ตอนที่แล้วตอนที่ 23 - ฉันจะดื่มมันสี่ขวด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 - สถานการณ์ที่ยากลำบากเท่าเทียมกันทั้งสอง 

ตอนที่ 24 – พบกันอีกครั้ง 


ตอนที่ 24 – พบกันอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นคนเฝ้าสถานที่และไฟสีแดงก็คุ้นเคยกับการเห็นสิ่งต่างๆเช่นนี้ในบาร์ เขาตอบด้วยการออกมาสบถทันที "เวรเอ้ย พวกแกทั้งสองกล้าที่จะโกหกฉันเรอะ! พวกแกต้องการที่จะถูกลงโทษงั้นเหรอ? พวกแกกล้ามาทำแบบนี้ในที่ของฉัน? พวกแกกล่าวหาว่าพี่ชายคนนี้สร้างปัญหา?! รีบขอโทษเร็วเข้า!" ขณะที่กล่าวเช่นนั้น ไฟสีแดงได้เตะขาออกไปราวกับว่าเขากำลังระบายความโกรธให้สือเหล่ย

สือเหล่ยคิดว่ามันก็ดีเหมือนกันที่ไฟสีแดงหวาดกลัวโดยที่เขาไม่ต้องออกแรงอะไรเลย มันเป็นการดีที่เขาได้โชว์พาวออกมา แต่ถ้ามันเลวร้ายลง พวกเขาอาจจะเริ่มการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆถ้าพวกเขาถูกกดดันมากเกิน

"พอ มันไม่ได้ใหญ่โตอะไร มันก็แค่น้องชายคนนี้ไม่อยากยอมแพ้ อี้อี้ ลงบิลค่าเบียร์ให้พวกเขาสิบโหลและเก็บเงินจากพวกเขา ลืมเกี่ยวกับการดื่มพวกมันไปซะ พวกนายสามารถดื่มพวกมันได้อย่างช้าๆ ฉันไม่สนใจที่จะดูมัน"

ขณะที่สือเหล่ยโบกมือของเขา เขาได้เต็มไปด้วยท่าทางของผู้นำ สือเหล่ยเองยังอยากจะชมตัวเองเลย การแสดงระดับนี้เป็นของดาราชั้นยอดจริงๆ!

เมื่อไฟสีแดงได้ยินเช่นนั้น เขาได้เตะชายร่างเตี้ยในทันที "รีบจ่ายมันเร็วเข้า!"

ซุนอี้อี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในขณะที่ชายร่างเตี้ยเอาบัตรของเขาออกมาจริงๆ สือเหล่ยยิ้ม "ไปเถอะ หลังจากที่คุณได้เงินแล้ว ค่อยบอกพนักงานเสิร์ฟเอาขึ้นมาให้พวกเขาอีกโหล และเก็บส่วนที่เหลือไว้ให้พวกเขาในบัตรแอลกอฮอล์ จากนั้นรอฉันอยู่ตรงนั้น"

แม้ว่าซุนอี้อี้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เธอก็รู้ว่าจะไม่มีอันตรายใดๆอีก เธอยังคงเหลือบมองไปที่สือเหล่ยด้วยความลังเล แต่เมื่อสือเหล่ยดูมั่นใจ เธอก็ลดศีรษะลงและเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ชายร่างเตี้ยยิ้มออกมาเช่นกันและพูดว่า "พี่ชาย ฉันไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของเธอจริงๆ ฉันดื่มเหล้าไปมากเกินไปเลยพูดจาไร้สาระออกมา  ฉันมีตาแต่หามีแววไม่ คุณช่างใจกว้างและไม่ลดตัวลงมาถือสาฉัน ฉันขอโทษจริงๆ!"

สือเหล่ยโบกมือของเขาและกล่าวว่า "ลืมมันไปซะ ฉันยังพูดเหมือนเดิม พวกนายออกมาเพื่อหาความสนุกสนาน ผู้หญิงส่วนใหญ่ขายเบียร์จริงๆไม่ได้สนใจเงินของพวกนาย แม้ว่าจะจ่ายให้ทั้งคืนก็ตาม แต่มันก็ยังมีผู้หญิงที่ไม่ใช่แบบนี้อยู่ พวกนายไม่ได้ขาดแคลนเงิน ถ้าพวกนายถาม มันจะมีคนสวยมากมายที่เต็มใจจะดื่มกับนาย ทำไมต้องเลือกผู้หญิงที่ทำงานพาร์ทไทม์ด้วย? "

"ใช่ ใช่ ใช่ คุณพูดถูก พวกเราจะไม่ทำแบบนี้อีก!"

สือเหล่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจในที่สุดเมื่อคิดว่าเขาโชว์ออฟมากพอแล้วและควรจะจากไปในตอนนี้

จากนั้นเขาก็โยนขวดเบียร์ในมือทิ้ง เขาเดินไปทางไฟสีแดงและตบลงบนไหล่ของเขา และพูดด้วยเสียงต่ำ "ขอโทษที ที่นี่เลอะเทอะไปสักหน่อย ให้พนักงานเสิร์ฟมาทำความสะอาดละกัน"

เมื่อถูกตบไหล่โดยสือเหล่ย ไฟสีแดงก็ลดตัวลงครึ่งหนึ่งโดยไม่สามารถควบคุมได้ และพูดซ้ำไปซ้ำมา "เรื่องเล็ก เรื่องเล็ก คุณไม่จำเป็นต้องกังวล คุณนั่งอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปดื่มอวยพรให้"

"ไม่จำเป็น ฉันพูดคุยอยู่กับเพื่อนของฉัน พวกเราจะออกไปทันทีที่พวกเราเสร็จธุระ " เมื่อพูดจบ สือเหล่ยก็เดินออกจากห้องไป

ทันทีที่ปิดประตู สือเหล่ยได้ยินชายร่างเตี้ยถามด้วยความหวาดกลัว "เขาเป็นใครกัน? ทำไมคุณ……?" และเป็นไฟสีแดงที่สบถออกมา "เหอะ เขาเป็นคนที่กล้าจะเล่นกับชีวิตของตัวเอง ขอบคุณพระเจ้าซะที่วันนี้เขาไม่เคลื่อนไหว ไม่อย่างนั้นพวกแกก็รอความตายได้เลย ครั้งสุดท้าย เขาไล่หวดพวกบัดซบสามคนและฉันเพิ่งเคยได้เห็นมัน นายรู้ไหมว่าทำไม? คนๆนี้จะทุบตีนายจนตายโดยไม่สนใจคำพูดอะไร อย่าพูดถึงพวกเรา ถ้าหัวหน้าของฉันอยู่ที่นี่ หัวหน้าก็จะไม่กล้าขัดใจเขา ในโลกของพวกฉัน พวกคนหัวรุนแรงหวาดกลัวต่อพวกอันธพาล และพวกอันธพาลก็หวาดกลัวต่อคนที่กล้าเล่นกับชีวิตของพวกเขา! นายกล้าที่จะท้าทายเขา ฉันบอกได้เลยว่าถ้ามันไม่เป็นฉันที่เตะนาย ขวดนั่นอาจจะจบชีวิตของนายก็ได้!"

"ขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณ พระเจ้า ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย!"

สือเหล่ยหัวเราะอย่างเงียบๆ และปิดประตู จากนั้นก็เดินลงบันไดไป

ซุนอี้อี้ยืนอยู่ที่หัวบันได และในที่สุดก็โล่งใจเมื่อเห็นสือเหล่ยกลับมาอย่างปลอดภัย

แต่เธอยังคงจับสือเหล่ยไว้อย่างเป็นกังวลและถามว่า "พี่หิน คุณโอเคไหม? ฉันไปหาเพื่อนคุณที่ห้อง 17 แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย พวกเขาน่าจะเต้นกันอยู่และฉันก็ไม่รู้จักพวกเขา "

เด็กสาวดูราวกับว่าเธอถูกทำร้ายซะเอง ซุนอี้อี้เป็นเพื่อนบ้านของสือเหล่ยมาก่อน ในเวลานั้นพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่า มันเป็นลานขนาดใหญ่ที่มีสามครอบครัวที่อาศัยอยู่ในนั้น อีกครอบครัวหนึ่งแก่กว่าพวกเขามากและลูกหลายของพวกเขาก็ถึงช่วงอายุที่ต้องย้ายออกไปแล้ว สือเหล่ยและซุนอี้อี้จึงเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน

หลังจากนั้น สถานที่นั้นก็ถูกทำลาย แต่ทั้งสองครอบครัวเลือกบ้านในละแวกเดียวกันอีกครั้ง และเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกัน ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงมิตรภาพไว้ได้ดุจคู่รัก

จนกระทั่งเมื่อสามปีก่อน เมื่อพ่อของซุนอี้อี้จากไป แม่ของเธอได้พบกับนักธุรกิจและขายบ้านของพวกเขาเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา และพาซุนอี้อี้ไปอยู่ที่หวู่ตงกับชายคนนั้น

ในเวลานั้นสือเหล่ยยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย เมื่อเขากลับไป สิ่งที่ยังคงอยู่ล้วนเหมือนเดิม แต่คนมีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่นั้นมา การติดต่อของเขากับซุนอี้อี้ก็ถูกตัดขาด

ซุนอี้อี้อายุน้อยกว่าเขา 3 ปี เธอควรจะอยู่ในมหาวิทยาลัยปีแรกในปีนี้ สือเหล่ยได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาเพื่อที่พวกเขาจะพบกันโดยบังเอิญ และตอนนี้พวกเขาได้พบกันจริงๆ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะพบกันในสถานการณ์เช่นนี้

“ทำไมเธอถึงมาที่นี่และทำแบบนี้? เธอไม่รู้หรือว่าที่นี่เสือสิงห์มีอยู่เต็มไปหมด?”

มันไม่เป็นอะไรที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ทันทีที่สือเหล่ยถาม ซุนอี้อี้ก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาร่วงลงมา มันทำให้สือเหล่ยตกใจ เขาจึงรีบดึงซุนอี้อี้ออกมาจากบาร์

"อย่าร้องไห้ บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น!" สือเหล่ยลุกลี้ลุกลนและพยายามที่จะเช็ดน้ำตาของเธอออก คนเดินผ่านไปผ่านมาทุกคนมองไปที่พวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดว่าสือเหล่ยกำลังข่มขู่เธอ

ซุนอี้อี้ไม่ได้พูดอะไรนอกจากร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อนขณะที่สั่นศีรษะของเธออย่างรุนแรง

"ไม่เป็นไรอี้อี้ ฉันรู้ว่ามันยากเกินไป อย่าร้องไห้ ไม่ต้องรีบร้อน และค่อยๆพูดมันออกมา โอเคไหม?"

ขณะที่ซุนอี้อี้ยังคงร้องไห้ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านมาได้ชี้ไปที่สือเหล่ย และพูดขึ้นมา "คุณไม่ไร้ยางอายไปหน่อยเหรอ? ทำไมต้องมารังแกเด็กผู้หญิง? เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิ!"

ซุนอี้อี้รีบยกศีรษะขึ้นและพูดกับหญิงสาวคนนี้ด้วยความตั้งใจดีๆว่า "ไม่ ไม่ พี่หินไม่ได้รังแกฉัน มันเป็นฉัน ฉันจะหยุดร้องไห้ ได้โปรดอย่าตำหนิเขา"

หญิงสาวมองไปที่ซุนอี้อี้อย่างลังเลใจ เมื่อเห็นว่าซุนอี้อี้กำลังพยักหน้า ในที่สุดเธอจึงพูดออกมา "โอ้ โอเค ขอโทษที แต่คุณเป็นผู้ชาย อย่าทำให้ผู้หญิงร้องไห้อย่างนี้สิ "

หลังจากลากซุนอี้อี้กลับเข้าไปในบาร์ ในที่สุดเธอจึงหยุดร้องไห้ สือเหล่ยช่วยเธอเช็ดน้ำตาและถามอย่างอ่อนโยน "อี้อี้ เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอเหรอ? พ่อแม่ของฉันบอกว่าฐานะการเงินของพ่อเลี้ยงของเธอดีมาก ทำไมเธอต้องมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่? "

ใบหน้าที่สวยใสของซุนอี้อี้ได้แสดงร่องรอยของความโกรธในทันที และเธอได้เอ่ยออกมา "นั่นไม่ใช่พ่อเลี้ยงของฉัน แม่ของฉันไม่ได้แต่งงานกับเขา และเขาเป็นคนโกหก เขาหลอกให้แม่ของฉันซื้อบ้านที่หวู่ตง แล้วเขาก็เอาเงินไปและหายตัวไป "

สือเหล่ยตกใจ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่ได้ติดต่อกับเขามานานกว่าหนึ่งปี หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อคนโกหก แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้นอกจากปลอบโยนซุนอี้อี้เท่านั้น

"แล้วหลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งปี ...... ทำไมไม่กลับไปที่จี้โจว?" จี้โจวคือบ้านเกิดของสือเหล่ยและซุนอี้อี้

"แม่บอกว่าบ้านของเราในจี้โจวไม่เหลือแล้ว แม้ว่าเราจะย้อนกลับไป เราก็แค่จะเสียหน้าเท่านั้น พวกเราจึงเช่าบ้านและอาศัยอยู่ที่นี่"

"แม้ว่าเธอจะไม่มีบ้าน แต่ฉันจำได้ว่าคุณป้าเป็นนักบัญชีมาก่อน มันก็ไม่ควรที่เธอจะหางานทำ ...... "

ซุนอี้อี้ระเบิดน้ำตาออกมาอีกครั้งในฉับพลันและกล่าวว่า "แม่ของฉันป่วย ฉันต้องการหารายได้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของแม่!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด