ตอนที่แล้วตอนที่ 8 เรียวขาเนียนนุ่ม ผิวขาวดุจหิมะ เอวบางที่งดงาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 สูญเสียทรัพย์ หลีกเลี่ยงความโชคร้าย

ตอนที่ 9 เหรัญญิกเม้ง


ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว หยางไค่มีคนที่คุ้นเคยเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือเหรัญญิกเม้ง เพราะหยางไค่ต้องมาเจอกับเขาทุกๆ เดือนที่หอวิเศษแห่งนี้

 

อันธพาลเม้งเป็นฉายาของเหรัญญิกเม้งที่บุคคลอื่นๆ กล่าวเรียก แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเหรัญญิกตำแหน่งเล็กๆที่อยู่ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว แต่สิ่งที่เขาชอบปฏิบัติมากที่สุดคือการกดขี่แต้มแห่งชัยชนะของสาวกคนอื่นๆ

ยาสมานโลหิตที่มีราคา 10 แต้มของแต้มแห่งชัยชนะ แต่เขากลับสามารถขายยาสมานโลหิตจำนวน 2 ขวดด้วยราของยาสมานโลหิตจำนวน 3 ขวด วิธีการนั้นง่ายมาก เพียงนำปริมาณของยาสมานโลหิตจำนวน 2 ขวดแบ่งใส่ขวดใหม่เป็นยาสมานโลหิตจำนวน 3 ขวด จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไสหัวไป !!

เหริญญิกเม้งไม่ได้กระทำเรื่องที่ไม่มีศีลธรรมทุกครั้งไป เขาทำมันเป็นครั้งคราวเท่านั้น เป้าหมายของเขาเป็นเพียงศิษย์สาวกที่ร่ำรวย หากเป็นศิษย์สาวกที่ยากจนเช่นหยางไค่ ไม่อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย

แต้มแห่งชัยชนะของหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวการได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย ๆแล้วพวกเขาจะสามารถทนต่อการโกงของเหริญญิกเช่นนี้ได้อย่างไร ? ดังนั้นศิษย์สาวกทุกคนที่ถูกเขาโกง พวกเขาจะรายงานต่อผู้อาวุโสทันที แม้ว่าเหรัญญิกเม้งจะได้รับคำกล่าวเตือนจากผู้อาวุโส เขายังคงปฏิบัติเช่นเดิม ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย เพราะตำแหน่งของเหรัญญิกของเขาเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครสามารถจะทำอะไร และไม่มีใครที่จะสามารถแทนที่เขาได้

เพราะเหตุนี้ ศิษย์สาวกจำนวนมากของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวจึงเกลียดเหรัญญิกเม้งอย่างมาก

ชายชราคนนี้ปฏิบัติอย่างไร้ความปราณีกับทุกๆ คนยกเว้นหยางไค่ เพราะเขาไม่สามารถทำอะไรหยางไค่ ครั้งหนึ่งขณะที่เขากำลังจ้องมองไปยังก้นของศิษย์หญิงคนหนึ่งอย่างไม่วางตา และถูกจับได้คาหนังคาเขาโดยหยางไค่

ไม่มีความเคารพยำเกรง !! นี้เป็นเรื่องที่สมควรทำหรือไง !! หลังจากที่ถูกจับได้ เหรัญญิกเม้งได้ลดหัวของเขาลงและกล่าวด้วยความเอียงอาย

อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ จึงทำให้หยางไค่ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับชายชราผู้นี้

ชายชรามีวิธีการที่บ่างเบี่ยงอย่างดีเยี่ยม ผิวหน้าของเขาค่อนข้างหนา เขาได้ปรับสีหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว และเหลือบมองไปยังหยางไค่และกล่าวถาม : “เหมือนเช่นเคย ?”

(TLN: ผิวหนาคือความไร้ยางอายมาก)

“อืม” หยางไค่พยักหน้าและกล่าวตอบอย่างรดวเร็ว

เหรัญญิกเม้งไม่กล่าวต่อ เขาเอาเงินออกมา 10 เหรียญโยนไปยังด้านหน้าของหยางไค่ และจดบันทึกลงไปในหนังสือลูกหนี้

หลังจากที่หยางไค่เก็บเหรียญจนเสร็จเรียบร้อย เขาได้กล่าวถามต่อ : “ตอนนี้ข้ามีแต้มแห่งชัยชนะจำนวนเท่าใด ?”

เหรัญญิกเม้งกรอกตาไปมาและกล่าวตอบ : “ทุกๆ เดือน เจ้าจะได้รับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 4 แต้ม ทุกๆ เดือนเจ้าจะนำแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 1 แต้มแลกเปลี่ยนกับเหรียญจำนวน 10 เหรียญ จึงเหลือแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 3 แต้ม ณ ตอนนี้เจ้าสะสมแต้มแห่งชัยชนะได้ทั้งหมด 12 แต้ม ทำไม ต้องการที่จะซื้อยาสมานโลหิตหรือไง ?”

“ไม่ ข้าเพียงอยากรู้” หยางไค่ยกมือขึ้นมา และกล่าวพึมพำกับตนเอง : “มีเพียง 12 แต้ม”

แต้มแห่งชัยชนะจำนวน 12 แต้มนั้นน้อยมาก มันไม่มีค่าพอแม้แต่จะแลกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรขนาดเล็ก

ใบหน้าของเหรัญญิกแปรเปลี่ยนในทันที และกล่าวกระซิบต่อหยางไค่ : “หยางไค่น้อย เจ้าต้องการนำแต้มแห่งชัยชนะแลกเปลี่ยนกับยาก้าวข้ามเขตแดนเพื่อเพิ่มความสามารถให้แก่ตัวเอง แต่ถ้าหากเจ้ายังสะสมแต้มแห่งชัยชนะเช่นนี้ต่อไป เจ้าจะใช้เวลานานแค่ไหนกัน ?”

“อย่างน้อยมันก็ยังสะสมต่อไปได้ ?” หยางไค่กล่าวตอบและหัวเราะเบาๆ

เหรัญญิกเม้งไม่มีคำพูดที่จะกล่าวต่อ ถ้าหากหยางไค่ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงตายไปหลายร้อยปีอย่างแน่นอน

“เหรัญญิกเม้ง ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ” หยางไค่ขมวดคิ้วและกล่าวถามด้วยความสงสัย

“พูด !!” ชายชรารีบจัดท่าทางของเขาและกล่าวต่ออย่างรวดเร็ว : “วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะกล่าวตอบให้แก่เจ้า”

“ยาก้าวข้ามเขตแดนเป็นยาที่ล้ำค่า ทำไมถึงปรากฏอยู่ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ? และมันยังไม่ถูกคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนออกไป ?”

“ฮึฮึ….” เหรัญญิกเม้งหัวเราะกล่าวอย่างภาคภูมิใจ : “เพราะยาเม็ดนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าของข้าเพียงคนเดียว คนอื่นๆ ไม่มีใครทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“อ่า เป็นของท่าน ?” หยางไค่ตกตะลึง เขาคิดเสมอมาว่ายาก้าวข้ามเขตแดนเป็นยาวิเศษของหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว ที่แท้มันเป็นของเขา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชายชราผู้นี้จะสร้างสิ่งวิเศษให้แก่ตัวเอง

“เจ้าอย่าโกรธข้าล่ะ !!” เหรัญญิกเม้งยกชาขึ้นมาดื่มพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข : “แม้ว่าจะเป็นของข้า ข้าก็ไม่มีทางที่จะมอบให้แก่เจ้าง่ายๆ ถ้าเจ้าอยากได้ เจ้าต้องนำแต้มแห่งชัยชนะที่เพียงพอมาแลกเปลี่ยน ฉายา อันธพาลเม้งเจ้าก็รู้จัก!!”

“ผมจะเก็บแต้มแห่งชัยชนะจนมันเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยน” หยางไค่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า

ใบหน้าของเหรัญญิกเม้งมีการเปลี่ยนแปลง เขากล่าวถามอย่างเศร้าใจ : “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานเจ้าถูกทุบตี ?”

หยางไค่เบิกตากว้างและหมุนตัวกลับในทันที

เหรัญญิกเม้งกล่าวตะโกนจากด้านหลัง : “บอกข้ามาเดี่ยวนี้ อย่าเพิ่งออกไป !!”

สิ่งที่เหรัญญิกกล่าว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขากำลังสนุกกับความทุกข์ของผู้อื่น

ยังไม่ทันที่หยางไค่จะเดินไปจากหอวิเศษ ชายชราที่อยู่ด้านหลังกลับมีความรู้สึกที่หนักอึ้งขึ้นมาทันที เขาจ้องมองไปยังเงาด้านหลังของหยางไค่และกล่าวดวยเสียงที่ต่ำทุ้ม : “หยางไค่น้อย มาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั่นไป หอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวไม่ใช่สถานที่ของเจ้า ไม่ช้าหรือเร็วเจ้าอาจจะถูกทำร้ายจนตาย !!”

หยางไค่หยุดชะงัก แต่ไม่ได้หมุนตัวกลับ เขาถอนหายใจและกล่าวด้วยเสียงต่ำ : “ข้าไม่มีสถานที่ไป !!”

กล่าวจบ เขาได้เดินออกจากหอวิเศษทันที

สองมือของเหรัญญิกเม้งถือน้ำชาและกล่าวอยางเบา : “เจ้ามาจากไหนกันแน่ ?”

ยาก้าวข้ามเขตแดน…………..ฮึฮึ ยาวิเศษที่เป็นสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ข้าจะเอามันมาจากไหน ? นี้เป็นเพียงเรื่องโกหกที่ข้าสร้างขึ้นเพื่อให้ความหวังแก่เจ้า ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะจริงจังกับมัน

หยางไค่รีบเดินกลับไปที่กระท่อม เขาวางไม้กวาดของเขาลงและเดินออกไปจากหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวอย่างเร่งรีบ

เขากำลังจะออกไปยังเมืองวู่เหม่ยที่ห่างจากหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวประมาณ 10 ลี้ วันนี้เขาจำเป็นต้องนำแต้มแห่งชัยชนะแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราจำนวน 10 เหรียญ เพราะเขาต้องซื้ออาหารเพื่อประทังชีวิต เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เขาต้องทำทุกเดือน

ระหว่างที่เดินมา เป็นครั้งแรกที่หยางไค่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

ก่อนหน้านั้นเวลาที่เขาเดินทางไปยังเมืองวู่เหม่ย ระยะทาง 10 ลี้ทำให้เขาใบหน้าของเขาแดงก่ำจากจังหวะหัวใจที่เต้นไม่ปกติ เหนื่อยหอบจนหายใจติดขัด แต่วันนี้เขากลับไม่มีความรู้เช่นนี้แม้แต่น้อย ร่างกายของเขาร้อนขึ้นเล็กน้อยเสมือนคนเป็นไข้ แต่เขายังมีสติสัมปชยะที่ชัดเจน หยางไค่มีความมั่นใจ ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปอีก 100 ลี้ก็ไม่ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยอย่างแน่นอน

เป็นผลงานของกระดูกทองคำ ? หยางไค่ฉุกคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เช้าวันนี้ขณะที่เขากำลังกวาดทำความสะอาด เขาถูกพุ่งชนจากศิษย์คนหนึ่งที่แต่ตัวเขาเองกลับไม่เป็นอะไร มีแต่เพียงศิษย์คนนั้นที่กระเด็นออกไปไกล

ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อหวนกลับไปคิด มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ ร่างกายที่ซูบผอมของเขา สามารถพุ่งชนบุคคลอื่นจนกระเด็นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ที่ผ่านมามีแต่ตัวเขาเองที่ถูกพุ่งชนจนล้มอยู่เสมอ

ยิ่งนึกยิ่งคิดยิงไตร่ตรองยิ่งมีความสุข กระดูกทองคำเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงไม่สามารถมองเห็นได้ในคราเดียว แต่มันจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงค่อยเจริญก้าวหน้าจนกลายเป็นร่างกายกระดูกทองคำที่แข็งแกร่ง

หยางไค่ครุ่นคิดอย่างมีความสุขโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จนกระทั่งถึงเมืองวู่เหม่ย

เขามองไปรอบๆ จึงเดินทางไปยังด้านซ้ายมือของถนนเพื่อเข้าไปในร้านค้า หยางไค่ต้องการไปยังร้านขายข้าวสาร ร้านขายข้าวสารนี้ไม่ใหญ่มาก เถ้าแก่แซ่เห่อ เป็นคนในท้องถิ่นนี้ เขาปฏิบัติลูกค้าเหมือนกันทั้งหมด นี้จึงเป็นเหตุผลที่หยางไค่ซื้อข้าวสารจากร้านของเขา

ร้านค้าเล็กๆ เช่นนี้พบได้ทุกที่ของเมืองวู่เหม่ย เมืองวู่เหม่ยเป็นเมืองที่ค่อนข้างคึกคัก เพราะใจกลางเมืองวู่เหม่ย นอกจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ยังมีหอประลองยุทธุ์ฟงยู่ว สำนักทั้งสองเป็นสำนักที่ดีเยี่ยม นิกายหรือสำนักอื่นๆ ไม่สามารถที่จะเทียบได้ แต่นิกายหรือสำนักอื่นๆ เป็นการรวบรวมพรรคพวก และทหารที่ผ่านการสู้รบ พวกเขาไม่เป็นเช่นสำนักหลิงเซี่ยวสำนักใหญัอันดับ 3 ที่มีสถานที่และหอประลองยุทธ์เป็นของตนเอง

เพราะเหตุผลนี้จึงทำให้ทั้งสองสำนักมีศิษย์สาวกที่แข็งแกร่งและสามารถขายอาวุธที่แตกต่างให้แก่กัน ดังนั้นเมืองวู่เหม่ยจึงสามารถรักษาสภาพแวดล้อมที่คึกคัก แต่แน่นอน ว่าเมืองวู่เหม่ยไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบกับเมืองจงตู่

เพราะเมืองจงตู่เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่นที่ยิ่งใหญ่ !!!

ในขณะที่เขากำลังเดินไปรอบๆ เขาได้เดินผ่านซอยหนึ่งที่มีผู้คนจำนวนหลายคนรวมตัวกัน เขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร แต่ทันใดนั้น กลุ่มคนภายในนั้นมองเห็นสายตาของหยางไค่ พวกเขาต่างจ้องเขม่งมาที่หยางไค่ด้วยแววตาที่ดุร้ายอย่าถึงที่สุด

หยางไค่หัวเราะเบาๆ เขาใช้หลักการที่ว่าถ้าพวกเขาไม่ทำอันตรายต่อเขา เขาเองจะไม่สร้างปัญหาให้แก่พวกเขา เขาไม่สนว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยอคือ ภายในกลุ่มคนพวกนั้นมีคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก เพราะเขาคือศิษย์ของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว

1 ลี้ เท่ากับ 500 เมตร ฉะนั้น 1 ลี้ เท่ากับ 0.5 กิโลเมตร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด