ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 118 ตำนานคางคกกลืนกินแม่น้ำ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 120 เรื่องง่ายๆ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 119 เด็กเกเร (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 119 เด็กเกเร 

แปลโดย iPAT 

"ฟางหยวน?" เมื่อได้ยินชื่อนี้ กลุ่มผู้อาวุโสหันหน้ามองกันและกันน

พวกเขาจำชื่อนี้ได้อย่างแม่นยำ ในความเป็นจริงพวกเขามักได้ยินชื่อของฟางหยวนอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังจากพิธีเผยลิขิตสวรรค์ การบ่มเพาะของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกหงุดหงิด เขามักจะก่อเรื่องวุ่นวายและดึงดูดความสนใจเสมอ

"อา...ข้าจำได้ว่าเขาก็คือเด็กที่ขายกิจการออกไปเพื่อซื้อวิญญาณรากพฤกษาทองแดงถูกต้องหรือไม่?" ผู้อาวุโสบางคนนึกได้

ใบหน้าของซื่อเหลียงและโม่เฉินกลายเป็นน่าเกลียด

ซื่อซานและโม่เยี่ยนต่างต้องการวิญญาณรากพฤกษาทองแดงเพื่อยกระดับการบ่มเพาะขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับฉิงซู

หากฝ่ายใดได้รับวิญญาณรากพฤกษาทองแดง ฝ่ายนั้นจะได้รับชัยชนะทางการเมือง อย่างไรก็ตาการแทรกแซงของฟางหยวนทำลายความหวังของพวกเขาโดยไม่คาดคิด

"กลับสู่ประเด็นหลัก เด็กผู้นี้เคยแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาในการประลองมาก่อน เขาใช้กำปั้นธรรมดาทำลายเกราะหยกเขียวของฟางเจิ้งและคว้าชัยชนะ" ผู้อาวุโสบางคนกล่าว

คราวนี้เป็นอวี๋โป้ที่เผยให้เห็นถึงความรู้สึกอับอาย

เขาเฝ้าดูแลฟางเจิ้งมาเป็นอย่างดี เมื่อฟางเจิ้งพ่ายแพ้ ในแง่มุมหนึ่งมันก็หมายถึงฝ่ายของเขาพ่ายแพ้

ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งอยู่ในระบบ พวกเขาก็ต้องมีกลุ่มมีฝ่าย แม้บางคนจะเป็นกลางทางการเมือง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีฝ่าย

"ในแง่ของพละกำลัง เขาไม่ควรแข็งแกร่งกว่าเจ้ามิใช่หรือ?" ซื่อเหลียงถามซื่อซานด้วยความสงสัย

ซื่อซานตอบ "ผู้อาวุโสหลายท่านอาจยังไม่ทราบ ฟางหยวนไม่เพียงซื้อวิญญาณรากพฤกษาทองแดงแต่เขายังซื้อวิญญาณหมูดำเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ครั้งหนึ่งข้าเคยเห็นเขาเคลื่อนย้ายหินขนาดใหญ่บนภูเขา ข้าไม่แน่ใจว่าเขามีความแข็งแกร่งเท่าใด แต่จากที่ข้าเห็น พละกำลังของเขาไม่ด้อยไปกว่าข้า"

"เป็นเช่นนั้น ฟางหยวนเติบโตขึ้นถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ" อวี๋โป้พยักหน้า "เราจะให้กลุ่มของฟางหยวนลองดู"

เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ผู้อาวุโสห้องโถงภารกิจฝ่ายในเร่งผุดลุกขึ้นยืน "ท่านผู้นำ ฟางหยวนผู้นี้แยกตัวอยู่เพียงลำพัง เขาไม่มีกลุ่ม"

"หมายความว่าอย่างไร?" อวี๋โป้ขมวดคิ้ว

"เรื่องเป็นเช่นนี้ หลังจากการบุกโจมตีของฝูงหมาป่าครั้งแรก สมาชิกกลุ่มของเขาเสียชีวิตทั้งหมด เขาเป็นผู้เดียวที่เหลือรอด" ผู้อาวุโสห้องโถงภารกิจฝ่ายในตอบ

"แล้วเหตุใดเขาจึงไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใหม่?" ผู้อาวุโสบางคนถาม

"เห้อ..." ผู้อาวุโสห้องโถงภารกิจฝ่ายในถอนหายใจ "ข้าเคยแนะนำเขาเช่นกัน แต่เขาไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มใด กล่าวตามตรงข้าไม่คิดว่าฟางหยวนจะเหมาะสมกับภารกิจนี้ เขาเพียงทำเรื่องโง่เง่าไปรอบๆ เป็นไปได้ว่าเขาสูญเสียเจตจำนงแห่งการต่อสู้ไปแล้วหลังจากได้รับมรดก"

"เขาไม่มีกลุ่มแล้วเขาปฎิบัติภารกิจได้อย่างไร?" ผู้อาวุโสบางคนสงสัย

"ทุกเดือนเขารับเพียงภารกิจบังคับ แต่ผลลัพธ์คือล้มเหลวทั้งหมด ข้าไม่เคยเห็นประวัติของผู้ใดเลวร้ายเท่าเด็กผู้นี้มาก่อน ข้าเคยพูดคุยกับเขาแล้ว แต่เขายังไม่กลับใจ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ละเมิดกฎของตระกูล ดังนั้นข้าจึงสามารถลงโทษเด็กเกเรและเจ้าเล่ห์ผู้นี้ได้ในสถานเบาเท่านั้น"

กลุ่มผู้อาวุโสมองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มที่ไม่หวังความก้าวหน้าเช่นนี้มาก่อน

ความล้มเหลวของภารกิจหมายถึงอนาคตที่แคบลง

"เด็กผู้นี้ช่างเหลวไหวนัก"

"ฮืม เขาเกเรเกินไป"

"เขากำลังทำลายอนาคตของตนเอง"

"หากเป็นบุตรหลาน ข้าจะตีเขาให้ตาย"

"พอ!" อวี๋โป้ยกมือขึ้นหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนด้วยการแสดงออกที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาโกรธหรือมีความสุข

อวี๋โป้กวาดตามองไปรอบๆก่อนจะหยุดสายตาที่ผู้อาวุโสห้องโถงภารกิจฝ่ายใน "มอบคำสั่งให้ฟางหยวนออกไปเคลื่อนย้ายคางคกกลืนกินแม่น้ำ เด็กเกเรต้องถูกขัดเกลา หากเขาล้มเหลว เราจะใช้มันเป็นข้ออ้างในการลงโทษบางอย่าง"

"รับทราบ" ผู้อาวุโสห้องโถงภารกิจฝ่ายในเร่งตอบรับคำสั่ง

ในโรงเตี้ยม

"พวกเจ้ารู้หรือไม่ กลุ่มของซื่อซานออกไปปฏิบัติภารกิจที่เชิงเขาแต่ล้มเหลว"

"ถูกต้อง นั่นทำให้ชาวบ้านมาคุกเข่าและปิดล้อมอยู่หน้าประตูหมู่บ้านของเราเป็นจำนวนมาก"

"ฮืม ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ คางคกกลืนกินแม่น้ำเป็นวิญญาณระดับห้า พวกเขาคิดว่าจะปลอดภัยหากอยู่ในหมู่บ้านงั้นหรือ?"

บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด ผู้ใช้วิญญาณเหล่านี้พยายามสะกดข่มความหวาดกลัวเอาไว้ภายใน

ฟางหยวนฟังบทสนทนาอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะละความสนใจ นี่ไม่ใช่ข่าวใหม่ เขาลุกขึ้นและเตรียมจากไป แต่ในจังหวะนี้บางคนกลับเดินเข้ามาหาเขา

คนผู้นี้มีร่างกายสูงใหญ่และดูแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ร่างกายส่วนบนของเขาเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้ามสีทองแดงที่ดูราวกับสามารถระเบิดออกมาได้ทุกขณะ

นี่คือผู้ใช้วิญญาณซื่อซาน

เสียงพูดคุยในโรงเตี้ยมหยุดลง สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังซื่อซาน

ซื่อซานไม่สนใจคนรอบข้างแต่มองไปยังฟางหยวน

"เจ้าอยู่ที่นี่" ซื่อซานเดินเข้าไปหาฟางหยวนและกล่าว "ไปกันเถอะ ตระกูลมอบภารกิจบังคับให้เจ้าลงไปยังเชิงเขา ข้าจะบอกรายละเอียดระหว่างทาง"

ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ภารกิจบังคับหมายความว่าไม่สามารถปฏิเสธ

หลังจากซื่อซานกับฟางหยวนออกไปจากโรงเตี้ยม เสียงพูดคุยจึงปะทุขึ้นอีกครั้ง

"เฒ่าแก่ สวรรค์มีตา ดูนั่น ผลกรรมตามสนองอย่างรวดเร็ว กระทั่งผู้นำตระกูลยังไม่สามารถรับมือคางคกกลืนกินแม่น้ำ แต่เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง ไม่ใช่ว่ามันก็เป็นเพียงการเอาชีวิตไปทิ้งเช่นนั้นหรือ?"

"พวกเราคิดว่านายน้อยฟางหยวนจะต่างจากผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆและเอาใจใส่ความทุกข์ยากของพวกเรามนุษย์ธรรมดา ฮืม เมื่อเขาไม่ต่างไปจากผู้ใช้วิญญาณทั่วไป พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจแม้เขาจะตาย"

"เฒ่าแก่ บาดแผลของท่านไม่ได้สูญเปล่า มันได้รับค่าตอบแทนด้วยชีวิตของผู้ใช้วิญญาณ นี่ถือเป็นกำไรครั้งใหญ่!"

เฒ่าแก่ที่ยังพันผ้าสีขาวไว้บนศีรษะยืนอยู่กับเสี่ยวเอ้อหลายคน

ดวงตาของเฒ่าแก่ปรากฏความไม่พอใจ อย่างไรก็ตามเขายังกล่าวเสียงต่ำ "ปิดปากของพวกเจ้า นี่คือสิ่งที่พวกเราสามารถกล่าวได้งั้นหรือ? พวกเจ้าอาจต้องตายหากผู้ใช้วิญญาณคนอื่นได้ยิน"

เสี่ยวเอ้อหัวเราะ "เฒ่าแก่ ท่านคิดมากเกินไป โรงเตี้ยมเสียงดังถึงเพียงนี้ ผู้ใดจะได้ยินเสียงของพวกเรา"

แต่ผู้ใช้วิญญาณที่นั่งอยู่ใกล้ๆกลับกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน "ข้าได้ยิน"

การแสดงออกของเฒ่าแก่กับเสี่ยวเอ้อเปลี่ยนไปทันที เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ใช้วิญญาณ หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

"นายท่าน..." เฒ่าแก่เร่งเดินเข้าไปและต้องการขออภัย

แต่ผู้ใช้วิญญาณผู้นี้ยกมือขึ้นหยุดเขา

"พวกเจ้ากล่าวได้ถูกแล้ว ข้าชอบสิ่งที่พวกเจ้าพูด แม้ฟางหยวนจะตายก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ เมื่อพวกเจ้ากล่าวได้ดี ข้าก็จะให้รางวัลกับพวกเจ้า" ผู้ใช้วิญญาณผู้นี้หยิบหินวิญญาณขึ้นมาและกระแทกมันลงบนโต๊ะ

หากฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาจะจดจำคนผู้นี้ได้ เพราะเขาก็คือผู้ใช้วิญญาณสายรักษาที่เจ็ดปวดจากความตายของผู้ใช้วิญญาณหญิงที่ฟางหยวนใช้เป็นโล่ป้องกันตัวจากฝูงหมาป่า

เสี่ยวเอ้อมองหินวิญญาณด้วยความละโมบ

ผู้ใช้วิญญาณอีกสามคนขมวดคิ้วแต่ไม่ได้หยุดสหายของพวกเขาผู้นี้

มันเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงและยังมีทัศนียภาพที่งดงาม

ในป่า บางแห่งร่มรื่น บางแห่งมีแสงแดดสาดส่อง ใบไม้สีเขียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขณะที่บางส่วนเปลี่ยนเป็นสีแดง

ในทุ่งนาต้นข้าวสีเหลืองสะบัดตัวไปตามสายลม

ฟางหยวนติดตามกลุ่มของซื่อซานลงจากภูเขากระทั่งพบกับคางคกกลืนกินแม่น้ำ

ร่างกายของมันใหญ่โตราวกับเนินเขาลูกหนึ่งที่ปิดกั้นแม่น้ำเอาไว้

ริมฝีปากของมันเป็นสีขาวและดูมันเงาขณะที่แผ่นหลังของมันเป็นสีฟ้าที่ส่องประกายสว่างไสว

มันดูเหมือนกำลังหลับลึกและไม่มีแม้แต่เสียงกรน

กลิ่นอายของมันทำให้วิญญาณสุราสองดวงในทะเลวิญญาณของฟางหยวนขดตัวเป็นไข่มุกด้วยความหวาดกลัว วิญญาณหมูดำพุ่งลงไปใต้น้ำ สัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวที่อยู่บนฝ่ามือของฟางหยวนเร้นกายด้วยการดับแสงของมันลง

มีเพียงจั๊กจั่นไม้ที่ยังนอนหลับอยู่อย่างสะดวกสบาย

ฟางหยวนเก็บวิญญาณจันทร์กระจ่างกลับเข้าไปในทะเลวิญญาณ ตราบเท่าที่เขาไม่มีความคิดที่จะใช้งานวิญญาณเหล่านี้ กลิ่นอายของวิญญาณจะไม่รั่วไหลออกไป การเก็บพวกมันไว้ในทะเลวิญญาณเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

"ฟางหยวน เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว" ซื่อซานกล่าวจากด้านข้าง

เขาอธิบายรายละเอียดและวิธีการเรียบร้อยแล้ว

ฟางหยวนเข้าใจทั้งหมด หากเขาใช้กลิ่นอายของวิญญาณกาลเวลา คางคกกลืนกินแม่น้ำจะตกใจและหลบหนีไปทันที

นี่เป็นเพราะคางคกกลืนกินแม่น้ำไม่ชอบการต่อสู้ ในทางตรงข้ามหากมันเผชิญหน้ากับวิญญาณที่ชั่วร้าวเช่นอสรพิษบ่อเลือด คางคกกลืนกินแม่น้ำจะต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

ฟางหยวนยืนอยู่ริมแม่น้ำและเริ่มผลักมัน แต่ผิวที่นุ่มลื่นของคางคกกลืนกินแม่น้ำทำให้ความแข็งแกร่งของฟางหยวนราวกับสูญหาย

นอกจากนี้มันยังหนักมาก ดังนั้นมันจึงไม่ขยับเขยื้อน

"เจ้าทำได้หรือไม่?" ซื่อเฉินเย้ยหยันอยู่ด้านข้าง

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อซื่อเฉินแต่กล่าวกับซื่อซาน "แม้ข้าจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นจากวิญญาณหมูดำ พละกำลังของข้าก็ยังด้อยกว่าท่าน อาศัยเพียงข้า มันไร้ความหวัง ดังนั้นข้าจึงต้องการความช่วยเหลือจากท่าน"

"ช่วยสิ่งใด?" ซื่อซานเร่งถาม "หากเราทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะกลายเป็นการรวมกลุ่มงั้นหรือ? แม้คางคกกลืนกินแม่น้ำจะตื่นขึ้น แต่มันก็จะไม่จากไป"

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง "ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ตราบเท่าที่ท่านอยู่ห่างออกไปและไม่ปล่อยให้มันค้นพบ นั่นย่อมเป็นไปได้ ทั้งหมดก็คือมันเป็นวิญญาณ อย่าคิดว่ามันฉลาดมากนัก"