก็เป็นเงินสำหรับใช้จ่ายภายในบ้าน ในระหว่างช่วงสามปีของมหาวิทยาลัย พวกเขาไม่สามารถเพิ่มสิ่งของขนาดใหญ่และมีราคาแพงใดๆในบ้านได้เลย พวกเขาใช้โทรทัศน์รุ่นเก่ามาประมาณ 10 ปีแล้ว พ่อแม่ของเขาต้องการเปลี่ยนมันแต่ก็ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ บางทีพวกเขาอาจจะเก็บเงินบางส่วนไว้ แต่สือเหล่ยรู้ว่าเงิน 60,000 หยวนเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับครอบครัวของเขาและมันไม่มีทางที่เขาจะขอเงินจำนวนนั้นมาได้

"ลูกชาย ทำไมแกไม่พูด! มันเป็นเพราะแกไม่มีเงินพองั้นหรือ? " น้ำเสียงพ่อของสือเหล่ยเบาลงอย่างเห็นได้ชัดและตามมาด้วยเสียงฝีเท้า มันดูเหมือนว่าเขากำลังเดินไปที่ระเบียงเพื่อพูดคุยกับเขา

" 500 หยวนพอไหม? ฉันได้โบนัสมา 600 หยวนจากการทำงานเมื่อเดือนที่แล้ว และยังไม่ได้บอกแม่ของแกเลย ฉันดื่มเหล้ากับลุงลั่วของแกไปนิดหน่อยและใช้เงินไปประมาณ 100 หยวน ฉันจะโอนที่เหลือให้แก อย่าบอกแม่แกเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ในตอนแรกฉันคิดว่าจะมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆให้เธอเพราะว่าสิ้นเดือนถัดไปเป็นวันครบรอบของพวกเรา แต่แกกำลังหางานอยู่ในตอนนี้และแกต้องใช้เงิน ฉันจะส่งให้แกก่อนเอง......"

สือเหล่ยจุกขึ้นมาที่ลำคอในทันที เขาไม่สามารถเปิดปากและพูดในสิ่งที่เขาต้องการออกมาได้อีก

"ไม่ๆ ฉันได้รับงานสอนพิเศษมาเมื่อเร็วๆนี้ ฉันได้เงินมาประมาณ 200 ต่อสัปดาห์ มันมากเพียงพอแล้ว ฉันแค่คิดถึงพ่อกับแม่ ฉันเลยโทรมา"

" โฮ้ แกกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แกไปได้ไกลถึงการสอนพิเศษเลย แต่แกสามารถทำสิ่งนี้เป็นงานพาร์ทไทม์ได้เท่านั้น อย่าทำงานมากเกินไป ถ้าแกขาดเงิน แม่ของแกและฉันจะสนับสนุนแกอย่างน้อยก็จนกว่าที่แกจะเรียนจบนั่นแหละ หลังจากที่แกเรียนจบแล้ว พวกเรากำลังคิดที่รวมเงินกับญาติของเราและเงินเก็บของพวกเราตลอดหลายปีเพื่อซื้อบ้านหลังเล็กๆในหวู่ตง แกรู้ไหมว่าแม่ของแกและฉันสามารถทำได้มากกว่านั้น พวกเราสามารถให้เงินดาวน์แก่แกได้และแกก็แค่จ่ายรายเดือนเท่านั้น"

เมื่อสือเหล่ยได้ฟังเสียงของพ่อ เขาก็เริ่มเศร้าและไม่สามารถเปิดปากพูดออกมาได้

"อย่ากังวลกับมันเลย พ่อเก็บเงินของพ่อไว้เถอะ ฉัน ลูกชายของพ่อมีความสามารถ ฉันจะหางานได้แน่นอน และจะซื้อบ้านหลังใหญ่ๆแล้วพาพ่อกับแม่มาอยู่ที่นี่!"

"ฮ่าฮ่า แน่นอนว่าลูกชายของฉันมีความสามารถ! แม่ของแกเรียกฉันแล้ว ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันจะโอนเงินไปให้แก 500 หยวนนะ!" ทันทีที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็รีบวางสายทันที ไม่นานหลังจากนั้น สือเหล่ยก็ได้เห้นการแจ้งเตือนจากพ่อของเขาว่าได้โอนเงิน 500 หยวนมาให้เขาทาง WeChat

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้น

ความเป็นไปได้ที่จะหาความช่วยเหลือจากครอบครัวของเขาได้หายไป พ่อแม่ของสือเหล่ยอาจจะมีเงินจำนวนนี้อยู่บ้าง แต่เมื่อสือเหล่ยถาม เขาก็กลัวว่าพ่อและแม่ของเขาจะมีความขัดแย้งกันออกมา

ในแง่มุมหนึ่ง พวกเขาหวังว่าจะใช้เงินจำนวนนี้เพื่อการจ่ายเงินดาวน์บ้านในหวู่ตงเพื่อสือเหล่ย แม้ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กๆก็ตาม ในด้านอื่นพวกเขาก็ใจดีเกินไป เมื่อรู้ถึงสถานการณ์ของครอบครัวของซุนอี้อี้ พวกเขาอาจจะไม่สามารถอดทนไม่ช่วยเหลือพวกเขาได้

สือเหล่ยรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะมีปากเสียงกันมากแค่ไหนถ้าเขาบอกพวกเขาถึงสถานการณ์ของแม่ซุนอี้อี้

'ไม่เป็นไร ฉันจะคิดถึงมันด้วยตัวเอง'

"ก้อนหิน แล็ปท็อปของนายอยู่ไหน? เอามันออกมาให้ฉันเล่นหน่อย!"

ซื่อหมิงที่เพิ่งแปรงฟันเสร็จ เขาเห็นว่ายืนห่างออกไปจากหน้าหอพัก เขาแตะไหล่สือเหล่ยและพูดขึ้นมา

ประโยคที่พูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจกระตุ้นให้สือเหล่ยมีความคิดสว่างวาบขึ้นมาในหัวของเขา

ใช่แล้ว แล็ปท็อป!

สือเหล่ยไม่สนใจซื่อหมิง เขารีบเข้าไปในหอพักราวกับพายุ หยิบแล็ปท็อปขึ้นมาและใส่มันในกระเป๋า จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่สนใจจะแปรงฟันหรือล้างหน้า ไม่สนใจเพื่อนร่วมห้องว่าพวกเขาจะเรียกเขามากแค่ไหน เขาพุ่งเข้าไปที่ตู้เอทีเอ็มและใส่บัตรสีดำลงไป หลังจากรอให้คทาปรากฏตัว สือเหล่ยก็รีบถามออกมา "เจ้านายที่ยิ่งใหญ่ ทาสที่ต่ำต้อยคนนี้อยากจะถามท่านสักหน่อย โควต้าในสัปดาห์นี้ของฉันได้ใช้ไปหมดแล้วใช่ไหม?"

เสียงที่ไม่สามารถระบุเพศได้ดังขึ้น "ทำไมเจ้าถึงถามคำถามแบบนี้อีก? เจ้าโง่ มันเป็นเวลามากกว่าสามสัปดาห์แล้ว แต่เจ้ายังไม่สามารถสรุปค่าใช้จ่ายภายในโควต้าและอันที่ยังไม่ได้ใช้ไปได้อีกงั้นหรือ?"

"ฉันแค่ต้องการทำให้มั่นใจ อภัยด้วย แต่เจ้านายที่ยิ่งใหญ่ ได้โปรดบอกฉันที!"

"เจ้ากำลังจะทำอะไรกับแล็ปท็อปของเจ้าในตอนเช้าแบบนี้? โควต้าที่เจ้าจะได้รับในอนาคตนั้นจะมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะรู้ว่าแล็ปท็อปมูลค่า 70,000 หยวนนั้นไม่ควรค่าให้พูดถึงเลย ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะเรียนรู้วิธีการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและไม่กอดสิ่งของราคาถูกอันนี้ไว้เฉกเช่นผู้แพ้แบบนี้แน่"

สือเหล่ยเข้าใจความหมายของคำพูดของคทาขึ้นมาในทันที ค่าใช้จ่ายแล็ปท็อปนี้ถูกนับเป็นโควต้า

เขากลิ้งตาและเปลี่ยนคำถาม "ถ้าอย่างนั้น นายท่านที่ยิ่งใหญ่ของข้า มันไม่สำคัญใช่ไหมว่าฉันจะใช้จ่ายโควต้าของท่านไปยังไง สิ่งที่ฉันซื้อมาทั้งหมดมันเป็นของฉันใช่ไหม?"

"แน่นอนตราบเท่าที่เจ้าใช้โควต้า มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะซื้ออะไร พวกมันเป็นของเจ้า พอแล้ว เจ้ารบกวนความฝันของข้าในเช้าวันนี้ หรือเป็นเพราะว่าบางส่วนในร่างกายเจ้ารู้สึกไม่สบาย? เจ้าต้องการให้ข้าเอาส่วนที่คันๆเหล่านั้นออกไปไหม?"

สือเหล่ยคิดว่าเขาได้พบทางออกของปัญหาแล้ว เขาจึงยิ้มออกมาอย่างฉับพลันและพูด "ไม่ ไม่ ไม่ เจ้านายที่ยิ่งใหญ่ของข้าโปรดอย่าลดตัวลงมายุ่งกับฉันเลย รีบกลับนอนต่อเถอะ ฉันไม่รบกวนท่านแล้ว!"

เป็นครั้งแรกที่สือเหล่ยได้ออกมาจากตู้เอทีเอ็มพร้อมกับบัตรสีดำด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ได้สังเกตว่าแม้เขาจะดึงบัตรสีดำออกมา แต่คทาบนหน้าจอก็ยังไม่ได้หายไป แต่กลับพูดด้วยเสียงต่ำ "เจ้าโง่ คิดว่าเจ้าจะฉลาดซะอีก เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าลูกไม้เล็กๆน้อยๆจะสามารถหลบซ่อนข้าได้? ความเมตตาที่โง่เขลาอะไรเช่นนี้ โอ้ ข้าคิดว่าข้าได้พบกับทาสที่ค่อนข้างดีซะอีก ดูเหมือนว่าข้าต้องเตรียมพร้อมที่จะพัฒนาทาสคนอื่นซะแล้ว เวลาช่างสั้นนัก"

แล้วคทาก็ค่อยๆหายไปและหายตัวไปอย่างแท้จริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด