ตอนที่แล้วTX –  84 การมาถึงของท่านอาวุโส !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  86 การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว !

TXV – 85  บริษัทขายน้ำในทะเลทราย ?


TXV – 85  บริษัทขายน้ำในทะเลทราย ?

 

          เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก สำหรับเจ้าของร้านขายเครื่องกลริมถนนในการขอให้องค์กรของรัฐบาลเป็นผู้จัดหาที่ดินสำหรับโรงงานเครื่องจักรกลแบบนี้ มู๋เจียนเฟิงจึงมาที่นี่เพราะชื่นชมเซี่ยเหล่ยและความสามารถของเขา

 

          ตอนนั้น เจียงซินเดินเข้าไปใกล้เซี่ยเหล่ย แล้วพูดกับเขาเบาๆ “คุณเซี่ย คุณรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร เขาเป็นเจ้านายของเรานะ!”

 

          เพียงแค่นั้น เซี่ยเหล่ยก็รับรู้ถึงตำแหน่งของ มู๋เจียนเฟิงทันที ซึ่งนั่นทำเอาเซี่ยเหล่ยตกใจมากๆ จนต้องอ้าปากค้างและพูดไม่ออก

 

          เมื่อหลางซือเหยาพบว่ามู๋เจียนเฟิงและเจียงซินมาถึงแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังคาดเดาอะไรบางอย่างอยู่ เธอจึงเดินออกมา

 

          “ประธานเซี่ย ช่วยดูเอกสารการสมัครด้วยนะคะว่าอนุมัติมั้ย?” หลางซือเหยาหยิบเอกสารการสมัครที่เพิ่งพิมพ์ออกมาใหม่ๆให้เซี่ยเหล่ยอ่าน

 

          เซี่ยเหล่ยรู้ได้ทันทีว่าหลางซือเหยากำลังพยายามทำอะไร จึงยิ้มแล้วพูดออกมา “คุณ มู๋ คุณเจียง ผมขอแนะนำนะครับ นี่ผู้ช่วยของผม หลางซือเหยาครับ”

 

          หลางซือเหยาเดินตามมาแล้วโค้งทักทายด้วยความนับถือ “สวัสดีค่ะ คุณ มู๋ คุณเจียง”

 

          การโค้งเป็นท่าทางการแสดงความเคารพนับถืออย่างสูงในที่ทำงาน ต่างจากการจับมือโดยสิ้นเชิง

 

          เจียงซินเองก็พูดด้วยความเคารพ “สวัสดีครับคุณหลาง ผมขอถามได้มั้ยครับ ว่าคุณจบจากมหาวิทยาลัยไหน และจบสาขาอะไรมาครับ?”

 

          “ฉันเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในอเมริกาค่ะ และจบการศึกษาจากหมาวิทยาลัยด้านธุระกิจสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ฉันเคยทำงานในบริษัทการพานิชณ์อิเล็กทรอนิกส์และบริษัทร่วมลงทุนในอเมริกาค่ะ”  หลังจากจบการแนะนำประวัติแบบย่อๆแล้ว หลางซือเหยาก็ยิ้มออกมา “แต่ตอนนี้ ฉันทำงานให้กับประธานเซี่ยค่ะ”

 

          มู๋เจียนเฟิง และเจียงซินมองหน้ากันโดยอัตโนมัติหลังจากฟังเธอพูดจบ ทั้งสองคนประหลาดใจ พวกเขารู้ว่าบัณฑิตบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ดพบได้เยอะในอเมริกา ซึ่งที่จีนจะน้อยกว่ามาก ถ้าเธออยากทำงาน เธอจะเลือกทำงานกับบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใดก็ได้ แถมเงินเดือนเริ่มต้นก็ 500,000 เป็นอย่างต่ำ แต่คนที่มีความสามารถอย่างหลางซือเหยาก็เลือกที่จะทำงานกับบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นของเซี่ยเหล่ยแทน!

 

          เซี่ยเหล่ยมองปฏิกิริยาของ มู๋เจียนเฟิง และเจียงซิน เพราะนั่นทำให้เขาแอบรู้สึกมีความสุขและภูมิใจในตัวหลางซือเหยาอยู่ไม่น้อย

 

          “คุณหลาง คุณยินดีจะร่วมงานกับเรามั้ย ถ้าผมเสนอเงินเดือน 500,000 ให้คุณ?” มู๋เจียนเฟิง กล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มนิ่งค้างไปราวกับถูกแช่แข็ง คิดในใจว่า ‘เขาเป็นอะไรไป? ถ้าเขาต้องการลูกจ้างเรา เขาน่าจะมายื่นข้อเสนอให้เธอลับหลังเรานะ? แต่ตอนนี้เขากลับทำต่อหน้าเราเลย? นี่เขามองข้ามเราไปหรือไม่ได้ตั้งใจจะมาช่วยให้เราเรื่องที่ดินนั่นกันนะ?’

 

          ตอนนี้ทั้งความสงสัยและความกังวลก็ถาโถมมาที่เซี่ยเหล่ยเรื่อยๆ

 

          “ขอบคุณสำหรับข้อเสนอนะคะ แต่ฉันอยากอยู่กับอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ามากกว่าร่วมงานกับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนค่ะ”

 

          “เอ๋?” มู๋เจียนเฟิง เริ่มรู้สึกสนใจเธอขึ้นมาอีกหน่อย “คุณหลาง คุณช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้มั้ยว่าทำไม?”

 

          “บริษัทของคุณเป็นบริษัทใหญ่ ข้อเสนอเงินเดือนเองก็น่าสนใจ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นข้อดีแค่ชั่วคราว การทำงานกับอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าทำให้ฉันมีโอกาสได้เติบโตมากขึ้นอีก เงินเดือนปัจจุบันของฉันต่ำกว่า 500,000 ต่อปี แต่ก็จะเติบโตได้ในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะ นี่คือเหตุผลของฉันสำหรับเรื่องเงินเดือน อีกเหตุผลหนึ่งคือลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ามีกลุ่มลูกค้าชั้นเยี่ยมที่บริษัททั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ฉันต้องทราบเรื่องนี้ด้วย มิเช่นนั้นก็เข้ามาทำงานที่นี่ไม่ได้ จริงมั้ยคะ?” หลางซือเหยากล่าว

 

          สรุปได้ว่า มู๋เจียนเฟิง และเจียงซินคงไม่มาที่นี่วันนี้ ถ้าเซี่ยเหล่ยไม่ใช่คนเดียวที่สามารถประมวลส่วนที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงที่พวกเขาต้องการในประเทศจีนทั้งประเทศได้

 

          “น่าสนใจ ไม่ธรรมดาจริงๆ เอ๋? คนหนุ่มสาวสมัยนี้น่าประทับใจกว่าเราตอนยังอายุเท่าพวกเขาแล้วเหรอเนี่ย?” มู๋เจียนเฟิง หัวเราะ “คุณหลาง ก่อนหน้านี้ผมแค่ล้อคุณเล่น ตอนนี้คุณกลับไปทำงานได้แล้วล่ะ”

 

          “ค่ะ คุณ มู๋” หลางซือเหยาหันกลับไปอีกทางแล้วเดินออกไป

 

          เซี่ยเหล่ยเรียกเธอให้หยุดแล้วยื่นเอกสารการสมัครให้  “เธอจัดการเรื่องพวกนี้ได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอให้ผมช่วยหรอก”

 

          หลางซือเหยาพยักหน้าแล้วรับเอาเอกสารมา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน พนักงานทุกคนในอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปมองดู มู๋เจียนเฟิง และเจียงซินข้างนอกด้วยความสงสัย พลางจับกลุ่มกระซิบคุยกัน หลังจากที่หลางซือเหยาเดินเข้ามาแล้ว เธอก็บอกให้ทุกคนหยุดมองแล้วกลับไปทำงาน พวกเขาจึงหยุดบทสนทนาต่างๆลงแล้วเริ่มทำงานต่อ

 

          หลางซือเหยาอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าพวกเขา ในฐานะผู้ช่วยประธานทุกคนจึงต้องฟังเธอ   พนักงานของอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปไม่ได้มีธรรมเนียมอะไรเฉพาะเจาะจง แต่ข้อดีของพวกเขาคือพวกเขาเข้าใจชัดเจนว่าเจ้านายเป็นใคร พวกเขาจะทำตามที่เจ้านายพูดโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ

 

          มู๋เจียนเฟิงพูดกับเจียงซิน  “เจียง บอกคนงานให้ขนถ่ายของเข้าเวิกค์ช็อปได้เลย คุณเซี่ยมีพนักงานไม่มาก เพราะฉะนั้นเราจะไม่ใช้กำลังคนของเขา”

 

          “ครับ คุณ มู๋” เจียงซินตอบรับแล้วทำตามคำสั่ง

 

          “มากับผมหน่อยสิ คุณเซี่ย” มู๋เจียนเฟิง บอกกับเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยคาดการณืไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ จึงตอบรับ “ครับ”

 

          ทั้งสองคนเดินไป ชายชราและชายหนุ่มบนทางเท้า พูดคุยไปเรื่อยๆระหว่างทางเดิน

 

          “คุณเซี่ย ที่ผมมาวันนี้ไม่ใช่เพราะผมจะมาช่วยคุณให้ได้ที่ดินผืนนั้นหรอกนะ คุณรู้มั้ยว่าผมมาทำไม?” หลังจากคุยกันไปได้เล็กน้อย มู๋เจียนเฟิง ก็เปลี่ยนเรื่องไปยังจุดประสงค์หลักของเขา

 

          “เดายากนะครับ คุณ มู๋ ที่คุณมาห่ายจูครั้งนี้ก็เพื่อมาดูว่าผมพัฒนาเครื่องกลึงธรรมดาให้ทัดเทียมมาตรฐานยุโรปและอเมริกาได้แล้ว ใช่มั้ยครับ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

 

          “เดาได้ดีนะ แต่เดาแล้ว ช่วยตอบคำถามนั้นฉันให้มั่นใจหน่อยสิ” มู๋เจียนเฟิงหยุดเดินแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซี่ยเหล่ยราวกับว่าจะสามารถมองเห็นความลับภายในนั้นได้

 

          “ผมบอกคุณจู้งเหว่ยและคุณเจียงซินไว้แล้วครับว่าผมทำได้ แต่ผมต้องเดินทางข้ามทวีปไปดูพิมพ์เขียวของจริงก่อน” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ไม่มีปัญหา คุณจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ เราเองก็มีช่องทางที่สามารถจัดเตรียมทุกอย่างให้คุณได้ดูพิมพ์เขียวของจริงและเครื่องกลึงระดับสูงด้วย คุณจะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”

 

          “หลังจากตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้วครับ” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          ความไม่พอใจปรากฏขึ้นในสายตาของ มู๋เจียนเฟิง “คุณเซี่ย คุณยังอยากให้เราช่วยให้คุณได้ที่ดินผืนนั้นมาอยู่มั้ย?”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ครับ ผมอยากขอคุณเรื่องนี้เรื่องเดียว แล้วผมจะไม่ขออะไรจากคุณอีกเลยครับ”

 

          มู๋เจียนเฟิงเริ่มเดินต่อ “คุณเซี่ย สิ่งที่คุณขอเนี่ย ยากนะ”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรแต่เขาคิดว่า ‘คุณต้องช่วยผมอยู่แล้วไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม’

 

          “ตอนนี้คุณมีเงินในมือเท่าไหร่?”

 

          “ทั้งหมดประมาณ 6,400,000 ครับ”

 

          “อะไรนะ?” มู๋เจียนเฟิง มองเซี่ยเหล่ยด้วยความตกใจ “คุณมีแค่ 6,000,000 และคุณอยากให้เราช่วยจัดหาที่ดินมูลค่าร้อยล้านเนี่ยนะ? ล้อเล่นรึเปล่า?”

 

          น้ำเสียงของมู๋เจียนเฟิงเริ่มดูไม่พอใจแต่เซี่ยเหล่ยก็ยังไม่ลดละ เขาพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ครับ แค่ 6,000,000 เท่านั้น ผมยังจำเป็นต้องใช้ที่ดินเพื่อสร้างโรงงานเครื่องจักรของผม ซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม  จ้างคนงานมากขึ้นและอื่น ๆ ผมได้แต่หวังว่าจะสามารถเปลี่ยนเงินทุกหยวนให้เป็นหมื่นได้”

 

          มู๋เจียนเฟิง หัวเราะเยาะ “ผมคิดว่าคุณจะมีเงินอย่างน้อยสัก 7 หรือ 8 ร้อยล้าน เราอาจให้คุณยืมเงินเราได้ถ้าคุณใช้ประโยน์จากความสัมพันธ์กับผู้บริหารของเราในการซื้อที่ดินผืนนั้น แต่ตอนนี้คุณบอกว่า คุณมีแค่ประมาณ 6,000,000 และจะใช้สำหรับสร้างโรงงานเครื่องจักรกล  ซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม และจ้างคนเพิ่ม? พ่อหนุ่ม พูดเรื่องตลกให้คนแก่หัวเราะอยู่งั้นเหรอ?”

 

          น้ำเสียงของ มู๋เจียนเฟิง เริ่มไม่สุภาพมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนของเซี่ยเหล่ยเองหมดลงเรื่อยๆเช่นกัน เขาแสยะยิ้ม “คุณ มู๋ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ผมคงไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคุณเลยแม้แต่น้อย ก็จริงที่ตอนนี้ผมไม่มีเงิน ผมทำไปเพราะอยากให้เราร่วมมือกันในอนาคต”

 

          “คุณพูดอย่างกับว่ามันง่ายเหมือนจุดไฟตะเกียงเลยนะ พ่อหนุ่ม ผมคงต้องเตือนความจำคุณหน่อยแล้ว ว่าสิ่งที่คุณอยากได้คือที่ดินที่มีมูลค่ากว่าร้อยล้านเลยนะ!” มู๋เจียนเฟิงพูดตรงๆ “ทำไมคุณถึงยืนกรานจะเอาที่ดินผืนนี้ ในเมื่อคุณไม่มีเงินพอสำหรับมัน? คุณไปเลือกสักที่ในชนบทก็ได้นี่ เงิน 1 ล้านก็ได้หลายสิบแปลงแล้ว ทำไม? ขอคำอธิบายหน่อย!”

 

          เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว “คุณคิดว่าผมจะโกงคุณงั้นเหรอ?”

 

          “ผมคงจะพิจารณานะ แต่ในเมื่อคุณไม่มีเหตุผมมาอธิบาย ผมก็คงทำอะไรไม่ได้” มู๋เจียนเฟิง กล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยถอนหายใจ “ถ้าคุณคิดแบบนั้นจริงๆ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดต่อแล้วล่ะ”

 

          “หมายความว่าไง?”

 

          “ผมไม่ได้หมายถึงอะไรทั้งนั้น ผมจะจัดการคำสั่งซื้อของคุณจู้งเหว่ยให้เสร็จ จากนั้นผมจะได้ไปหาคนอื่นที่มีคุณสมบัติดีกว่าผมมาทำงานให้คุณแทน ในฐานะคนโกงแบบนี้ผมคงทำอะไรให้คุณได้ไม่มากหรอกครับ”

 

          “ไอ้คนไม่มีมารยาท !” มู๋เจียนเฟิง โกรธจัด เพราะไม่มีใครเคยพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน เพิ่งมีเซี่ยเหล่ยเป็นคนแรก

 

          “คุณมู๋ เก็บเงินกับเส้นสายของคุณไว้เถอะครับ ลาก่อนครับ” เซี่ยเหล่ยพูดจนจบแล้วหันหลังกลับ

 

          “เดี๋ยว!” มู๋เจียนเฟิง หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เขารีบคว้าแขนเซี่ยเหล่ยเอาไว้

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้พยายามสะบัดมือเขาออกเพราะกลัวว่าคนอายุมากอย่างเขาจะถูกเหวี่ยงจนร่วงกระแทกพื้น และนั่นคงจะเป็นการกระทำที่เกินไปหน่อยด้วย

 

          “นี่มันอะไรกันพ่อหนุ่ม?” มู๋เจียนเฟิง จ้องเซี่ยเหล่ยด้วยความไม่พอใจ “ผมแก่คราวปู่คุณเลยนะ จะรับคำวิจารณ์จากปู่แก่ๆคนนี้ไม่ได้เลยรึไง?”

 

          “ผมไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นนะครับ แต่ผมจะมีความสุขได้ยังไงถ้าคุณมองผมเป็นคนหลอกลวงแบบนั้น?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ผมมั่นใจว่าคุณจะไม่โกงกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนและผมคิดว่าคุณคงรู้ว่ามันเป็นบริษัทแบบไหนนะ ?” มู๋เจียนเฟิง กล่าว

 

          “แน่นอนครับ ผมรู้ ที่นั่นก็เหมือนกับล็อกฮีด มาร์ตินในอเมริกา ผลิตอาวุธสงครามสำหรับประเทศ  ผมคงไม่โง่พยายามหลอกลวงพวกคุณด้วยเงินของคุณหรอกครับ แม้ว่าผมจะเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตแล้วก็เถอะ นอกจากนี้ สิ่งที่ผมต้องการคือที่ดินไม่ใช่เงิน ผมจะขายที่ดินได้มั้ย? ผมจะได้ที่ดินในต่างประเทศนั่นรึเปล่า?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          มู๋เจียนเฟิง ดูเริ่มใจเย็นลงแล้ว แต่ริมฝีปากเขายังคงเหมือนเดิม “แต่ที่ดินนั่นมูลค่านับร้อยล้านเลยนะ บริษัทของคุณน่ะมูลค่าน้อย ส่วนที่ดินนั่นมูลค่าสูง เมื่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ประมูล คุณก็จะได้ที่ดินราคาหลายร้อยล้านทันที มันดูสมเหตุสมผลสำหรับคุณแล้วงั้นเหรอ?”

 

          “สมเหตุสมผลแล้วรึไง?”

 

          “ไม่เลย” มู๋เจียนเฟิง ส่ายหัว

 

          “ให้ผมลองเปรียบเทียบนะครับ ผมไม่ได้ขายน้ำใกล้กับบริษัทขายน้ำ แต่ผมขายในทะเลทรายและคุณเป็นลูกค้าของผม ลูกค้าที่หลงอยู่กลางทะเลทรายที่กำลังถูกปิดกั้นทางเทคโนโลยีจากยุโรปและอเมริกา และน้ำที่คุณเก็บไว้ก็หมดเกลี้ยงไปนานแล้ว ถึงตอนนั้น เมื่อพวกคุณกระหายมากๆ แล้วพบว่าผมกำลังขายน้ำ คุณคิดว่าผมจะขายน้ำให้กับพวกคุณเหรอครับ ถ้าคุณให้ผมแค่หยวนเดียว?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          มู๋เจียนเฟิง นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมา “พูดได้ดี เป็นการอุปมาที่เหมาะมากๆ คุณคือคนขายน้ำในทะเลทราย นี่ก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณมีทักษะพิเศษที่ไม่มีใครเทียบคุณได้ คุณจะได้รับการสนับสนุนและกำลังขู่กรรโชกเราเพราะความอ่อนแอของเราสินะ?”

 

          เซี่ยเหล่ยยักไหล่ “พูดอะไรก็พูดเถอะครับ โกง ขู่กรรโชกเพราะความอ่อนแอ มันไม่สำคัญสำหรับผมหรอก ผมไม่สนว่าคุณจะมองผมยังไง ผมต้องการแค่สร้างโรงงานเครื่องจักรของผมบนที่ดินผืนนั้นก็เท่านั้น”

 

          มู๋เจียนเฟิง ถอนหายใจแล้วเดินกลับ

 

          เซี่ยเหล่ยยืนนิ่ง ไม่ได้ขยับไปไหน

 

          มู๋เจียนเฟิง เดินไปได้เพียง 2 ก้าวหันกลับมาแล้วตะโกน “ยืนรออะไรล่ะเจ้าหนู? พาฉันไปดูที่ดินนั่นหน่อยสิ”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้ม “แน่นอนครับ คุณ มู๋ ผมจะพาคุณไปเดี๋ยวนี้เลย”

 

          มู๋เจียนเฟิง ยิ้มอย่างเบื่อหน่ายพลางส่ายหัว “คุณคือเด็กที่ดื้อที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยจริงๆ”

 

         ติดตามตอนต่อไป......

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด