ตอนที่แล้วตอนที่ 80 ความอดทนที่ไร้พ่าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 82 เจ้าคือคนในค่ำคืนนั้น

ตอนที่ 81 ร่างกายของเจ้ายังบริสุทธุ์


ในจวนของผู้อาวุโสที่สองแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว หยางไค่กำลังกินอาหารอย่างหิวโหย ส่วนซู่มู่นั่งสนทนากับเขาอยู่ข้างๆ

 

แน่นอน ว่ากลุ่มคนของซู่มู่ต่างพยายามสืบหาหาข้อเท็จจริงว่าทำไมซู่เหยียถึงต้องลงมือโจมตีหยางไค่อย่างรุนแรงเช่นนี้ แต่หยางไค่ก็มิได้กล่าวตอบ

 

“ใช่แล้ว !! เหว่ยจวางไม่ได้หาเรื่องหรือสร้างปัญหาอื่นๆให้แก่เจ้าแล้วใช่ไหม ?” หยางไค่เริ่มเปิดหัวข้อการสนทนา หลังจากที่เขาออกจากคุกคุมขังในป่าลึก ตัวเขาหมดสติไปโดยไม่ตื่น หลังจากนั้นยังถูกผนึกอยู่ในผลึกน้ำแข็งหิมะของซู่เหยียน ดังนั้นหยางไค่จึงไม่ทราบว่าทางสำนักมีการจัดการเรื่องนี้อย่างไร ?

“เรื่องนั้นผ่านไปแล้ว ผู้อาวุโสเบื้องบนสั่งให้ศิษย์รุ่นเยาว์เช่นพวกเราไม่ให้ติดตามหรือสนใจกับเรื่องนั้นต่อไป” ซู่มู่กล่าวตอบ แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาประกายด้วยความสงสัยและกล่าวถามต่อหยางไค่ : “ที่จริงการที่พวกเราสามารถมีชีวิตรอดกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ใช่ผลงานการปกป้องของท่านปู่ของข้า”

 

“เอ๋ ?” หยางไค่เงยหน้า : “ไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสที่สอง ?”

 

“ไม่ใช่เลย” ซู่มู่ค่อยส่ายหัว ก่อนจะเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหอเกียรติยศแห่งผู้อาวุโสทั้งหมด แต่ทันใดนั้นเขาหยุดเล่าอย่างกะทันหันและกล่าวถาม : “ในขณะที่ท่านปู่กำลังยั้บยั้งเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าทายซิว่าใครมาปรากฏตัว ?”

 

“ใคร ?”

 

“คนคนนี้เป็นคนที่เจ้าคาดไม่ถึง เขาคือเหรัญญิกเม้งแห่งหอแลกเปลี่ยนวิเศษ เขามาพร้อมกับป้ายหยกของท่านประมุข และยังมีคำสั่งจากท่านประมุขมาด้วย เพราะเช่นนี้จึงทำให้เรื่องราวที่ใหญ่โตกลายเป็นเรื่องราวที่เล็กน้อยและมลายหายไปในที่สุด”

 

“เหรัญญิกเม้ง ?” หยางไค่กล่าวถามด้วยความไม่เชื่อ

 

“ถ้าไม่ใช่เขา ตอนนี้ศิษย์พี่หยางไค่คงถูกผู้อาวุโสที่หนึ่งลงโทษอย่างรุนแรง” เมื่อซู่มู่กล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง

 

หยางไค่ยิ้มและกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน : “ศิษย์น้องซู่ ไม่ต้องเก็บเรื่องนี้ใส่ใจ

 

ซู่มู่กล่าวอย่างเร่งรีบ : “ข้ารู้ว่าศิษย์พี่เป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวาง ข้าขอโทษแทนท่านปู๋ด้วย ครั้งนี้ท่านปู่กระทำโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี”

 

หยางไค่ไม่ได้สนในหรือเก็บมาใส่ใจ การต่อสู้ของเบื้องบน พวกเขาจะใช้ศิษย์เบื้องล่างของตนเป็นหมากในการต่อสู้ มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์

 

ซู่มู่กล่าวต่ออีกครั้ง : “ความเป็นมาของเหรัญญิกเม้งค่อนข้างลึกลับ ท่านปู่กล่าวว่าพลังความแข็งแกร่งของเขาสูงส่งและลึกซึ้งจนมิอาจคาดเดา และค่อนข้างที่จะเป็นปริศนาว่าเหตุใดเขาจึงเข้าร่วมความวุ่นวายในครั้งนี้ และดูเหมือนว่าเขามีความสัมพันธุ์อันดีต่อท่านประมุข !”

 

หยางไค่ครุ่นคิด : “เหรัญญิกเม้งเป็นที่ค่อนข้างเห็นแก่ผลประโยชน์ การที่เขายอมเสียสละทำเช่นนี้ เขาต้องได้รับบางสิ่งบางอย่างเป็นของตอบแทนอย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหรัญญิกเม้งเป็นคนที่ช่วยพวกเราเอาไว้ พวกเราควรเดินทางเพื่อขอบคุณเขา และใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าเขาต้องการจะทำอะไร”

 

“สิ่งที่ศิษย์พี่กล่าวถูกต้องที่สุด พวกเรากำลังรอศิษย์พี่เพื่อไปขอบคุณเหรัญญิกเม้งพร้อมกัน” ซู่มู่กล่าว

 

“ไปกันตอนนี้เลย”

 

เรื่องบางเรื่องไม่ควรล่าช้า ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเดินไปที่หอแลกเปลี่ยนวิเศษอย่างตระหง่าน

 

ภายในหอแลกเปลี่ยนวิเศษ เหรัญญิกเม้งไม่ได้นอนหลับ แต่เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขามองกลุ่มคนของหยางไค่ที่กำลังเดินมาด้วยใบหน้าทิ่ยิ้มแย้ม เสมือนว่าเขากำลังรอการมาเยือนของพวกเขา

 

ซู่มู่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ : “สวัสดีท่านปู่เม้ง !!”

 

พวกเขากล่าวเรียกเหรัญญิกเม้งเช่นนี้เพราะเป็นศิษย์รุ่นเยาว์รุ่นที่สอง ที่ผ่านมาพวกเขาต่างเรียกเหรัญญิกเม้งว่าตาเฒ่า แต่เมื่อถึงวันนี้ พวกเขาจะกล้าเสียมารยาทต่อหน้าเขาได้อย่างไร ?

 

เหรัญญิกเม้งหัวเราะเบาๆ : “เด็กคนนี้ค่อนข้างสุภาพ”

 

“ฮ่าฮ่า !!” ซู่มู่รู้สึกเกรงอย่างถึงที่สุด

“พวกเจ้ามาเพื่อขอบคุณข้า ?” เหรัญญิกใช้สายตาที่เจ้าเล่ห์จ้องมองพวกเขา

 

“อืม” พวกเขาทั้งหมดต่างพยักหน้า

 

“แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หยางไค่อยู่ที่นี้ก่อน ที่เหลือกลับไปได้ !!”

 

“ขอรับ !!” ซู่มู่และคนอื่นๆกล่าวตอบโดยไม่ลังเล พวกเขารีบวิ่งออกจากที่นี้อย่างรวดเร็ว เมื่อออกจากหอแลกเปลี่ยนวิเศษ พวกเขาทั้งหมดจึงเข้าใจเหตุผลที่เหรัญญิกเม้งช่วยพวกเขา ทั้งหมดเพราะหยางไค่ ไม่เช่นนั้นเขาจะให้ศิษย์พี่หยางอยู่ต่อทำไม ?

 

แต่ว่า................ทำไมเขาถึงช่วยศิษย์พี่หยาง ?

 

ภายในห้องโถงแห่งหอแลกเปลี่ยนวิเศษ หยางไค่กล่าวถามด้วยความสงสัย : “เหรัญญิกเม้ง ท่านกำลังวางแผนอะไร ?”

 

เขากล่าวโดยไม่อ้อมค้อม แต่กลับกล่าวถามความสงสัยที่อยู่ภายในใจโดยตรง

 

เหรัญญิกเม้งหัวเราะ และเดินออกมาจากด้านใน เขาไขว้มืออยู่ด้านล่าง เดินรอบหยางไค่ และเดินวนไปอีกหลายรอบ ก่อนจะเงยหน้ากล่าวถามหยางไค่ : “เจ้าคิดว่าข้ากำลังวางแผนอะไร ?”

 

“ข้าไม่รู้” หยางไค่กรอกตาไปมา เขากล่าวสบทอยู่ในใจว่าเหรัญญิกเม้งรู้คำตอบนั้นดีที่สุดแล้วจะถามเขาทำไม

 

เม้งวู่หยากล่าว : “ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาเช่นนี้ เขาจะไม่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เจ้าคงรู้วิธีการตอบแทนบุญคุณ ครั้งนี้ข้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากบทลงโทษที่รุนแรง เจ้าต้องตอบแทนข้าโดยการช่วยเหลือข้า”

 

หยางไค่ขมวดคิ้ว : “ข้าสามารถช่วยท่าน ?”

 

เหรัญญิกเม้งมีพลังความแข็งแกร่งที่สูงส่ง สิ่งที่เขาทำไม่ได้ แล้วเขาจะสามารถำให้มันสำเร็จได้อย่างไร ?

 

เหมือนว่าเหรัญญิกเม้งมองเห็นความกังวลที่อยู่ในใจของหยางไค่ เหรัญญิกเม้งจึงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : “อย่ากังวล ไม่มีอันตรายใดๆ เพียงแค่เจ้าตรงตามเงื่อนไขของข้าไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งอันตราย เจ้ายังจะได้รับผลตอบแทนที่ดีมากมาย”

 

หยางไค่รู้สึกได้อย่างชัดเจน ขณะที่เหรัญญิกเม้งกล่าวคำพูดท่อนสุดท้าย ใบหน้าของซ่อนความรู้สึกที่เจ็บปวดอยู่ภายใน

 

“ช่วยท่านแล้วยังต้องตรงตามเงื่อนไขของท่าน ?” หยางไค่ยิ่รู้สึกไม่เข้าใจ เขาไม่เคยพบใครที่ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นโดยมีเงื่อนไขมากมายเช่นนี้ "

 

เหรัญญิกเม้งกล่าว : “ไม่เพียงต้องตรงตามเงื่อนไขของข้า ยังต้องทำให้อีกคนพึงพอใจด้วย”

 

“ยุ่งยากอะไรเช่นนี้ ไม่ทำ” หยางไค่กำลังเดินถอยหลังเพื่อจะออกไปจากที่นี้

 

“อย่าเพิ่งสิ !!” เหรัญญิกเม้งกล่าวตะโกนด้วยความกังวล มันไม่ง่ายเลยที่จะพบเจอกับคนที่เหมาะสมกับเงื่อนไขนี้ จะปล่อยให้เขาออกไปจากที่นี้ได้อย่างไร ?

 

“หยางไค่น้อย เจ้าจะทำเชนนี้ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนที่ช่วยเจ้า เป็นผู้มีพระคุณของเจ้า เจ้าจะทำให้ข้าผิดหวังเช่นนี้ ?”

 

“ถ้าเช่นนั้นท่านก็อย่ามัวอ้อมค้อม พูดความจริงออกมา พูดออกมาตรงๆ ถ้าหากข้าสามารถช่วยท่านข้าก็จะช่วย แต่ถ้าหากช่วยไม่ได้ท่านไปหาคนอื่นแทน”

 

“ยื่นมือของเจ้าออกมา ข้าจะตรวจสอบพลังลมปราณของเจ้า” เหรัญญิกเม้งไม่กล้าที่จะอ้อมคอมอีกต่อไป

 

หยางไค่จ้องมองเขาด้วยความสงสัยและยื่นมือออกไป เขาเชื่อว่าเหรัญญิกเม้งจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเขาอย่างแน่นอน

 

เม้งวูหยาใช้สองนิ้ววางบนข้อมือของหยางไค่เพื่อตรวจสอบ ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างเคร่งขรึม แตหลังจากนั้นใบหน้าของเขามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตอนแรกเขาแสดงออกอย่างเฉยเมย จากนั้นเขากลับแสดงออกอย่างเข้มงวด ตามมาด้วยความตกใจสุดขีด การแสดงออกของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนทำให้คนที่มองเห็นรู้สึกหวาดกลัว

 

“ดีดีดี พลังลมปราณที่บริสุทธุ์ยิ่งนัก !” เหรัญญิกเม้งดึงมือของตัวเองกลับ และรู้สึกยินดีและดีใจกับสิ่งที่เขาพบเจอโดยคาดไม่ถึง

 

“ความช่วยเหลือนี้ต้องเกี่ยวข้องการพลังลมปราณของเขา ?” หยางไค่คาดเดา

 

“เป็นธรรมดาที่จะเกี่ยวข้องกัน” เม้งวูหยาพยักหน้า : “ไม่เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าเข้ามาทำไม หยางไค่น้อย ข้าขอถามคำถามเจ้าอีกหนึงคำถาม เจ้าต้องตอบข้าอย่างสัตย์ซื่อ”

"คำถามอะไร?"

 

ทันใดนั้นการแสดงออกของเม้งวูหยามีการเปลี่ยนแปลงในทันที ดวงตาของเขาพลิกผันไปมาอย่างไม่สงบ ก่อนจะเลือกใช้ประโยคคำถามที่สมควรที่สุด จากนั้นเขาจึงกระซิบกล่าวถามด้วยความกังวล : “เจ้ายังบริสุทธุ์ใช่ไหม ?”

 

เพราะค่อนข้างกังวล เม้งวูหยายื่นคอที่ยาวยืดออกไปแนบชิดกับใบหน้าของหยางไค่ ดวงตาของทั้งสองจึงประสานกันอย่างจริงจัง

หยางไค่รีบถอยหลังไป 2 ก้าว และถอยออกไปอีก 3 ก้าว เขารู้สึกขนลุก ร่างกายสั่นสะท้าน ก่อนจะกล่าวถามด้วยความระมัดระวัง : “ท่านจะทำอะไร ?”

 

ตาเฒ่าคนนี้ คนไม่มีความชื่นชอบที่แปลกประหลาด ?คำถามนี้มันช่างไร้สาระยิ่งนัก !

 

“ทำไมเจ้าต้องถอยออกไปไกลเช่นนั้น ?ข้าไม่ได้จะกินเจ้า !!” เม้งวูหยางยังคงเดินตามหยางไค่ ก่อนจะผลักหยางไค่ไปที่มุมห้อง และกล่าวถมด้วยสุ้มเสียงที่ต่ำและลึกลับ : “เจ้ายังบริสุทธุ์หรือไม่ ?”

 

“ท่านต้องการจะทำอะไร ?” หยางไค่แสดงออกด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว ถ้าหากทำอะไรกับตัวเขาข้าจะไม่มีวันยอมอย่างแน่นอน

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวอะไร ?” เมื่อเม้งวูหยาเห็นสภาพของหยางไค่ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าหยางไค่หมายถึวสิ่งใด ใบหน้าของเขาแดงก่ำอย่างกะทันหัน ก่อนจะรีบถอยออกไปหลายก้าว : “ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด เจ้าเด็กคนนี้ช่างมีความคิดที่สกปรกยิ่งนัก !!”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด