ตอนที่แล้วTXV – 63 คุณช่วยกอดฉันหน่อยได้มั้ย ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV – 65 หวิงชุนไม่ได้ยากอย่างที่คิด !

TXV – 64 คุณกล้ามาก !


TXV – 64 คุณกล้ามาก !

 

          มีหลายๆอย่างเกิดขึ้นในวันนี้ ขณะนี้เซี่ยเหล่ยยังคงรู้สึกเหม่อลอยแม้ว่าเขาจะทำงานอยู่ที่อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปก็ตาม...

 

          จูเสี่ยวหงยกน้ำชามาให้เซี่ยเหล่ย เธอยิ้มหวานให้เขา “ดื่มชาก่อนนะ พี่เหล่ย”

 

          คอของเสื้อกั๊กที่เธอสวมอยู่เปิดออกเล็กน้อยทำให้มองเห็นผิวขาวละเอียดที่ซ่อนอยู่ ก้นกลมมนรับกันพอดีกับกางเกงทำงานสีฟ้าของเธอ และด้วยแสงแดดจากประตูและหน้าต่างที่ส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าของเธอพอดี ทำให้เธอดูสวยมากยิ่งขึ้นในสายตาของเซี่ยเหล่ย เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนสิ่งนี้จะช่วยให้อารมณ์ของเขาดีขึ้น เขายิ้มขณะรับน้ำชาและกล่าวขอบคุณเธอ

 

          “พี่เหล่ย ฉันได้ดำเนินงานหลายอย่างกับบริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์เมื่อวานนี้ แต่…”  จูเสี่ยวหงดูกังวลเล็กน้อย “ฉันก็ทำให้มันเสียหายไปหลายส่วนเหมือนกัน คุณควรหักค่าเสียหายส่วนนั้นออกจากเงินเดือนของฉัน”

 

          “ไม่เป็นไร ถือว่านั่นเป็นการฝึกฝนก็แล้วกัน ฝีมือของคุณจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆถ้าคุณฝึกมันบ่อยๆ” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “จะทำอย่างนั้นได้ยังไง? อุปกรณ์ทุกชิ้นล้วนมีมูลค่า แต่ฉันทำมันพังไปเยอะมาก…”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ในอนาคตคุณจะแย่เอานะ ถ้าคุณมัวแต่ซื่อสัตย์จนเกินไป ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร คุณจะเชื่อฟังผมไหม?”

 

          “แน่นอน พี่เหล่ย ฉันเชื่อฟังทุกสิ่งที่คุณพูด” ใบหน้าของจูเสี่ยวหงกลายเป็นสีแดง เธอจะรู้สึกกังวลอย่างควบคุมไม่ได้และเขินอายทุกครั้งที่คุยกับเซี่ยเหล่ย

 

          “เมื่อคุณทำงานอย่างหนัก ทุกอย่างมันจะค่อยๆดีขึ้นเอง”

 

          “ค่ะ” จูเสี่ยวหงพยักหน้าอย่างแข็งขัน

 

          ไม่นานหลังจากนั้น หม่าเสี่ยวอัน เฉินอาเจียว และคนอื่นๆก็เดินเข้าในร้าน

 

          “เหล่ย งานในส่วนของไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์มันไม่ง่ายเลย เราทำไม่ได้นะถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากนาย” หม่าเสี่ยวอันพูด

 

           เฉินอาเจียวก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “ใช่ คำสั่งซื้อของไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์มีเยอะมาก เราทำมันทั้งหมดไม่ได้ถ้าคุณไม่ช่วย”

 

          “เราไม่จำเป็นต้องทำมันอีกแล้ว ไม่มีบริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์อีกต่อไปแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “ฮะ? เกิดอะไรขึ้น?”หม่าเสี่ยวอันถามด้วยความประหลาดใจ

 

          ทุกคนต่างมองมาที่เซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจ พวกเขาต่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความจริง

 

          “ผู้บริหารหลิวได้โอนกรรมสิทธิ์บริษัทของเธอให้คนอื่นไปแล้ว ตอนนี้ข้อตกลงที่เธอเซ็นสัญญากับเราไม่มีความหมายอีกแล้ว”

 

          “แล้วเราจะทำยังไงกับงานส่วนที่เรากำลังดำเนินการอยู่ล่ะ” หม่าเสี่ยวอันถาม

 

          “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก หลายวันมานี้พวกนายทำงานหนักมาก ควรจะได้ไปพักผ่อนกันซะบ้างนะ วันนี้ฉันจะให้พวกนายหยุดงานได้ ไปเถอะ” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขารู้สึกไม่ดีนักที่ข้อตกลงทางธุรกิจครั้งใหญ่ได้จางหายไปในหมอกควัน

 

          “ใครบอกว่าคำสั่งซื้อของไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์ไม่มีความหมาย?” เสียงของผู้หญิงดังมาจากทางประตูทางเข้า

 

          เซี่ยเหล่ยหันไปมอง พบหลินหย่าหยู่และหลินบู่เหวิน พี่น้องตระกูลหลินอยู่ในชุดสีสันสดใสและประณีตและมีท่าทางเย่อหยิ่ง

 

          หม่าเสี่ยวอันและคนอื่นๆมองไปยังพี่น้องตระกูลหลินเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนเป็นใคร แต่พวกเขาได้ยินสิ่งที่เธอพูดและเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา

 

          สายตาของหลินหย่าหยู่ไล่มองทุกคนและไปหยุดอยู่ที่เซี่ยเหล่ย “ฉันเป็นตัวแทนจากไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์ หลิวหยิงอดีตผู้บริหารคนก่อนได้เซ็นสัญญากับพวกคุณและได้วางเงินมัดจำไว้  5000,000  พวกคุณต้องทำตามข้อตกลงและส่งมอบสินค้าให้ทันเวลา”

 

          หลินบู่เหวินพูดเสริม “พวกคุณผลิตได้มากแค่ไหนแล้ว ส่งสินค้าทั้งหมดมาให้เราก่อน”

 

          หวางโย่วฟู่ตอบไปว่า “ประมาณหนึ่งร้อยกว่าชิ้น”

 

          หลินหย่าหยู่ขมวดคิ้ว “แค่หนึ่งร้อยกว่าชิ้น? นี่มันอะไรกันเนี่ย? เราได้รับการอนุมัติสิทธิบัตรแล้วและเราต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อผลิตสินค้าออกมาให้ทัน แต่พวกคุณกลับทำได้แค่หนึ่งร้อยกว่าชิ้นในขณะที่เราจ่ายเงินให้คุณไปแล้ว? นี่มันช้ามากนะ”

 

          “ฉันกำลังจะเป็นผู้จัดการทั่วไปของไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์ และฉันจะรับผิดชอบในเรื่องการผลิตและการจัดซื้อ ขอเตือนไว้ก่อนนะ ว่าฉันมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก และฉันจะไม่ยอมรับแม้แต่ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆที่ฉันไม่พอใจ” หลินบู่เหวินเสริม

 

          “งานของเราล้วนมีคุณภาพ คุณมั่นใจได้เลยท่านหัวหน้า”จูเสี่ยวหงยิ้มสุขุมและพูดว่า “เชิญนั่งค่ะหัวหน้า ฉันจะชงชามาให้คุณ”

 

          “ไม่จำเป็นต้องชงชาให้คนแบบนี้หรอก” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          จูเสี่ยวหงมึนงง หม่าเสี่ยวอันและคนอื่นๆก็เช่นกัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยเหล่ยจึงมีท่าทางเย็นชากับลูกค้าเช่นนี้…

 

          “ทุกคนช่วยออกไปก่อน ผมจะคุยกับพวกเขาเอง”เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “ได้สิ เอาล่ะไปกันเถอะ”หม่าเสี่ยวอันที่เข้าใจเซี่ยเหล่ยมากที่สุดพูด เขาเดาบางอย่างได้จากท่าทีเย็นชาของเซี่ยเหล่ย   

 

          พนักงานของอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปออกไปแล้ว ข้างในจึงเหลือเพียงเซี่ยเหล่ยและพี่น้องตระกูลหลิน

 

          หลินบู่เหวินหัวเราะเยาะ “มันช่วยไม่ได้นะที่คุณจะไม่ชอบเรา แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ คุณได้เซ็นสัญญากับไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์แล้ว และคุณต้องทำตามข้อตกลง ถ้าคุณไม่ทำเราสามารถฟ้องร้องคุณได้นะ และบริษัทคุณต้องมีปัญหาแน่”

 

          หลินหย่าหยู่เดินไปยังโต๊ะของเซี่ยเหล่ยและนั่งลงตรงข้ามเขา เธอมองไปที่ดวงตาของเขาอย่างดูถูกเหยียดหยาม

 

          พี่น้องตระกูลหลินมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์สองอย่าง หนึ่งคือเพื่อขอชิ้นส่วนของกระดานโต้คลื่นอัตโนมัติและยุติข้อตกลงที่อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปเซ็นสัญญาไว้กับหลิวหยิง และสองคือการมาเยาะเย้ยเซี่ยเหล่ยว่าพวกเขานี่แหละคือ ‘ผู้ชนะ’

 

          เซี่ยเหล่ยรู้จุดประสงค์ของพวกเขา แต่พยายามใจเย็นและพูด “พวกคุณสองคนเห็นสัญญาหรือยัง?”

 

          “เราจะมาที่นี่ทำไมล่ะถ้ายังไม่เห็นมัน?” หลินหย่าหยู่หยิบสัญญาออกมาจากระเป๋าเอกสารของเธอ และเปิดเอกสารไปยังหน้าที่มีลายเซ็น

 

          หน้านี้มีลายเซ็นของเซี่ยเหล่ยและหลิวหยิงและมีการประทับตราอย่างเป็นทางการของบริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์

 

          เซี่ยเหล่ยตวัดสายตาขึ้นไปมองพวกเธอ “ผมไม่จำเป็นต้องดูว่าอะไรอยู่ในนี้ เพราะผมเป็นคนเซ็นสัญญากับผู้บริหารหลิวเอง และพวกคุณยึดบริษัทมาจากเธอ ดังนั้นในทางกฏหมาย คุณจึงมีสิทธิ์ที่จะสั่งให้ผมทำตามข้อตกลงนี้”

 

          “อื้ม ก็ดีที่คุณรู้” หลินบู่เหวินหัวเราะเยาะ “มันจะไม่ดีกว่าหรือไงถ้าคุณยอมรับก่อนหน้านี้?”

 

          เซี่ยเหล่ยเปรียบเทียบให้เขาดู “คุณรู้มั้ยว่าเมื่อไหร่ที่สุนัขอยากจะเรียนรู้ที่จะพูดภาษามนุษย์ ? ก็ตอนที่พวกมันอยากจะอวดอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้านายยังไงล่ะ คุณไม่คิดว่าพวกคุณทำตัวน่าขยะแขยงหรอกหรอ ?”

 

          “มึง !” หลินบู่เหวินหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เขามาเพื่อเยาะเย้ยและทำให้เซี่ยเหล่ยลำบากแต่มันก็ไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อเซี่ยเหล่ยเอาคืนพวกเขา....

 

          หลินหย่าหยู่พูดอย่างใจเย็น “เซี่ยเหล่ย คุณควรระวังคำพูดของคุณไว้บ้าง ให้ความเคารพกันหน่อย”

 

          “ได้ เก็บสัญญานี้ไว้และออกไปซะ แล้วอย่ามาให้ผมเห็นอีก” เซี่ยเหล่ยพูด

 

           หลินหย่าหยู่ทุบโต๊ะและตะคอกใส่ขณะเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ย “คุณได้เงินไปแล้วแต่คุณไม่ส่งงานให้เรา แล้วคุณยังจะกล้ามาไล่เราอีกหรอ!”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่หลบตา “คุณเป็นตัวแทนกู๋เค่อเหวินหรือ?”

 

          “แน่นอน!” หลินหย่าหยู่พูด “ตอนนี้ฉันเป็นผู้บริหารของไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์แล้ว และฉันดูแลงานทั้งหมดในนามของแขกผู้ทรงเกียรติ”

 

          “ไม่แปลกใจเลย พวกคุณคงคิดคำนวณมาอย่างดีก่อนจะมาหาพี่หลิว ก็ได้ ในเมื่อคุณเป็นตัวแทนของกู๋เค่อเหวินคุณก็มีสิทธิ์ที่จะคุยกับผม เข้าเรื่องกันเลยนะ ข้อตกลงที่ผมเซ็นสัญญากับผู้บริหารหลิวเป็นข้อตกลงระยะยาว และมันถูกระบุเอาไว้ว่าบริษัทของคุณไม่สามารถให้ผู้แทนรายอื่นนอกจากอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปมาผลิตหน่วยประมวลผลให้กับสินค้าของคุณได้ ถ้าคุณต้องการ ผมจะทำตามข้อตกลงทั้งหมด แต่นั่นก็หมายความว่าคุณต้องใช้หน่วยประมวลผลจากบริษัทผมเท่านั้น ถ้าคุณให้บริษัทอื่นผลิตผมมีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าเสียหายจากคุณได้” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          สองพี่น้องตระกูลหลินต่างมองหน้ากัน

 

          “พวกเราได้อ่านเนื้อหาในสัญญาฉบับนี้หมดแล้ว และเรารู้ว่าข้อตกลงนี้เป็นไปในรูปแบบใด เรามาที่นี่เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ผลิตสินค้าให้เราตามคำสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว เราได้จ่ายมัดจำคุณไป 500,000 แล้ว ดังนั้นมอบสินค้ามาให้เราซะ นี่มันสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร ซื้อสินค้าทั้งหมดให้ครบ 500,000 แล้วข้อตกลงก็จะสิ้นสุดลงสินะ คุณคิดว่าผมโง่ขนาดนั้นเลยหรอ?”

 

          หลินบู่เหวินชี้หน้าเซี่ยเหล่ย “คุณอยากเสียเงิน 500,000 ไปหรอ?”

 

          ขณะนั้นเอง เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเซี่ยเหล่ยดังขึ้น เขาปลดล็อคหน้าจอและอ่านข้อความ

 

          เป็นข้อความแจ้งเตือนจากธนาคาร มีเงิน 5,000,000 จากหลิวหยิงถูกโอนเข้าบัญชีของเขา

 

          ด้วยเหตุผลที่คาดไม่ถึง เซี่ยเหล่ยน้ำตาคลอที่ขอบตา ห้าล้านไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ แต่เธอก็ยังทำตามสัญญาและมอบเงินจำนวนนี้ให้กับเขา

 

          “นี่? ผมคุยกับคุณอยู่นะ คุณได้ยินที่ผมพูดมั้ย?” หลินบู่เหวินพูดอย่างเริ่มโมโห “นี่คุณยังมีอารมณ์มานั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่อีกหรอ?”

 

          ดูเหมือนเซี่ยเหล่ยจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ใบหน้าของหลิวหยิงปรากฏขึ้นในความคิดเขาและมันทำให้หัวใจเขารู้สึกอบอุ่น เขากำลังจะกดโทรหาหลิวหยิงแต่ข้อความที่สองจากเธอก็ถูกส่งเข้ามาเสียก่อน

 

          ‘เหล่ย ตอนที่คุณได้รับข้อความนี้ ฉันคงออกจากธนาคารและไปถึงสนามบินแล้ว ได้โปรดให้อภัยฉันด้วยที่ไม่ได้ไปบอกลา ฉันกลัวว่าฉันจะร้องไห้ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เวลาที่อยู่กับคุณมันทำให้ฉันนึกถึงสามีของฉัน เขาจิตใจดี ตรงไปตรงมา และตั้งใจเต็มที่กับการทำงาน เฮ้อ ฉันไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้ ฉันคิดถึงเขาอีกแล้วและมันทำให้หัวใจของฉันเจ็บปวด ฉันกำลังจะไปจากที่นี่ อย่าลืมคิดถึงฉันและโทรหาฉันบ้าง ฉันหวังว่าจะได้เห็นภรรยาและลูกๆของคุณในครั้งหน้าที่เราเจอกันนะ’

 

          ‘มีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกคุณ ฉันมั่นใจว่าจะต้องมีใครบางคนใช้สัญญาที่เราตกลงกันมาสร้างปัญหาให้กับคุณแน่ ไม่ต้องกังวลนะ สัญญานั้นได้ระบุไว้ถึงข้อตกลงและสิทธิประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ถ้าพวกเขามาหาคุณ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาฉบับนั้นได้ อีกอย่างนะ ฉันไม่ได้เก็บใบเสร็จที่โอนเงิน 500,000 ไว้ ฉันทิ้งมันลงถังขยะที่ธนาคารไปแล้ว เพราะฉันไว้ใจคุณเลยไม่คิดจะเก็บมันไว้ ไม่ต้องไปส่งฉันนะ ลาก่อน…’

 

          หลังจากอ่านข้อความจบ เซี่ยเหล่ยสูดหายใจและยกมืองทั้งสองข้างของเขามาปิดหน้าไว้ เขาไม่ต้องการให้หลินบู่เหวินและหลินหย่าหยู่เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะหลิวหยิง พวกเขาไม่ควรมาเห็นเขาในสภาพนี้

 

          หลินหย่าหยู่เริ่มหมดความอดทน “นี่ ฉันบอกว่าคุณต้องส่งสินค้าให้เราตามกำหนดจนกว่าจะครบตามจำนวนเงิน 500,000 ไม่อย่างนั้นก็ไปเจอกันที่ศาล เมื่อเวลานั้นมาถึงฉันจะไม่เอาคืนแค่ 500,000 แน่ คุณจะต้องชดใช้!”

 

          เซี่ยเหล่ยเงยหน้าขึ้นมา “500,000 อะไร?”

          “เงิน 500,000 ที่หลิวหยิงให้คุณไปไง!” หลินบู่เหวินตะคอกใส่ “เงินจำนวนนั้นเป็นเงินของบริษัท คุณกำลังจะปฏิเสธหนี้สินของคุณงั้นหรือ?”

 

          “คุณสามารถพิสูจน์ได้มั้ยว่าเงินจำนวนนั้นถูกนำไปให้หลิวหยิงและเธอนำมันมาให้ผม?” เซี่ยเหล่ยพูด “ผมไม่เคยได้รับเงิน 500,000 หยวน คุณมีใบเสร็จหรือไงล่ะ? เอามาให้ผมดูสิ”

 

          “ไอ้เหี้--!” หลินบู่เหวินตะคอกออกไป

 

          เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นยืนและชกหน้าหลินบู่เหวิน

 

          แรงต่อยมากจนทำให้หลินบู่เหวินเกือบล้มลงไปที่พื้น เลือดไหลออกจากหน้าและมีรอยช้ำ.....

 

          หลินหย่าหยู่ดูเหมือนจะกลัวว่าเซี่ยเหล่ยจะต่อยเธอเป็นรายถัดไป เธอรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่กลับสะดุดล้มลงบนพื้นขากางออกทำให้เห็นชั้นในสีขาวลายใบไม้ มันดูน่าอับอายมาก

 

          “มึงกล้าต่อยกูหรอ!” หลินบู่เหวินจับหน้าของเขาและดูพร้อมจะมีเรื่องตลอดเวลา

 

          เซี่ยเหล่ยพูดเสียงเย็นชาว่า “ครั้งต่อไปที่คุณมาที่นี่ ผมจะต่อยคุณทุกครั้งที่เห็นคุณ! อย่าคิดว่าคุณจะทำอะไรตามใจก็ได้เพียงเพราะคุณทำงานให้กู๋เค่อเหวิน ถ้าคุณอยากสู้กับผม มาหาผมที่นี่ได้ทุกเมื่อ ผมจะเป็นคนลากคุณออกไปเอง!”

 

          “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!” หลินบู่เหวินชี้มาที่เซี่ยเหล่ย

 

          หลินหย่าหยู่หุบขาของเธอ ใบหน้าของเธอขาวซีด

 

          “หย่าหยู่ ไปกันเถอะ ต้องมีใครมาเอาคืนเขาแน่!” หลินบู่เหวินดึงหลินหย่าหยู่ขึ้นมาจากพื้น

 

          เซี่ยเหล่ยหยิบสัญญามาจากบนโต๊ะและปามันไปที่หน้าของหลินหย่าหยู่ “เอาสัญญาของคุณกลับไปด้วย และอย่าคิดจะเอาเรื่องนี้มาขู่ผมอีก ผมขอเตือนคุณไว้เลยนะ ถ้าคุณยังต้องสินค้าคุณภาพดีอยู่คุณไม่ควรมาทำให้ผมรำคาญนะ ออกไปซะ!”

 

          “คุณมันหน้าด้านมาก…” หลินหย่าหยู่จ้องมาเซี่ยเหล่ยก่อนจะออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

 

          สัญญาตกอยู่บนพื้น ตอนนี้มันกลายเป็นแค่เศษกระดาษไปแล้ว

 

          ติดตามตอนต่อไป....

         

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด