ตอนที่แล้วChapter 69 - ซูเอ๋อร์มันจะใหญ่ไปแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 71 - พวกเขาตายหมด

Chapter 70 - พี่น้องเพียงแค่ปล่อยหัวใจตามคำเรียกร้อง


 

Chapter 70 - พี่น้องเพียงแค่ปล่อยหัวใจตามคำเรียกร้อง

กลางดึก

มีคน 12 คนรววมทั้งลั่วเทียนกำลังยืนอยู่เบื้อหน้าทิวเขาที่สูงตระหง่าน ด้วยผืนดินที่น่าสะพรึงกลัวของเทือกเขาวิญญาณที่อยู่ใต้เท้าเขา ทำให้ได้แต่กลิ่นของสัตว์ป่า นี่คือสิ่งที่ทำให้ทุกคนทั่วไปรู้สึกใจสั่น

จากส่วนลึกของป่ามีเสียงโหยหวนที่ทำให้หัวใจของพวกเขาไม่อาจข่มความกลัวได้

ทุกเวลาในเทือกเขาวิญญาณจะเป็นเวทีแห่งความตาย กฏของป่าเป็นสิ่งที่บรรยายได้ตรงที่สุดในตอนนี้.

ลั่วเทียนหันไปทั้ง 11 คนและถามด้วยรอยยิ้ม: “พวกเจ้ากลัวหรือไม่?”

ฟางเล่ยตอบคนแรก: “ความกลัวคืออะไร? ข้าไม่สามารถที่จะอดใจไม่ไปที่นั่นได้.”

“555...”

ทุกคนเริ่มหัวเราะ

ลั่วเทียนกรอกตาและมองไปที่ฟางเล่ยก่อนจะกล่าว: “บัดซบ คิดว่าทุกคนดื้อดึงเหมือนเจ้า? การดูดแก่นโลหิตจะทำให้เจ้าเพิ่มความแข็งแกร่งได้? เจ้าไม่อาจรอที่จะสนุกกับการฆ่า”

ฟางเล่ยเกาหัวและยิ้มอย่างโง่ๆ

หลังจากท่ี่มาถึงเทือกเขาวิญญาณแล้ว ฟางเล่ยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปเร็วๆ ราวกับว่ามีปีศาจกระหายเลือดสิงเขาอยู่ ร่างกายของเขาไม่อยากรอแม้แต่น้อยในการได้ดูดแก่นโลหิต.

เมื่อคิดว่าเขาได้ดูดแก่นโลหิตจากสัตว์ปีศาจเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขมาก.

เพียงแค่คิดถึงว่ามันจะได้เวลาแล้วที่เขาจะได้ดูดแก่นโลหิต ฟางเล่ยอดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลาย.

“ข้ากลัว!”

“ข้ากลัวมาก”

ลั่วเทียนพูดอย่างสงบ. “เราอาจจะตายได้ทุกเวลา ข้ากลัวตาย แต่ข้ากลัวการสูญเสียมากยิ่งกว่า การตายในเทือกเขาวิญญาณไม่น่ากลัว แต่การสูญเสียบนเวทีน่ากลัวมากยิ่งกว่า.”

“ย้อนกลับไปเมื่อข้าได้แพ้ขอทานและถูกเยาะเย้ยอยู่หลายปี มีเสียงของการดูถูกและทำให้อับอายอยู่ในหูทุกวัน พวกเจ้าสามารถจินตนาการว่าข้าจะอยู่ในอารมณ์แบบไหนที่ข้าต้องอดทนตลอดเวลา.”

“ทุกคนที่มีชีวิตเหล่านี่จะสูญเสีย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เวลานี้!”

จากนั้นลั่วเทียนก็เปลี่ยนเป็นเสียงที่จริงจัง: “คราวนี้เราใช้ตระกูลลัั่วเป็นเดิมพันกับพวกเรา ถ้าพวกเจ้าเสียหน้า ชื่อของตระกูลลั่วจะถูกลบออกจากเมืองภูเขาหยก ทุกคนต่างก็คาดหวังกับพวกเจ้า หวังว่าจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง.”

สายตาของสาวกนับสิบคนหดเกร็งและพวกเขาก็กำหมัดทั้งสอง.

พวกเขาต่างเป็นอนาคตของตระกูลลั่ว!

ไม่อาจพ่ายแพ้ได้!

แม้ว่าพวกเขาจะตาย แต่พวกเขาก็จะไม่สูญเสีย!

ลั่วเทียนหยิบหินหยวนออกมาจากป้ายมิติจำนวนสิบก้อนที่กำลังส่องแสงน้อยๆ จากนั้นเขาก็ส่งพวกมันไปยังฟางเล่ยและพูดว่า: “แจกจ่ายให้กับพวกเขา.”

“หินหยวน?”

“ผู้นำ.... หินพวกนี้คือหินหยวน!”

“มี...มี..หินหยวนมากมาย?”

มีคนบอกว่าแม้แต่จะเป็นสาวกหลักก็ยังไม่แม้กระทั่งเห็นรูปร่างของหินหยวน พวกเขารู้เพียงแค่ว่าหินหยวนมีค่าอย่างมาก มันต้องใช้ทองเป็นแสนๆเพื่อที่จะซื้อมัน.

“อึก~!”

ทุกคนกลืนน้ำลายลง มือของพวกเขาสั่นและไม่กล้าที่จะรับมัน.

หินหยวนเหล่านั้นมีค่ามากกว่าพวกเขา สิ่งของพวกนี้จะเป็นวันที่เขาไม่แม้จะมีโอกาสที่จะได้รับ ดังนั้นมันดีแล้วหรือที่จะให้กับพวกเขา?

การแสดงออกทางใบหน้าของลั่วเทียนขณะที่เขาได้รับหินหยวนจากหลี่ซูเอ๋อร์ก็เหมือยกับพวกเขาเหล่านั้น.

แต่น้องสาว...

หินเหล่านี้เป็นเหมือนกับกระหล่ำปีทีงออกมาได้ง่ายๆเลย สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของหลี่ซูเอ๋อร์คือ?

และเธอก็มีความสุขมากเมื่อได้ให้ของเหล่านั้นราวกับไม่มีค่าอะไร เธอกับลังทำเหมือยกับหินเหล่านี้เป็นผักปลาที่หาซื้อได้ง่ายๆ!

ลั่วเทียนอยากรู้ทันทีและถามว่า เธอได้รับหินเหล่านั้นมาจากไหน

หลี่ซูเอ๋อร์ก็ยิ้มและบอกว่าเธอได้มาจากการชนะพวกเขา

สิ่งที่บ้ายิ่งกว่านั้นคือหินเหล่านี้คือเศษเสี้ยวที่เธอมีมันและเธอได้เอามันมาเพิ่มศักยภาพขึ้น เธอบอกว่าเธอจะต้องใช้มันเพื่อบ่มเพาะเพื่อตามลั่วเทียนหรือไม่ก็ใช้ทุกอย่างรวมทั้งพรสวรรค์เพื่อเทียบกับเขา.

ในเวลานั้น...

ความคิดของลั่วเทียนก็คิดได้คำนึง - สง่างามและร่ำรวยอย่างสวยงาม! ¹

ฟางเล่ยเป็นคนแรกที่กำลังมองไปที่ลั่วเทียนอย่างตื่นเต้น แต่เขาก็มีร่องรอยของความไม่พอใจเพราะว่าไม่มีของเขา สิ่งของเหล่านี้จะให้ดีมันควรจะให้เจ้านายใช้.

ลั่วเทียนจ้องไปที่ฟางเล่ยและตะโกน: “ข้าบอกให้เอามันไปแจกจ่าย มันไมยังลังเลอยู่?”

“เอ่อ!”

ฟางเล่ยตอบทันทีก่อนที่จะเริ่มแจกหินให้กับทุกคน ทุกครั้งที่เขาแจกหินหยวนเขารู้สึกเหมือนกับว่าเนื้อและหัวใจของเขากำลังถูกเฉือนอย่างเจ็บปวด.

หลังจากที่การแจกจ่ายหินหยวนหมดแล้วลั่วเทียนก็กล่าวออกมา: “ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่รู้วิธีการใช้หินหยวนโดยที่ข้าไม่ต้องอธิบายถึงมัน นอกจากนี้การใช้ชีวิตแห่งความเป็นความตายจะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเจ้า มีคำถามอะไรอีกหรือไม่?”

“ไม่!”

“ไม่!”

ทุกคนตะโกนตอบเสียงดัง ความเครารพและความชื่นชมต่อลั่วเทียนก็มีเพิ่มมากเหมือนกัน.

ถ้ามองหลับไปเมื่อถึงเมื่อก่อน ไม่ต้องพูดถึงหินหยวน แม้กระทั่งยาสมุนไพรดีๆพวกเขาก็อาจจะไม่เคยเห็นเหมือนกัน.

พวกเขาทั้งหมดมีความสุขใจและในเวลาเดียวกันพวกเขาก็สาบานว่าจะสนับสนุนลั่วเทียนและปกป้องตระกูลลั่วในอนาคตด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามีอยู่

นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะตอบแทนได้.

ลั่วเทียนโบกมือและตะโกน: “เข้าภูเขาได้!”

“ไป!”

สาวกทั้งสิบวิ่งเข้าไปในภูเขาราวกับเป็นสัตว์ร้ายกระโจนเข้าฝูงแกะ.

สาวกทั้งสิบแยกย้ายกันไปหลายทิศทาง.

เพื่อที่จะได้ประสบการณ์ของความเป็นความตาย พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้และต่อต้านเพื่อที่จะเข้าใจถึงความหมายเหล่านั้น.

ฟางเล่ยไม่ได้เคลื่อนกายไปไหนเขาอยู่ด้านหลังลั่วเทียน.

“เวร!”

“เจ้าอ้วนสารเลว เจ้าไม่ได้วางแผนที่จะตามข้าเข้าไปใช่หรือไม่?” ลั่วเทียนกล่าวขณะมองไปยังฟางเล่ย.

ฟางเล่ยเกาหัวและยิ้ม, “นายท่าน น้องสะใภ้บอกให้ข้าปกป้องข้าอย่างรอบคอบ.”

“ไปซิ!”

“เจ้าอ้วนสารเลว เจ้ามีประโยชน์อย่างไรโดยการตามข้าไปรอบๆและกินแก่นโลหิตโดยไม่ได้ข้าสัตว์ปีศาจใดๆ? คราวนี้เจ้าจะต้องออกจากฝันที่จะติดตามข้าไปได้เลย.” ลั่วเทียนเตะตูดอ้วนๆของฟางเล่ยและพูดต่อ: “การทดสอบนี้เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ถ้าเจ้าหลับหูหลับตาติดตามข้า มันจะเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะแข็งแกร่งด้วยความสามารถของตัวเจ้าเอง เจ้าเป็นคนกล้าหาญมากในการแข่งขันครั้งนี้ มันจะเป็นอะไรถ้าเจ้ายอมแพ้และตัดเนื้อเป็นชิ้นๆด้วยตัวของเจ้าเอง!”

ฟางเล่ยหัวเราะอย่างโง่ๆและพูด: “งั้นข้าจะออกไปแล้ว…?”

“ไป!”

ฟางเล่ยยกข้าและกระแทกลงกับพื้น ร่างอ้วนๆของเขากระโจนขึ้นไปยังอากาศอย่างรวดเร็วและหายไปในเวลาไม่เพียงกี่วินาที.

ลั่วเทียนถอนหายใจยาว

ถึงเวลาแล้วที่ฟางเล่ยจะต้องเติมโต!

เขาเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในกรงและตอนนี้มันถึงเวลาที่จะปล่อยเขาคืนสู่ป่า สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาไม่ต้องยับยั้งความบ้าคลั่งและความกระหายเลือดของเขา.

ขณะที่เขากลับมา แน่นอนว่ามันจะต้องทำให้โลกสั่นสะเทือน!

ทุกคนได้ออกไปและเหลือเพียงแค่ลั่วเทียนคนเดียว.

ลั่วเทียนเงยหน้าขึ้นมองสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ริมฝีปากโค้งเป็นรอยยิ้มขณะที่เขาพูดกับตัวเอง: “พี่น้องเพียงแค่ปล่อยหัวใจตามคำเรียกร้อง!”

“แค่รอบิดากลับมา ทั้งสองคนทั้งตระกูลโจวและซู! พวกเจ้ากล้าที่จะข่มขู่บิดาคนนี้? ดูกันว่าบิดาคนนี้จะทำให้พวกเจ้าทั้งสองจ่ายมากไปแค่ไหน!”

“วันที่ข้ากลับไป จะเป็นวันที่ทั้งสองตระกูลถูกทำลาย!”

หลังจากนั้น...

ลมอ่อนๆโชยมาและลั่วเทียนก็หายไป.

เขาได้รับการเพิ่มระดับเป็นปราณเชี่ยวชาญขั้น 4 เขาได้สร้างวงคลื่นแผ่ออกไปยังรอบๆโดยมีตัวเขาเป็นศูนย์กลาง ลั่วเทียนวิ่งไปยังตำแหน่ง เมกะทรอนและมอนเตอร์เหล็กอีกสองตัว อยู่

------------

เมื่อภูเขาหยก สนามประลองขององค์กรไวโอเล็ต.

ใจกลางสนาม หลี่ซูเอ๋อร์นั่งสมาธิอยู่

มีแสงอ่อนลอยอยู่เหลือหัวของเธอ.

แสงเหล่านั้นที่ส่องสว่างออกมาเป็นสีขาว รอบๆตัวเธอเต็มไปด้วยหินหยวนที่เปล่งแสงออกมา ดูเหมือนว่ามันจะทำงานร่วมกับแสงที่อยู่เหนือหัวของเธอ หินหยวนเหล่านั้นแผ่กลิ่นกลายพลังปราณที่เห็นอย่างได้ชัดเขน.

ตามลมหายใจของหลี่ซูเอ๋อร์ พลังปราณได้วิ่งพุ่งเข้าไปในร่างกายของเธอ

การบ่อเพาะของเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ในห้องส่วนตัว.

ชายชราคนหนึ่งที่อายุประมาณ 70 ปี กำลังลูบเคราแพะของเขาพร้อมกับเฝ้ามองดูหลี่ซูเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพึมพำกับตัวเอง: “เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะเป็นอย่างมาก!”

-----------

� - หมายถึงหญิงที่มีผิพรรณดีที่มาจากครอบครัวร่ำรวย มันเป็นการอธิบายว่าเป็นผู้หญิงที่รวยกว่าคนทั่วไปเป็นอย่างมาก.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด