ตอนที่แล้วตอนที่ 21 - ไม่มีความผิดพลาดอีกแล้ว 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 - ฉันจะดื่มมันสี่ขวด

ตอนที่ 22 - ชีวิตของลูกเศรษฐี 


ตอนที่ 22 - ชีวิตของลูกเศรษฐี

 

ทั้งสามคนที่อยู่หอพักเดียวกับสือเหล่ยชื่อว่าตัวตนของเขาเป็นลูกเศรษฐีจริงๆ มิฉะนั้นมันก็ไม่มีทางที่จะอธิบายได้มาเขาเอาเงินจำนวนมากจากไหนโดยที่ไม่ทำผิดกฏหมาย

พวกเขาทั้งสามรู้สึกดีมากเกี่ยวกับการมีคนรวยเช่นนี้เป็นเพื่อน หลังจากจางโม่กลับมาที่หอพัก พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะให้สือเหล่ยเลี้ยงข้าวพวกเขาหลังจากการพูดคุย

แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล็ปท็อปมีราคา 71,000 หยวน เมื่อเสียเงินไปค่าแท็กซี่จำนวนเล็กน้อย เขายังมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 9,000 หยวนสำหรับโควต้าสัปดาห์นี้ เขาไม่ต้องการที่จะกินผักดองกับกุ้งล็อบสเตอร์ออสเตรเลียหรือเกี๊ยวกุ้งล็อบสเตอร์ แม้ว่าจางโม่และคนอื่นๆจะไม่ได้ถาม แต่เขาก็วางแผนที่จะเลี้ยงพวกเขาอยู่แล้วเนื่องจากพวกเขามักจะแบ่งปันกันอยู่เสมอๆ หากว่ามีปัญหาใดกับคทา สือเหล่ยจะไม่ปล่อยให้จางโม่และคนอื่นๆต้องรับผิดชอบใดๆ

มันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากสำหรับการหาอะไรกินใกล้กับมหาวิทยาลัย จางโม่แนะนำให้ไปที่บาร์ แน่นอนว่าสือเหล่ยได้จ่ายเงินให้พวกเขา และพวกเขาก็ตกลงโดยไม่ลังเล

สือเหล่ยเรียกแท็กซี่หรูผ่านแอพพลิเคชั่น จางโม่และคนอื่นๆรู้สึกตื่นเต้นที่รถคันดังกล่าวเป็น BMW X3

สือเหล่ยพบว่าเขาเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตที่ร่ำรวยแล้ว แม้ว่าโควต้าในสัปดาห์หน้าอาจจะมี 160,000 หยวนและเขาไม่ทราบว่าจะใช้จ่ายเงินทั้งหมดอย่างไร แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตของคนรวย

เมืองหวู่ตงมีแม่น้ำที่งดงามล้อมรอบทั้งเมือง ส่วนหนึ่งของมันเป็นย่านแสงสีที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ แน่นอนว่ามันไม่สามารถดำเนินต่อไปได้จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงคึกคักและถูกสร้างขึ้นในถนนที่มีชื่อเสียงสำหรับสถานเริงรมย์

พวกเขาเดินสุ่มๆเข้าไปในบาร์ที่เป็นที่รู้จักและถามหาห้องส่วนตัว บริกรบอกสือเหล่ยว่าค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุดสำหรับห้องส่วนตัวคือ 1,688 หยวน จางโม่ที่มีน้ำหนักเกินกว่า 100 กิโลกรัมไม่รอให้สือเหล่ยพูด เขาออกมาอย่างเย่อหยิ่ง "คุณไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร? คุณแน่ใจหรือที่จะเสนอการใช้จ่ายที่น้อยนิดเพียงแค่หนึ่งพันหยวน? เอาบรั่นดี vsop มาหนึ่งขวด ผลไม้จานใหญ่มาหนึ่ง ของขบเคี้ยวสักสี่อย่างที่เป็นเนื้อทั้งหมด พวกเราจะสั่งเพิ่มอีกถ้ามันไม่พอ!"

นี่เป็นความกล้าหาญของวีรบุรุษจริงๆ ยกเว้นแต่ว่ามันแสดงออกมาก่อนที่สือเหล่ยจะบอก

พนักงานเสิร์ฟมองไปที่ก้อนเนื้ออย่างพินิจและคิด "แค่บรั่นดี vsop ถ้าคุณสั่งบรั่นดี XO คุณคงไม่คิดว่าคุณเป็นอมตะเลยเหรอ?"

เป็นเวลาไม่นานก่อนที่บาร์จะเต็มไปด้วยผู้คน เสียงดังและอึกทึกของเพลงได้กระแทกจิตใจของทุกๆคนอย่างต่อเนื่อง ชายและหญิงทุกคนเดินลงไปที่ฟลอร์เต้นรำตามจังหวังของเสียงกลองจากลำโพง

สือเหล่ยไม่ได้ชอบช่วงเวลาแบบนี้เลยจริงๆ มันเสียงดังและวุ่นวายมากเกินไป จางโม่และคนอื่นๆก็บ้าไปแล้ว พวกเขามองไปที่เหล่าหญิงสาวที่พวกเขาต่างปรารถนา และกระโจนลงไปบนฟอลร์เต้นรำเพื่อพุ่งเป้าไปหาสาวๆที่แตกต่างกัน

หลังจากจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางส่วนและมีอาการไมเกรนขึ้นมา เขาได้หลี่ตาลงเล็กน้อยและตื่นเต้นกับประสบการณ์ของเงินที่เขาได้รับมา

เพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับสือเหล่ยเลย เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยมานานกว่าสามปีแล้ว แต่เขาไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้มาก่อน จางโม่และคนอื่นๆอาจจะไปที่บาร์เป็นบางครั้ง แต่สือเหล่ยถูกจำกัดไว้ด้วยพื้นหลังของครอบครัวของเขา และแม้ว่าจะมีคนเลี้ยง เขาก็ไม่ไป เขาไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณ อย่างที่เขารู้ว่าอย่างน้อยในช่วงที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาจะไม่สามารถตอบแทนบุญคุณใครได้แน่นอน

ใครจะคิดถึงการปรากฏตัวของบัตรสีดำ? ใครจะคิดว่าสือเหล่ยไม่ได้เป็นลูกเศรษฐีจริงๆ และแม้แต่การที่เขาใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพราะถูกบังคับ?

สือเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านเข้าไป ร่างนั้นเดินไปตามบันไดและหายไปในชั้นสอง สือเหล่ยดึงโทรศัพท์ออกและส่งข้อความ WeChat

อีกฝั่นหนึ่งไม่ตอบกลับมาเป็นเวลานาน สือเหล่ยยืนขึ้นและเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง

ชั้นที่สองของบาร์มีห้องแยกต่างหากที่ปิดด้วยฉนวนป้องกันเสียงรบกวนที่ดี ด้วยประตูที่ปิดอยู่ เสียงดังจากภายนอกไม่มีทางเข้าไปถึงข้างในห้องได้เลย และในทางกลับกันห้องส่วนตัวนี้ยังมีชุดคาราโอเกะ คนที่อยากร้องเพลงสามารถร้องเพลงในห้องได้ ถ้าพวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย พวกเขาสามารถไปที่ชั้นล่างหรือเพียงแค่ยืนอยู่ข้างนอกทางเดินเพื่อมองลงไปที่กลุ่มคนที่กำลังเต้นรำอยู่บนฟลอร์ได้

แม้ว่ามันจะสามารถเทียบกับคาราโอเกะปกติได้ แต่อย่างน้อยก็มีห้องดังกล่าวอยู่เจ็ดหรือแปดห้องอยู่ที่ชั้นสอง หลังจากที่สือเหล่ยเดินขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถมองเห็นร่างที่คุ้นเคยและมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเคาะประตูทุกบานเพื่อตรวจสอบ เมื่อสือเหล่ยกำลังจะยอมแพ้กับสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องของเขานั้น ร่างที่ลุกลี้ลุกลนก็ชนเข้ากับเขา

ขณะที่เขาประคองเด็กสาวที่ชนกับเขา เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นว่าเป็นเธอ

“อี้อี้?” สือเหล่ยเรียก เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เห็นกันมานานกว่าหนึ่งปี มันจึงมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาแต่งตัวแตกต่างไปจากเมื่อก่อน ทำให้เขาต้องการความมั่นใจ

"พี่หิน?"

ในขณะที่เขาได้ยินเสียงอุทานที่ประหลาดใจ สือเหล่ยก็แน่ใจได้ทันทีว่าเด็กสาวที่สวมชุดพรีเซนเตอร์เบียร์คนนี้เป็นเด็กหญิงในวัยเด็กของเขา........ อืม เธอได้รับการพิจารณาว่าเป็นแฟนของเขาและเพื่อนบ้านของเขา ซุนอี้อี้

"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?"

ทั้งสองคนถามออกมาในเวลาเดียวกัน แต่สือเหล่ยยิ้มในขณะที่ซุนอี้อี้เต็มไปด้วยความกังวลและความวิตก

"อี้อี้ เธอกำลังทำงานพาร์ทไทม์งั้นเหรอ? ทำไมเธอถึงรีบร้อนแบบนี้? " สือเหล่ยถามอีกครั้ง

ซุนอี้อี้ดึงสือเหล่ยอย่างหวาดหลัว และกล่าวออกมา "พี่หิน รีบไป!" ขณะที่เธอพูดเช่นนั้น เธอก็ลางสือเหล่ยมาและวิ่งไปที่บันได

ในเวลานั้นเอง สือเลยเห็นจ้องที่ด้านข้างเปิดออกและมีชายหนุ่มสองคนเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหยอกเย้าบนใบหน้าของพวกเขาเมื่อมองมาที่ซุนอี้อี้ หนึ่งในพวกเขาพูด "สาวน้อย อย่ารีบจากไปสิ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย คุณไม่ต้องการให้เราซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคุณหรือ? ถ้าคุณดื่มเหล้ากับพวก ฉันจะซื้อมันสักโหลก็ยังได้ พวกเราจะซื้อมันเท่ากับที่เธอดื่ม........"

สือเหล่ยเข้าใจว่าคนเหล่านี้ได้เห็นซุนอี้อี้ที่งดงาม พวกเขาจึงอยากจะเจ้าชู้ใส่เธอ

แม้ว่าสือเหล่ยจะไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อนๆ ของเขาได้บอกเขาว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้หายากอะไรในบาร์ ลูกค้าที่เจ้าชู้กับพนักงานเสิร์ฟดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ  อย่าพูดถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าพวกเขาถูกขอให้ออกไปกับลูกค้า พวกเขาก็จะทำเช่นนั้นถ้าราคาเหมาะสมและมันเป็นความลับที่รู้กันในบาร์

สือเหล่ยหันกลับไปและตบไหล่ของซุนจี้จี้ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่เป็นไร" จากนั้นเขาได้พูดคุยกับชายสองคนนั้น "สหาย ไม่ใช่เด็กผู้หญิงทุกคนที่ต้องการโปรโมทและขายเบียร์ของพวกเขาแบบนี้ คุณสามารถหาความสุขจากที่นี่ได้ แต่ไม่ใช่แบบนี้ พวกคุณคิดว่ายังไง?"

หนึ่งในนั้นคิดว่าบางทีคำพูดของสือเหล่ยก็ดูสมเหตุสมผล สิ่งนี้ควรจะเป็นคือทั้งสองฝ่ายเต็มใจที่จะทำมัน หนุ่มเจ้าชู้กับสาวขายเบียร์เป็นกฎที่ไม่ได้ถูกพูดถึงไว้ เพราะฉะนั้นหากพบกับใครบางคนที่ไม่ต้องการทำเช่นนั้น มันก็เป็นเรื่องปกติ

แต่ถ้าเขาไม่พูดขึ้นมาล่ะก็ ชายอีกคนที่ด้านข้างเหลือบมองไปที่สือเหล่ยด้วยสายตาเอียงๆ และพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ "โย่ว ฮีโร่ช่วยเหลือสาวงาม! คุณไม่ควรจะเข้ามายุ่งธุรกิจระหว่างสาวงามคนนี้กับฉันว่ามั้ย? นอกจากนี้ ฉันอยากรู้จริงๆว่าคุณจะทำอะไรพวกเราได้ โอ้ ใช่ น้องสาว ถาดและเบียร์ของเธอยังอยู่ในห้องของพวกเรา เธอไม่เอามันกลับไปเหรอ?"

สือเหล่ยขมวดคิ้ว เดิมทีมันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับตีความไปแบบผิดๆ และดูเหมือนว่าเขาจะสร้างความวุ่นวายให้กับตัวเองซะแล้ว

"แม้ว่าฉันจะไม่คิดว่าจะได้พบเธอที่นี่ แต่ฉันก็มีความสัมพันธ์กับเธออยู่บ้าง" ขณะที่สือเหล่ยพูดจบ เขาได้หันไปมองซุนจี้จี้และกุมมือเล็กๆของเธอไว้ อืม นุ่มนวลและเรียบเนียน เหมือนกับความรู้สึกที่สัมผัสได้เมื่อพวกเรายังเด็ก

"อี้อี้ ไม่ต้องกลัวนะ ไปเอาของๆเธอออกมาจากห้องนั้นกัน พวกเขาจะไม่ทำอะไรเธอ"

หลังจากนั้นสือเหล่ยก็จับมือของซุนอี้อี้ เดินผ่านสองคนนั้นและเข้าไปในห้อง

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด