ตอนที่แล้วบทที่ 70 ไข่มุกหยิน  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 72 พบอาคันตุกะ

บทที่ 71 การทดลองครั้งใหม่


 

“ข้า...ข้าซื้อมา” น้ำเสียงหนักๆ ของนางเซียนอวิ๋นเสียขู่ขวัญเสี่ยวหวน นางตะกุกตะกัก “ข้าซื้อมาในราคาครึ่งชิ้นจิงสือระดับสาม ที่ตลาดเสรี ข้ารู้สึกว่าคนขายน่าสงสารมากเลยช่วยซื้อมาเม็ดหนึ่ง”

“น่าสงสาร?” นางเซียนอวิ๋นเสียขมวดคิ้ว “ครึ่งชิ้นจิงสือระดับสาม?”

“ใช่เจ้าค่ะ” เสี่ยวหวนรีบพยักหน้า “คนผู้นั้นน่าเวทนามาก ตลอดทั้งช่วงบ่ายมันขายไม่ได้เลยสักเม็ด ตอนที่มันชี้ชวนให้ข้าซื้อมันน่าสงสารมากจริงๆ ดังนั้นข้าจึงช่วยมันซื้อเม็ดหนึ่ง คิดว่าจะนำมาให้คุณหนูหวงเล่นสนุก คุณหนู นี่เป็นสิ่งของอันใดเจ้าคะ?”

“นี่คือไข่มุกหยิน” อวิ๋นเสียเซียนจื่อสีหน้าหนักใจขณะอธิบายว่า “ไข่มุกหยินสร้างขึ้นจากปราณหยิน เป็นสิ่งที่หายากมาก วิธีการควบกลั่นไข่มุกหยินนั้นพิเศษเฉพาะยิ่ง ทั้งยังสูญหายไปเป็นเวลานาน ไข่มุกหยินมีวิธีใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ข้าล่วงรู้อยู่วิธีหนึ่งนั่นคือหลอมสร้างมันเป็นมุกหยินอสนีบาต พลังอำนาจไร้ที่สิ้นสุด”

“ร้ายกาจถึงเพียงนั้น?” เสี่ยวหวนแทบไม่อยากเชื่อ “แต่ข้ารู้สึกว่าคนผู้นั้นน่าเวทนามากจริงๆ หากไข่มุกหยินร้ายกาจถึงปานนั้น ไฉนมันขายเพียงครึ่งชิ้นจิงสือระดับสามเล่า?”

“ฮ่าฮ่า กล่าวได้ว่าเจ้าต่อรองราคาได้เก่งกาจมาก” นางเซียนอวิ๋นเสียกล่าวปนหัวร่อ “ในโลกนี้ มีบุคคลพิสดารบางคน ที่สนุกสนานกับการหลอกลวงโลกเพื่อความบันเทิงของพวกมัน” แต่น้ำเสียงนางกลับไม่ค่อยมั่นใจนัก

“คุณหนู ไฉนท่านไม่ลองติดตามข้าไปพบกับคนผู้นั้นอีกครา? ข้าจำได้ว่าร้านของมันอยู่ที่ใด” เสี่ยวหวนรีบชักชวน “หากคุณหนูไปเอง คุณหนูอาจขอซื้อเคล็ดวิชาสร้างไข่มุกหยิน หรือไม่ อย่างน้อยท่านยังสามารถซื้อไข่มุกหยินทั้งหมด!”

“อา!” ฟังคำเสี่ยวหวน นางเซียนอวิ๋นเสียลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

จั่วม่อกลับขึ้นภูเขา เริ่มงานหลอมกลั่นโอสถของมันอีกครั้ง สำหรับมัน ไข่มุกหยินเป็นเพียงการก้าวพลาดออกนอกเส้นทางเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น สูญเสียไปแปดชิ้นจิงสือระดับสาม มันอาจอาลัยอาวรณ์อยู่ช่วงหนึ่ง แต่เรื่องนี้ผลกระทบกระเทือนที่เกิดขึ้นกับผูเยาดูเหมือนจะรุนแรงกว่ามันมาก ผูเยาเงียบไปหลายวัน แต่มันก็ไม่มีปัญญาหาทางออก เวลาผ่านไปสามพันปี สรรพสิ่งล้วนแปรเปลี่ยนไปเสมอ อย่างน้อยจั่วม่อก็คิดเช่นนั้น

สำหรับการใช้งานไข่มุกหยิน จั่วม่อไม่มีเวลาไปสนใจชั่วคราว มันมีสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป เม็ดยาอีกาทองคำขายดีมาก แต่นั่นก็หมายความว่ามันต้องใช้เวลามากขึ้นในการหลอมกลั่นโอสถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มันโหยหาจิงสือเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น แรงดึงดูดใจของเมล็ดพันธุ์ไฟระดับสี่ ไม่ใช่แค่ล่อลวงผู้อื่น กระทั่งกับตัวมันเองแรงดึงดูดใจนี้ถึงกับรุนแรงยิ่งกว่า

แต่หลังจากกลืนเม็ดยาอีกาทองคำไปห้าสิบเม็ด จั่วม่อยังไม่มีวี่แววว่าจะก่อกำเนิดไฟอีกาทองคำ แต่ละครั้งมันสามารถรู้สึกถึงเส้นใยความร้อนสายหนึ่งดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย แต่อย่างรวดเร็ว ความร้อนสายนี้ประดุจเกล็ดหิมะละลาย หายวับไปในพริบตา

นี่ทำให้มันสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิผลของเม็ดยาอีกาทองคำ แม้ว่าจะเป็นโอสถปราณที่มันหลอมกลั่นขึ้นมาเองก็ตาม แต่ในแง่ของประสิทธิภาพกระทั่งตัวมันเองก็ยังไม่มั่นใจ

เม็ดยาอีกาทองคำห้าสิบเม็ดหากแปลงเป็นจิงสือ นี่ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย มันเจ็บปวดใจอยู่บ้าง ทั้งยังสับสนงงงวย

หรืออาจเป็นเพราะแก่นสารดวงอาทิตย์ในเม็ดยาอีกาทองคำมีน้อยเกินไป?

เหตุผลที่เม็ดยาอีกาทองคำถูกตัดสินว่าสามารถก่อกำเนิดไฟอีกาทองคำ เนื่องเพราะมีแก่นสารของดวงอาทิตย์หลอมรวมอยู่ในเม็ดยา แต่เป็นจำนวนเล็กน้อยอย่างยิ่ง หากหวังพึ่งพาเม็ดยาเพื่อสร้างไฟอีกาทองคำจริงๆ ก็ไม่ทราบว่าจะต้องรับประทานมากมายสักเท่าใด

ทันใดนั้นจั่วม่อกระหวัดนึกถึงความคิดที่เคยมี ในคราวที่มันเริ่มหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำเป็นครั้งแรก

หากมันใช้เคล็ดอัคคีสีชาดเป็นไฟหลัก และใช้ค่ายกลยันต์เวทไฟหลีเป็นไฟเสริม โอสถปราณที่หลอมกลั่นออกมาจะเป็นอย่างไร? ในคราวนั้นมันมีสามทางเลือก และนี่ก็เป็นหนึ่งในสามทางเลือกนั้น

ในตอนเริ่มต้นมันได้แต่ละทิ้งแผนการนี้ เพราะการเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างไฟหลักกับไฟเสริม จะส่งผลกระทบอันซับซ้อนต่อสิ่งอื่นๆ มากเกินไป แต่ยามนี้มันมีเวลามากพอที่จะค่อยๆ คิดวิเคราะห์หาวิธีแก้ไขปัญหา นอกจากนี้หลังจากหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำมาจนถึงขณะนี้ มันได้สั่งสมประสบการณ์มากมาย หากสามารถใช้วิธีการนี้หลอมกลั่นโอสถปราณสำเร็จ ปริมาณแก่นสารดวงอาทิตย์ในเม็ดยาชนิดใหม่ แน่นอนว่าจะไม่น้อยนิดอีกต่อไป!

จั่วม่อตัดสินใจที่จะทดลองดู แม้ว่ามีโอกาสล้มเหลวสูงมากก็ตาม เม็ดยาอีกาทองคำทีแรกสำเร็จโดยบังเอิญ พอมาถึงช่วงกลางมันก็พบกับประสบการณ์ล้มเหลวมากมาย แต่ต่อมาเม็ดยาอีกาทองคำก็ทำกำไรให้มันอย่างมหาศาลเช่นกัน มันคล้ายเสพติดรสชาติความหวานเช่นนี้เสียแล้ว

พอคิดได้เช่นนี้ จั่วม่อรีบกลับไปยังห้องหลอมกลั่นของมันในทันที

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครั้งแรกคือความล้มเหลว จั่วม่อได้สูดกลิ่นเหม็นไหม้อันคุ้นเคยอีกครั้ง มันไม่ได้หดหู่ท้อแท้ ความล้มเหลวย่อมอยู่ในการคาดคำนวณของมัน และเมื่อเทียบกับคราวที่แล้วนี่ก็นับว่าดีขึ้นมากแล้ว วัตถุดิบสำหรับหลอมกลั่นยังเปิดกว้างให้มันเข้าถึงได้ตลอดเวลา

การใช้เคล็ดอัคคีสีชาดเป็นเปลวไฟหลัก และใช้ค่ายกลยันต์เวทไฟหลีเป็นไฟเสริม อาจดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เรียบง่าย แต่อันที่จริงลึกลงไปมีการเปลี่ยนแปลงที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ประการแรกต้องปรับสมดุลความรุนแรงของเคล็ดอัคคีสีชาดและต้องปรับเปลี่ยนค่ายกลยันต์เวทไฟหลีให้พอดีกัน ส่วนอีกประการ คือยังไม่ทราบว่าอัตราส่วนวัตถุดิบของตำรับโอสถดั้งเดิม แข็งแรงพอที่จะทนต่อแก่นสารดวงอาทิตย์ที่มีความเข้มข้นสูงและรุนแรงขึ้นได้หรือไม่

ในสองประเด็นนี้ จั่วม่อกังวลกับข้อที่สองมากกว่า อัตราส่วนของวัตถุดิบและวิธีการจับคู่สมุนไพรเป็นวิชาความรู้ที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งแขนงหนึ่ง แม้แต่ซือฟู่มันก็ยังยากที่จะเข้าใจจนแตกฉาน จั่วม่อวิตกว่าหากต้องเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนและต้องใช้สมุนไพรปราณระดับสูงกว่าเดิมจริงๆ ไม่ทราบมันจะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ อย่าได้เห็นว่ายามนี้ความมั่งคั่งของมันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หากต้องนำไปซื้อวัตถุดิบหลอมกลั่น โดยเฉพาะวัตถุดิบชั้นสูงเหล่านั้น เกรงว่าคงได้แต่มองเท่านั้น

จั่วม่อเริ่มการทดลองอันน่าเบื่อหน่ายของมัน ในมือถือม้วนหยกม้วนหนึ่ง คอยบันทึกรายละเอียดการทดลองของมันทุกครั้ง มันทราบว่าตนไม่มีองค์ความรู้ลึกซึ้งเท่าซือฟู่ ทั้งยังไม่มีประสบการณ์มากมาย สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้คือทดลองทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ค่อยๆ ก้าวหน้าไปทีละน้อยทีละนิด

ในสายตาของหลายๆ คน นี่เป็นวิธีที่โง่เง่าที่สุด แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่จั่วม่อสามารถทำได้

ในเวลาเดียวกันกับที่จั่วม่อกำลังพยายามสร้างสรรค์โอสถปราณชนิดใหม่ นางเซียนอวิ๋นเสียกับสาวใช้ของนาง เสี่ยวหวน กำลังเฝ้าจับตามองตลาดเสรีอยู่ทุกวี่วัน พยายามตามหาบุรุษหน้าเหลืองที่กำลังขาย ‘ลูกแก้ว’

 

สองสามวันให้หลัง จั่วม่อยังไม่มีความคืบหน้า ผูเยาทันใดนั้นปรากฏตัวขึ้น เสนอต่อจั่วม่อด้วยตัวเอง “ข้าจะสอนให้เจ้าทำอะไรบางอย่างกับไข่มุกหยิน จากนั้นค่อยนำไปขาย รับประกันว่าสามารถขายได้ราคาที่ดีอย่างแน่นอน!

“อะไร?” จั่วม่อถามอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้ในหัวมันเต็มไปด้วยวิธีหลอมกลั่นโอสถปราณชนิดใหม่

“มุกหยินอสนีบาต” ผูเยากล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “ผู้คนอาจไม่รู้จักไข่มุกหยิน แต่กับมุกหยินอสนีบาตพวกมันต้องรู้จักแน่”

“ผู!” จั่วม่อตัดสินใจคุยกับผูเยาให้รู้เรื่อง “สามพันปี ! สิ่งของเหล่านั้นของเจ้า ทุกอย่างเป็นสิ่งของจากเมื่อสามพันปีที่แล้ว! ตอนนี้ไม่มีผู้ใดรู้จักแล้ว! เมื่อไม่มีผู้ใดรู้จัก ก็ไม่มีผู้ใดซื้อ ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีจิงสือ เข้าใจหรือไม่!”

ผูเยาแย้งอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าคิดว่าผู้อื่นล้วนไม่รู้ความ ทั้งยังปิดหูปิดตาอย่างเจ้าหรือ? แม้แต่มุกหยินอสนีบาตก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

มองความปากแข็งดื้อดึงของผูเยาผู้ยังคงไม่ยอมรับความเป็นจริง จั่วม่อส่ายศีรษะ “อย่าทำให้ข้าเสียเวลา”

ผูเยาตะโกนอย่างขุ่นแค้น “ข้า......”

“หยุดเลย!” จั่วม่อหมุนตัวไปอีกทาง “อย่ามาโอ้อวดว่าเจ้าเป็นอสูรฟ้าผู้สง่างาม!”

ผูเยาแทบกลั้นใจตาย

เฝ้ามองสีหน้าท่าทีรันทดหดหู่ของผูเยา ด้วยเหตุผลบางประการ จั่วม่อรู้สึกดีอย่างยิ่ง ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาสองสามวันอันตรธานไปสิ้น มันเดินกลับไปยังห้องหลอมกลั่นอย่างพออกพอใจ และเริ่มต้นการทดลองรอบใหม่ หลังจากไปยังถ้ำกระบี่ครั้งหนึ่ง ความหวาดเกรงต่อผูเยาของจั่วม่อคล้ายจะหายวับไปในชั่วข้ามคืน เรื่องชวนหัวเช่นนี้ หากเป็นกาลก่อนมันต้องไม่กล้าทำอย่างแน่นอน

ตั้งแต่หลังการทดสอบประจำปีของสำนักเป็นต้นมา จั่วม่อดูเหมือนจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำ นี่เป็นเหตุผลโดยตรงที่ทำให้เคล็ดอัคคีสีชาดของมันรุดหน้าราวติดปีกบิน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีม้วนคัมภีร์หยกสำหรับขั้นต่อไปของเวทวิชา มันจึงยังคงไม่มีปัญญาทะลวงผ่านไปยังเคล็ดอัคคีสีชาดขั้นที่สี่ แต่จะอย่างไร เวลานี้มันสามารถควบคุมความรุนแรงของเคล็ดอัคคีสีชาดได้ดั่งใจปรารถนา

ครั้นเมื่อเม็ดยาอีกาทองคำมีชื่อเสียงมากขึ้นในตงฝู ก็กลายมาเป็นเครื่องหมายการค้าของสำนักกระบี่สุญตาอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำ อาจารย์ลุงหยานเล่อซื้อกระถางหลอมกลั่นระดับสองให้แก่จั่วม่อโดยเฉพาะ เป็นที่อิจฉาริษยาของผู้อื่นอย่างแท้จริง

ในระหว่างการทดสอบของสำนัก จั่วม่อชื่อเสียงเฟื่องฟูขึ้นด้วยผลงานอันน่าตื่นตาตื่นใจของมัน ส่วนฝ่ายตรงข้ามของมัน หลัวหลีก็ได้รับบาดเจ็บไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่มันไม่มีซือฟู่ที่สามารถหลอมกลั่นโอสถ สือฟ่งหรงก็บันดาลโทสะต่อหลัวหลีที่กระทำเกินเลย และนางรักษามันราวกับมันเป็นอากาศธาตุ เป็นเหตุให้อาการบาดเจ็บของหลัวหลีลากถ่วงไปหนึ่งเดือนเต็มกว่าจะทุเลา

เมื่อมันได้ยินว่าต้าซือเจี่ยกงซุนฉิง สวี่อี้และซวีอีเซี่ยเดินทางไปเยือนจั่วม่อ หลัวหลีเกือบกระอักโลหิตออกมา เลือดลมตีกลับ พลังปราณปั่นป่วน การฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บของมันล่าช้าไปอีกกว่าสิบวัน และในระหว่างที่มันกำลังพักฟื้นอยู่ นอกเหนือจากสองสามวันแรกแล้ว ห่าวหมิ่นก็ไม่ได้มาเยี่ยมเยือนหรือถามไถ่เรื่องเกี่ยวกับมันอีกเลย นางหายหน้าไปอย่างไม่แยแส

ท่านเจ้าสำนักมาเยี่ยมมันหนหนึ่ง ซึ่งทำให้หลัวหลีสะท้านใจระคนตื้นตันใจอย่างยิ่ง

หลังจากทุเลาหายดี หลัวหลีปิดด่านฝึกตนทันที มันคล้ายหายตัวไปอย่างกะทันหัน ผู้คนพากันสนทนาเรื่องของมันอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะเบื่อหน่ายกันไปเอง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ศิษย์พี่ผีดิบจั่วม่อในสายตาของทุกคนยกสถานะสูงส่งขึ้นไม่น้อย

 

ในหอตงฝู ผู้ร่วมไล่ล่ามาชุมนุมพร้อมหน้ากันอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามสีหน้าของพวกมันไม่สู้ดีนัก

หลายวันผ่านไป แต่พวกมันยังคงไม่พบสิ่งใด ร่องรอยที่หลงเหลือจากดาวพร่างกลางทิวาน้อยนิดจนน่าเวทนา พวกมันไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แม่นยำได้ และยิ่งเวลาผ่านไป ร่องรอยที่เหลืออยู่ก็จะยิ่งลดน้อยลง โอกาสที่จะตามหาอสูรปิศาจบาดเจ็บตนนั้นพบ ก็ยิ่งจะเลือนรางลงไปทุกที

“ในบริเวณนี้ ตงฝูดูเหมือนจะเป็นที่นิยมอย่างแท้จริง มีกระแสปราณมากมายเกินไป ทั้งยังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเกินไป ร่องรอยที่เหลือจากเหตุการณ์กระจัดกระจายไปแล้ว” เยวียนลี่ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น

มันมีฝีมือด้านตรวจจับพลังงานมากที่สุดในหมู่คนกลุ่มนี้ ทุกผู้คนตั้งความหวังกับมันไว้อย่างสูง ใครจะไปคาดคิดว่าจนถึงขณะนี้มันยังไม่พบเบาะแส มันแทบไม่อาจสู้หน้าผู้คนได้

นางเซียนอวิ๋นเสียปลอบโยนว่า “ปรมาจารย์เยวียนไม่ต้องร้อนใจไป เรามาที่นี่เพื่อทำอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”

“พวกท่านสังเกตบ้างหรือไม่ นอกจากเราแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มอื่นพยายามค้นหาอสูรปิศาจนี้เช่นกัน” ผู้ฝึกตนที่สวมมงกุฎสีเงินกล่าว

“โอ้ เหวินเถี่ยซ่านเหรินท่านพบอันใด?” นางเซียนอวิ๋นเสียถามอย่างช่วยไม่ได้

“ข้ารู้สึกว่ามีบางคนลอบติดตามเราอยู่ในที่มืด ไม่มีผู้ใดรู้สึกบ้างหรือ?” เหวินเถี่ยซ่านเหริน (นักพรตอักษรเหล็ก) กล่าวอย่างวิตกกังวล

“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น” เยวียนลี่พยักหน้า

ดวงตางดงามของนางเซียนอวิ๋นเสียกวาดมองรอบๆ เห็นแต่ละคนสีหน้าแตกต่างไปคนละทิศละทาง นางอดลอบถอนหายใจไม่ได้ หากท่านเจ้าอาณาจักรอยู่ที่นี่ พวกมันยังจะเป็นเช่นนี้หรือ? พวกมันทุกคนมีพลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ละคนล้วนทระนงถือดี ที่ผ่านมามักจะมุ่งมั่นฝึกปรืออยู่ตามลำพังผู้เดียว มาคราวนี้ หลายคนคล้ายหลุดออกจากพันธะผูกพัน เมื่อไม่มีผู้เหนือล้ำกว่าพวกมันคอยชี้นำ พวกมันก็กระจัดกระจายเหมืองกองทราย

“ผู้เฒ่าเหอ ท่านมิใช่สนใจโอสถปราณหรอกหรือ ท่านพบเห็นอะไรบ้างหรือไม่?” อวิ๋นเสียเซียนจื่อถามอย่างยิ้มแย้ม

“พบเห็น? ไม่ ไม่” ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้เฒ่าเหอย่อมเป็นชายชราผู้หนึ่ง ผมเผ้าหนวดเคราขาวบริสุทธิ์ ผิวหนังเหี่ยวย่น มันมีฝีมือทางด้านหลอมกลั่นโอสถ ครั้งนี้มาตามคำเชิญ แต่มักไม่ค่อยเปิดปากกล่าววาจา อย่างไรก็ตามพลังบำเพียรเพียรของมันลึกล้ำถึงขั้นใดไม่มีผู้ใดทราบกระจ่าง แต่ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าประมาทมัน พอถูกถามมันก็ทอดถอนชมเชยออกมา “ตงฝูแม้ว่าเป็นสถานที่เล็กๆ แต่ยังคงมีพยัคฆ์ซ่อนมังกรเร้น อา เม็ดยาอีกาทองคำนี้ ผู้สร้างสามารถคิดเพิ่มแก่นสารดวงอาทิตย์ลงไปในเม็ดยาได้ เราผู้เฒ่านับถือเลื่อมใสพวกมันจริงๆ”

“ใช้ทำอะไร?” เยวียนลี่ขมวดคิ้วมุ่น ถามอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

“อาจเป็นไปได้ที่จะก่อกำเนิดไฟอีกาทองคำระดับสี่” ผู้เฒ่าเหอกล่าวอย่างเนิบนาบ

ได้ยินคำตอบของมัน ทุกผู้คนเงียบกริบในบัดดล

 

กลุ่มถึงตอนที่ 123 แล้ว คลิก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด