ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 119 เด็กเกเร (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 121 วิญญาณสุราสี่ฤดู (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 120 เรื่องง่ายๆ (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 120 เรื่องง่ายๆ 

แปลโดย iPAT  

สายลมพัดผ่าน แสงอาทิตย์สาดส่อง ท้องฟ้าสีครามที่กระจ่างใสราวกับคริสตัล

หากมองจากสถานที่ไกลออกไป ฟางหยวนดูราวกับลิงตัวน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้างพญาคชสารที่กำลังหลับใหล

หัวใจของฟางหยวนยังสงบนิ่งขณะที่เขาคิดกับตนเอง 'ข้าใช้วิญญาณหมูขาวและหมูดำเพื่อเสริมสร้างร่างกายและเพิ่มพละกำลังให้กับตนเอง ข้าครอบครองความแข็งแกร่งของหมูป่าสองตัวหรือเทียบเท่ากับพละกำลังของชายฉกรรจ์หกคน แต่การเคลื่อนย้ายคางคกกลืนกินแม่น้ำจำเป็นต้องใช้พละกำลังของวัวกระทิงสองตัว ด้วยพละกำลังของข้าเพียงผู้เดียว มันไร้ประโยชน์ แต่ข้าจะหยิบยืนพลังของกระแสน้ำ'

"ซ่า ซ่า ซ่า"

ฟางหยวนมองไปยังต้นน้ำและเห็นคลื่นน้ำซัดสาดเข้ามา เมื่อมันปะทะร่างของคางคกกลืนกินแม่น้ำ หยดน้ำก็สาดกระเซ็นขึ้นสู่ท้องฟ้า

ฟางหยวนยืนอยู่ที่นี่ด้วยร่างกายที่เปียกโชก

แต่เขาไม่ใส่ใจและเริ่มผลักคางคกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด

คางคกกลืนกินแม่น้ำยังหลับสนิท มันเป็นวิญญาณที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำหรือทะเล คลื่นน้ำเหล่านี้จึงไม่สามารถปลุกมันให้ตื่นขึ้น

อย่างไรก็ตามด้วยการหนุนเสริมจากกระแสน้ำ ฟางหยวนสามารถผลักคางคกกลืนกินแม่น้ำให้เคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิมได้ในที่สุด

หลังจากผ่านไปสองถึงสามร้อยเมตร คางคกกลืนกินแม่น้ำเริ่มเปิดเปลือกตาขึ้น

มันใช้ดวงตาคู่สีเขียวที่อยู่ในลักษณะครึ่งปิดครึ่งเปิดชำเลืองมองฟางหยวน

ฟางหยวนมองตอบกลับไปโดยปราศจากความเกรงกลัว

"อ๊บ!" คางคกกลืนกินแม่น้ำเงยศีรษะขึ้นก่อนจะส่งเสียงที่แปลกประหลาดของมันดังไปทั่วภูเขา

ฟางหยวนอยู่ใกล้ที่สุด มันจึงทำให้เขารู้สึกหูอื้อ

คางคกกลืนกินแม่น้ำอ้าปากดูดกลืนแม่น้ำที่ไหลเข้าไปหามัน

"ซู่ ซู่ ซู่"

กระแสน้ำไหลเชี่ยวขึ้นสิบเท่าเมื่อมันถูกดึงดูดเข้าไปในกระเพาะอาหารของคางคกกลืนกินแม่น้ำและยังเป็นเหตุให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนยืนอยู่ด้านข้างคางคกกลืนกินแม่น้ำและเห็นอย่างชัดเจนว่าสัตว์น้ำถูกดูดกลืนเข้าไปเช่นกัน

เมื่อตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ ซื่อซานเร่งเข้าไปตรวจสอบและต้องตกตะลึงกับฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"อัศจรรย์นัก!" ซื่อเฉินไม่สามารถซ่อนความตกใจเมื่อเห็นปรากฏการณ์นี้

"เจ้าทำสำเร็จงั้นหรือ?" ซื่อซานมองฟางหยวน

"ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น" ฟางหยวนพยักหน้าเบาๆ

หลังจากคางคกกลืนกินแม่น้ำหยุดกินอาหารของมัน มันเงยหน้าพร้อมกับท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะพ่นสัตว์น้ำจำนวนมากออกมา

ปลากระโดดอยู่บนพื้น เต่าหงายท้องขึ้นด้านบน ปูเดินเป็นเส้นตรงไปในหลากหลายทิศทาง

สัตว์น้ำร่วงหล่นลงบนร่างกายของพวกเขา ฟางหยวนไม่รังเกียจ แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้กลิ่นหอมของสุรา

"แปลก เหตุใดข้าจึงได้กลิ่นสุรา?" ซื่อเฉินประหลาดใจ

"มันควรเป็นกลิ่นของหอยขมร้อยปี" ผู้ใช้วิญญาณหญิงชี้ไปยังเปลือกหอยที่แตกหักอยู่บนพื้น

เปลือกของมันมีสีดำและมีเส้นสีขาวขดอยู่โดยรอบราวกับวงปีของต้นไม้

"ถูกต้อง หอมขมสามารถเปลี่ยนดินทรายให้กลายเป็นของเหลวรสขม ยิ่งเป็นหอยขมร้อยปี ของเหลวที่มันสร้างขึ้นจะยิ่งขมและกลายเป็นสุราในที่สุด ผู้นำตระกูลไป่คนปัจจุบันชอบดื่มสุราชนิดนี้เป็นอย่างมาก" ซื่อซานอธิบาย

โดยไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบาย ฟางหยวนเร่งรวบรวมสุราหอยขมที่อยู่บนพื้น

ไม่นานมานี้เขายังกังวลว่าจะนำสุรารสขมมาได้อย่างไร แต่โดยไม่คาดคิดมันกลับปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาในลักษณะนี้

ดังคำกล่าวที่ว่า 'แม้จะพยายามอย่างหนักก็ไม่สามารถครอบครอง แต่บางสิ่งกลับปรากฏขึ้นเองเมื่อพวกเขาไม่ได้คาดหวัง'

แท้จริงแล้วลึกลงไปใต้แม่น้ำมีหอยขมฝังตัวอยู่ในพื้นโคลนจำนวนมาก ด้วยการกลืนกินแม่น้ำของคางคกกลืนกินแม่น้ำ พวกมันจึงถูกดึงออกมาจากที่ซ่อนในที่สุด

ฟางหยวนเก็บหอยขมได้หกตัว เปลือกหอยสองตัวแตกหัก ขณะที่อีกสี่ตัวได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย

'ในที่สุดข้าก็สามารถรวบรวมสุรารสขม ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะหามันได้ด้วยวิธีนี้ ข้าจะเริ่มหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดูอย่างรวดเร็วที่สุด' หัวใจของฟางหยวนพองโตขึ้นแม้จะไม่มีผู้ใดร่วมแบ่งปันความสุขกับเขาก็ตาม

"อ๊บ!"

หลังจากคายสัตว์น้ำออกมา คางคกกลืนกินแม่น้ำส่งเสียงคำรามอีกครั้งก่อนจะจ้องมองฟางหยวนเป็นครั้งสุดท้ายและว่ายน้ำจากไป

"เขาทำสำเร็จจริงๆ" ซื่อซานพึมพำและรู้สึกโล่งอก เขามองคางคกกลืนกินแม่น้ำกระทั่งมันหายไปจากมุมมองสายตา

"อันใด!? ง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ? หากข้ารู้มาก่อน พวกเราจะทำมันเอง แต่ตอนนี้พวกเรากลับปล่อยให้ฟางหยวนกลายเป็นวีรบุรุษไปง่ายๆเช่นนี้" ซื่อเฉินกล่าวออกมาด้วยความอิจฉาและรังเกียจ

"ฟางหยวน เจ้าทำได้ดีมาก ตอนนี้เจ้ากลายเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว" ซื่อซานมองฟางหยวนด้วยความรู้สึกซับซ้อน

"โอ้" ฟางหยวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลางๆก่อนจะก้มหน้าลงและค้นหาหอยขมต่อไป

วีรบุรุษ? มันก็เป็นเพียงชื่อเรียก

ไม่ว่าจะเป็นการยกย่องหรือการเย้ยหยัน พวกมันล้วนเป็นเพียงมุมมองของผู้อื่นที่มีต่อคนผู้หนึ่งเท่านั้น

ความคิดของผู้อื่นไม่มีความหมายสำหรับฟางหยวน เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับมัน

วีรบุรุษ? คนโง่? ฮ่าฮ่า ข้ามีหอยขม!

ข่าวการขับไล่คางคกกลืนกินแม่น้ำแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว

อวี๋โป้กล่าวคำว่า "ดี" ถึงสามครั้ง ความตึงเครียดภายในห้องประชุมถูกปัดเป่าออกไปจนหมดสิ้น

มีเพียงใบหน้าของผู้อาวุโสภารกิจฝ่ายในเท่านั้นที่ดูซับซ้อน เขาไม่คิดว่าฟางหยวนจะทำสำเร็จ เมื่อไม่นานมานี้เขายังวิพากษ์วิจารณ์ฟางหยวนอย่างออกรส แต่เมื่อหมู่บ้านพบสถานการณ์วิกฤต มันกลับเป็นฟางหยวนที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ นี่ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกตบหน้าอย่างรุนแรง

"ฟางหยวนมีความดีความชอบที่สามารถขับไล่คางคกกลืนกินแม่น้ำ เราจะเลื่อนให้เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มและมอบหินวิญญาณห้าร้อยก้อนเป็นรางวัลกับเขา" อวี๋โป้คิดก่อนกล่าวออกมาอย่างมีความนัย

ในโรงเตี้ยม

"กระไรนะ? ฟางหยวนทำสำเร็จจริงๆงั้นหรือ?"

"แปลก เขาเป็นเพียงเด็กใหม่ แล้วเขาจะสามารถขับไล่วิญญาณระดับห้าได้อย่างไร?"

"แม้แต่ซื่อซานยังล้มเหลวอย่างน่าอนาถ แต่เขากลับทำสำเร็จ..."

ทุกคนตกใจกับข่าวนี้

"ฟางหยวนกลายเป็นวีรบุรุษที่ช่วยเหลือตระกูลของพวกเรางั้นหรือ? นี่..." ผู้ใช้วิญญาณสายรักษาที่เกลียดชังฟางหยวนตกตะลึงเมื่อได้ยินข่าวนี้

หัวหน้ากลุ่มของเขาผุดลุกขึ้นยืนและชี้นิ้วไปยังเฒ่าแก่ร้านพร้อมตะโกนเสียงดัง "เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแต่กล้าใส่ร้ายวีรบุรุษของตระกูล พวกเจ้าจะต้องรับโทษ!"

ดาบแสงจันทร์ถูกยิงออกไปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค

เฒ่าแก่ผู้ดูแลโรงเตี้ยมไม่เคยคาดฝันว่าเหตุการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาแก้ตัวก่อนที่ดาบแสงจันทร์จะตัดศีรษะของเขาให้หลุดออกจากลำคอ

"นายท่านโปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย" เสี่ยวเอ้อเร่งคุกเข่าลงร้องขอชีวิตเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

"หัวหน้า ท่านกำลังทำสิ่งใด?" ผู้ใช้วิญญาณสายรักษาลุกขึ้นยืน

"ข้าทำสิ่งใดงั้นหรือ?" หัวหน้ากลุ่มขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม "เวลาเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง อาไห่ ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้าน ชนชั้นสูงจะต้องให้ความสำคัญกับเขา หากคำพูดให้ร้ายเขาหลุดออกไป เจ้าคิดว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น? มีผู้ใช้วิญญาณสายตรวจสอบอยู่รอบๆ หากบางคนต้องการทำร้ายพวกเราและรายงานเหล่านี้กับผู้อาวุโส อนาคตของพวกเราจะพังทลายทันที"

เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ช่วยไม่ได้ที่เม็ดเหงื่ออันเย็นเยียบจะไหลลงมาจากหน้าผากของผู้ใช้วิญญาณสายรักษาด้วยความหวาดกลัว

มันเป็นเช่นนี้ สายสัมพันธ์ของตระกูลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฟางหยวนเสี่ยงชีวิตขับไล่วิญญาณระดับห้าเพื่อปกป้องตระกูล หากบางคนให้ร้ายและดูหมิ่นเขา แล้วคนอื่นๆจะคิดอย่างไร? แน่นอนว่านี่คือการเนรคุณ ไร้หัวใจ และไม่สนใจสายสัมพันธ์ของตระกูล

แม้มันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ชนชั้นสูงจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อมีคนเช่นนี้อยู่รอบตัวพวกเขา

หากเป็นคนเช่นซื่อซานหรือโม่เยี่ยน นั่นถือเป็นข้อยกเว้นเพราะพวกเขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน แต่มันไม่ใช่สำหรับคนทั่วไปเช่นคนกลุ่มนี้

ในการปีนป่ายและแย่งชิงกันขึ้นไปบนที่สูง บางคนอาจใช้เหตุการณ์นี้โจมตีพวกเขาและทำให้อนาคตของพวกเขาพังทลายลงในที่สุด

"ยังไม่สายเกินไปที่จะกอบกู้สถานการณ์ พวกเราจะต้องแสดงทัศนคติที่ดีออกมาเพื่อไม่ให้บางคนพูดมาก ชีวิตของมนุษย์ธรรมดาเป็นสิ่งไร้ค่า พวกเขาต้องสละชีวิตเพื่อพวกเรา แท้จริงแล้วต้องถือเป็นเกียรติสำหรับพวกเขา เอาล่ะ พวกเจ้าจงฆ่าพวกมันและสรรเสริญฟางหยวนเพื่อแสดงจุดยืนของพวกเราออกมา" หัวหน้ากลุ่มกล่าว

"บัดซบ!" ผู้ใช้วิญญาณสายรักษาสาปแช่ง แต่ระหว่างความเกลียดชังกับอนาคต เขาก็ไม่ลังเลที่จะเลือกอย่างหลัง

ด้วยดาบแสงจันทร์สีฟ้า ผู้กระทำผิดอีกหนึ่งตกตายทันที

"นายท่าน โปรดเมตตาด้วย" เสี่ยวเอ้อคนอื่นๆ อ้อนวอนอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว

ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มไม่แยแสพวกเขา ภายใต้การจ้องมองของผู้คน เขาชี้นิ้วไปยังเสี่ยวเอ้อและตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าสมควรตาย น้องชายฟางหยวนเป็นวีรบุรุษของตระกูลแต่พวกเจ้ากลับกล้าให้ร้ายเขา!"

ชายผู้นี้ตะโกนเสียงดังพร้อมกับคิ้วที่ขมวดลึก

ฟางหยวนเป็นคนที่เขาเกลียดชัง เมื่อเขาต้องกล่าวยกย่องศัตรูในที่สาธารณะ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกรังเกียจตนเอง

"นายท่าน ไม่ใช่ว่าท่านก็...อา..." เสี่ยวเอ้อตะโกนเสียงดังกับความอยุติธรรมเบื้องหน้าแต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวจนจบประโยคก่อนที่ศีรษะของเขาจะหลุดออกจากบ่า

"พวกทาสชั้นต่ำ ไม่เพียงพวกเจ้าจะให้ร้ายน้องชายฟางหยวนแต่พวกเจ้ายังกล้านำพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้อง เลวมาก!" ผู้ใช้วิญญาณหญิงในกลุ่มตะโกนเสียงดังด้วยการแสดงออกที่เย็นชา

ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆในโรงเตี้ยมมองเหตุการณ์นี้ราวกับกำลังรับชมละครฉากใหญ่

บางคนยิ้มแย้มแจ่มใส บางคนไม่สนใจ บางคนก็พูดคุย แต่ไม่มีผู้ใดหยุดพวกเขา

ไม่ว่ามนุษย์ธรรมดาจะตายกี่คน มันก็ไร้ความหมาย

ทั้งหมดก็คือพวกเขาเป็นสมาชิกของตระกูลเดียวกัน พวกเขาจะไม่สร้างความขัดแย้งภายในเพียงเพราะคนนอกเหล่านั้น