ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 30 – หลอมรวมจิตวิญญาณการต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 31 – ราชาเปลวไฟสีม่วง

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 29 – ปราบปรามนกกระจอกกลืนกินสวรรค์


Chapter 29 – ปราบปรามนกกระจอกกลืนกินสวรรค์

 

กระแสน้ำวนที่ด้านหน้าของเซี่ยวหยุนเป็นเหมือนกับหลุมดำที่ไม่น่าเชื่อ มันดูเหมือนกับว่าได้เชื่อมต่อกับเก้านรกยมโลกขณะที่ปล่อยคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา แม้แต่การแสดงออกของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ก็สลดลง

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นกกระจอกกลืนกินสวรรค์จะตอบสนองได้ หอคอยกลืนกินสวรรค์ได้ปล่อยคลื่นของอักษรรูนแห่งแสงออกมา ทำให้กระแสน้ำวนแข็งแกร่งจริง แล้วภาพลวงตาของหอคอยกลืนกินสวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้น ปราบปรามนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ไว้ภายใต้มัน

 

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ภาพลวงตา แต่ก็มีขนาดใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ และรู้สึกราวกับมันเป็นหคอยจริงๆที่กดทับลงมาบนนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ หลุมดำที่ด้านล่างของหอคอยซึ่งดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ดูราวกับว่ามันจะกลืนสวรรค์และโลกลงไป

 

“นี่คือหอคอยกลืนกินสวรรค์?” เห็นหอคอยขนาดยักษ์ที่ปรากฏขึ้นกะทันหัน นกกระจอกกลืนกินสวรรค์รู้สึกตกใจอย่างเหลือเชื่อและร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่มันจะต่อต้านได้ หอคอยขนาดยักษ์ก็ได้ปราบปรามมันอย่างสมบูรณ์และคลื่นของอักษรรูนแห่งแสงก็ตกลงมา แล้วผูกมัดมัน

 

หวือ!

 

จากนี้ภาพลวงตาของหอคอยยักษ์ก็หายไปและกระแสน้ำวนที่ข้างหน้าเซี่ยวหยุนก็กลับเข้าไปในตันเถียนของเขา นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ก็ถูกดูดเข้าไปในหอคอยกลืนกินสวรรค์

 

“ในที่สุดก็ได้สหายคนนั้นภายใต้การควบคุม” เซี่ยวหยุนปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ขณะที่เขาส่งจิตใจของเขาเข้าไปในหอคอยกลืนกินสวรรค์

 

หอคอยกลืนกินสวรรค์กระพริบอยู่ด้วยแสงสีมืดภายในตันเถียนของเซี่ยวหยุนและปล่อยคลื่นพลังงานอันไร้ขอบเขตออกมา จิตใจของเขารู้สึกราวกับว่ากำลังจมลงสู่ห้วงอเวจีไม่มีที่สิ้นสุด โชคดีที่เซี่ยวหยุนได้ดูดซับหยดเลือดและบ่มเพาะทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ – เป็นเช่นนั้น เมื่อจิตใจของเขาถูกส่งไป มันก็สามารถเข้ามาได้โดยปราศจากอุปสรรคใดๆ

 

มันเป็นนรกอันมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดซึ่งไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้ มันเหมือนกับสถานล้างที่บาปผู้ตายและอักษรรูนสีดำหมุนและเคลื่อนที่ไปรอบๆ ผูกมัดจิตวิญญาณอสูรของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ ใครคนหนึ่งอาจมองเห็นรางๆว่าอักษรรูนเหล่านี้เหมือนกระแสน้ำวนที่กลั่นสกัดนกกระจอกกลืนกินสวรรค์

 

“ทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์สามารถกลืนกินจิตวิญญาณของเซียนที่ทรงพลังอย่างเหลื่อเชื่อได้จริงๆ?” เซี่ยวหยุนตกใจมาก ถึงแม้ว่าร่างเนื้อของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์จะหายไปแล้ว แต่จากกลื่นอายที่มันปล่อยออกมา เซี่ยวหยุนก็ยังบอกว่ามันทรงพลังมาก

 

ภายใต้การกลืนกินจากอักษรรูนสีดำ จิตวิญญาณอสูรของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ซึ่งอ่อนแออย่างมากแล้ว ก็กลายเป็นอ่อนแอลงเรื่อยๆ

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ร้องออกมาด้วยความตกใจ "นี่คือหอคอยกลืนกินสวรรค์ในตำนาน?"

 

“นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตัวนี้รู้เกี่ยวกับหอคอยกลืนกินสวรรค์?” เซี่ยวหยุนรู้สึกประหลาดใจมากและเขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยเกี่ยวกับนกกระจอกกลืนกินสวรรค์และหอคอยกลืนกินสวรรค์อย่างช่วยไม่ได้ มันดูเหมือนว่าต้นกำเนิดขอหอคอยนี้จะไม่ธรรมดา มีคนค่อนข้างน้อยอย่างมากที่รู้เกี่ยวกับมัน!

 

“ฮึ่ม หอคอยกลืนกินสวรรค์ยังไม่ได้ฟื้นตัว มันยังห่างไกลจากความเพียงพอที่จะกลืนกินเจ้านายคนนี้” หลังจากร้องออกมาความตกใจ นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ก็ได้ฟื้นคืนท่าทางอันเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีแดงของมันบ้าคลั่งและเปิดของมันขณะที่มีแสงที่ลุกเป็นไฟที่เปล่งประกายและกระแสน้ำวนปรากฏขึ้น

 

กระแสน้ำวนดูราวกับว่ามันสามรถกลืนกินสวรรค์และโลกได้ และเริ่มที่จะกลืนกินอักษรรูนสีดำเหล่านี้ ในเวลานี้ ไฟได้ปรากฏขึ้นรอบๆนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ แล้วยังเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำวนขนาดเล็กซึ่งปกป้องมันจากการกลืนกินของอักษรรูนสีดำ

 

ภายในห้วงมืดของหอคอยกลืนกินสวรรค์ แสงสีดำและแสงสีแดงสู้กันอย่างต่อเนื่องขณะที่พวกมันพยายามกลืนกินซึ่งกันและกัน จิตใจของเซี่ยวหยุนได้เข้ามาในหอคอยกลืนกินสวรรค์และได้เห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เห็นฉากนี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น มันเป็นไปได้ที่นกกระจอกกลืนกินสวรรค์จะหลบหนีไปได้!

 

“ไม่ ข้าไม่สามารถปล่อยนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ออกมาได้” เซี่ยวหยุนคิดขณะที่เขาพยามยามที่จะเชื่อมต่อกับหอคอยกลืนกินสวรรค์

 

บุซซซ!

 

ขณะที่จิตใจของเซี่ยวหยุนเชื่อมต่อกับมัน หอคอยกลืนกินสวรรค์ก็สั่นสะท้านและสร้างการเชื่อมโยงกับเขาอย่างแท้จริง ทำให้เซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับว่าเขาสามารถควบคุมทุกสิ่งภายในนั้นได้

 

ในขณะเดียวกัน อักษรรูนของหอคอยกลืนกินสวรรค์ก็ได้เข้าสู่จิตใจของเซี่ยวหยุน มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา

 

“ปราบปราม” ด้วยความคิดเล็กน้อย เซี่ยวหยุนเริ่มควบคุมอักษรรูนภายในหอคอยกลืนกินสวรรค์เพื่อปราบปรามนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ ภายใต้การควบคุมจากจิตใจของเซี่ยวหยุน แสงสีมืดของหอคอยกลืนกินสวรรค์ได้ส่องแสงออกมา ราวกับว่ากับคลื่นของอักษรรูนอันอื่นได้ตื่นขึ้นมา ซึ่งได้ตกลงไปยังนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ มวลอักษรรูนดูเหมือนตาข่ายขนาดยักษ์ ผูกมัดนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ไว้อย่างสมบูรณ์

 

ตามมาด้วย แสงสีแดงเข้มที่นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ปลดปล่อยออกมาได้หมองลงเมื่อกลิ่นอายของมันได้อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว

 

“ไม่...เด็กหนุ่มมาคุยกันอย่างสันติเถอะ” หลังจากที่ถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนเหล่านี้ นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ได้หวาดผวาไปอย่างสมบูรณ์ขณะที่มันร้องขอความเมตตา

 

เซี่ยวหยุนหัวเราะอย่างสงบ “พูดคุยกันอย่างสันติ? ตอนนั้นเจาต้องการจะฆ่าข้าและตอนนี้เจ้าต้องการจะพูดคุยอย่างสันติ? ข้าไม่ใช่ที่คนที่จะปล่อยเสือเข้าป่า ถ้าข้าสังหารเจ้าตอนนี้ ข้าสามารถดูดซับพลังวิญญาณของเจ้าและทำให้ตัวข้าเองแข็งแกร่งขึ้นได้ ทำไมข้าต้องไว้ชีวิตเจ้า?”

 

หลังจากกล่าวเช่นนี้ เซี่ยวหยุนเริ่มควบคุมอักษรรูนเพื่อกลืนกินจิตวิญญาณอสูรของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ต่อ ตอนนี้นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ได้สูญเสียร่างเนื้อของมันไปแล้ว มันดำรงอยู่ในรูปแบบของวิญญาณเท่านั้น ไม่ใช่แค่ตัวมันเท่านั้น เปลวไฟของมันก็ยังเป็นสารที่เหมือนวิญญาณ ทุกๆครั้งที่เซี่ยวหยุนดูดซับไปเล็กน้อย เขารู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาได้แข็งแกร่งขึ้น ราวกับว่าเขากำลังจะทะลวงผ่านไปในบทการทำลายจิตวิญญาณ ถ้าหากมีเวลา เขาจะสามารถใช้พลังวิญญาณของเขาเป็นการโจมตีที่เป็นรูปธรรมได้ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาจะสามารถแม้แต่สังหารฝางหรุยได้ทันที

 

“อย่าทำเช่นนี้ เราทั้งหมดก็เป็นผู้คนที่ได้รับการสั่งสอนมา;ไม่เคยพูดถึงเรื่องฆ่าฟันเลย” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าวด้วยท่าทางเศร้าหมอง มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าผู้ฝึกตนที่ดูอ่อนเยาว์เช่นนี้จะตัดใจสินได้อย่างเด็ดขาดในการสังหารและยิ้มแย้มแจ่มใส

 

เซี่ยวหยุนแทบจะกลอกตาของเขาเมื่อนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ที่น่าเกรงขามและเกรียงไกรที่ได้กลืนกินภัยพิบัติอสนีบาตได้กลายเป็นเจ้าเล่ห์และกลิ้งกลอก เขาเกือบรู้สึกละอายใจเมื่อนึกถึงว่านกกระจอกกลืนกินสวรรค์ได้เป็นเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้

 

หลังจากที่มองไปยังนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ หัวใจของเซี่ยวหยุนไม่ได้นิ่มนวลเลยขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “มันไม่มีความสัมพันธ์ใดๆระหว่างเรา เตรียมตัวตายเถอะ มันเป็นความผิดพลาดของเจ้าเองที่ตัดสินใใจสังหารข้าโดยไม่ได้พูดคุยอะไรก่อนเลย” หลังจากที่เขาพูดเสร็จ เขาได้กลั่นสกัดนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ต่อ

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์สาปแช่ง “ไอ้คนขี้โกง! เด็กหนุ่มมันเป็นเจ้าที่ทำให้โอกาสอันดีสำหรับข้าพินาศไปก่อน ใช่ไหม?”

 

เซี่ยวหยุนตอบกลับ “ถึงกระนั้นก็ตาม มันไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องสังหารข้า! นอกจากนี้มันไม่ใช่ความตั้งใจของข้าที่จะทำเช่นนั้น”

 

ย้อนกลับไปตอนนั้น จิตวิญญาณการต่อสู้ได้กระทำด้วยตัวมันเองและแม้กระทั่งเซี่ยวหยุนก็ไม่สามารถหยุดมันได้

 

“ไอ๊ เด็กหนุ่ม เจ้านายคนนี้ยอมรับว่าทำผิดพลาด ตราบเท่าที่เจ้าไว้ชีวิตข้า ข้าจะบอกเจ้าด้วยความลับอันน่าตกใจ” หลังจากตระหนักว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไม่ไว้ชีวิตมันง่ายๆ นกกระจอกกลืนสวรรค์ถอนหายใจขณะที่มันพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ

 

“ความลับอันน่าตกใจ?” เซี่ยวหยุนอยากรู้อยากเห็นมาก หลังจากถามว่า "มันคืออะไร?" เขาก็หยุดการกลั่นสกัดนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ชั่วคราว

 

“ความลับนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอย่างแท้จริง” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับ

 

“เกี่ยวกับข้า?” การแสดงออกที่สับสนปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยวหยุนแต่น้ำเสียงของเขาก็ยังคงระมัดระวัง เขารู้สึกว่านกตัวนี้พยายามจะหลอกลวงเขา

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พยักหน้าขณะที่มันพูดอย่างจริงใจ “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเด็กหญิงตัวเล็กไร้ยางอายคนนั้นถึงได้วิ่งมาตลอดทางจากอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์เพื่อตามหาข้า?”

 

เซี่ยวหยุนรู้สึกค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นและเขาถามว่า “ผู้หญิงผิวขาว? ทำไม?”

 

ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาได้ยินมาว่าหญิงสาวอ่อนวัยคนนี้มาจากอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ มันดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิด - บางทีนกตัวนี้จะมีความลับอันยิ่งใหญ่จริงๆ

 

“มันเป็นเพราะว่าสายเลือดนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ของข้ามีความลับอันยิ่งใหญ่ ซึ่งได้รับการแสวงหาจากบางฝ่ายที่สุดยอดในอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์อธิบาย “ไม่กี่ปีที่มา เจ้านายคนนี้ถูกซุ่มทำร้ายโดยบางคนและใกล้ตาย ข้าได้ต่อสู้ด้วยฟันและเล็บเพื่ออกมาจากอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ และมาสถานที่แห่งนี้ในขณะที่ตรงกลางไม่มีที่ไหนเลย”

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พูดเกี่ยวสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตขณะที่เซี่ยวหยุนก็รับฟังด้วยความสนใจ รู้สึกว่าว่ามันมีความลับอันยิ่งใหญ่จริงๆ “หลังจากบ่มเพาะมาหลายปี สุดท้ายข้าก็ฟื้นคืนส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของข้ากลับมาได้ แต่ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าร่างเนื้อของข้าจะถูกทำลายโดยเด็กหญิงเน่าเหม็นได้”

 

ภาพที่ปรากฏขึ้นนั้นน่าตื่นตาตื่นใจ นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ได้เอาเรื่องระหว่างภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ใส่ไปด้วย บางสิ่งที่มันพูดคือความจริง

 

นกกระจอกกลืนสวรรค์คำรามขณะที่มันยกศีรษะของมันขึ้น “เวรเอ้ย! ข้าคิดว่าข้าจะสามารถค่อยๆฟื้นคืนความแข็งแกร่งของข้าได้และสร้างเส้นทางสังหารของข้ากลับไปยังอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ แต่ตอนนี้ข้าได้ตกต่ำลงมาอีกครั้ง สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือขณะที่เจ้านายคนนี้กำลังกลืนกินวิญญาณของเปลวไฟ เจ้า เด็กหนุ่ม ได้มาขัดจังหวะ”

 

“ว้าว น่าสงสารจัง” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่พยักหน้าของเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักว่ามีบางสิ่งถูกปกปิดไว้ทันที “เฮ้ย นกแดง ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อฟังเกี่ยวกับปัญหาของเจ้า เจ้ายังไม่ได้บอกข้าถึงความลับเลย”

 

 

“สหายใจจืดใจดำ” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พูดงึมงำ จากนั้นมันก็พูดน้ำเสียงที่จริงจังว่า “เจ้าได้รับหอคอยนี้ที่ไหน”

 

“มันถูกทิ้งไว้โดยบิดาของข้า” เซี่ยวหยุนตอบกลับ

 

นกกระจอกกลืนสวรรค์มองดูตกตะลึง “อะไรนะ?! บิดาเจ้า? ใครคือพ่อของเจ้ากัน? เขาครอบครองหอคอยนี้ได้อย่างไร?”

 

“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการจะถามเจ้า” เซี่ยวหยุนตอบกลับด้วยใบหน้าที่แข็งเหมือนหิน

 

อย่างไรก็ตาม มีคลื่นที่ซึ่งคำรามไปมาภายในหัวใจของเขา จากน้ำเสียงของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ หอคอยกลืนกินสวรรค์จะต้องไม่ใช่สิ่งธรรมดาเลย เซี่ยวหยุนสงสัยว่าพ่อของเขาได้รับหอคอยนี้ได้อย่างไร

 

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น แต่เซี่ยวหยุนไม่ได้พูดอะไรที่ไม่จำเป็น - ทำไมเขาต้องเปิดมากกว่าที่เขามี?

 

“เอาล่ะ” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พูดด้วยการคอตก “เจ้านายคนนี้จะบอกเจ้า บรรพบุรุษของพวกเรานกกระจอกกลืนกินสวรรค์รู้เกี่ยวกับซากปรักหักพังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งราชันกลืนกินสวรรค์ทิ้งมรดกของเขาไว้ ถ้าใครบางคนได้รับมัน พวกเขาจะสามารถเขย่าไปทั้งดินแดนเหล่านี้อย่างสมบูรณ์และกลายเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่สูงสุด”

 

“มรดกของราชันกลืนกินสวรรค์?” เซี่ยวหยุนรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าวว่า "ใช่แล้ว หอคอยกลื่นกินสวรรค์นี้ที่เจ้ามีค่อนข้างคล้ายคลึงกันกับหนึ่งในยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ราชันกลืนกินสวรรค์ทิ้งไว้ข้างหลัง"

 

“อะไรนะ?! หอคอยของข้าเป็นยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้โดยราชันกลืนกินสวรรค์?!” ภาพลักษณ์ของการตกใจปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยวหยุนขณะที่เขาพูดว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ข้อความของพ่อเขาบอกไว้ว่าหอคอยกลืนกินสวรรค์เป็นสิ่งของกลืนกินสวรรค์สูงสุด แต่เซี่ยวหยุนไม่รู้เกี่ยวกับมันมากนัก และก็ไม่รู้เกี่ยวกับราชันกลืนกินสวรรค์ เช่นนั้น เขาต้องการจะได้รับข้อมูลบางอย่างจากนกกระจอกกลืนกินสวรรค์

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พึมพำ "ข้าก็อยากรู้เช่นกัน บางทีหอคอยของเจ้าอาจจะเป็นแค่แบบจำลองเท่านั้น หอคอยกลืนกินสวรรค์ที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก - มันเป็นสิ่งของที่สามารถทำให้แม้แต่เซียนสูงสุดต้องถูกเผาไหม้ด้วยความปรารถนาและเสี่ยงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับสิ่งของที่เหมือนกับพระเจ้าเช่นนี้"

 

“แบบจำลอง” เซี่ยวหยุนพึมพำกับตัวเขาเอง แม้กระนั้นก็ตาม เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้

 

“แม้ว่ามันจะเป็นแบบจำลอง แต่มันเป็นของที่ไม่ธรรมดา ทุกคนที่ได้รับหอคอยนี้แน่นอนว่าจะได้รับมรดกอื่นๆของราชันกลืนกินสวรรค์” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าว

 

“เด็กหนุ่ม พ่อของเจ้าเป็นคนประเภทใดกัน?”

 

เซี่ยวหยุนตอบกลับอย่างสงบ “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องรู้ แต่เจ้ารู้จริงๆหรือไม่ว่ามรดกของราชันกลืนกินสวรรค์อยู่ที่ใดกัน”

 

นกกระจอกกลืนสวรรค์กล่าว “แน่นอน มิฉะนั้น ทำไมเจ้านายคนนี้จะถูกตามล่าแบบนี้หรือ?”

 

เซี่ยวหยุนตกลงอยู่ความเงียบขณะที่เขาคิด รู้สึกระแวงเล็กน้อยในคำพูดของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ถาม “เด็กหนุ่ม ตอนนี้เจ้าสามารถปล่อยข้าไปได้แล้ว?”

 

“ไม่” เซี่ยวหยุนตอบกลับ

 

“อะไรนะ?!” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พุ่งเข้าไปในความโกรธ “หลอกลวง เจ้านายคนนี้ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับความลับใหญ่แบบนั้นไปแล้ว และถึงกระนั้นเจ้าก็ยังทำลายสัญญาของเจ้า?”

 

เซี่ยวหยุนตอบกลับอย่างสงบ “ถึงแม้ว่าเจ้าจะบอกข้าถึงความลับเช่นนี้ แต่มันเป็นประโยชน์กับข้าหรือไม่? จะขอให้ปล่อยเจ้าไปหลังจากฟังเจ้าเล่าเรื่องราว? หลังจากที่เจ้าหนีไป ข้าควรจะเดาเอา? ‘ความลับอันน่าตก’?” เซี่ยวหยุนรู้สึกหมดคำพูด มันดูราวกับว่านกกระจอกกลืนกินสวรรค์บอกความลับแต่กับเขา แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้ไม่ได้บอกอะไรเขามากนัก

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พยายามที่จะหลอกลวงเขาเหมือนกับเขาเป็นเด็ก

 

“แล้วสิ่งที่เจ้าต้องการคืออะไร?” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ถามด้วยการแสดงออกที่มืดมน

 

“คิดว่ายังไงล่ะ - เจ้าอยู่ที่นี่และหลังจากที่ข้าไปยังอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์และหามรดกของราชัน ข้าจะปล่อยเจ้าไป” เซี่ยวหยุนกล่าวในขณะที่เขายิ้ม ด้วยวิธีนี้ เขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการที่สหายคนนี้จะหลอกลวงเขา และเขาก็คงจะได้โอกาสที่ดี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด