ตอนที่แล้วบทที่ 6 บททดสอบจิตวิญญาณ!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 ความอัปยศ!

บทที่ 7 สัญลักษณ์แห่งมังกร!


ซ่งหยูขึ้นไปที่ห้องปรุงยา เพื่อมารับเม็ดยาสมุนไพรยู่หลิงจำนวนสิบเม็ดที่เขาจะได้รับในทุกๆหนึ่งเดือน

และหลังจากนั้นเขาก็เดินกลับที่พัก

ลานฝึกนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนด้านหลังของลานนั้นเป็นห้องโถงที่ใช้สำหรับการประชุม และฝึกฝนการบ่มเพาะ และส่วนสุดท้ายคือส่วนหน้าเป็นที่สำหรับคนรับใช้อยู่

ผู้ดูแลพาซ่งหยูไปดูลานฝึกแห่งนี้ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "เด็กบางคนมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยมักจะพาคนรับใช้ของตัวเองมาด้วย เพื่อพวกเขาจะได้มีเวลาในการฝึกฝนบ่มเพาะได้เต็มที่ และนี่คือรายละเอียดของลานฝึกทั้งหมด และนี่เพียงแค่เจ้าวางตราสัญลักษณ์นี้ไว้ตรงกับรอยบากนั้น มันจะทำให้เสาในลานฝึกสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นขึ้นมาปิดกั้น เพื่อมิให้บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาได้ หากต้องการเอากำแพงที่กีดขวางนั้นออกเพียงเจ้านำตราสัญลัษณ์นั้นออกจากรอยบาก โดยวิธีการนี้เจ้าควรจะต้องทำโดยการใช้จิตวิญญาณของเจ้าราวกับว่ามันเป็นรหัสลับส่วนตัวของเจ้าเอง!"

จากนั้นดวงตาของซ่งหยูก็สว่างขึ้น เขารู้สึกทึ่งกับการทำงานของกำแพงนี้อย่างอัศจรรย์ใจ ถึงแม้เหล่าศิษย์บนลานฝึกแห่งนี้นั้นเป็นเพียงศิษย์ที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ แต่ก็สำคัญมาก การมุ่งเน้นการปลูกฝังการบ่มเพาะจึงไม่สามารถที่จะสามารถทนได้กับสิ่งเร้าภายนอกที่เข้ามารบกวนได้อย่างกะทันทัน มิเช่นนั้นแล้วมันจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บ และร้ายแรงกว่านั้นอาจถึงแก่ชีวิตด้วย

ด้วยตราสัญลักษณ์นี้แล้วบุคคลภายนอก จะไม่สามารถเข้าไปในลานฝึกโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกรบกวนได้อย่างกะทันทัน ในขณะที่กำลังทำการฝึกฝนอยู่

นอกจากนี้ยังสามารถนำทรัพย์สินของมีค่าเข้าในลานฝึกได้ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งของมีค่าที่จะถูกขโมยไป!

"แล้วพวกเขาปลูกฝังอะไรกันบ้างเล่า?"ซ่งหยูถามต่อ

ผู้ดูแลหัวเราะและกล่าวว่า"ศิษย์ทุกคนที่เข้ามาในลานฝึกแห่งนี้นั้น จะได้รับการรายงานตัวต่ออาจารย์ที่ฝึกฝนคือ ผู้ที่สำเร็จขั้นสูงสุดในการบ่มเพาะในนิกายฯจะเป็นผู้ฝึกสอน จากนั้นพวกเขาจะลงมาเลือกศิษย์ที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อสอนเทคนิคต่างๆ ในการบ่มเพาะ โดยปกติแล้วพวกเขาจะมีศิษย์ 10 ถึง 20 คน ภายในครั้งเดียว เพราะถ้าศิษย์คนได้ฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดนั้นแล้วไซร้ พวกเขาก็จะได้รับเกียรติด้วยเช่นกัน

เจ้าจงอย่ากังวลใจไปเลย ตราบเท่าที่เจ้าผ่านการประเมินมาถึงขั้นนี้แล้วก็หามีสิ่งใดที่น่ากลัวสำหรับเจ้าไม่

ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะสำเร็จขั้นสูงสุดในไม่ช้านี้...ฮ่า!ฮ่าฮ่า ข้าเชื่อว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น !"

"ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!"ซ่งหยูมองไปข้างหน้าด้วยความหวังอันแรงกล้า

หลังจากซ่งหยูวางตราสัญลักษณลงไปในรอยบากนั้นไปที่ประตูด้านหน้าหลังจากผู้ดูแลวางเอาไว้ จากนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือน และเสียงที่ดังกึกก้องก่อนที่กำแพงที่มองไม่เห็นจะลงมาปิดกั้นพื้นที่ลานทั้งหมด

จากนั้นซ่งหยูก็วางตะกร้าสมุนไพรลง และหยิบโคมไฟออกมาวางบนพื้นอย่างระมัดระวัง ดวงไฟภายในโคมนั้นส่องสว่างขึ้นสักครู่ และมันก็สลัวลงเรื่อยๆ เหมือนจะจางหายไป ภายในนั้นเด็กน้อยซินหวงก็ยังคงหลับไหลอยู่..

"ซินหวงเจ้าจะหลับอีกนานแค่ไหนกัน?"

จากนั้นเขาจึงหยิบขวดหยกขนาดเล็กออกมาดึงจุกออก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเม็ดยาลอยฟุ้งขึ้นมาเตะจมูกเขา

ภายในนั้นมีเม็ดยาสมุนไพรยู่หลิงขนาดเท่ากับเม็ดถั่วอยู่จำนวนสิบเม็ด....

ในอดีตเขาต้องเสี่ยงชีวิตในการเก็บสมุนไพร เขาต้องใช้เวลานานหลายเดือนในการรวบรวมส่วนผสมทั้งหมด และไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่ามันจะสำเร็จหรือว่าจะล้มเหลวในการปรุงมัน....

แต่ตอนนี้ยาจำนวนสิบเม็ดนี้ ได้ถูกแจกจ่ายให้กับเขาหลังจากที่เขาได้กลายเป็นศิษย์ในระดับที่สูงขึ้น

สำหรับเขาแล้วนั้นนับเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ!

ในหนึ่งเม็ดยาสมุนไพรยู่หลิงนั้นสามารถเพิ่มความเร็ว และความแข็งแกร่งของคนปกติให้มีประสิทธิภาพให้เพิ่มมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ และจะช่วยให้พวกเขาสามารถที่จะอยู่ได้โดยไม่มีอาหาร และน้ำเกือบครึ่งเดือน แม้แต่เหล่าศิษย์นอกของนิกาย พวกเขาก็สามารถฝึกฝนได้ภายในสองหรือสามวันโดยไม่ต้องหยุดพัก เพียงกินเม็ดยาสมุนไพรยู่หลิงเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น!

หลังจากซ่งหยูได้กินเม็ดยาสมุนไพรไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าฤทธิ์ของยานั้นแปรเปลี่ยนเป็นพลังบริสุทธ์ที่ได้แพร่กระจาย และแทรกซึมไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ทำให้เขารู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอย่างเหลือเชื่อ ร่างกายของเขาที่เปรียบเสมือนผืนดินที่แห้งแล้งมานาน และด้วยฤทธิ์ของเม็ดยาสมุนไพรนั้นมันราวกับสายน้ำที่ชุ่มชื้น ทำให้ร่างกายที่ผอมแห้งของเขากลับมามีกล้ามเนื้อ และค่อยๆ กลับสู่ขนาดเดิม และผิวพรรณก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างทันตา! นับว่ายาเม็ดสมุนไพรนี้วิเศษยิ่งนัก

ไม่นานร่างกายที่ผอมแห้งของเขาก็ได้ค่อยๆ เพิ่มจำนวนมัดของกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้สูญเสียพลังไปจำนวนมากในการสร้างภาพขององค์จักรพรรดิสุย และพระราชวังเปลวอััคคี จึงเป็นเหตุให้ร่างกายเขาได้ผอมแห้งเช่นนี้

นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าในห้วงมหาสมุทรแห่งจิตของเขานั้นก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกมีความหวังในการฝึกฝนการสร้างภาพขึ้นมาอีกครั้ง

ยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงนั้นนับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เขาเคยได้ยินมาว่าคนที่มาจากตระกูลใหญ่นั้น สามารถใช้ยาเม็ดชนิดนี้ได้ทุกวัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนเหล่านั้นสามารถก้าวหน้าได้ในการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วขนาดไหน และด้วยเหตุนี้! เขาจึงต้องใช้โอกาสนี้ฝึกฝนเทคนิคการสร้างภาพองค์จักรพรรดิสุย และพระราชวังเปลวอัคคี เพื่อจะได้ลองดูว่าเขาสามารถก้าวหน้าไปอีกขั้นได้หรือไม่?

ซ่งหยูเริ่มเริ่มทดลองการสร้างภาพองค์จักรพรรดิสุย และพระราชวังเปลวอัคคีขึ้นในมหาสมุทรแห่งจิตอีกครั้ง ในขณะนั้นก็เริมปรากฏภาพช้าๆ ใแต่นเวลาเดียวกันพลังจิตของเขาก็ได้หมดลงไปอย่างรวดเร็ว เหตุนั้นอันเนื่องมาจากพลังของเม็ดยาสมุนไพรนั้นได้หมดลงนั่นเอง....

เวลาผ่านไปโดยที่เขารู้ไม่รู้ถึงประสิทธิภาพยาของเม็ดยาสมุนไพรนั้นว่ามันจะหมดลงไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้กินเม็ดลงสมุนไพรลงไปอีกหนึ่งเม็ดจากนั้นเขาก็เข้าสูห้วงมหาสมุทรแห่งจิตอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ทำให้มหาสมุทรแห่งจิตของเขากำลังขยายใหญ่ขึ้น และจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น! ภายในระยะเวลาสั้นๆ

หลังจากนั้นพลังของเขาก็เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง เขาจึงกินยาเม็ดที่สามเข้าไปอีกครั้ง เพื่อให้จิตวิญญาณในการสร้างภาพของเขานั้นต่อเนื่อง.....

หลังจากที่เขากินยาเม็ดอื่นๆไปเข้าไปจนหมด ในขณะที่เขาได้เข้าไปยังห้วงของมหาสมุทรแห่งจิตด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมว่าครั้งนี้เขาจะมองเห็นมันได้สมบูรณ์เสียที...

แต่ในที่สุดการฝึกฝนเทคนิคการสร้างภาพเขาก็ต้องหยุดชะงักลง! เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่พบความว่างเปล่าภายในขวดหยกใบนั้น...

เขาตกใจมาก!!! นี่แสดงว่าเขาให้ยาเม็ดสมุนไพรในการฝึกฝนในครั้งนี้ทั้งสิบเม็ดโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่มันสามารถใช้ในการบ่มเพาะได้ทั้งเดือน.....

เขาเพิ่งได้รับเม็ดยาสมุนไพรยู่หลิงมาเพียงสี่วันเท่านั้น แต่เขากลับใช้มันหมดไปโดยไม่รู้ตัว แล้วเขาจะทำอย่างต่อไป!?

ซ่งหยูรู้สึกปวดศรีษะมากหลังจากต้องหยุดการสร้างภาพอย่างกระทันหัน และตอนนี้พลังของเขาก็หมดลงและเขาก็ไม่สามารถที่จะฝึกมันต่อไปได้อีก....

ไม่ต้องแปลกใจที่เด็กน้อยซินหวงเคยกล่าวไว้ว่าเขาสามารถกินธัญพืช แทนสมุนไพรและเม็ดยาเหล่านี้ในการฟื้นฟูพลังกายได้เช่นกัน! เพียงแต่ว่าจากเม็ดยาที่เขากินเข้าไปจำนวนสิบเม็ดภายในวันเดียวกันนั้น มันจะส่งผลใก้ร่างกายเขาเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างไร?

จากนั้นซ่งหยูสูดลมหายใจลึกๆ ลุกขึ้น และออกจากลานฝึก เขาเดินไปยังสวนด้านหลัง และค่อยๆ ยืดกระดูก และกล้ามเนื้อของเขา และรู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ภายในร่างกายของเขา นี่แสดงว่า"ยาสิบเม็ดที่เขากินเข้าไปตลอดระยะเวลาในการฝึกภายในหนึ่งวันนี้มันทำให้เขามีพลังที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัวเช่นนั้นหรือ? แล้วเขาจะสามารถทำการสร้างภาพได้ต่อเนื่องหรือไม่?

เขาเริ่มทำการปลดปล่อยจิตวิญญาณ และในขณะที่จิตวิญญาณของเขานั้นออกจากร่างไปเกาะอยู่บนเสาหินขนาดมหึมา!

"วู่ -!"

จากนั้นเสาหินก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศและหยุดลงตรงหน้าซ่งหยู จิตวิญญาณของเขาถูกส่งไปยังเสาหิน และเขาสามารถที่จะใช้เพียวนิ้วชี้เพื่อบังคับทิศทางของเสาหินให้เคลื่อนไหวไปตามทิศทางของเขาได้ นี่นับเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ศิษย์ชั้นสูงใช้ และจิตวิญญาณยิ่งแข็งแกร่งเท่าไรก็จะสามารถยกวัตุที่มีขนาดมหึมาให้ลอยขึ้นได้ราวกับปุยเมฆเลยก็ว่าได้!

ตามหลักการนั้นสำหรับผู้ที่ฝึกจิตวิญญาณจนแข็งแกร่งมากพอนั้น จะสามารถยกภูเขาทั้งลูกให้ลอยไปรอบๆได้อย่างง่ายดาย และสามารถที่จะบินไปได้ทุกหนทุกแห่งตามแต่ใจปรารถนา!

แต่มันก็เป็นเพียงตามหลักการเท่านั้น!

ในหมู่ศิษย์ที่ฝึกฝนจนสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุขนาดมหึมาได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสนั้น และการสามารถใช้วัตถุหนักในการโจมตีนับเป็นหนึ่งในวิธีการประลองขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่โดยปกติแล้วจะต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของศิษย์ระดับสูงที่จะเป็นฝ่ายควบคุมอาวุธที่แข็งแกร่งเหล่านั้น โดยการสลักสัญลักษณ์จารึกไว้บนอาวุธ จากนั้นเมื่ออาวุธเหล่านั้น ผสมผสานหลอมรวมกับจิตวิญญาณอาวุธก็จะทรงพลังและรวดเร็วเสมือนสายฟ้าฟาดที่มันสามารถตัดเหล็กกล้าให้เป็นเพียงโคลนตมเลยก็ว่าได้ และไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งอานุภาพของมันได้!

"วู่ -วู่ -วู่!"

ภายในสวนนั้นซ่งหยูกำลังควบคุมเสาหินนั้นให้ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันกำลังเต้นระบำอยู่กลางอากาศ

แต่ทันใดนั้น! เขาก็สูญเสียการควบคุมของเสาหิน และมันก็ตกกระแทกลงอย่างแรงภายในสวน ด้วยแรงกระแทกมันจึงแตกออกเป็นสองส่วน และอีกครึ่งก็ตกลงไปในน้ำอย่างเหลือเชื่อ!

นิกายกระบี่เทพมังกรฟ้านั้นมีเทคนิคของตัวเองในการควบคุมอาวุธของแต่ละคน ต้องมีความลึกซึ้งเข้าใจและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว วิธีการบ่มเพาเหล่านั้นจะสามารถประจักษ์ได้เต็มศักยภาพ ของการปรุงแต่งจิตวิญญาณได้เต็มเปี่ยม

ซ่งหยูยืนครุ่นคิดถึงคำกล่าวของผู้ดูแลที่ว่า "เทคนิคดังกล่าวนั้นจะต้องมีสำเร็จการบ่มเพาะขั้นสูงสุดเป็นผู้ฝึกสอนเท่านั้น แล้วพวกเขาจะเป็นผู้ลงมาค้นหาศิษย์เหล่านั้นเอง แต่เหตุใดจึงยังไม่มีใครมารับเขา?

เขายืนตะโกนอยู่เงียบๆ สักครู่เขาก็กลับมองเห็นภาพของร่างมังกร ในขณะที่จิตใจของเขาถูกกระตุ้น

จิตวิญญาของเขาพุ่งออกมา และกลายเป็นกรงเล็บของมังกรที่กำลังม้วนพันอยู่รอบตัวเขา

หลังจากความเกรี้ยวกราดของมันค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น โดยกรงเล็บทั้งสองข้างวางอยู่บนไหล่ของเขา!

ซ่งหยูรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่กำลังไร้ซึ่งขีดจำกัด ที่กำลังพลุ่งพล่านแทรกซึมเข้าไปในอ้อมแขนของตัวเอง!

กรงเล็บด้านหลังของมังกรยังล็อคเข้ากับขาของเขา ทำให้เขารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และทรงพลังของมัน!

ซ่งหยูมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแขนและขาของเขามีมังกรที่กำลังหมุนรอบอยู่ และขาของเขา

ซึ่งมันสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวช้าๆ และในที่สุดมังกรก็ห้อยหัวลงมาตรงหน้าเขา!

ดูเหมือนกับว่าตอนนี้ร่างกายเขาถูกพันธนาการไปด้วยมังกร แท้จริงแล้วอำนาจของมันได้ผสานหลอมรวมเข้ากับพลังความแข็งแกร่งของเขานั่นเอง.....

การบ่มเพาะสัญลักษณ์ของมังกรดังกล่าวนั้น เขาเกรงว่าจะเกินขีดจำกัดของพลังในร่างกายของเขาแล้วหรือไม่!?

"หนทางยังอีกยาวไกลนัก!"

ทันใดนั้น! ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ของเด็กน้อยซิยหวง ทำให้ซ่งหยูรู้สึกดีใจมาก ประกายเปลวไฟลอยออกมาจากโคมที่วางไว้ในห้องฝึก แขนขาเล็กๆ และหัวที่ใหญ่ของเขาที่ปกคลุมไปด้วยผมสีแดง คือซินหวงนั่นเอง!!

การบ่มเพาะการสร้างภาพสัญลักษณ์แห่งมังกรของเจ้านั้นยังคงอ่อนแออยู่มาก! แต่สิ่งที่เจ้าฝึกอยู่นั้นมันเพียงแค่ผิวเของมังกรแทนที่จะเป็นร่างกาย และจิตวิญญาณของมัน!

ซินหวงกระโดนขึ้นไปบนร่างของซ่งหยู และเดินเข้าไปในปากของมังกร เขาเดินเข้าไปภายในร่างของมังกร

และกล่าวว่า"มังกรภายในตัวเจ้านั้นมีเพียงผิวกายรอบนอก หามีอวัยวะภายในไม่! ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุ

ที่เจ้าสามารถปลดปล่อยพลังได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเจ้ายังคงไม่สามารถควบคุมเทคนิคนี้ได้ เพื่อให้บรรลุขีดจำกัดสูงสุดของเทคนิคนี้ เจ้าจะต้องจับภาพความชั่วร้ายของมัน และเรียนรู้อย่างช้าๆ และเข้าใจถึงโครงสร้างกล้ามเนื้อกระดูก และเส้นประสาท ตลอดจนจิตวิญญาณของมังกร!"

ซ่งหยูหัวเราะและกล่าวว่า"หากข้าสามารถจับความชั่วร้ายของมันได้นั้น แล้วข้าจะเห็นภาพมันได้สมบูรณ์แบบหรือไม่?"

"นั่นคือความเป็นจริง!"ซินหวงตอบ

"หากเจ้านั้นเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าสวรรค์จริง เจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างภาพอีกต่อไป เพียงแค่กลิ่นอายของสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าสวรรค์อันสูงส่งของเจ้าเพียงเท่านั้น! ก็จะเพียงพอที่จะทำให้มันยอมจำนน และเมื่อนั้นเจ้าจะเข้าถึงแก่นแท้ของโครงสร้างร่างกาย และจิตวิญญาณของมัน..... แต่ตอนนี้เจ้าจงรีบพาข้าออกไปจากปากของมันที!"

ซ่งหยูกระจายอำนาจแห่งจิตของเขา และซินหวงทันทีแล้วพุ่งไปในมหาสมุทรแห่งจิตระะหว่างคิ้วของเขา

"หากข้าหาใช่ลูกหลานของเผ่าสวรรค์และหาได้มีเลือดบริสุทธิ์ไม่นั้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านั้นที่จะสามารถเป็นผู้สืบทอดของเจ้าได้ แต่ก็นับว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมาก และอาจจะมีหนึ่งในนั้นที่มีคุณสมบัติดังกล่าวก็เป็นได้!"

---------------------------------------------------

ลูกศิษย์หลายคนกำลังเดินไปที่ลานฝึก เมื่อซ่งหยูนำซินหวงออกจากลานฝึก เหล่าผู้สำเร็จการบ่มเพาะทั้งหลายก็ลงคัดเลือกศิษย์....

"แล้วเหตุใดจึงหามีใครมารับข้าไม่? ซ่งหยูเห็นเหล่าศิษย์หลายคนที่ผ่านการประเมินของห้องโถงไร้หมอกพร้อมกับเขาขึ้นไปที่ลานฝึกแล้วมันจึงทำให้เขารู้สึกสับสนมากขึ้น!

ซินหวงมองออกไปข้างนอกผ่านสายตาของซ่งหยูและกล่าวว่า "ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์! ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ !ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์! หามีใครที่เป็นลูกหลานเผ่าสวรรค์ไม่! มันเกิดอะไรขึ้น? ไม่มีแม้แต่เลือดบริสุทธิ์ในหมู่คนหลายพันคนเหล่านี้ และพวกเขายิ่งแย่กว่าเจ้า! ไปเถอะ!ที่นั่นมีผู้คนมากมายอยู่ บางทีข้าจะสามารถหาผุู้ที่มีเลือดบริสุทธิ์ได้! "

ซ่งหยูก็อยากที่จะไปลานฝึก และหาได้มีผู้สอนคนใดมารับตัวเขาไม่! แต่เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ๆ ไฟสองดวงก็มุ่งตรงไปในทิศทางของเขา มีเสียง "วู่! วู่!" สองเสียงขณะที่เสาสองแท่งขวางลงมาใกล้ร่างของเขาซึ่งอยู่ข้างหน้า!

แรงผลักดันอย่างฉับพลันมาจากเสาสองอัน ที่กดลงมาที่เขาและตรึงเขาไว้!

"ซ่งหยู! ซ่งหยู! ดูเหมือนเจ้าจะโตขึ้นจนข้าจำแทบไม่ได้!"

ศิษย์คนนั้นเดินไปข้างหน้า และเงยหน้าขึ้นมองลงซ่งหยู...ทันใดนั้นเขาก็ยกขาขึ้นและกวาดไปที่หัวเข่าของ

ซ่งหยู ขณะที่เขายิ้มและกล่าวว่า"ที่เราเคยเจอกันครั้งก่อนนั้น และนับว่าเราไม่มีเรื่องผิดใจกันใช่หรือไม่? อย่างไรก็ตามเจ้าเป็นเหตุที่ทำให้อาจารย์ข้าต้องเสียหน้าและได้รับบาดเจ็บ และอาจารย์ก็เป็นคนบอกให้ข้า

มอบบทเรียนให้แก่เจ้า และนั่น อาจารย์ข้าคือผู้อาวุโสเทียนยังไงกันเล่า เจ้าจะต้องคุกเข่าอยู่ข้างนอกลานฝึกนี้สักสองสามชั่วโมงก็แล้วกัน!"

.......................................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด