ตอนที่แล้วตอนที่ 39 ต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 กายาเริงอารมณ์ขั้นที่แปด

ตอนที่ 40 เจ้ามันร้ายกาจยิ่งนัก


การต่อสู้ที่รุนแรงยังคงดำเนินต่อไป ศิษย์แห่งหอวายุพิรุณล้มลงอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกครั้งที่ล้มลงร่างกายของหยางไค่จะได้รับบาดแผลเพิ่ม 1 แผล ต่อสู้จนถึงตอนนี้ เสื้อของเขาย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เขาหอบกายใจอย่างหนักหน่วง เส้นเอ็นที่อยู่ในลำคอปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาแดงก่ำ เสมือนสัตว์ปีศาจที่กระหายเลือดอย่างยิ่ง

ซู่มู่นอนอยู่บนพื้นดินด้วยความเจ็บปวด แต่เขายังคงจ้องมองไปยังหยางไค่ด้วยหัวใจที่สั่นระรัว เขาล้มศิษย์แห่งหอวายุพิรุณคนแล้วคนเล่า หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มิอาจอธิบายได้ เรื่องของวันนี้เป็นเขาที่สร้างมันขึ้นมา หยางไค่ยังเป็นศัตรูของเขา แต่ตอนนี้เขากลับช่วยเหลือตนเองอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนอยากฆ่าตัวตาย

แม้ว่าเขาต้องการที่จะช่วยเหลือ แต่ร่างกายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเขาถูกเฉิงเซาเฟิงทุบตีจนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้

“ปัง” สิ้นเสียงนี้ ศิษย์แห่งหอวายุพิรุณคนสุดท้ายถูกโจมตีจนลอยกระเด็นกระแทกลงไปที่พื้น เขาร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด จากการโจมตีของพลังลมปราณที่ก่อกำเนิดจากกลยุทธุหยางทำให้ร่างกายของพวกเขาร้อนผ่าวเสมือนถูกเปลวไฟแผดเผา มันทรมาณจนพวกเขามิอาจทนได้

ดวงตาที่แดงก่ำของหยางไค่ชำเลืองมองไปยังเฉิงเซาเฟิงที่มองเขาอย่างตื่นตกใจ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เยือกเย็นให้แก่เฉิงเซาเฟิง

จิตใจของเฉิงเซาเฟิงตกอยู่ในความกระวนกระวาย ความโหดเหี้ยมของหยางไค่ทำให้เขาหวาดกลัว ตอนนี้เขามองเห็นสายตาที่จ้องมองมาที่เขา ทำให้ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

หู่เหมยเอ่อหัวเราะด้วยเสียงที่เหยียดยาม

 

เสียงหัวเราะนี้ทำให้เฉิงเซาเฟิงรู้สึกอับอาย เขาปรับการแสดงออกของเขา จ้องมองไปที่หยางไค่อย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา : “ข้าไม่รู้เลย ว่าเจ้าจะมีความสามารถเช่นนี้ !!”

หยางไค่ก้าวไปหาเขาอย่างต่อเนื่อง การก้าวเท้าของเขายังมั่นคงหนักแน่น สำหรับเฉิงเซาเฟิงร่างกายที่ซูบผอมของหยางไค่เปรียบเสมือนแรงกดดันแห่งพายุฝนที่ตกอย่างบ้าคลั่ง

เฉิงเซาเฟิงหายใจเข้าอย่างรุนแรง เขาแสดงออกอย่างโหดร้าย ก่อนจะกล่าวตะโกนอย่างเสียงดัง : “รนหาที่ตาย อย่าโทษข้าล่ะ !!”

หลังจากที่กล่าวจบ เขาดึงกระบี่ที่คาดอยู่บนเอวออกมา ก่อนหน้านั้นที่เขากำลังต่อสู้กับซู่มู่ เขาไม่ได้ใช้อาวุธแม้แต่น้อย เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดการล้มตาย เพราะไม่ต้องการให้เกิดการล้มตาย เขาจึงใช้ก้อนหินกระแทกไปยังศรีษะของซุ่มู่ โดยที่ไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมา แต่ถ้าหากว่าตอนนี้เฉิงเซาเฟิงไม่ได้ถืออาวุธอยู่ในมือ เขาจะรู้สึกไม่ไว้วางใจตนเอง

ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวที่ถูกชะโลมด้วยเลือดคนนี้โหดเหี้ยมและร้ายกาจยิ่งนัก

“เจ้าต้องระวัง คนคนนี้อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ” ซู่มู่กล่าวเตือนต่อหยางไค่ด้วยสติที่พร่ามัว

“เขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ…………”หยางไค่กล่าวพึมพำ หยุดก้าวไปชั่วขณะ

ใบหน้าของเฉิงเซาเฟิงแสดงออกด้วยความดีใจ เขารีบวางท่าทางที่เย่อหยิ่งและกล่าวตะโกนด้วยเสียงหัวเราะ : “ไอ่เด็กหนุ่ม อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ ยังไงเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ใช้พลังลมปราณที่มากมากเช่นนี้ ถ้าต้องการฟื้นคืนพลังลมปราณคงต้องใช้เวลาหลายเดือน ถ้ายังคงสู้ต่อไป มันจะผลกระทบที่ร้ายแรงแก่ร่างกายของตัวเจ้า ในชั่วชีวิตของเจ้าอย่าหวังว่าจะมีโอกาสก้าวข้ามชะตานั้นได้อีก คุกเข่าและกล่าวอ้อนวอนต่อข้า ข้า…………..”

ยังไม่ทันที่เฉิงเซาเฟิงจะกล่าวจบ หยางไค่พถางโจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว

?

“เจ้า……..” เฉิงเซาเฟิงตื่นตะลึง คนคนนี้ช่างโง่เขลายิ่งนัก ตัวเขาเองอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมกราณ เขายังกล้าที่จะพถางเข้ามา

แม้จะตื่นตะลึง แต่เฉิงเซาเฟิงไม่กล้าที่จะรอช้า กระบี่ที่อยู่ในมือตวัดอย่างรุนแรงก่อนจะพุ่งแทงไปยังหยางไค่

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ที่พถางเข้ามา หยางไค่ทำบางสิ่งบางอย่างที่มิอาจจินตนากรได้ เขาเงื้อฝ่ามือและจับกระบี่ไว้แน่น

แม้ว่ากระบี่เล่มนี้เป็นเพียงอาวุธธรรมดาสามัญ แต่ยังไรมันก็คืออาวุธที่แหลมคม เนื้อหนังของมนุษย์จะสามารถทนต่อคมกระบี่ที่แหลมคมได้อย่างไร ?

ใบหน้าของเฉิงเซาเฟิงเต็มไปด้วยความดีใจ เขาคิดว่าชายหนุ่มคนนี้รนหาที่ตาย ถ้าหากกระบี่ที่อยู่ในมือของเขามีความว่องไวมากกว่านี้ แม้แต่เนื้อหนังที่อยู่บนฝ่ามือของเขาคงจะถูกเฉือนออกไป

“พู่ว !!” เสียงทิ่มแทงดังขึ้นอย่างหวาดเสียง เป็นอย่างที่ทุกคนคิด กระบี่ยาวทะลุฝ่ามือของเขา ทำให้เลือดสีแดงของเขาพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

หู่เหมยเอ่อแสดงออกอย่างตื่นตระหนก เดิมทีเขาคิดว่าหยางไค่คงจะมีทักษะการต่อสู้ที่หลากหลาย แต่เขากลับถูกกระบี่ของเฉิงเซาเฟิงแทงเข้าไปอย่างง่ายดาย ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก

คนคนนี้ก็มิได้เก่งกล้าหรือแข็งแกร่งอย่างที่คิดไว้ เขาโง่เขลายิ่งนัก !!

ในขณะที่หู่เหมยเอ่อยังไคร่ครวญคิด หลังจากที่ฝ่ามือของหยางไค่ถูกแทงทะลุ เขาไม่มีทีท่าที่จะหลบหนีหรือถอยหลัง แต่กลับเร่งความเร็วพถังเข้าไปหาเฉิงเซาเฟิง

วิชายุทธุ์ที่เกิดขึ้นในพริบตา ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว เสียงเฉือนของกระบี่ทำให้หัวใจของคนที่ได้ยินรู้สึกเย็นยะเยือก

ป๊าป……..ฝ่ามือของหยางไค่ที่ถูกแทงทะลุได้กุมมือที่ถือกระบี่ของเฉิงเซาเฟิงไว้แน่น หลังมือของเขาถูกกระบี่แทงทะลุจนเป็นแผลเหวอหวะ

หยางไค่ที่อยู่ตรงหน้าช่างบ้าคลั่งยิ่งนัก เฉิงเซาเฟิงไม่สามารถปิดบังจิตใจที่หวาดกลัวของเขาได้อีก เขาพยายามที่จะดึงมือกลับแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับกุมมือของเขาไว้อย่างแน่นหนา เสมือนโซ่ตรวนที่ทำให้เขาไม่สามารถขยับแขนได้แม้แต่น้อย

หยางไค่หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม ดวงตาที่แดงก่ำประกายด้วยความกระหาย ก่อนที่จะพถังหมัดโจมตีไปยังใบหน้าของเฉิงเซาเฟิง

?

ในช่วงเวลาสำคัญ เฉิงเซาเฟิงยกมือป้องกัน พลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายถูกเคลื่อนไหวออกมาใช้ป้องกันการโจมตี

แต่เฉิงเซาเฟิงอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปรารณเริ่มแรก ในร่างกายของเขาจะมีพลังลมปราณมากเท่าไหร่ ? หมัดที่รุนแรงของหยางไค่กระแทกไปยังใบหน้าด้านขวาของเฉิงเซาเฟิง ฟันหนึ่งซี่ของเขาหลุดลอยออกมา ใบหน้าบวมเป่งในทันที บริเวณที่ถูกโจมตีกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เสมือนว่าถูกน้ำร้อนลวกอย่างทุกข์ทรมาณ

พลังลมปราณที่รุนแรง !! เฉิงเซาเฟิงตื่นตกใจ แม้ว่าเขาจะอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ แต่พลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายกลับไม่สามารถปิดกั้นความร้อนที่โจมตีเข้ามา ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าศีรษะของเขากำลังถูกเปลวไฟที่ร้อนระอุแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง

เพียงพริบตา หยางไค่ปล่อยหมัดลงไปอีกครั้ง ทำให้สติของเฉิงเซาเฟิงหลุดลอย

ปล่อยหมัดลงไปอีกครั้ง ร่างกายของเฉินเซาเฟิงอ่อนแรงทรุดลงไปที่พื้น ศีรษะลดต่ำลง สายตาแสดงออกอย่างมึนงง เสมือนว่ากำลังคุกเข่าให้แก่หยางไค่

หยางไค่เตะออกไปอีกครั้งทำให้เขาลอยกระเด็นออกไป

สถานที่ต่อสู้สงบเงียบ หู่เหมยเอ่อตื่นตะลึงยิ่งกว่าเดิม แท้จริงแล้วชายคนนี้มิได้โง่เขลา การที่เอื้อมมือกุมกระบี่เพราะเขามีบางสิ่งบางอย่างที่วางไว้ มีเพียงการกุมดาบไวแน่น เฉิงเซาเฟิงจึงไม่มีทางหลบหนีจากการโจมตีของเขา

ศิษย์แห่งหอวายุพิรุณทั้งหมด รวมไปถึงเฉิงเซาเฟิงที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ ถูกโจมตีจนสิ้นฤทธิ์

หยางไค่หันหลังมองไปยังหู่เหมยเอ่อ เมื่อถูกดวงตาที่แดงก่ำจับจ้อง ทำให้หู่เหมยเอ่อตัวสั่นเท่าด้วยความหวาดกลัว

เธอไม่เคยพอเห็นคนที่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์มีการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ แม้จะเป็นหนุ่มสาวของนิกายโลหิต ก็มิอาจเทียบกับเขา

“ฉึกฉึก……..” เสียงเฉือนที่ทำให้คนที่ได้ยินขนลุกด้วยความหวาดกลัวดังขึ้น หยางไค่ค่อยๆดึงกระบี่ที่แทงทะลุฝ่ามือของเขาออกไป ก่อนจะมีเลือดสีแดงสดที่ไหลรวยรินออกมาอย่างต่อเนื่อง

จากสถานการณ์ที่ผ่านมา หยางไค่ไม่เคยขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด เขาดึงกระบี่ที่แทงทะลุฝ่ามืออกไป ก่อนจะเดินไปหาหู่เหมยเอ่อย่างช้าๆ

หญิงสาวที่มีหน้างดงามตื่นกลัวกลืนน้ำลายเข้าไปโดยไม่ร้ตัว แต่ใบหน้ายังแสดงออกด้วยรอยยิ้ม

เมื่อรอยยิ้มปลดปล่อยออกมา หยางไค่ก้าวไปถึงด้านหน้าของเธออย่างรวดเร็ว มือที่ถูกย้อมด้วยเลือดกุมหมับไปยังลำคอที่ขาวเนียนของเธอ ก่อนจะยกตัวเธอขึ้นจากพื้นดินอย่างรุนแรง

เมื่อเท้าของเธอถูกยกลอยสูงจากพื้นดิน ได้มีเสียงอู้อี้ดังแว่วออกมาจากลำคอของเธออย่างทุกข์ทรมาณ

หยางไค่จ้องมองหู่เหมยเอ่อด้วยเสียงหัวเราะพึมพำ

หัวใจของหู่เหมยเอ่อเต้นระรัวอย่างรุนแรง ก่อนที่เธอจะเปิดปากอธิบาย : “ข้าไม่ได้มาพร้อมกับพวกเขา ข้าเป็นคนของนิกายโลหิต ข้าไม่ได้ลงมือทำร้ายศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว”

“ใช่หรอ” หยางไค่กล่าวด้วยยิ้มอย่างน่าหวาดกลัว

“อืม” เมื่อหู่เหมยเอ่อเห็นว่ายังสามารถเจรจากับคนคนนี้ได้ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าเธอจะเป็นหญิงสาว ความแข็งแกร่งยังไม่เทียบเท่ากับเฉิงเซาเฟิง แต่เธอกลับมีสิ่งอื่นที่เหนือกว่า

นั่นก็คือร่างกาย

“เจ้าคนนี้………ร้ายกาจยิ่งนัก ‘ หู่เหมยเอ่องัดความกล้าที่มีทั้งหมด ก่อนจะยื่นมือที่เรียวสวยเข้าไปในทรวงอกของหยางไค่ ในขณะที่ดึงออกมาเลือดสีแดงสดได้ย้อมติดที่นิ้วมือของเธอ แต่เธอไม่ได้เช็ดมันออก กลับวางนิ้วลงบนปากและดูดกลืนเลือดของหยางไค่เข้าไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น ริมฝีมือปากสีแดงระเรื่อประกายความงดงามและเสน่ห์ที่เย้ายวนใจออกมา ดวงตาของเธอประกายแสงแห่งการยั่วยุที่ลึกลับออกมาอย่างบ้าคลั่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด