ตอนที่แล้วตอนที่ 13 : กู้คืนภาพดิจิตอล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 : ที่รัก'ฉันรวยมาก

ตอนที่ 14 : ไก่หมัก เล่าเจียง


เมื่อถึงเวลา 13:30น. ในที่สุดชิเล่ยก็หยุดเคาะคีย์บอร์ด

 

เขายืนขึ้นและยืดแขนบิดขี้เกียจ หยิบน้ำแร่ขึ้นมาหนึ่งขวดกระดกเข้าไปหลายอึก

 

"พี่เฟิง ตอนนี้ผมหิวแล้ว!"

 

เฟงเคถามอย่างกระวนกระวาย "คุณชิ เป็นยังไงมั่งครับ?"

 

ชิเล่ยเงยหน้าขึ้นมอง "หัวหน้าเฟง ดูด้วยตัวเองดีกว่า ใช่ที่คุณกำลังมองหาหรือเปล่า?"

 

บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในโฟลเดอร์มีรูปภาพขนาดย่ออยู่เต็มหน้าจอ

 

เฟงเคคว้าเมาส์อย่างรวดเร็วและคลิกดูที่ภาพทีละภาพ

 

ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น

 

"ใช่นี่แหละ!"

 

"เป็นภาพของพ่อผมที่เสียไปแล้วจริงๆ!"

 

"ขอบคุณมากครับ!"

 

ด้วยมือทั้งสองมือเฟงเคคว้ามือขวาของชิเล่ยและส่ายไปมาแรงๆ "คุณชิ ผมขอบคุณมากจริงๆ! "

 

ชิเล่ยไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้เลยจริงๆ "ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะคุณเป็นลูกค้าของผมและเป็นลูกค้าคนแรกของผมอีกด้วย!"

 

หลังจากที่เฟงเคสงบลงเล็กน้อย เขาก็เปิดปากถาม "คุณชิ ค่าบริการเท่าไหร่ครับ?"

 

ชิเล่ยคิดสักครู่ อันที่จริงแล้วการกู้คืนข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่เรื่องยาก มันเป็นเพียงแค่ว่ายังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมที่จะทำเช่นนี้

 

ดูเหมือนว่าชิเล่ยกำลังดำเนินการกู้คืนข้อมูลเป็นเวลาสามถึงสี่ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงส่วนใหญ่เขาใช้เวลาไปกับการเตรียมซอฟต์แวร์กู้คืน

 

ขั้นตอนการกู้ข้อมูลจริงๆแล้วใช้เวลาเพียงเล็กน้อยกว่า 10 นาที

 

และซอฟต์แวร์กู้คืนข้อมูลตัวนี้ได้ถูกติดตั้งไว้อาจใช้งานได้อีกในอนาคต!

 

ซันเฟิงที่ยืนข้างๆกระซิบ "ชิโตะ ตั้งราคาให้ดีๆละ!"

 

"ไม่ว่าอะไรก็ตาม ที่นายรับงานนี้ได้ต้องขอบคุณพี่ชายคนนี้ ใช่มั้ย?"

 

ชิเล่ยหัวเราะออกมาเสียงดัง "เอาล่ะ!"

 

"เห็นแก่หน้าพี่เฟิง หัวหน้าเฟง ผมจะคิดค่าบริการเพียง 100 สำหรับรูปถ่ายแต่ละรูป!"

 

"โดยรวมมี 62 รูป ไม่ต้องสนเรื่องเศษ ผมจะเก็บเงินคุณแค่หกพันเท่านั้น! "

 

ซันเฟิงเปิดปากของเขาขึ้น มองชิเล่ยด้วยท่าทางตกใจ

 

"ชิโตะ นาย...นี่มันไม่แพงเกินไปหรอ?"

 

ชิเล่ย ยักไหล่ของเขา "หัวหน้าเฟง ได้ไปถามจากสตูดิโอกู้ข้อมูลหลายแห่งก่อนหน้านี้"

 

"การกู้คืนข้อมูลในระดับนี้ สตูดิโอพวกนั้นต้องเรียกเก็บค่าบริการไม่ต่ำกว่าหมื่นแน่นอน!"

 

"อีกอย่าง ในการกู้คืนข้อมูลนี้แบบนี้ ราคาจะถูกกำหนดขึ้นมาเองทั้งหมด"

 

"ถ้าคุณรู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้วละก็ การใช้จ่ายเงินจำนวนที่มากคุณจะไม่ใส่ใจมันเลย ในทางตรงกันข้ามถ้าข้อมูลที่ไม่คุ้มค่า!มันก็จะไม่คุ้มแม้แต่เพนนีเดียว"

 

ซันเฟิงกระแอม รู้สึกลำบากใจ "แต่ ... "

 

"แต่ จริงๆมันก็มีภาพแค่เพียง หก ... ."

 

เฟงเค ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณเพื่อให้ซันเฟิงหยุด "เสี่ยวซัน คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก!"

 

"คุณชิ กล่าวมาถูกต้อง ค่าบริการดังกล่าวสำหรับภาพถ่ายเหล่านี้ไม่แพงเลย"

 

"ก่อนหน้านี้ ผมได้ไปถามจากสตูดิโอหลายแห่ง ราคาของพวกเขาสูงกว่า คุณชิ จริงๆ"

 

"คุณชิคิดราคาเหมาะสมมาก แต่มันน้อยเกินไป!"

 

หลังจากพูดเสร็จ เฟงเคได้หยิบปึกธนบัตรสีแดงจากในกระเป๋าตังของเขาและยื่นให้กับชิเล่ย

 

"คุณชิ ผมขอขอบคุณ คุณอีกครั้งครับ"

 

ชิเล่ยรู้สึกประหลาดใจสักครู่ เขาบอกไปแค่หกพัน แต่เฟงเคให้เขามาหนึ่งหมื่นแทน!

 

"หัวหน้าเฟง นี่มันเยอะเกินไปครับ!"

 

"หกพันก็พอแล้วครับ"

 

เฟงเคยิ้มแล้วโบกมือของเขาว่าให้เขาเก็บมันไว้ จากนั้นเขาก็ดึงนามบัตรของเขาและส่งให้กับชิเล่ย

 

"คุณชิ คุณไม่จำเป็นต้องสำรวมไปหรอก ถ้าผมต้องการคุณ ผมหวังว่าคุณจะสามารถช่วยผมได้อีกในอนาคตนะครับ!"

 

ชิเล่ย มีความคิดสองอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ การทำความเข้าใจถึงเจตนาของเฟงเค เฟงเคต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อเขา หากเกิดปัญหาขึ้น เขาก็สามารถขอความช่วยเหลือได้

 

หลังจากคิดว่าชิเล่ยยังไม่ลังเลอีกต่อไป ด้วยรอยยิ้ม เขาก็เก็บธนบัตรสีแดงซึ่งมีมูลค่าหลายพันไว้ในกระเป๋าของเขา

 

จากนั้นเขาก็มองไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารของพวกเขา

 

ในช่วงเวลานี้ในช่วงเดือนกันยายน อากาศจะร้อนมากในเมืองชวนกิ่งเหมือนยังกับเตาเผา

 

แม้ภายในตึกเบนาวพาณิชย์ แอร์ส่วนกลางที่ทำงานไม่หยุดยั้ง ก็ยังไม่สามารถทำให้อาหารเย็นได้

 

"อ่าา ฉันกำลังจะหิวตาย!"

 

เฟงเครีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "คุณชิ ทำไมไม่ให้ผมเลี้ยงอาหารคุณละ? ไปอาหารข้างนอกกันเถอะ!"

 

ชิเล่ย ส่ายหัวอีกครั้งและอีกครั้ง

 

"ขอบคุณหัวเฟงสำหรับความปรารถนาดีของคุณ ผมเพียงแค่อยากเพลิดเพลินไปกับอาหารของผมกับพี่เฟิงที่นี่"

 

เหตุผลที่แท้จริงคือชิเล่ยไม่ต้องการที่จะสนิทกับเขามากเกินไป

 

เฟงเคหยิบเพนไดรฟ์ของเขาและพูดอีกเล็กน้อยก่อนที่จะลากลับออกไปอย่างรีบร้อน

 

ในขณะนั้น ซันเฟิงได้ถอนหายใจ "น้องชายชิโตะของฉัน คุณชายชิโตะครับ นายเพิ่งปล่อยให้โอกาสที่ดีหลุดลอยไป นายรู้ตัวไหม!"

 

"ฮวานชิอังฟางที่หัวหน้าเฟิงดูแลอยู่ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านเลยนะ!"

 

ชิเล่ยหัวเราะอยู่ในใจ

 

บริษัทมูลค่านับล้านดอลลาร์และค่าเงินของจักรวรรดิเซี่ย? นี่คือสิ่งที่เรียกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่?

 

ก่อนหน้านี้ที่จักรวรรดิลี่เจียง บริษัทเหล่านี้มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วมันทำไมละ?

 

"พี่เฟิง พ่อของพี่มีข้อตกลงทางธุรกิจบางอย่างกับหัวหน้าเฟง?"

 

"ดูจากท่าทางของพี่แล้ว เหมือนพี่กำลังร่วมงานกับเขา และเขาก็เป็นเจ้านายของพี่"

 

ชิเล่ยล้อเลียน

 

ซันเฟิงพยักหน้าและไม่ปฏิเสธ

 

"ฮวานชิอังฟาง นอกเหนือจากให้การรักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์ดับเพลิง ยังจัดทำโปรแกรมตรวจสอบความปลอดภัยอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย"

 

"มันมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองชวนกิ่ง!"

 

"ในเมืองชวนกิ่ง โครงการของรัฐบาลจำนวนมากที่ต้องมีอุปกรณ์ตรวจสอบ พวกนี้ได้ซื้อมาจาก ฮวานชิอังฟาง ทั้งหมด"

 

ดวงตาของชิเล่ยสว่างไสว

 

เฟงเคได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ตรวจสอบอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว?

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือเขาอาจจะต้องซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวจากเฟงเค!

 

"ถ้าเป็นกรณีนี้ ผมคงต้องทำความรู้จักเขาเพิ่มสักหน่อยแล้ว"

 

ชิเลยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้และเริ่มกินที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

ซันเฟิงเริ่มโวยวายออกมาว่า "ชิโตะ นายกินไม่รอฉันได้ไง?"

 

"พี่ก็มาสิ มากินด้วยกัน!"

 

ในร้าน ช่างซ่อมด้านเทคนิคทั้งสามคนและเสี่ยวหลิวที่ทำทุกอย่าง ก็เดินเข้ามากินด้วย

 

หลังจากกินอาหารเสร้จแล้ว ชิเล่ยก็ตบไปที่ไหล่ของซันเฟิง

 

"พี่เฟิง ผมกำลังวางแผนว่าจะประกอบคอม ให้ส่วนลดผมหน่อยสิ!"

 

ซันเฟิงกลอกตา

 

"นายมันไอ้ตัวดูดเลือด!"

 

"นายเพิ่งได้รับเงินมาหมื่นหนึ่งพัน แต่นายยังต้องการประหยัดเงินที่เล็กน้อยนี่อีก!"

 

ชิเล่ยแกล้งแสดงเป็นคนขี้งก

 

"ชายคนนี้กำลังเรียนอยู่ที่มหาลัยอยู่นะ"

 

"นอกจากจ่ายค่าเล่าเรียนแล้ว ผมยังต้องประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะชนะใจสาวสวยสองคนในมหาลัยของผมด้วย"

 

ซันเฟิงยอมรับว่า "ชิโตะ นายสุดยอดมาก!"

 

"คนอื่นๆ เพียงต้องการแค่หนึ่งคนแต่นายต้องการสองคน!"

 

ชิเล่ย เริ่มโม้ต่อ "เมื่อหินถูกโยนไปแล้ว มันจะตีสองเป้าหมายในครั้งเดียว"

 

ซันเฟิงหันกลับไปเขาแสดงออกอย่างซีเรียส "นายจะประกอบคอมแบบไหน?"

 

"แค่ประมาณกลางปลายๆครับ!"

 

ในปี 2006 การลงทุนในการประกอบคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องด้วยเงินหมื่น จะไม่ตรงประสิทธิภาพการทำงานที่ดีในการอัตราส่วนราคาเท่านี้

 

ชิเล่ยไม่ได้ตั้งใจจะใช้เงินทั้งหมดของเขาที่นี่

 

นี่มันเป็นเงินค่าใช้จ่ายสำหรับในการดำรงชีวิตของเขา!!

 

ชิเล่ยกำลังดูรายการสินค้าอยู่ ครู่ต่อมาชิเล่ยก็ถูกดึงดูดไปที่คอมพิวเตอร์ที่มีราคา 7,000 กว่าๆ

 

"พี่เฟิง ราคาของพี่มันแพงเกินไป!"

 

ในปี 2006 ผลกำไรในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ราคายังคงสูงมาก!

 

ซันเฟิงหยิบเครื่องคิดเลขออกมาและกดสองครั้งก่อนที่จะส่งให้ชิเล่ยดู

 

บนจอเครื่องคิดเลข มีรูปห้าพันสองร้อย

 

ชิเล่ย รีบเอาออกมาทีละสองร้อยและเริ่มนับเงิน

 

"พี่เฟิง ทำไมเราไม่ปัดเศษขึ้นทำให้มันกลมขึ้นละ ห้าพันนี่เป็นตัวเลขที่ดีเลยนะครับ?"

 

ซันเฟิงยิ้มอย่างหมดหนทาง "ตั้งแต่ที่นายพูดออกมา ฉันยังสามารถพูดว่าไม่ ได้อีกหรอ?"

 

ซันเฟิงให้คนงานคนหนึ่งไปประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์และติดตั้ง Windows XP ไว้ ประมาณ 10 นาทีต่อมา

 

"ชิเล่ย สำหรับระบบปฏิบัติการ นายเซตมันเองละกัน!"

 

ชิเล่ยพยักหน้า

 

"ขอบคุณครับพี่เฟิง!"

 

หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อดูเวลา ตอนนี้เวลาสามโมงเย็นแล้ว ชิเล่ยเริ่มเตรียมตัวกลับไปที่มหาวิทยาลัย

 

ซันเฟิง รีบออกคำสั่งทันที: "เสี่ยวหลิว ไปส่งชิเล่ย!"

 

เสี่ยวหลิวดำเนินการอย่างรวดเร็วถือซีพียูและหน้าจอ "พี่ชิโตะ ให้ผมไปส่งคุณ!"

 

ในใจของเขา ชิเล่ยแอบรู้สึกว่ามันตลก

 

เสี่ยวหลิวอายุแก่กว่าเขามาก!

 

นี่คือความไร้อำนาจของสังคม!

 

หันหน้าเดินไปที่ประตูอย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่า เขายังคงต้องแสดงความเคารพ!

 

ชิเล่ยไม่ได้ตั้งใจเดินนำหน้า

 

ยังมีเงินอยู่อีกหกพันในกระเป๋าของเขา เป็นธรรมดาที่ชิเล่ยจะไม่นั่งรถบัสกลับเพื่อหลักเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายของพวกโจร

 

นอกจากนี้ ยังไม่สะดวกในการถือคอมพิวเตอร์ในรถบัสที่แออัด

 

เขาโบกรถแท็กซี่แล้วนั่งตรงไปมหาลัยทันที

 

จากเขตชิเก๋าถึงตำบลชวนฮู เขาจ่ายเงินไปหนึ่งร้อยยี่สิบ ถึงแม้เขาจะทำเงินได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังทำให้เขาปวดร้าวกับการจ่ายครั้งนี้

 

มือซ้ายของเขาที่ถือซีพียูและมือขวาถือจอ ชิเล่ยมุ่งหน้าตรงกลับไปยังหอพักปริญญาดเอก

 

ลิไคไอ้เด็กน้อยนี่ เป็นธรรมดาที่เขาต้องไม่ได้อยู่ในหอพักเพราะพลัมน้อยยังอยู่ในการฝึกทหาร!

 

ชิเล่ยวางคอมพิวเตอร์ลงและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้า เขาหยิบเงินออกจากกระเป๋าแล้วเอาเงินห้าพันไปซ่อนไว้ใต้ผ้าปูที่นอนในห้องของเขา

 

ชิเล่ยเดินออกจากห้องของเขาด้วยเงินที่เหลือ

 

เนื่องจากเขามีเงินแล้ว เป็นการสมควรที่จะฉลองให้รางวัลกับตัวเอง

 

ในระหว่างการฝึกทางทหาร นักศึกษาใหม่ทุกคนไม่เพียงแต่ต้องอยู่ในพื้นที่ฝึกทั้งวันเท่านั้น แม้ในเวลากลางคืนหลังจากมื้อเย็นพวกเขาก็ยังคงสุ่มเลือกบางหน่วยเพื่อตรวจสอบ

 

ดังนั้น เมื่อการฝึกทางทหารสิ้นสุดลงในตอนเย็น นักศึกษาใหม่ๆก็จะไม่กล้าออกไปไหนเลย

 

หากว่าโชคไม่ได้อยู่ข้างพวกเขาและหน่วยของพวกเขาได้รับเลือก จะถูกหัก 30 คะแนนเนื่องจากไม่อยู่ในห้อง

 

ภายในหนึ่งเทอม ถ้าคะแนนไม่ถึง 60 คะแนนแล้วละก็ มันจะถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมกันเลยทีเดียว!

 

ในมหาวิทยาลัยชวนกิ่ง ยังมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ สำหรับผู้ที่มีคะแนนน้อยกว่า 60 คะแนน ในหนึ่งหนึ่งเทอม จะต้องเข้าอบรมศีลธรรมทางสังคมและหลักสูตรปรับบุคลิกภาพในเทอมถัดไป

 

ทุกคลาสต้องเข้าร่วม ไม่มีคลาสไหนที่ได้อนุญาตให้ผ่านได้!

 

ในที่ประชุมของมหาวิทยาลัยชวนกิ่ง ผู้พี่นับไม่ถ้วนได้เตือนให้รุ่นน้องทุกคนอย่าหนีการฝึกทหารเด็ดขาด

 

เมื่อถูกหักเงิน 30 คะแนน ในระหว่างการฝึกทางทหารแล้วก็ แน่ใจได้เลยว่าในช่วงเทอมที่สองพวกเขาจะต้องถูกเข้ารับการอบรมศีลธรรมทางสังคมและหลักสูตรปรับบุคลิกภาพแน่นอน

 

ชิเล่ย ผู้ชายคนเดียวที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการฝึกทหาร กับชุดเสื้อผ้าที่เรียบร้อยของเขา รีบเดินออกจากมหาวิทยาลัยผ่านประตูหลังอย่างเงียบๆ

 

ถนนที่อยู่ด้านหลังมหาลัยผู้คนก็ยังคึกคักอยู่ตามปกติ

 

นักศึกษาจำนวนมากได้ครอบครองที่แห่งหนึ่งเพื่อกินและดื่ม

 

ในถนนด้านหลัง ชิเล่ยเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ เมื่อเขาพบร้านไก่หมักที่ไม่มีป้ายหน้าร้านแล้ว เขาก็เดินเข้าไป

 

"เล่าเจียง คุณมีลูกค้า มารับออเดอร์เร็วๆเข้า! "

 

ชิเล่ยตะโกนด้วยเสียงของเขา

 

ชายชราคนหนึ่งที่มีผมสีเทาที่มองเหมือนอายุห้าสิบกว่าๆ เดินกะโผลกกะเผลกออกมาด้วยขาของเขา

 

เขาถูกเรียกว่าเล่าเจียง ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริงหรือไม่ ชิเล่ยก็ไม่รู้

 

แม้ว่าลาวเจียงเดินจะกะโผลกกะเผลก แต่ไก่หมักของเขาก็เป็นหนึ่งในอาหารที่มีเอกลักษณ์มากในถนนด้านหลังแห่งนี้

 

เมื่อก่อนลาวเจียงได้แนะนำตัวเองเขาว่าได้ทำไก่หมักมานานกว่าสิบห้าปีแล้ว

 

ลาวเจียงมองไปที่ชิเล่ย ดวงตาของเขาเผยให้เห็นร่องรอยของความสงสัย

 

ชิเล่ย หัวเราะและพูดว่า "เล่าเจียง ฉันขอไก่หมักชามหนึ่ง แล้วก็ฉันต้องการห่อกลับบ้านด้วยหมือนกัน"

 

เสียงของเล่าเจียงพังดูแก่และอ่อนแอ

 

"คุณคือ?"

 

ชิเล่ย ลูบหัวของเขา "ฉันชิเล่ย คำว่าชิหมายถึงหิน เล่ยก็มาจากคำว่าหิน เล่าเจียงเรียกฉันว่าชิโตะก็ได้"

 

"ฉันมาจากมหาวิทยาลัยชวนกิ่ง!"

 

"จากนี้ไป เราจะเป็นเพื่อนกัน!"

 

เล่าเจียงเป็นคนตรงไปตรงมา เป็นธรรมดาที่เขาจะชอบคนแบบเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมชิเล่ยถึงกล้าทักทายกับเขา

 

“โอ้? มหาวิทยาลัยชวนกิ่ง?”

 

"งั้น ต้องเรียกนายว่าชิโตะ?"

 

"เพื่อนคนนี้ ฉันยินดีที่จะทำให้!"

 

ชิเล่ยบริการตัวเองและหาเก้าอี้นั่งลง

 

"เล่าเจียง ทำให้มันอร่อยมากๆเลยนะ!"

 

เล่าเจียงพยักหน้าและเดินกลับไปที่ห้องครัวด้วยขาที่เดินกะโผลกกะเผลกของเขา

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด