ตอนที่แล้วTWO Chapter 18 งานฉลองรอบกองไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 20 ความก้าวหน้า

TWO Chapter 19 น้องใหม่


TWO Chapter 19 น้องใหม่

โอหยางโชวเข้าไปในคฤหาสน์ของเขา และสำนักงานของเขา เขานั่งลง กู่ซิวเหวินซึ่งเป็นเลขาธิการ และนายทะเบียนของหมู่บ้าน ก็เข้ามาพร้อมชายตัวสูง 2 คน

ชายคนแรกอายุประมาณ 30 ปี ไม่ถืออาวุธใดๆเขามีใบหน้ากว้าง คิ้วแหลม ดวงตาลึก กระพริบขณะมองเขา เขามีร่างกายที่แข็งแรงอย่างมาก โดยเฉพาะบ่าและแขนของเขา

ชายอีกคนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ถือหอก และมีมีดที่เอว ใบหน้าของเขาดูน่าสนใจ เหมือนถูกแกะสลักโดยปติมากร แน่นอนเขาเป็นชายที่ผู้หญิงชื่นชอบ

กู่ซิวเหวินถามโอกยางโชวเกี่ยวกับงานของเขา และแนะนำชายทั้ง 2 คน “นายท่าน ทั้ง 2 คน เป็นผู้มความสามารถพิเศษที่เพิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน พวกเขาเป็นพี่น้องกัน คนที่ดูแข็งแรงคือหลินเยว่ เก่งในศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและเป็นอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ น้องชายของเขาเป็นนายทหารขั้นต้น ชื่อว่าหลินยี่”

พี่น้องหลินถือโอกาสก้าวเข้ามาข้างหน้า กำมือคำนับเล็กน้อย “หลินเย่ว/หลินยี่ คำนับนายท่าน”

อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงและนายทหารขั้นต้นเหรอ โอหยางโชวสนใจเรื่องนี้มาก เขาตอบกลับพวกเขา “ยินดีต้อนรับท่านทั้ง2! ยินดีต้อนรับ! วันนี้เป็นวันที่ดี ที่ได้ต้อนรับผู้มีความสามารถพิเศษทั้ง 2 มันเป็นโชคดีของหมู่บ้านซานไห่จริงๆ” เขาคำนับตอบพวกเขาก่อนที่จะนั่งลง และกล่าว “ท่านทั้ง 2 มีทักษะที่ยอดเยี่ยม ท่านยินดีที่จะต่อสู้ร่วมกับกองทัพของเราหรือไม่?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มคนน้องหลินยี่ ก็แสดงออกถึงความกระตือรือร้น และเห็นได้ชัดว่าเขายินดีที่จะทำตามนั้น แต่พี่ชายเขากลับเงียบ ไม่แสดงท่าทีใดๆ เมื่อเห็นชายคนพี่ไม่แสดงท่าที โอหยางโชวก็ระงับอารมณ์ไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะใจเขา โอหยางโชวพยักหน้าเป็นสัญญาณ

หลินเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกมาช้าๆ “นายท่าน ข่าจะไม่โกหกท่าน ข้ามีความสามารถในการใช้กำปั้นในการต่อสู้ รวมถึงการใช้เท้าบางจังหวะ แต่ข้าไม่เหมาะสำหรับทหาร ข้าเคยได้รับบาดเจ็บในอดีต และผลกระทบของมันยังคงหลอกหลอนข้าอยู่ ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของนายท่านได้ ส่วนน้องชายของข้า แม้จะเป็นคนปากแข็ง แต่ก็มีฝีมือในด้านศิลปะการต่อสู้ ถ้านายท่านยินดี เขาสามารถประจำการที่กองทัพของท่านได้”

โอหยางโชวพยักหน้าเล็กน้อย หลินเยว่เป็นคนที่ซื่อสัตว์อย่างมาก เขาไม่ใช่เพียงอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ทั่วไป ในขณะที่โอหยางโชวไม่เจาะลึกเข้าไปในอดีตของเขา “มานเตอร์หลิน ท่านมีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ดังนั้นข้าจะไม่บังคับท่าน หมู่บ้านของข้ามีหมอชั้นสูงอยู่ เขาจะดูแลและรักษาท่าน นอกจากนี้หมู่บ้านจะสร้างศูนย์ศิลปะการต่อสู้ ถ้าท่านมีเวลา ข้าต้องการให้ท่านช่วยสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับชาวบ้าน มันจะช่วยพัฒนาร่างกายของพวกเขาได้มาก และจะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้วิธีการปกป้องตนเองเมื่อต้องอยู่ในถิ่นทุรกันดาน ข้าหวังว่ามาสเตอร์หลินจะไม่ปฏิเสธคำขอของข้านะ”

สำหรับจุดประสงค์ดังกล่าว หลินเยว่ไม่สามารถปฏิเสธได้ นอกจากนี้การจัดตั้งศูนย์ศิลปะการต่อสู้ยังตรงกับความต้องการของเขาด้วย “ขอบคุณนายท่าน สำหรับหน้าที่ที่ท่านมอบให้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เขาตอบอย่างรวดเร็ว

โอหยางโชวหัวเราะและกล่าวกับชายหนุ่มคนน้องว่า “ในฐานะน้องชายมาสเตอร์หลิน ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นผู็นำชั้นยอด ของกองทหารอาสาของข้าได้ ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าสามารถตอบสนองความคาดหวังของข้าได้แน่นอน”

มาสเตอร์หลินโค้งคำนับเขา “ขอบคุณนายท่าน พวกเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

โอหยางโชวถือโอกาสตรวจสอบสถานะของ 2 พี่น้อง

ชื่อ : หลินเยว่[Lin Yue](ระดับเงิน)

อัตลักษณ์ : ชาวบ้านซานไห่

อาชีพ : อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง

ความจงรักภักดี : 75

คุณลักษะ : มีความเชี่ยวชาญ การต่อสู้ด้วยกำปั้น (ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ด้วยกำปั้นของดินแดน 10%)

การประเมิน : แหล่งกำเนิดลึกลับ เคยเป็นนักรบที่มีชื่อเสียง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจึงถูกบังคับให้ออกจกากกองทัพ

ชื่อ : หลินยี่[Lin Yi](ระดับเหล็กดำ)

อัตลักษณ์ : ชาวบ้านซานไห่

อาชีพ : นายทหารขั้นต้น

ความจงรักภักดี : 75

ความเป็นผู้นำ : 30

กำลัง : 40

สติปัญญา : 20

การเมือง : 15

ฝึกฝน : วิชาหอกตระกูลหลิน(12รูปแบบ)

อุปกรณ์ : หอกเหล็กคุณภาพดี, มีดสั้นที่เอว

การประเมิน : ได้ศึกษาศิลปะแห่งสงคราม, ฝึกฝนทักษะหอก อย่างไรก็ตามมีนิสัยดื้อรั้น และแหกคอก

พี่น้องทั้ง 2 คน ต่างกันเล็กน้อย มาสเตอร์หลินได้รับการประเมินโดยระบบ เป็นมาสเตอร์ของการต่อสู้ด้วยกำปั้น ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ด้วยกำปั้นให้ดินแดน ความสามารถดังกล่าวเป็นความช่วยเหลือที่ดีเยี่ยมสำหรับหมู่บ้าน

โอหยางโชวคาดเดาว่า ถ้าเขาสามารถรักษาอาการบาดเจ้บของมาสเตอร์หลินได้ เขาจะกลายเป็นปรมาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง สำหรับเรื่องนี้ เขาสามารถคาดหวังในตัวหมอซ่งได้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังมากเกินไป เนื่องจากเขาไม่มั่นใจว่าหมอชั้นสูงจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บนร้ได้หรือไม่

หลินยี่นี่ก็ไม่ธรรมดา แม้จะเป็นระดับเหล็กดำ แต่เขาก็มาพร้อมเทคนิคและอุปกรณ์ของตัวเอง เขามีศักยภาพและโอกาสในการเติบโต จัดเขาลงกองทัพภายใต้การดูแลของขุนพลซี และด้วยโชคเล็กน้อย ในอนาคตเขาจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของดินแดน

ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โอหยางโชวได้สังเกตุเห็นว่า ระบบได้มีการปรับปรุงกฎสำหรับผู้อพยพ ประการแรก จากการอัพเกรดหมู่บ้าน มีแนวโน้มว่าจะมีผู้มีความสามารถพิเศษอพยพเข้ามามากขึ้น ถ้าหมู่บ้านมีเพียงชาวไร่ชาวนาธรรมดาเข้ามา หมู่บ้านก็ยากที่จะอัพเกรดเป็นระดับต่อไปได้

สิ่งหนึงงที่เขาสังเกตุก็คือ ระดับของหมู่บ้านที่สูงขึ้นนั้น ยังสามารถดึงดูด ผู้มีความสามารถพิเศษในขั้นที่สูงขึ้นได้ ต้องทราบว่าหมู่บ้านระดับ 1 ส่วนใหญ่นั้นผู้มีความสามารถพิเศษจะเป็นเพียงขั้นต้น และหมู่บ้านซานไห่มีผู้มีความสามารถพิเศษขั้นสูงเพียง 3 คนเท่านั้น

ถ้าลอร์ดคนอื่นๆรู็เรื่องนี้ พวกเขาคงตายเพราะความอิจฉา สำหรับลอร์ดส่วนมาก แม้แม้แต่ผู้มีความสามารถพิเศษขั้นกลางก็ยากที่พวกเขาจะมีได้ ความสามารถพิเศษขั้นสูงเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าสำหรับพวกเขา

การประชุมต้อนของพวกเขาเสร็จสิ้น โอหยางโชวบอกกู่ซิวเหวินให้จัดแจงที่พักที่สะดวกสบายให้มาสเตอร์หลิน เขาจะให้หลินยี่ไปประจำการที่ค่ายทหาร ในฐานะทหารขั้นต้น หยินยี่ไม่จำเป็นต้องเลื่อนขั้น

ความแตกต่างระหว่างทหาร และนายทหาร คือจำนวนที่พวกเขาสั่งการได้ ตามระบบทหาร เมื่อทหารคนหนึ่งได้รับการเลื่อนยศเป็นนายทหาร เขาสามารถนำหมวดทหารได้ 1 หมวด จะมีทหาร 50 นาย

10 หมวด จะมีทหารรวม 500 นาย กลายเป็นกองพัน ถูกนำโดยนายทหารขั้นต้นเป็นอย่างน้อย

5 กองพัน จะมีทหารรวม 2500 นาย กลายเป็นกรม ถูกนำโดยนายทหารขั้นกลางเป็นอย่างน้อย

5 กรม กับทหารอีก 1000 นาย จะมีทหารรวม 13500 นาย กลายเป็นกองพลทหาร นำโดยนายทหารขั้นสูงเป็นอย่างน้อย

4 กองพลทหาร กับทหารอีก 11000 นาย จะมีทหารรวม 65000 นาย กลายเป็นกองทัพขนาดใหญ่ นำโดยนายทหารขั้นพิเศษ

ถ้าคุณจัดทหารเป็นกลุ่มๆ จะมีเพียงทหารด้วยกันเท่านั้นถึงจะสั่งพวกเขาได้

ดังนั้น หลังจากนี้ ความต้องการนายทหารของดินแดนเขาจะสูงมาก  ถ้าคุณไม่สามารถดึงดูดพวกเขาเข้ามาได้ คุณก็ทำได้เพียงแต่หวังว่านายทหารของคุณจะมีประสิทธิภาพ เว้นแต่ว่าคุณจะมีเหรียญการสร้างหมู่บ้านระดับทอง

นายทหารส่วนใหญ่ถูกเลื่อนมาจากทหารทั่วไป ห้องเลื่อนขั้นของค่ายทหารขั้นกลาง สามารถเลื่อนทหารอาสาเลเวล 10 เป็นทหารขั้น 1 ได้ ทหารมีทั้งหมด 9 ขั้น ขั้น 1-3 เป็นหทารทั่วไป ขั้น 4-6 เป็นทหารผ่านศึก ขั้น 7-9 เป็นทหารหัวกะทิ

ทหารทั่วไปต้องเลื่อนไปถึงขั้น 9 ก่อน พวกเขาถึงจะสามารถเข้าไปในห้องเลื่อนขั้นขั้นสูง ของค่ายทหารขั้นสูง เพื่อเลื่อนขั้นเป็นนายทหารขั้นต้น

เป็นเพราะเหตุนี้ โอหยางโชวจึงให้ความสนใจกับหลินยี่มาก เมื่อทั้ง 2 คนเข้ามาในค่ายทหาร ขุนพลซีก็เข้ามาทักทายเขา  หลังหลินยี่รายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของเขา และพูดถึงประวัติของเขาแล้ว โอหยางโชวเตรียมจะออกไป

ขุนพลซีรีบหยุดเขาทันที และกล่าวอย่างจริงจัง “นายท่าน! ข้ามีเรื่องจะรายงาน”

โอหยางโชวหยุดอย่างงงงวยและถามออกไป “โอ้! เกิดอะไรขึ้น?”

“หน่วยลาดตระเวณคนนึงเพิ่งกลับจากการรลาดตระเวณ และเขารายงานมาว่า พวกเขาพบค่ายโจร”

โอหยางโชวประหลาดใจิในเวลาอันสั้นจากการพัฒนา พวกเขาก็พบโจรระบาดในถิ่นทุรกันดาน “หน่วยลาดตระเวณได้ทำให้พวกเขารู้ตัวหรือไม่?” เขาถามอย่างเร่งด่วน

ขุนพลซีส่ายหัวและกล่าวว่า “พวกเขายังไม่รู้ตัว หน่วยลาดตระเวณถูกนำโดยสานโก่วฉี เขาฉลาดมาก พวกเขาเห็นค่ายโจรจากระยะไกล และได้ตรวจพบกองกำลังขนาดใหญ่จากระยะไกล เขาเร่งส่งคนมารายงานที่นี่”

“เยี่ยม! เขาตัดสินใจได้ดี เราต้องระวังตัวไว้ ด้วยกองกำลังของเราตอนนี้ โดยไม่รู้ความแข็งแกร่งของศัตรู เราต้องใจเย็นไว้ก่อน สิ่งที่สำคัญี่ต้องทำตอนนี้ ท่านต้องเร่งคัดเลือกกองทหารอาสา เพื่อเตรียมสำหรับการต่อสู้  ข้าจะติดต่อหัวหน้าฝ่ายอื่นๆของหมู่บ้าน” โอหยางโชวกล่าวด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

ขุนพลซีรู้สึกตื่นเต้นมากและกล่าวว่า “ข้าจะออกไปตรวจสอบด้วยเองคืนนี้ ข้าอยากจะรู้นักว่าพวกโจรมีความสามารถแค่ไหน”

เมื่อขุนพลซีจัดการด้วยตัวเอง โอหยางโชวก็รู้สึกสบายใจขึ้น การค้นพบค่ายโจรในครั้งนี้ อาจเป็นสิ่งที่ดีสำหรับดินแดน เขาสามารถฝึกกองทหารอาสาของเขาได้ การฆ่าโจรจะทำให้พวกเขาพัฒนาเร็วกว่าการฆ่ามอนสเตอร์ หลังจากจัดการพวกมันแล้ว เป็นไปได้ที่เขาจะได้รับแบบแปลนสิ่งก่อสร้างและของจำเป็นอื่นๆ

…………………………………………….

วันรุ่งขึ้น โอหยางโชวรีบเรียกขุนพลซีเข้ามาในสำนักงานของเขา เขากระตือรือร้นที่จะสอบถามข้อมูลจากการตรวจสอบเมื่อคืน

ความสามารถของขุนพลซีนั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อคืนเขาแอบเข้าไปในค่ายโจร โดยสอดแนมลายละเอียดต่างๆ “นายท่าน ในค่ายมีคนทั้งหมดประมาณ 100 คน คนที่สู้ได้มี 60 คน ที่เหลือเป็นผู้หญิงและเด็ก”

“กองกำลังของพวกมันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ประเภทแรก คือโจรธรรมดาไม่ค่อยมีอาวุธ และไม่ค่อยเดินไปไหน ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบเท่าทหารอาสาของเรา”

“ประเภทที่ 2 คือ โจรชั้นสูง มีอุกรณ์ครบครัน ทั้งดาบ หอก ธนู และม้า จากการตรวจสอบดูที่คอกม้าของพวกเขา โจรชั้นสูงเหล่านี้คงมีประมาณ 20 คน”

“ประเภทที่ 3 คือ ผู้นำของพวกเขา มีหัวหน้าโจร และรองหัวหน้าโจรอีก 1 คน ความแข็งแกร่งของหัวหน้าโจรเทียบเท่าหลินยี่ที่ท่านพามาเมื่อวานนี้”

ใบหน้าของโอหยางโชวเคร่งขรึม และกล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของโจรกลุ่มนี้เกินความคาดหมายของข้า แม้แต่โจรธรรมดาก็แข็งแกร่งเทียบเท่ากับทหารอาสาของเรา ในการต่อสู้ตรงๆ ข้าเกรงว่าพวกเาจะเสียหายอย่างหนัก โจรชั้นสูงที่มีธนู และลูกศร จะเป็นภัยคุกคามสำคัญ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เราต้องตัดสินใจให้รอบรอบ และไม่ปะทะกับพวกเขาตรงๆ”

ขุนพลซีกล่าวด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าดูถูกเขาว่าขี้ขลาด “ข้าไม่เห็นด้วย โจรเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรในสายตาข้า ข้าสามารถขี่ม้าเข้าไปในค่ายและฆ่าพวกมันได้มากกว่าครึ่ง”

โอหยางโชวยิ้มและตอบกลับอย่างนุ่มนวล “ขุนพลผู้กล้าหาญของข้า ข้ารู้เรื่องนี้ดี อย่างไรก็ตาม มดก็สามารถฆ่าช้างได้ด้วยเช่นกัน ท่านไปคนเดียวนั้นเสี่ยงเกินไป หากท่านล้มเหลวมันจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป แม้ท่านจะมีความกล้าหาญ แต่ทหารอาสากับอาวุธอย่างง่ายๆ คงไม่สามารถช่วยท่านจากการต่อสู้ได้”

ขุนพลซีถามกลับ “ในความคิดของท่าน เราควรทำเช่นไรดี”

โอหยางโชวใจเย็น และกล่าวอย่างมั่นใจ “ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มการฝึกซ้อมของทหารอาสา และจัดพวกเขาให้เป็นระะบบ เราจะรักษาสภาพที่เป็นอยู่และค่อยๆสะสมความแข็งแกร่ง  รอจนถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็จะโจมตี แน่นอนว่า เราต้องเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนคนอื่นๆ เตรียมทหารอาสาในกรณีที่พวกโจรเคลื่อนไหว นอกจากนี้เราจำเป็นต้องป้องกันคนที่ทำงานอยู่นอกหมู่บ้าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุใดๆ”

“ครับ” หลังเสร็จสิ้นการประชุม ขุนพลซีก็รีบออกไปจัดเตรียมการป้องกันหมู่บ้าน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด