ตอนที่แล้วTXV – 62 ความสง่างามมาพร้อมกับเส้นผม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV – 64 คุณกล้ามาก !

TXV – 63 คุณช่วยกอดฉันหน่อยได้มั้ย ?


TXV – 63 คุณช่วยกอดฉันหน่อยได้มั้ย ?

        “โธ่เว้ย!” ฉิงเสวียงโมโหมาก “นี่คุณไม่เข้าใจหรือไง ? กู๋เค่อเหวินไม่ใช่คนที่คุณสามารถไปต่อกรด้วยได้ เธอจะได้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ เธอไม่มีทางปล่อยให้คุณไปขัดขวางเธอได้แน่นอน เรื่องคืนนี้มันเป็นแค่การข่มขู่และมันจะเกิดขึ้นอีกแน่ หรือคุณอยากให้มันเป็นแบบนั้น ?”

 

        ใบหน้าของกู๋เค่อเหวินปรากฏขึ้นในความคิดเขาทันที และยิ่งทำให้ความโกรธเพิ่มมากยิ่งขึ้น ถ้ากู๋เค่อเหวินอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ สาบานได้เลนว่าเขาไม่มีทางที่จะหยุดยั้งอาการอยากตะบันใบหน้าสวยนั้นได้แน่!

 

        “ตัดใจซะเถอะ” ฉิงเสวียง พูด “คุณไม่สามารถต่อกรกับเธอได้หรอก”

 

        “หุบปากซะ!” เซี่ยเหล่ยตะโกน “บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าใครสั่งคุณมา!”

 

        “คุณอยากรู้จริงๆหรือ?”

 

        เซี่ยเหล่ยจ้องเขม็งไปที่ ฉิงเสวียง “พูดออกมา!”

 

        “ได้ ! ฉันไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาชื่ออะไร แต่คนอื่นๆเรียกเขาว่า ‘หล่าวฉี่’ ทุกคนในเมืองห่ายจูจะต้องเชื่อฟังเขา”

 

        “คุณทำงานให้เขา?”

 

        “เปล่า เขาเล่นสกปรกบางอย่างกับฉัน” ความเกลียดชังปรากฏวูบหนึ่งในสายตาของ ฉิงเสวียง “คุณก็เห็นแล้วนี่ ผมมีร้านทำผมของตัวเองและมันก็เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของคุณเลย”

 

        “เขาทำอะไรคุณ?” เซี่ยเหล่ยลองหยั่งเชิงถาม

 

        “ฉันบอกคุณหมดทุกอย่างที่ฉันรู้ไปแล้ว ออกไปซะ ! แล้วอย่ากลับมาหาฉันอีก”

 

        “ผมพอจะเดาได้ถึงคุณจะไม่พูดก็เถอะ มันต้องมีเรื่องผิดกฎหมายบางอย่างแน่ จำคำพูดผมเอาไว้ให้ดีๆล่ะ นี่คือคำเตือนสุดท้าย อย่ามายุ่งกับผมอีก” เซี่ยเหล่ยพูดและเดินออกจากประตูไป…

 

        “เดี๋ยวก่อน!” ฉิงเสวียง เรียกเขาไว้ “อย่าพูดถึงชื่อฉันถ้าคุณจะไปหา หล่าวฉี่

 

        เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและเดินออกจากร้านไป

 

        ฉิงเสวียง เป็นแค่ลูกน้องปลายแถว เขาถูกคนอื่นสั่งมาอีกที อีกทั้งเขายังมีแม่ที่ป่วยต้องดูแล เซี่ยเหล่ยไม่อยากทำให้เขาลำบาก นอกจากนั้นแล้วตอนนี้เขาก็ได้ข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการหมดแล้ว

 

        เมื่อกลับเข้ามาในรถ เซี่ยเหล่ยนั่งเงียบๆอยู่สักพัก และหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อกดโทรหาหลิวหยิงเพื่อเตือนเธอให้ระวังคนที่ชื่อหล่าวฉี่

 

        แต่ก่อนที่เขาจะได้โทร โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เป็นเบอร์ของหลิวหยิงโทรเข้ามา

 

        เซี่ยเหล่ยรับสาย “ฮัลโหล พี่หลิว ผมกำลังจะโทรหาคุณพอดี…”

         

        “ฮือ…” หลิวหยิงร้องไห้

 

        “เกิดอะไรขึ้นพี่หลิว?”

 

        “ฉัน…ฮือ…ฉันขับรถชน” หลิวหยิงดูช็อคมาก

 

        “รถชน? เรื่องจริงหรือ? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเหล่ยถามอย่างเป็นกังวล

 

        “ฉันอยู่โรงพยาบาลเอกชน วอร์ด 8 ชั้น 12 มาหาฉันหน่อย ฉันมีบางอย่างจะบอกคุณ” เสียงของหลิวหยิงฟังดูเหนื่อยล้า

 

        “โอเค ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เซี่ยเหล่ยเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าตรงไปยังโรงพยาบาล

 

        ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนจึงมีรถบนถนนไม่มาก เซี่ยเหล่ยเร่งความเร็วเป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่เป็นความเร็วสูงสุดที่มือใหม่อย่างเขาสามารถขับได้

 

        ‘ฉิงเสวียง บุกเข้าบ้านของเขาและทิ้งร่องรอยการข่มขู่เอาไว้ หลิวหยิงประสบอุบัติเหตุ นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ต้องเป็นกู๋เค่อเหวินที่ต้องการแก้แค้นพวกเขาแน่’ เซี่ยเหล่ยครุ่นคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ในขณะที่ขับรถ

 

        20 นาทีถัดมา เขาก็มาถึงโรงพยาบาล ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 12 และตรงไปวอร์ด 8 เขาเห็นหลิวหยิงนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าและขาเธอเต็มไปด้วยบาดแผล

 

        พี่เลี้ยงของหลิวหยิงก็อยู่ที่นี่ด้วยและกำลังอุ้มลูกชายของเธออยู่

 

        สายตาของเซี่ยเหล่ยหยุดนิ่งอยู่ที่คอของลูกชายหลิวหยิง มันมีรอยแดงราวกับถูกบีบ เขาเห็นเครื่องหมายกากบาทที่คอนั่น แม้จะจางไปมากแล้วแต่เขาก็ยังคงเห็นมัน

 

        เซี่ยเหล่ยเข้าใจเหตุการณ์ทันที ฉิงเสวียง เพียงแค่ทิ้งร่องรอยการข่มขู่เอาไว้เท่านั้นตอนบุกเข้าบ้านของเขา หลิวหยิงประสบอุบัติเหตุและรอยนั้นก็ปรากฏบนคอลูกชายเธอ

 

        “พาเขาออกไปข้างนอกก่อน” หลิวหยิงบอกพี่เลี้ยงเมื่อเห็นเซี่ยเหล่ยเข้ามาในวอร์ด

 

        หลิวหยิงเริ่มร้องไห้หลังจากพี่เลี้ยงออกไป

 

        “เหล่ย ฮือ… ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”

 

        เซี่ยเหล่ยนั่งลงข้างเตียงของเธอ “คุณแจ้งตำรวจหรือยัง?”

 

        หลิวหยิงส่ายหน้าขณะร้องไห้ “ฉันไม่อยากแจ้งตำรวจ มันไม่มีประโยชน์ ตระกูลกู๋มีอิทธิพลมาก ฉันเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งแถมยังมีลูกชายอีก ฉันจะไปสู้อะไรกับพวกเขาได้”

 

        “แปลว่าคุณจะทำเป็นลืมเรื่องนี้ไปซะ?”

 

        “แล้วฉันทำอย่างอื่นได้ด้วยหรอ? ฉันคิดมาดีแล้ว ฉันไม่อยากอยู่อย่างหวาดกลัว มันไม่เป็นไรเลยถ้าฉันจะตาย แต่ลูกชายของฉันไม่ควรถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้… เหล่ย ฉันขอโทษ ก่อนโทรหาคุณ ฉันได้เซ็นสัญญายกสิทธิบัตรกระดานโต้คลื่นอัตโนมัติให้กู๋เค่อเหวินแล้ว สิทธิบัตรเป็นของเธอ บริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์ก็เป็นของเธอเหมือนกัน” หลิวหยิงพูด

 

        เซี่ยเหล่ยอึ้งและรู้สึกไม่พอใจนัก แต่หลิวหยิงได้เซ็นยกให้กู๋เค่อเหวินไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปพูดถึงมันอีก พวกเขาฝ่าฝันกันมาหลายอย่างเพื่อรักษามันเอาไว้ เขาจึงรู้สึกผิดหวังมาก

 

        “ฉันขอโทษ…” หลิวหยิงกล่าว “ฉันอยากจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่กับคุณ แต่นั่นมันก่อนที่ฉันจะเซ็นสัญญากับกู่เค่อเหวิน ฉันสัญญาว่าจะให้หุ้น 20% กับคุณ…”

 

        เซี่ยเหล่ยพูดแทรกเธอขึ้นมา “อย่าพูดถึงมันเลย ไม่มีบริษัทแล้วและผมไม่ได้ต้องการเงินจากคุณ”

 

        หลิวหยิงยังคงยืนยัน “ไม่ ไม่ คุณก็พยายามมามากเหมือนกัน ฉันขายหุ้นและยกสิทธิบัติให้กู๋เค่อเหวิน ทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 25,000,000 แต่ถ้ามันยังไม่มากพอ ก็ยังเรียกเพิ่มได้อีกเป็น 40,000,000 ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันต้องให้เงินในส่วนของคุณ”

 

        เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างเบื่อหน่าย “ตอนนี้คุณได้เงินนั้นมาแล้ว และผมไม่อยากได้เงินจากคุณ”

 

        “เหล่ย ฉันรู้ว่าคุณอยากเริ่มต้นบริษัทใหม่แต่คุณยังไม่มีเงิน ฟังฉันนะ ฉันจะให้เงินคุณ 20% จาก 40 ล้าน แล้วเอาเงินส่วนนี้ไปเริ่มต้นบริษัทใหม่” หยิวหยิงจับมือของเซี่ยเหล่ย “ถ้าคุณยังปฏิเสธฉัน เห็นทีเราคงจะเป็นเพื่อนกันต่อไปไม่ได้”

 

        เซี่ยเหล่ยเงียบไปก่อนจะพูด “ตกลง คุณให้ผมแค่ 5 ล้านก็พอ นี่เป็นเงินกู้และผมจะคืนมันให้คุณภายหลัง”

 

        “ฉันจะไม่รับคืน” หลิวหยิงพูด “ฉันจะโอนเงิน 5 ล้านให้วันพรุ่งนี้ตอนธนาคารเปิด บอกฉันนะถ้ามันไม่พอ และอย่าแม้แต่จะคิดที่จะกู้ธนาคารเพราะดอกเบี้ยมันสูงมาก”

 

        เซี่ยเหล่ยจับมือเธอและพยักหน้าให้

 

        หลิวหยิงดูผ่อนคลายขึ้น เธอถอนหายใจและยิ้มบางๆ “ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกโล่งใจหลังจากเซ็นมอบทุกอย่างให้กู๋เค่อเหวินไปแล้ว ฉันไม่ต้องมาคอยกังวลกับอันตรายที่จะมาถึงลูกของฉันอีกต่อไป ความรู้สึกนี้มันสำคัญที่สุดแล้วสำหรับฉัน”

 

        นี่คงเป็นธรรมชาติของแม่ เธอเต็มใจที่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกของเธอ แม้แต่เสียสละชีวิตของเธอเองก็คงไม่ลังเล ถึงแม้เซี่ยเหล่ยจะไม่มีลูก แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเขา เขาก็คงจะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อปกป้องเซี่ยเสวียเหมือนกัน แม้กระทั่งชีวิตของเขาเอง

 

        หลิวหยิงมองมายังเซี่ยเหล่ย “สัญญากับฉัน อย่ามีปัญหากับกู๋เค่อเหวิน คุณไม่ใช่คู่ปรับของเธอ”

 

        เซี่ยเหล่ยพยักหน้าตอบอีกครั้ง “ผมสัญญา”

 

        “ดีมาก คุณช่วยกอดฉันสักพักได้มั้ย?” หลิวหลิงพูดเสียงแผ่วเบา

 

        เซี่ยเหล่ยลังเล แต่เขาก็เอื้อมมือไปคว้าหลิวหยิงมาไว้ในอ้อมแขน

 

        หลิวหยิงพูดใกล้กับหูของเขา “อย่าเข้าใจผิดล่ะ ตอนฉันกอดคุณบนถนนในคืนนั้น ฉันรู้สึกเหมือนกำลังกอดสามีของฉันอยู่เลย ฉันอยากรู้สึกแบบนั้นอีกครั้งก่อนจะไป...”

 

        “คุณกำลังจะไป? ไปไหน?” เซี่ยเหล่ยถามอย่างประหลาดใจ

 

        หลิวหยิงพูดเบาๆ “เมืองนี้ทำให้ฉันเสียใจมาก ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ฉันจะไปออสเตรเลียสักพัก แต่คุณยังโทรหาฉันได้นะ ฉันจะไม่เปลี่ยนเบอร์โทร”

 

        เซี่ยเหล่ยรู้สึกเศร้าแต่เขาก็ฝืนยิ้ม “มันก็ดีเหมือนกันนะที่จะได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ซะบ้าง”

 

        “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย แค่กอดฉันไว้แบบนี้อีกสักพัก” หลิวหยิงหลับตาลง ดูเหมือนเธอกำลังรำลึกถึงอะไรบางอย่าง

 

        เซี่ยเหล่ยยังคงกอดเธอไว้อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร ถึงแม้จะเป็นการสวมกอดที่ลึกซึ้ง แต่หัวใจของเขากลับนิ่งสงบ ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็พบว่าหลิวหยิงนอนหลับไปในอ้อมกอดของเขาแล้ว

 

        เซี่ยเหล่ยค่อยๆวางหลิวหยิงลงและมองเธอก่อนจะเดินจากไป

 

        พี่เลี้ยงยังคงอุ้มลูกชายของหลิวหยิงอยู่ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงทางเดิน เมื่อเห็นเซี่ยเหล่ยเธอจึงลุกขึ้นยืน.....

 

        “พี่หลิวหลับไปแล้ว ตอนคุณเข้าไปอย่าทำให้เธอตื่นล่ะ” เซี่ยเหล่ยพูด

 

        พี่เลี้ยงตอบรับเสียงเบาและอุ้มเด็กชายเดินเข้าไปในวอร์ด

 

        เซี่ยเหล่ยมองตามไป ประตูปิดลงแล้ว เขารู้ดีว่านี่อาจเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย สิ่งที่พวกเขาผ่านมาด้วยกันทั้งหมดไหลผ่านหัวเขาราวกับสายน้ำ ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นละอองและค่อยๆจางหายไป

 

        “โธ่เว้ย!” เซี่ยเหล่ยต่อยกำแพง “คุณสามารถเอาสิ่งที่คุณต้องการไปได้เพียงเพราะคุณรวยและมีอำนาจงั้นหรือ สิทธิบัตินั้นเป็นเหมือนของขวัญล้ำค่าที่สามีของหลิวหยิงให้ไว้ แต่เธอกลับไม่สามารถรักษามันไว้ได้ ต้องมอบมันให้กับคนที่ทำร้ายและทำให้เธอเสื่อมเสียเกียรติ กู๋เค่อเหวิน รอก่อนเถอะ! ฉันก็มีความยุติธรรมในแบบของฉัน!”

 

        ‘ความยุติธรรมคือการปิดหูปิดตา’ นี่เป็นเรื่องที่น่าละอาย !

 

        ไม่เคยมีความยุติธรรมที่เป็นธรรมในโลกนี้ คงทำได้แค่ใช้กำปั้นและความแข็งแกร่งสร้างมันขึ้นมาเท่านั้น

 

        ถ้าเขาต้องการความยุติธรรมจากกู๋เค่อเหวิน เขาก็ต้องมีกำปั้นที่หนักแน่นและมีความแข็งแกร่งให้มากเท่ากับเธอ ซึ่งตอนนี้เขายังไม่มีทั้งสองอย่าง แต่เขามีเพียงสิ่งเดียวคือเวลา

 

        ติดตามตอนต่อไป...........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด