ตอนที่แล้วตอนที่ 81 ร่างกายของเจ้ายังบริสุทธุ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 83 ความสามารถของเซี่ยหนิงฉาง

ตอนที่ 82 เจ้าคือคนในค่ำคืนนั้น


“ใครกันแน่ที่สกปรก เอาแต่จ้องมองก้นและเรียวขาของหญิงสาวตลอดทั้งวัน” หยางไค่เถียงกลับโดยไม่มีการผ่อนปรนแม้แต่น้อย

“เจ้าพูดเรื่องนี้อีกแล้ว” เม้งวูหยากวาดสายตามองไปทุกทิศทาง และไม่รู้ว่าเขากลัวว่าใครจะได้ยิน เขารีบยกมือห้าม : “นายน้อยหยาง นายน้อยหยาง เราจะไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ ข้ามองเพื่อดูว่าพวกนางมีการเติบโตเช่นไร ข้าไม่คิดจะทำอะไรพวกนางแม้แต่น้อย”

เมื่อเห็นว่าเขายอมแพ้ หยางไค่ไม่ติดตามและหาเรื่องต่อไป เขาจึงกล่าวตอบอย่างเคร่งขรึม : “สิ่งที่ท่านต้องการให้ข้าช่วย เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ ?”

 

“ถูกต้อง !!” เมื่อกล่าวเรื่องราวที่เป็นทางการ เม้งวูหยาแสดงออกอย่างเข้มงวดอีกครั้ง : “ดังนั้นหยางไค่น้อย เจ้าต้องตอบข้าด้วยความจริง เจ้าเคยทำอะไรกับหญิงสาว........อื่ม มันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง”

ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความอาย เขาสูดหายใจเข้าหลายๆรอบและกล่าวตอบ : “ไม่เคย !!”

“ดี !!” หัวใจทีหนักอึ้งของเม้งวูหยาผ่อนคลายในที่สุด : “ดีมาก !! เจ้าเป็นเด็กดีที่สุด !!”

ในวัยนี้ ชายหนุ่มจำนวนมากที่มีอายุ 14-15 ปีจะเคยมีความสัมพันธุ์ระหว่างหญิงสาว หากเป็นครอบครัวที่ยากจนพวกเขาจะแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว เพื่อให้พวกเขาอยู่ด้วยกันในระยะยาว หากเป็นเด็กในครอบครัวที่ร่ำรวยยิ่งไม่ต้องกล่าวถาม พวกเขาที่อายุอายุนามไม่เท่าไหร่ก็เข้าร่วมห้องกับสาวใช้ในจวนไปแล้ว

มีเพียงผู้ฝึกยุทธุ์ ที่สนใจต่อการฝึกยุทธุ์ จึงไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ดังนั้นจึงเป็นระยะเวลานานกว่าที่พวกเขาจะสูญเสียพรหมจรรย์ไป ผู้ฝึกบางยุทธุ์บางคนจะไม่สนใจเรื่องราวความรักหรือความสัมพันธุ์ระหว่างหนุ่มสาวเลย ในสายตาของผู้ฝึกยุทธุ์ที่ค้นขวายการฝึกยุทธุ์และความแข็งแกร่ง เรื่องราวความรักความใคร่เป็นเพียงความฝันที่มัวเมา เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี พวกเขาจะกล่าวเป็นเศษขี้เถ้า ดังนั้นการเป็นจอมยุทธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดและอยู่ในจุดสูงสุดจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ เมือมีความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เจอหญิงงามที่พวกเขาต้องการ

ศิษย์สาวกชายในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว มีเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นอายุประมาณ 15-16 พวกเขาก็จะไปยังสถานเริงรมย์เพื่อตามหาความสุขที่พวกเขาต้องการ แม้ว่าเม้งวูหยาจะเชื่อว่าหยางไค่ไม่ไช่คนประเภทนั้น แต่สิ่งที่มองเห็นอาจไม่ใช่ความจริง เพราะฉะนั้นการไตร่ถามให้ชัดเจนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

“หมายความว่า ข้าสามารถช่วยท่านได้ ?” หยางไค่จ้องมองไปที่เม้งวู่หยา

“หากว่าเจ้ายังช่วยไม่ได้ คนในใต้หล้าทั้งหมดก็มิอาจช่วยข้าได้ ด่านนี้เจ้าผ่าน !!” เม้งวูหยารู้สึกดีใจ เขาหัวเราะอย่างมีความสุข

 

“แล้วเมื่อสักครู่เจ้าบอกว่าต้องให้อีกคนหนึ่งพึงพอใจ ?” หยางไค่กล่าวถามด้วยความสงสัย

 

เสียงหัวเราะของเม้งวูหยางได้หยุดลง เขาแสดงออกอย่างแข็งกระด้างและกล่าว : “เจ้าต้องทำให้นางพึงพอใจ หากว่านางไม่พอใจ เรื่องนี้คงไม่สำเร็จ กล่าวโดยไม่ปิดบัง หลายเดือนที่ผ่านมาข้าก็ค้นพบใครบางคนที่ตรงตามเงื้อนไขของข้า แต่ว่านางไม่พึงพอใจ ดังนั้นเขาจึงต้องทิ้งเรื่องนี้ไป ช่างมัน ข้าจะพาเจ้าไปพบกับนาง สำเร็จก็ดี ไม่สำเร็จก็.........ไม่ได้สิ ต้องสำเร็จ !!”

 

หลังจากที่กล่าวมานาน เม้งวูหยาไม่รู้ว่จะกล่าวอย่างไรต่อไปอีก เขาจึงถอนหายใจเบาๆ และเดินนำหยางไค่ออกไปด้านนอก

 

หยางไค่กล่าวอย่างเร่งรีบ : “ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อน ว่าข้ามาเพื่อช่วยเหลือท่าน เพื่อตอบแทนบุญคุของท่าน หากว่าคนคนนั้นให้ข้าทำอะไรที่มากเกินไป ข้าจะไม่ตกลงอย่างแน่นอน”

 

“ไอ่เด็กโง่ !!” ในขณะที่เหรัญญิกเม้งกำลังรู้สึกอึดอัดใจ เมื่อได้ยินคำกล่าวที่ไม่เต็มใจเช่นนี้ จึงทำให้เขารู้สึกโกรธ เขาคิดอยู่ในใจ ถ้าหากรู้ว่าเรื่องที่ต้องการให้เขาช่วยเป็นเรื่องอะไร เขาต้องกล่าวตอบโดยไม่ลังเล และคงจะแสดงท่าทีที่เชื่อฟังอยู่ตรงหน้าของตนเอง

 

ขณะที่เดินเม้งวูหยาง เขามองสังเกตบริเวณรอบๆ หยางไค่พบว่าพวกเขาทั้งสองกำลังเดินไปที่ทิศทางของคุกคุมขังมังกร

 

นอกจากนั้น ยังเป็นตำแหน่งที่เขาเข้ามาฝึกยุทธุ์เป็นประจำ

 

ไปที่นั่นทำไม ?ตอนที่เขากำลังฝึกยุทธุ์เขาไม่เห็นร่องรอยที่อยู่อาศัยของคนเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าคุกคุมขังมังกรเป็นสถานที่อันตราย ดังนั้นจึงไม่มีใครแวะเวียนเข้ามา

 

เมื่ออยู่ห่างจากสถานที่ฝึกยุทธุ์ของตนเองประมาณ 100 จ้าง เม้งวู่หยาหยุดเดินอย่างกะทันหัน ก่อนจะชี้ไปด้านหน้า : “ดูตรงนั้น”

 

หยางไค่เงยหน้ามองไป และต้องตกตะลึงกับสิ่งที่มองเห็น

 

สถานที่ตนเองฝึกฝนวิชายุทธุ์อยู่ประจำของตนเอง ในตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่นั่น นางยืนอยู่ตรงหน้าต้นสามสุริยันที่ตนเองปลูกเอาไว้ นางสวมใส่ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน และไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดสิ่งใด จนเข้าไปในความคิดที่ลึกซึ้งนั่น ร่างกายของนางไม่ขยับเขยื้อน จากลมที่พัดมาอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่านางกำลังลอยตัวอยู่กลางสายลม

 

นางสวมใส่ผ้าคลุมหน้า ไม่ยอมให้ใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง

 

บนหน้าผากของเธอ อัญมณีสีน้ำเงินประกายแพรวพราวอยู่บนหน้าผากด้วยความโดดเด่น เพื่อประกาศศักดิ์ดาว่านางเป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างไร้ฐิติ

 

ร่างกายของนางดูอ่อนแอเปราะบางเหมือนจะไม่สามารถทนต่อลมที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง แต่มันกลับซ่อนความรู้สึกสง่างามที่มิอาจอธิบายออกมาได้

 

ดวงตาภายในทั้งสองประกายด้วยความไร้เดียงสาและบริสุทธุ์ ราวกับเด็กที่ยังไม่เติบโต

 

เมื่อมองเห็นนาง หยางไค่พลันหวนคิดถึงค่ำคืนนั้น ภายใต้แสงจันทร์ หญิงงามหลับไหลอยู่บนเตียงที่ทรุดโทรมของเขา

 

“เป็นนาง !!” สายตาของหยางไค่พลันเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนอย่างกะทันหัน

 

“เจ้ารู้จักนาง ?” เม้งวูหยารู้สึกตื่นตะลึง เพราะศิษย์รักของตนเองเคยกล่าวจากปากของนางว่าไม่เคยพูดคุยกับหยางไค่ แต่เมื่อมาถึงหยางไค่ กลับแสดงออกว่าพวกเขาทั้งสองรู้จักกัน ?

 

“ท่านต้องการให้ข้าช่วยนาง?” หยางไค่มองไปที่เม้งวูหยางและกล่าวถาม

 

“ใช่ !!” เม้งวู่หยาพยักหน้า

 

“ข้าจะช่วย !!” เหนือความคาดหมายของเหรัญญิกเม้ง หยางไค่กล่าวตอบโดยไม่ลังเล เพียงพริบตา ข้ากล่าวตอบตกลง ดูเหมือนว่าคำพูดที่โน้มน้าวใจ และคำกล่าวอ้อนวอนของเขา และคำพูดกดดันบังคับ คงไม่ได้ใช้มันทั้งหมด

 

ภายในหัวใจของเม้งวูหยาก่อเกิดความรู้สึกทิ่ไม่ดีโดยไม่มีเหตุผล เขารู้สึกเสียใจที่ขอความช่วยเหลือจากหยางไค่อย่างกะทันหัน

 

“ทำไมเจ้าถึงตอบตกลงอย่างมีความสุขเช่นนี้ ?” เม้งวูหยากล่าวถามด้วยความระมัดระวัง

 

“ท่านต้องการให้ข้าช่วยท่านไม่ใช่หรือไง ?” หยางไค่ขมวดคิ้ว มองไปที่เม้งวูหยาด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมตาเฒ่าคนนี้ถึงปรับเปลี่ยนทัศนคติได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

“มันไม่ผิดที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า แต่เจ้าตอบตอบตกลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีความลังเล” เม้งวูหยางโบกมือไปม : “เจ้าต้องอธิบายให้ข้าเข้าใจ”

 

“แล้วท่านต้องการหรือไม่ต้องการความช่วยเหลือจากข้า ?” หยางไค่กล่าวถามด้วยความไม่แยแส

 

"ต้องการสิ แน่นอนว่าข้าต้องการ "

 

“แล้วท่านจะถามอะไรอีก ข้าตอบตกลงกเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือไง ?”

 

ใช่สิ เขาตอบตกลงย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ทำไมตนเองกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ? เม้งวูหยาค่อนข้างซับสนกับเรื่องนี้

 

หยางไค่ค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้า

 

เสียงฝีเท้าทำให้เซี่ยหนิงฉางสะดุ้งจากห้วงความคิดที่ลึกซึ้ง เมื่อนางรู้สึกตัว หยางไค่เดินมาถึงด้านข้างของนางแล้ว

 

เซี่ยหนิงฉางตกใจอย่างกะทันหัน นางจ้องมองไปที่หยางไค่โดยไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป

 

มีทางที่จะไม่ให้นางตื่นตระหนกเช่นนี้หรือไง นางพบเจอกับเขาในยามค่ำคืนถึง 2 ครั้ง และทุกครั้งกลับสร้างเรื่องราวที่น่าอับอาย แล้วจะทำให้เซี่ยหนิงฉางสงบสติอารมณ์ไ้ดอย่างไร ?

 

“ศิษย์พี่เซี่ย” หยางไค่จ้องมองเธอ : “ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี้ ?”

 

 

“ข้า…..มาช่วยเจ้าดูแลต้นผลไม้ของเจ้าไงล่ะ เจ้าไม่มาที่นี้หลายวัน ข้ากลัวว่าผลไม้เหล่านี้จะถูกผู้อื่นเด็ดไป” เซี่ยหนิงฉางกล่าวตอบอย่างฉับพลัน

 

หยางไค่หันหน้ามอง และพบว่าผลไม้ต้นสามสุริยันหายไปจนหมด เหลือเพียงต้นสุดท้ายที่ยังเหลือผลไม้สามสุริยันที่กำลัวจะสุกง่อมจำนวน 3 ลูก

 

“ผลไม้เหล่านี้เป็นของเจ้า ข้าปรุงกลั่นให้มันเป็นยา” เซี่ยหนิงฉางกล่าวและนำขวดยาเล็กๆออกมายื่นให้แก่หยางไค่

 

พบว่าขวดยานี้มีผลไม้สามสุรุิยันจำนวน 9 ลูกที่ถูกปรุงกลั่นกลายเป็นยา ในขวดยายังเต็มไปด้วยพลังงานหยางที่เข้มข้นอย่างมาก

 

บริสุทธุ์ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆแม้แต่น้อย แต่ว่า………..ใช้เพียงผลไม้สามสุริยัน แล้วนางปรุงกลั่นให้มันเป็นยาได้อย่างไร ?

 

“ศิษย์พี่รู้ว่าข้าฝึกฝนวิชายุทธุ์อยู่ที่นี้” หยางไค่เงยหน้ากล่าวถาม ถ้าหากไม่เป็นเพราะเหตุผลนี้ ทำไมนางเธออยู่ที่นี้เพื่อดูแลต้นสามสุริยันให้แก่ตนเอง

 

เซี่ยหนิงฉางหลบเลี่ยงการจ้องตา : “ข้าพบโดยบังเอิญ”

 

 

“หญิงสาวในค่ำคืนนั้นเป็นท่านจริงๆด้วย” หยางไค่ยิ้มเบาๆ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากหัวใจ !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด