ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 114 ราชาวานร (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 116 ฆ่าราชาวานร (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 115 ระดับสองขั้นกลาง (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 115 ระดับสองขั้นกลาง 

แปลโดย iPAT 

คลื่นน้ำสีทองแดงสาดซัดเข้าปะทะกำแพงแสงอย่างไม่หยุดยั้ง

บนผิวทะเล หนอนสุราสองตัวกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน กลางอากาศ หมูดำตัวน้อยกางปีกเล็กๆของมันบินไปรอบๆ รากพฤกษาทองแดง

ก้อนหยกสีขาวนอนอยู่ใต้ทะเลอย่างเงียบสงบ จั๊กจั่นไม้เร้นกายอยู่อย่างลับๆเพื่อฟื้นฟูตัวเอง

‘ได้เวลาแล้ว’ เพียงหนึ่งความคิด ทะเลกลายเป็นสงบนิ่งก่อนที่มวลน้ำจะพุ่งขึ้นสู่อากาศและโค้งตัวลงมายังรากพฤกษาทองแดง

รากพฤกษาทองแดงสะบัดน้ำออกจากร่างของมันก่อนจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยแสงสีทองแดงออกมาราวกับดวงอาทิตย์

รัศมีแสงราวกับดาบอันแหลมคมที่พุ่งออกไปทุกทิศทาง

หมูดำที่ไม่สามารถอดทนต่อสิ่งนี้รีบพุ่งลงไปใต้น้ำ

หนอนสุราทั้งสองดำลึกลงไปใต้ทะเลก่อนแล้ว

ก้อนหยกขาวกระพริบอยู่ที่ก้นทะเลอย่างต่อเนื่อง

โดยปกติเพื่อก้าวเข้าสู่ขั้นกลาง ฟางหยวนต้องใช้คลื่นน้ำสีทองแดงสาดซัดเข้าปะทะและเคลือบคลุมกำแพงแสง

แต่รากพฤกษาทองแดงกลับสามารถปลดปล่อยแสงสีทองแดงเข้าเคลือบคลุมกำแพงแสงเอาไว้ทั้งหมดในครั้งเดียว นี่ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

ฟางหยวนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำแพงแสงกำลังหนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดกำแพงแสงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกำแพงวารีที่ส่องประกายระยิบระยับ

นี่คือกำแพงวารีขั้นกลาง

อย่างไรก็ตามรากพฤกษาทองแดงยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น

รัศมีแสงของมันผสานเข้ากับทะเลวิญญาณของฟางหยวน

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีก่อนที่รากพฤกษาทองแดงจะกลายเป็นโปร่งแสงและเลือนหายไปในความว่างเปล่า

ทะเลวิญญาณกลับคืนสู่ความสงบ

การใช้รากพฤกษาทองแดงช่วยให้ฟางหยวนประหยัดเวลาและความพยายามในการบ่มเพาะ

ทะเลวิญญาณของฟางหยวนมีความเข้มข้นของพลังวิญญาณมากขึ้น หลังจากใช้รากพฤกษาทองแดง ขณะนี้ระดับน้ำทะเลลดลงไปจนแทบถึงจุดต่ำสุด

อย่างไรก็ตามตอนนี้ทะเลวิญญาณของเขากลายเป็นทะเลวิญญาณระดับสองขั้นกลางไปแล้ว

รากพฤกษาทองแดงสามารถเสริมสร้างรากฐานให้กับผู้ใช้วิญญาณโดยตรง นี่คือการยกระดับในขอบเขตเล็กๆของผู้ใช้วิญญาณ

ระดับการบ่มเพาะที่สูงขึ้นหมายถึงพลังการต่อสู้ที่เพิ่มมากขึ้น มันจะช่วยให้ผู้ใช้วิญญาณมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น กล่าวได้ว่ามันส่งผลกระทบในทุกแง่มุม

ฟางหยวนดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณเพื่อเติมเต็มทะเลวิญญาณ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขากลับไปยังป่าหินอีกครั้ง

เขาเดินเข้าไปในอาณาเขตของวานรหินตาหยกและทำให้พวกมันโกรธทันที

ใบหน้าของฟางหยวนยังสงบนิ่งและไม่แยแส เขาให้ความสนใจำรังที่อยู่ด้านบนสุดของเสาหินเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องกังวลกับวานรหินตาหยกทั่วไป ปัญหาเดียวคือราชาวานร

อย่างไรก็ตามหลังจากชั่วครู่ ราชาวานรก็ยังไม่ปรากฏตัว

ฟางหยวนรู้สึกงุนงง ‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าไม่มีราชาวานร หากมันอยู่ที่นี่ มันควรเป็นตัวแรกที่ออกมาเมื่อบางคนบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของมัน เดี๋ยว! บางทีมันอาจออกมาแล้ว!’

เพียงเมื่อฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้ วิญญาณกาลเวลาที่จำศีลอยู่พลันเปิดเปลือกตาตื่นก่อนจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือทะเลวิญญาณของฟางหยวนและส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาในใจของเขา

นี่คือการแจ้งเตือน!

มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อวิญญาณดวงแรกที่เชื่อมต่อทางจิตวิญญาณกับผู้ใช้วิญญาณสัมผัสถึงภัยคุกคามร้ายแรงต่อเจ้านายของมัน

เส้นขนทั่วร่างของฟางหยวนลุกชัน โดยไม่ต้องคิดมาก ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณกายาหยกขาวอย่างเต็มประสิทธิภาพทันที

แสงสีขาวส่องประกายขึ้นห่มคลุมร่างกายของฟางหยวนเอาไว้ทั้งหมด

วินาทีถัดมาราชาวานรหินตาหยกที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าวานรหินตาหยกทั่วไปสามเท่าพลันปรากฏกายขึ้นด้านซ้ายของฟางหยวนและฟาดกรงเล็บอันแหลมคมลงบนไหล่ของเขาอย่างไร้ปรานี

"ปัง!"

การโจมตีของราชาวานรถูกป้องกันเอาไว้โดยเกราะหยกขาว การลอบโจมตีล้มเหลว!

ภายในทะเลวิญญาณ วิญญาณกายาหยกขาวดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าไปห้าส่วน หากเป็นทะเลวิญญาณขั้นต้น เขาจะสูญเสียพลังวิญญาณสิบส่วน

จากสิ่งนี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงวิธีการที่น่ารังเกียจและเหี้ยมโหดของราชาวานร

แม้ฟางหยวนจะสามารถรักษาความเยือกเย็น แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่เหงื่ออันเย็นเยียบจะไหลลงมาจากหน้าผากของเขา หากไม่ใช่เพราะการขัดเกลาทักษะการต่อสู้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาอาจได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของราชาวานรจริงๆ

หากปฏิกิริยาของเขาช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อย เขาจะมีจุดจบเช่นเดียวกับผู้ใช้วิญญาณม่านซื่อ

‘ราชาวานรครอบครองวิญญาณประเภทปิดซ่อนตัวตน’ ฟางหยวนเร่งล่าถอน เขาไม่สามารถค้นพบตำแหน่งของราชาวานร นี่จึงทำให้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ราชาวานรดูเหมือนจะมีสติปัญญาสูงกว่าวานรหินตาหยกทั่วไป หลังจากโจมตีพลาด มันรีบเร้นกายทันที

นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกกดดัน

เขาต้องใช้วิญญาณกายาหยกขาวป้องกันตัวตลอดเวลาทำให้พลังวิญญาณของเขาลดลงทุกวินาที นี่หมายความว่าเขาไม่สามารถให้การต่อสู้ยืดเยื้อออกไป

ในเวลาเดียวกันวานรหินตาหยกหลายร้อยตัวก็พุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างพร้อมเพรียง

ฟางหยวนใช้ความเร็วสูงสุดหลบหนีและสร้างระยะห่างออกไป

ลิงบางตัวเริ่มอ่อนแรง บางตัวเริ่มล่าถอย

"เจี๊ยก!" เป็นเพียงเวลานี้ที่ราชาวานรปรากฏตัวอีกครั้งและตะโกนออกคำสั่งกองทัพของมัน

"เจี๊ยก! เจี๊ยก!" ฝูงลิงตอบสนองทันที ความลังเลของพวกมันหายไปและเริ่มไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้ง

ฝูงลิงกว่าห้าร้อยตัวไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละ แต่ฟางหยวนไม่ตื่นตระหนก ตรงข้าม มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามความคาดหมายของเขา

เขาเลือกเส้นทางที่ราบรื่นที่สุดในการเดินทางมายังใจกลางป่าหิน แต่สองข้างทางกลับเต็มไปด้วยรังของวานรหินตาหยก

ฟางหยวนคุ้นเคยกับเส้นทางสายนี้

ด้วยสติปัญญาที่ต่ำตมของลิงเหล่านี้ พวกมันไม่สามารถทำความเข้าใจ ภายใต้คำสั่งของราชาวานร พวกมันบุกเข้าไปในอาณาเขตของลิงฝูงอื่น นั่นส่งผลให้เกิดการตอบโต้จากลิงเหล่านั้น

ความโกลาหลปะทุขึ้นทันที

วานรหินตาหยกจำนวนนับไม่ถ้วนก้าวออกมาปกป้องบ้านของพวกมัน

อีกไม่กี่สิบปีหลังจากนี้ราชาวานรอาจกลายเป็นราชันพันอสูรและปกครองป่าหินทั้งหมด อย่างไรก็ตามตอนนี้มันยังเป็นเพียงราชันร้อยอสูรและไม่สามารถควบคุมวานรหินตาหยกจำนวนมาก

มหาสงครามพิภพวานรปะทุขึ้นในที่สุด

ฟางหยวนได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ฝูงลิงห้าร้อยตัวต่อสู้พัวพันอยู่กับฝูงลิงกลุ่มอื่น มีเพียงราชาวานรที่ไล่ล่าฟางหยวน

ฟางหยวนโจมตีและล่าถอย เขาถูกลอบโจมตีโดยราชาวานรหลายครั้ง นั่นทำให้เขาสูญเสียพลังวิญญาณไปค่อนข้างมาก โชคดีที่เขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองขั้นกลางแล้ว มิฉะนั้นพลังวิญญาณของเขาจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้

ฟางหยวนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างชัดเจน นอกจากนั้นเขายังไม่พบจุดอ่อนของราชาวานรตัวนี้

จังหวะที่ราชาวานรกำลังจะโจมตี แม้เขาจะสามารถตอบสนอง แต่เขาไม่มีเวลาพอที่จะโจมตีสวนกลับ

ราชาวานรได้รับความสามารถในการเร้นกายจากวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของมัน มันสามารถลอบโจมตีได้ทุกเมื่อ แม้ฟางหยวนจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันยังรอบคอบพอที่จะเร้นกายและล่าถอยเพื่อความปลอดภัย

‘ปราศจากวิญญาณสายตรวจสอบ โอกาสชนะมีต่ำมาก หากข้ามีวิธีโจมตีในวงกว้าง ข้าจะลองดู แต่วิญญาณจันทร์กระจ่างสามารถอาศัยเพียงโชคเท่านั้น ความน่าจะเป็นของมันต่ำเกินไป’

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ ดังนั้นเขาจึงรีบล่าถอย

อย่างไรก็ตามดูเหมือนราชาวานรมีความมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา

ฟางหยวนหยุดเท้าอย่างกะทันหันเมื่อเขายืนอยู่ห่างจากทางออกเพียงหนึ่งร้อยเมตร

‘ข้าเหลือพลังวิญญาณเพียงสิบส่วน มันไม่พอที่จะใช้ป้องกันตัวในระยะทางหนึ่งร้อยเมตร นอกจากนั้นแม้ข้าจะสามารถออกไปยังห้องลับที่สองและปิดประตูหิน แต่ราชาวานรอาจทำลายประตูหินออกไป’

เดิมทีฟางหยวนคิดว่าราชาวานรจะล้มเลิกการไล่ล่าเมื่อเวลาผ่านไป แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะมีความมุ่งมั่นถึงเพียงนี้

ฟางหยวนออกมาจากอาณาเขตของป่าหินและหยุดยืนอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่า

ในป่าหินฝูงลิงจำนวนนับไม่ถ้วนยังต่อสู้กันอย่างดุเดือดและส่งเสียงดังสะท้อนไปทั่วทั้งป่าหิน

ฟางหยวนยังไม่เคลื่อนไหว ด้วยสัญชาตญาณ เขามั่นใจว่าราชาวานรกำลังเร้นกายอยู่ในบริเวณนี้เพื่อรอเวลาที่เขาจะเปิดช่องว่างและลอบโจมตีอย่างไร้ปรานี

ฟางหยวนรู้ว่าตนเองมาถึงทางตัน

หากเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองทั่วไป พวกเขาจะไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันชนิดนี้

แต่ฟางหยวนยังสงบนิ่ง

สถานการณ์นี้ยังอยู่ในความคาดหมายของเขาแม้มันจะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ตามตรรกะ ราชาวานรควรล่าถอยกลับเข้าไปในรังของมัน แต่ด้วยเหตุผลบางประการราชาวานรตัวนี้กลับไล่ล่าฟางหยวนมาอย่างไม่ยอมเลิกรา

‘หากคนผู้หนึ่งเลือกที่จะเสี่ยง พวกเขาก็ต้องเตรียมใจที่จะเสี่ยงด้วยชีวิตของตนเอง’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออก