ตอนที่แล้วตอนที่ : 7 กายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 4 ลมปราณแรกเริ่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 เหรัญญิกเม้ง

ตอนที่ 8 เรียวขาเนียนนุ่ม ผิวขาวดุจหิมะ เอวบางที่งดงาม


ครึ่งชั่วยามก้าวข้าม 1 ขั้นแห่งกายาเริงอารมณ์ ความสามารถของบันทึกแห่งกายาเริงอารมณ์ไม่ใด้เป็นคำกล่าวที่เรื่อนลอย อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นความอดทน ความหมั่นเพียร ความไม่ท้อถอยของหยางไค่ แต่ถ้าหากไม่มีบันทึกแห่งกายาเริงอารมณ์เล่มนี้ หยางไค่เชื่อว่าตัวเขาเองต้องใช้เวลา 3-4 เดือนในการก้าวไปสู่ระดับขั้นที่สูงกว่า

 

ภายใต้อารมณ์ที่สั่นไหวอย่างรุนแรง หยางไค่ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งลมหายใจที่หอบกระหายอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเขาได้สำลักบางสิ่งบางอย่างออกมาอย่างกะทันหัน

มีควันสีดำทะมึนเสมือนกลิ่นอายของธรรมชาติสำลักออกมาจากปากของหยางไค่ ซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งสกปรก น่าสะอิดสะเอียนพุ่งลงสู่พื้นดิน และม้วนตัวกลายเป็นควันเขม่าดำที่น่ารังเกียจ เมื่อลมหายใจนี้ถูกสำลักออกมา หยางไค่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาหวิว ประสาทสัมผัสที่ 5 และสัมผัสที่ 6 ต่างมีความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง กระตือรือร้นอย่างไม่น่าเชื่อ

มันคือสิ่งที่ไม่บริสุทธ์ของร่างกาย ? หยางไค่รู้สึกตื่นตะลึง

การฝึกฝนเพื่อก้าวข้ามเขตแดนของกายาเริงอารมณ์ ทุกครั้งที่มีการก้าวไปยังขั้นที่สูงกว่าจะมีการระบายสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ของร่างกายออกมา หยางไค่เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถเทียบได้กับการก้าวข้ามเขตแดนในครั้งนี้

ความคิดต่างๆนาๆ และความสุขได้ลอยวนอยู่ในจิตใจของหยางไค่ จนไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้ แม้ว่าการฝึกยุทธุ์ในครั้งนี้จะทำให้เขาก้าวข้าม 1 ขั้นแห่งกายาเริงอารมณ์ แต่มันยังไม่บรรลุขั้นสูงสุดของบันทึกแห่งกายากเริงอารมณ์ เพราะหยางไค่ฝึกฝนวิชายุทธุ์เพียงครึ่งชั่วยาม มันได้เปิดเส้นทางของบันทึกแห่งกายาเริงอารมณ์เพียงน้อยนิด แต่ผลเพียงน้อยนิดกลับสามารถก่อกำเนิดผลที่น่าทึ่งเช่นนี้ ถ้าหากสามารถเปิดเส้นทางและบรรลุขั้นสูงสุดของบันทึกแห่งกายาเริงอารมณ์ล่ะ ?

(TLN : สุภาษิตจีนที่มีความหมายว่า ถ้าคุณไม่มีความอดทนเพียงพอ คุณจะพลาดพลั้งกับสิ่งที่คุณเร่งรีบปฏิบัติ )

เมื่อครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง หยางไค่สามารถวางแผนอนาคตของตนเองได้ แม้ว่าอาจจะไม่ครอบคลุมอนาคตทั้งหมด แต่มันไม่เหมือนที่ผ่านมาที่เขามองไม่เห็นแม้แต่อนาคตของตนเอง ในเวลาเดียวกัน จึงทำให้จิตใจของเขารู้สึกปั่นป่วนและรู้สึกร้อนร้นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นหยางไค่กินอาหารเพียงเล็กน้อย และหยิบจับไม้กวาดเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเช่นเดิม

แม้ว่าหยางไค่จะเป็นผู้รับใช้ กวาดทำความสะอาดหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว แต่เขาไม่ต้องกวาดทำความสะอาดหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวทั้งหมด บริเวณที่เขารับผิดชอบมีเพียง 1 ใน 10 ของหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวเท่านั้น ดังนั้นจึงใช้พละกำลังไม่มากในการทำความสะอาด และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยามเท่านั้น

เซี่ยหนิงฉางนั่งอยู่บนต้นไม้และเริ่มตรวจสอบพฤติกรรมต่างของศิษย์แห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว และเธอมองเห็นหยางไค่ที่กำลังกวาดทำความสะอาดอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่วันนี้เธอมีความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น หยางไค่ในวันนี้แตกต่างกับหยางไค่คนก่อนอย่างมาก และไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดสิ่งใด เพราะเขากวาดทำความสะอาดอยู่ที่เดิมซ้ำมาซ้ำไปเกือบครึ่งชั่วยาม เขาได้กวาดบริเวณนั้นจนสะอาดเงางามอย่างมาก

ชายหนุ่มคนนี้………เซี่ยหนิงฉางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี

หยางไค่ได้ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างหนักหน่วง เมื่อวานนี้เขาได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ จึงเป็นธรรมดาที่เขาต้องพิจารณาไคร่ครวญอนาคตของตนเอง เขาครุ่นคิดไปมาก็ยังไม่ได้รับวิธีการที่ดีที่สุด มีเพียงการฝึกยุทธ์เพียงครึ่งชั่วยามก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าต้องกระทำสิ่งใดในช่วงเวลาที่ยังเหลือ

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด มีเสียงฝีเท้าก้าวเดินจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว หยางไค่รีบหลบไปอีกฝั่ง ซึ่งเขาไม่ทราบว่าฝั่งต้องข้ามก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับเขา จึงทำให้พวกเขาชนกับอย่างจัง

หยางไค่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ร่างกายของเขาเพียงแค่สั่นไหวเท่านั้น แต่คนที่ชนเข้ากับเขารู้สึกราวกับว่าได้ชนกับกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่ง เขาล้มลงกับพื้นและร้องโอดโอยด้วนเสียงที่ดังสนั่น บริเวณที่ชนเขากับหยางไค่รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

หยางไค่ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขากล่าวขอโทษฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว : “ศิษย์น้อง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ?”

ชายหนุ่มคนนี้ยังรู้สึกโกรธเคืองแต่ เมื่อเงยหน้าขึ้น มองเห็นว่าเป็นหยางไค่ที่ถูกท้าประลองทุก ๆ 5 วัน จึงทำให้เขาคลายความโกรธลงอย่างรวดเร็ว สาดความเกรี้ยวโกรธไปยังบุคคลเช่นนี้มันก็ไร้ซึ่งความหมาย และมันก็เป็นความผิดของเขาเช่นเดียวกัน

เขาโบกและกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว : “ไม่เป็นไร!! ไม่เป็นไร !!”

เขากล่าวและลุกขึ้นมาในคราเดียว และวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หยางไค่กล่าวถามศิษย์คนนั้นอย่างรวเร็ว : “ศิษย์น้อง เจ้าเร่งรีบเช่นนี้ เจ้ากำลังจะไปที่ใด ?”

ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนกล่าวโดยไม่หันหลังกลับ : “ไปหอวิเศษแห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวไง !!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ หยางไค่จึงนึกขึ้นได้ วันนี้เป็นวัน 8 ของเดือน ทุกวันที่ 8 ของเดือน จะเป็นวันที่หอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวแจกจ่ายแต้มแห่งชัยชนะของเดือนที่แล้ว

ดังนั้นทุกเดือนของวันนี้ หอประลองยุทธุ์จะคึกคักอัดแน่นไปด้วยเหล่าสาวก โดยเฉพาะหอวิเศษแห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวจะคร่ำคราไปด้วยผู้คนจำนวนมากมาย เพราะพวกเขาต้องการทราบว่าพวกเขาได้รับแต้มแห่งชัยชนะเป็นจำนวนเท่าไหร่ ถ้าหากได้รับแต้มแห่งชัยชนะจำนวกมาก พวกเขาจะนำแต้มแห่งชัยชนะไปแลกเปลี่ยนเป็นยาวิเศษ ศัตราวุธทิ่เวิเศษและล้ำค่ำ และอื่นๆอีกมากมายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตัวเอง ดังนั้นเมื่อมาถึงวันนี้ ศิษยืสาวกทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

บางคนรู้สึกตื่นเต้นบางคนรู้สึกผิดหวัง หยางไค่เองรู้สึกผิดหวังจนไม่อาจกล่าวออกมาได้

หยางไค่อยู่สถานที่เดิม และชูนิ้วเพื่อนับแต้มแห่งชัยชนะที่ตนเองได้รับ แต้มแห่งชัยชนะที่เขาได้รับในเดือนที่แล้ว มันเป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่น่าสงสารยิ่งนัก

การกวาดพื้นทำให้เขาได้รับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 10 แต้ม แต่เดือนที่แล้วเขาได้รับการท้าประลองจำนวน 6 ครั้ง และเขาพ่ายแพ้ทุกครั้ง !! จึงทำให้แต้มแห่งชัยชนะจำนวน 10 แต้มถูกตัดเหลือเพียง 4 แต้มเท่านั้น

นี้……….นี้เป็นสิ่งที่น่ารันทดยิ่งนัก

โชคดีที่เขาเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัด เป็นศิษย์ที่อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย ทุกครั้งที่พ่ายแพ้เขาจึงถูกตัดแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 1 แต้ม ถ้าหากเขาเป็นศิษย์สามัญ ทุกครั้งที่พ่ายแพ้เขาจะถูกตัดออกไปถึง 2 แต้ม ซึ่งทำให้แต้มแห่งชัยชนะของเขาไม่เหลีอแม้แต่คะแนนเดียว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางไค่จึงรู้สึกโชคดีที่เป็นเพียงศิษย์ฝึกหัด

แม้แต่ยุงที่มีขนาดเล็กยังมีเนื้อหนังของมัน เมื่อเงินตราของเขาไม่เพียงพอ เขาจึงต้องพึ่งพาแต้มแห่งชัยชนะในการดำรงชีวิตต่อไป

เขาจึงไม่รอช้า และเริ่มกวาดทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น

เมื่อถึงยามบ่าย หยางไค่ได้ทำงานของตนเองจนเสร็จ เขาจึงกุมไม้กวาดและวิ่งไปยังหอวิเศษเพื่อรวบรวมแต้มแห่งชัยชนะของเขา

หลังจากผ่านช่วงคึกคักในช่วงเช้า ณ ตอนนี้ หอวิเศษแห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวเงียบสงบอย่างมาก และมันก็เป็นเหตุผลที่หยางไค่ไม่มาที่นี้ในช่วงเข้า ถ้ามันตอนช่วงเช้าจะคร่ำคราไปด้วยผู้คน ซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความยุ่งยาก

หยางไค่เดินเข้าไปยังหอวิเศษอย่างช้าๆ ด้านในค่อนข้างที่จะสงบ ด้านหลังของโต๊ไม้มีชายชราคนหนึ่งที่กำลังสัปหงก

ชายชราคนนี้เป็นเหรัญญิกของหอวิเศษ อายุประมาณ 50-60 ปี ผมสีขาวบาง มีใบหน้าที่อ่อนโยน มองออกไปไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์และมนุษย์ แต่หยางไค่ทราบดี ว่าชายชราคนนี้เป็นยอดฝีมือและยังเป็นสุนัขจิ้งจอกที่เจ้าเล่ห์ !!

ก่อนหน้านั้นมีศิษย์ชนชั้นสูงที่กล้ากระทำสิ่งที่ไร้มารยาทและหยิ่งยะโสในหอวิเศษ เขาจึงถูกชายชราผู้นี้จัดการด้วยหมัด 10 กระบวนท่า เขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากชายชราผู้นี้ ในตอนนี้หยางไค่เองอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว ตั้งแต่วันนี้จึงทำให้เขาทราบว่าชายชราผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใด

หยางไค่ก้าวไปด้านหน้า มองไปยังชายชราที่หลับอย่างมีความสุข เขากรนด้วยเสียงที่ดังสนั่น ปากของเขายังมีการขยับไปมา และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ประหลาด

ไอ่เฒ่าคนนี้ !! กำลังฝันถึงหญิงสาวคนใดในหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว !!

เมื่อหยางไค่เห็นรอยยิ้มที่ประหลาดของเขา หยางไค่เคาะที่พื้นเบาๆ จากไม้กวาดที่เขากุมไว้ และกล่วเรียกเบา ๆ : “เหรัญญิกเม้ง !!”

ชายชราคนนี้แซ่เม้ง แต่หยางไค่ไม่ทราบว่าเขาชื่ออะไร ที่ผ่านมาหยางไค่จึงกล่าวเรียกเขาเช่นนี้มาตลอด

หลังจากเสียงเคาะเบาๆ ชายชราที่หลับใหลถูกปลุกให้ตื่น หลังจากที่เขาลืมตาและมองเห็นบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ว่าเขาคือหยางไค่ ใบหน้าของชายชราจึงเหี่ยวย่นทันที

“สายตาของท่านหมายความว่าอย่างไร ?” หยางไค่กล่าวถามด้วยความเคืองโกรธ

เหรัญญิกเม้นกรอกดวงตาไปมาและกล่าวถาม : “ทำไมเจ้าไม่มาในช่วงเช้า ?”

หยางไค่กล่าวตอบอย่างมาดมั่น : “ช่วงเช้า แออัดไปด้วยศิษย์สาวกต่างๆ มากมาย แต่ช่วงเวลานี้มันสงบเงียบมากกว่า ง่ายต่อการแลกเปลี่ยน !!”

“ขัดขวางเวลานอนของข้า เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ เจ้ารู้จักเคารพผู้สูงอายุหรือไม่ ?”

หยางไค่ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวกระซิบ : “ท่านผู้อาวุโสฝันถึงหญิงงามคนใด ?”

ทันใดนั้นเหรัญญิกเม้งรวบรวมสติเพื่อจะตอบโตกับหยางไค่ ปากของเขากำลังจะเอ่ยปากกล่าว แต่เมื่อมองเห็นสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ของหยางไค่ เขาตื่นขึ้นมาทันที และทุบโต๊ะไม้ด้วยเสียงที่ดังลั่น : “คำพูดของเจ้าเหมือนจะไม่ถูกต้อง มันทำให้ชื่อเสียงของข้ามัวหมอง !! เจ้าอุกอาจอย่างมาก !!”

“รูปร่างไม่งดงาม ?”

“งดงาม !!” เหรัญญิกเม้งกล่าวรั่วออกมาด้วยความไม่ตั้งใจ

“เรียวขาเนียนนุ่ม ผิวขาวดุจหิมะ เอวบางที่งดงาม ?”

“ใช่ !! ใช่ !! ใช่ !! …………….” เหรัญญิกเม้งพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เสมือนว่าหยางไค่เป็นมิตรสหายของเขา

“ฮึฮึ……………..” หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น

เหรัญญิกเม้งมีท่าทางที่ตะกุตะกักและเอียงอาย ใบหน้าของเขาแดงก่ำเสมือนตูดลิง เขาอยากที่จะขุดหลุมและมุดเข้าไปในหลุมนั้นทันที !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด