ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 27 – เซี่ยวหยุนบ้าไปแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 30 – หลอมรวมจิตวิญญาณการต่อสู้

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 28 – หอคอยกลืนกินสวรรค์แสดงอำนาจ


Chapter 28 – หอคอยกลืนกินสวรรค์แสดงอำนาจ

 

 

เมื่อได้ยินเสียงร้องของความตกใจจากคนตระกูลฝาง เซี่ยวหยุนยิ้มเย้ย แสงหยกสีเขียวเปล่งประกายจากหน้าผากของเขาขณะที่สัญลักษณ์หยกสีเขียวปกคลุมร่างกายของเขา กิ่งหยกสีเขียวได้ขยายออกไปยังเปลวไฟสีม่วง ขณะที่มันสัมผัสกับเปลวไฟ เปลวไฟที่น่ากลัวอยู่เดิมได้ทันใดนั้นก็ได้สงบลง

 

ฝูงชนเฝ้ามองขณะที่เซี่ยนหยุนก้าวเข้าไปในเปลวไฟสีม่วง ฉากนี้ทำให้ผู้คนตระกูลฝางต้องรู้สึกตกตะลึงอย่างเต็มที่ - แน่นอน มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขากังวลเรื่องเด็กหนุ่ม แต่เนื่องจากเปลวไฟได้แสดงออกอย่างแปลกไป เปลวไฟได้บ้าคลั่งอย่างน่าเหลือเชื่อและมองดูราวกับว่าพวกมันสามารถเผาทุกสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่านได้ แต่อย่างไรก็ตามพวกมันได้สงบลงทันที

 

และสัญลักษณ์หยกเขียวเหล่านี้อยู่บนร่างกายของเด็กหนุ่มได้อย่างไร? คลื่นแห่งความตกใจถูกส่งผ่านตลอดผู้ฝึกตนตระกูลฝาง ทั่วทั้งหุบเขาได้กลายเป็นเงียบสงบอย่างผิดธรรมดาขณะที่ตาหลายดวงได้จ้องไปยังเด็กหนุ่มด้วยความไม่เชื่อถือ

 

ภายใต้การจ้องมองของฝูงชน เท้าของเซี่ยวหยุนหายเข้าไปในเปลวไฟสีม่วง

 

อึก!

 

คนตระกูลฝางได้กลืนหัวใจของพวกเขาไปไว้ในลำคอ

 

เปลวไฟเหล่านี้สามารถกำจัดทุกสรรพสิ่งในเส้นทางของพวกมันได้ และแม้กระทั่งผู้คนที่ยืนอยู่ในระยะไกลก็สามารถรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกคั่ว และเด็กหนุ่มคนนี้ได้ก้าวเข้าไปข้างในจริงๆ ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดจะต้านทานเปลวไฟเหล่านี้ได้อย่างไร? ฝูงชนรู้สึกงุนงงอย่างเหลือเชื่อขณะที่พวกเขาจ้องไปยังเด็กหนุ่ม เฝ้ามองเท้าของเขาจุ่มลงในเปลวไฟ

 

ฟู่ว!

 

ในขณะนี้ ฝูงชนได้ปลดปล่อยลมหายใจที่พวกเขากลั้นไว้ ตราบเท่าที่เด็กหนุ่มคนนี้ตาย ตระกูลฝางจะมีศัตรูร้ายแรงลดลงหนึ่งคน

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาปล่อยลมหายใจนั้น การแสดงออกของพวกเขาก็กลายเป็นเย็นเยียบ เด็กหนุ่มดูสบายดีอย่างสิ้นเชิงและไม่ได้ปล่อยเสียงร้องออกมาอย่างที่พวกเขาคาดไว้

 

“สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร?”

 

“อาจจะเป็นไปได้ ที่คนๆหนึ่งจะสามารถปราศจากอันตรายได้หลังจากก้าวเข้าไปในเปลวไฟเหล่านั้น?” ความไม่เชื่อได้ถูกเขียนอยู่บนใบหน้าของผู้คนตระกูลฝางทั้งหมด พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดจะรอดชีวิตมาได้แม้จะเดินเข้าไปในเปลวไฟเหล่านั้น

 

“อาจจะเป็นสัญลักษณ์หยกสีเขียวเหล่านั้น?” รูม่านตาของฝางหรุยหดลงขณะที่เขาจ้องไปยังแสงหยกสีเขียวที่ปกคลุมร่างกายของเซี่ยวหยุน เพราะว่าหลังของเซี่ยวหยุนหันมาทางพวกเขา พวกเขาจะไม่ได้เห็นกิ่งหยกสีเขียวยืดออกออกมาจากหน้าผากของเขา

 

หลังจากก้าวนั้นแล้ว ทั่วทั้งร่างกายของเซี่ยวหยุนก็เข้าสู่เปลวไฟ

 

“เขาสบายดี?” ฝางหรุยและคนอื่นแปลกใจและตกใจอย่างมาก

 

“ชายคนนั้นยังเป็นมนุษย์หรือไม่?” ฝูงชนไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้

 

ผู้ฝึกตนตระกูลฝางคนอื่นได้ถาม "มันเป็นไปได้ไหมว่าเปลวไฟสีม่วงเป็นแค่สิ่งลวงตา?"

 

“เป็นไปได้” ใครบางคนพยักหน้าอย่าแรง ถ้าไม่ใช่กรณีนี้ เซี่ยวหยุนสามารถเข้าสู่ถ้ำได้อย่างปลอดภัยได้อย่างไร?

 

ฝางหรุยคิดสักพักก่อนจะมองไปชายคนหนึ่งข้างๆเขาแล้วพูดว่า "เจ้าไปลองดู"

 

“ข้า?” ใบหน้าของเขาสลดลงและเขาได้ถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขามองไปยังถ้ำแห่งไฟ

 

เพียงแค่อากาศที่มาจากถ้ำก็เพียงพอที่จะทำให้หนังของเขาไหม้เกรียม เขาจะไม่เปลี่ยนเป็นฝุ่นหรือถ้าเขาแตะเปลวไฟเหล่านั้นจริงๆ?

 

“เจ้ากลัวเกี่ยวกับอะไรกัน? เซี่ยวหยุนก็แค่ขั้นต้นขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น” ฝางหรุยกล่าวอย่างอดทน "ไปและทดลองมันดู ถ้าเจ้าไม่ตาย เจ้าจะได้รับการปฏิบัติและการดูแลที่มีค่า เจ้าไม่ไดชอบหลิวฮัวเหนียงจากตระกูลหลิวหรือ? เราจะจัดงานแต่งงานให้เจ้าทันทีเมื่อเรากลับไป แล้วนายน้อยฝางเฮ่ายังจะมอบรางวัลแก่เจ้าด้วยเม็ดยาจิตวิญญาณจำนวนมากเพื่อช่วยเจ้าให้ทะลวงผ่านไปสู่ขอบเขตต้นกำเนิด เขากำลังจะเข้าร่วมนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ในเร็วๆนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง เม็ดยาสมุนไพรใดบ้างที่เขาจะไม่มี?”

 

“หลิวฮัวเหนียง? เม็ดยาสมุนไพร?” ชายคนนั้นเริ่มเดินตรงไปยังถ้ำไฟอย่างกล้าหาญ

 

นับตั้งแต่ที่เซี่ยวหยุนสามารถเข้าไปได้อย่างปลอดภัย โดยโชคบางอย่าง เขาได้ทำให้มันเป็นปากของถ้ำแห่งไฟ เขาขบฟันขณะที่เขาก้าวไปสู่กองไฟ

 

“เขาจะสบายดีไหม?” คนตระกูลฝางทุกคนต่างก็กลั้นหายใจ

 

ขณะที่คนๆนั้นก้าวเข้าสู่เปลวไฟ แสงสีม่วงได้ส่องออกมาราวกับคลื่นแห่งไฟเกรี้ยวกราดได้ถูกยิงออกมาและห่อหุ้มรอบตัวเขา

 

“อ๊ากกกก!!!” เสียงร้องโหยหวนดังออกมาขณะที่แสงสีม่วงเปล่งประกายและชายคนนั้นก็หายไป สิ่งที่เหลืออยู่คือถ้ำเปลวไฟสีม่วงที่ยังพ่นเปลวไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

“เปลวไฟเหล่านั้นเป็นจริง!”

 

“เหตุใดเซี่ยวหยุนจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ?” ผู้ฝึกตนตระกูลฝางงุนงง

 

มันเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะแสงหยกสีเขียวจริงๆ?” ฝางหรุยขมวดคิ้วลึกขณะที่เขาคิดกับตัวเอง

 

“หัวหน้า เราจะทำอะไรกันตอนนี้?” คนอื่นถาม

 

“รอ! ข้าไม่เชื่อไอ้สารเลวนี้จะไม่ออกมา ตราบเท่าที่เขากล้าออกมา เราจะฆ่าเขาโดยปราศจากความเมตตา!” ฝางหรุยกล่าวขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกาย

 

“ใช่!” คนอื่นๆพยักหน้า ความมุ่งร้ายได้แสดงออกบนใบหน้าของพวกเขาขณะที่พวกเขาพึมพำว่า “เราไม่สามารถไว้ชีวิตเขาได้”

 

หลังจากเดินเข้าสู่เปลวไฟสีม่วง เซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับว่าเขาเดินเข้าสู่ประตูใหญ่บางอย่าง เขาถูกผู้มัดด้วยพลังงานลึกลับ และหลังจากนั้นสักพัก ร่างกายของเขาก็ถูกปล่อยออกมา

 

“สถานที่แห่งนี้อยู่ที่ใดกัน?” เซี่ยวหยุนมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

มองไปรอบๆ มีแสงสีม่วงอยู่ข้างหน้าเขาขณะที่อากาศร้อนที่ทำให้หายใจไม่ออกได้พุ่งมาหาเขาเหมือนกับคลื่น คลื่นความร้อนกระทั่งน่าสะพรึงกลัวมากกว่าไฟที่ปากของถ้ำ ซึ่งทำให้เซี่ยวหยุนสะดุดไปข้างหลัง เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกเผาอยู่จนถึงจุดที่มันเกือบจะไม่สามารถทนทานได้

 

“เป็นคลื่นความร้อนที่ร้อนแรงมาก!” เซี่ยวหยุนตกใจอย่างมาก

 

แสงสีม่วงมาจากเปลวไฟสีม่วง ซึ่งเผาไม้อย่างต่อเนื่องในทุกทิศทาง  คลื่นความร้อนได้เต็มไปทั่วทั้งถ้ำ และเซี่ยวหยุนที่เห็นว่าหลุมลึกอยู่ที่ด้านหน้าของเขา

 

มีแสงสีม่วงเล็ดลอดออกมาออกมาจากหลุม และเซี่ยวหยุนก็สามารถตรวจพบสัญญาณแห่งชีวิตภายในมัน

 

ทำไมเปลวไฟเหล่านี้ถึงมีสัญญาณแห่งชีวิต?” เซี่ยวหยุนรู้สึกแปลกใจมากและมองไปทางแสงสีม่วง และต้องการจะเห็นว่าสิ่งที่มีอยู่คืออะไรที่ได้ปลดปล่อยคลื่นความร้อนเหล่านี้

 

“มันดูคล้ายกับวัตถุทรงกลมสีม่วงแห่งแสง” ตลอดแสงสีม่วง สุดท้ายเขาก็มองเห็นว่าสิ่งที่ดำรงอยู่ภายในเปลวไฟสีม่วง มันเป็นลูกบอลขนาดเท่ากำปั้นและดูคล้ายกับวิญญาณที่ลอยอยู่ในอากาศ

 

 

ข้างเปลวไฟสีม่วงเป็นลูกบอลสีแดงเข้มแห่งเปลวไฟ

 

"เปลวไฟ 2 ดวงนี้ดูเหมือนกำลังสู่กันอยู่" เซี่ยวหยุนประหลาดใจเล็กน้อยและในขณะที่เขามองใกล้ชิด หัวใจของเขาก็เริ่มกระหน่ำอย่างรวดเร็ว "มันดูเหมือนว่าจะเป็นนก .. นี่เป็นไปได้อย่งไร? นกจะสิงสถิตภายในบอลแห่งเปวไฟได้อย่างไรกัน?"

 

หลังจากมองอย่างใกล้ชิด เซี่ยวหยุนพบว่ามีนกกระจอกอยู่ภายในบอลสีแดงเข้มแห่งเปลวไฟ

 

"นกตัวนี้ดูเหมือนจะกลืนกินเปลวไฟสีม่วงเหล่านี้!" หลังจากสังเกตดูสักพัก เซี่ยวหยุนตระหนักว่ามันเกิดอะไรขึ้น นกกระจอกได้ได้ปล่อยแสงสีแดงเข้ม พยายามที่จะลองกืนกลินเปลวไฟสีม่วง แต่เปลวไฟกำลังต้านทานนกกระจอกสีแดงอยู่

 

เช่นเดียวกับที่ 2 ฝ่ายต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องขณะที่คลื่นความร้อนอันบ้าคลั่งได้ออกมาจากพวกมัน ขณะที่พวกมันต่อสู้ กลิ่นอายของทั้งคู่ได้อ่อนแอลง พวกมันทั้งสองใช้ความแข็งแรงค่อนข้างมาก

 

ทันใดนั้น แสงหยกสีเขียวเปล่งประกายภายในทะเลแห่งจิตสำนึกขณะที่จิตวิญญาณการต่อสู้ได้แทงเข้าไปยังเปลวไฟที่ต่อสู้กัน  คลื่นของสัญลักษณ์หยกสีเขียวกระจายออกไปเพื่อดูดซับเปลวไฟบริสุทธิ์อย่างน่าเหลือเชื่อ

 

เมื่อเปลวไฟถูกดูดซับโดยจิตวิญญาณการต่อสู้ เซี่ยวหยุนก็รู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณของเขาได้กลายเป็นทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ไม่ใช่เพียงแค่มี 2 เปลวไฟ แต่พวกมันยังมีวิญญาณสองดวง!” เซี่ยวหยุนได้กลายเป็นคลุ้มคลั่งพอใจขณะที่เขารู้สึกว่าพลังวิญญาณได้แข็งแกร่งขึ้น ตราบเท่าที่พลังวิญญาณของเขาได้แข็งแกร่ง เขาจะสามารถหยุดฝางหรุยได้!

 

ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ได้เข้าร่วม ออร่าของเปลวไฟทั้ง 2 ก็กลายเป็นอ่อนแอลงอีก ขณะที่เสียงก่อกวนดังออกมาและคลื่นความร้อนก็ถูกปลดปล่อยออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้ค้นพบถึงการมาถึงของบุคคลที่สาาม

 

อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนก็ได้เหนือกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ และสัญลักษณ์หยกสีเขียวได้ปราบปรามคลื่นความร้อนเหล่านี้ ทำให้เซี่ยวหยุนรู้สึกตกตะลึง มันดูเหมือนว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ธรรมดาของเขาได้อัศจรรย์ใจอย่างมาก

 

ภายใต้การดูดซับของจิตวิญญาณการต่อสู้ 2 เปลวไฟไม่ได้ต่อสู้กันอีกต่อไป เพราะกลัวว่าแก่นแท้แห่งชีวิตของพวกมันจะถูกใช้หมดซะก่อน ความความร้อนอันเกรี้ยวกราดก็ได้แผดร้องออกมาจากพวกมัน

 

ตู้ม!

 

เปลวไฟระเบิดออกมาขณะที่กลิ่นอายอันเกรียงไกรทำให้เซี่ยวหยุนถูกเป่าถอยหลัง มันสั่นสะเทือนและถูกส่งถอยกลับด้วยคลื่นพลังงานอันยิ่งใหญ่

 

เซี่ยวหยุนถูกส่งตัวออกไปมากกว่า 50 เมตร และเขาก็ได้กลืนกินเลือดลงไป

 

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ดูดซับแก่นแท้ปราณแห่งไฟได้อย่างรวดเร็ว มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเซี่ยวหยุนเมื่อจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาถูกโจมตีกลับ มันจะส่งเสียงหึ่งขณะที่มันขุดลงไปในเส้นโลหิตแห่งเปลวไฟในหลุมลึก

 

หลังจากเปลวไฟสีม่วงกระจายไป แสงสีแดงเข้มถูกยิงมาทางเซี่ยวหยุน

 

เสียงที่โหดร้ายดังออกมา “เด็กหนุ่ม เจ้ากล้าที่จะทำลายโอกาสของเจ้านายผู้นี้ ข้าจะสังหารเจ้า!”

 

“มันเป็นนกกระจอกกลืนกินสวรรค์!” เซี่ยวหยุนรู้สึกแปลกใจมากขณะที่เขาตระหนักได้เสียงนี้เป็นของใคร เมื่อถึงตอนที่เขาได้ยินเสียง นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ก็ได้อยู่ตรงหน้าเขา

 

มันไม่ได้ตัวใหญ่เหมือนที่เคยเป็น กลับกัน มันมีขนาดเพียงนกกระจอกตัวเท่ากำปั้นเท่านั้น เห็นได้ว่าว่านี้เป็นวิญญาณอสูร อย่างไรก็ตาม เปลวไฟด้านบนได้ปล่อยกลิ่นอายที่ดุร้ายและมีอำนาจออกมา

 

ก่อนที่นกกระจอกกลืนกินสวรรค์จะมาถึงเขา คลื่นพลังวิญญาณที่ทรงพลังถูกตัดลงไปในทะเลแห่งจิตสำนึกของเซี่ยวหยุนเหมือนกับใบมีดคม พลังวิญญาณทำให้จิตใจของเซี่ยวหยุนและจิตวิญญาณสั่นสะท้านและเกือบจะพังทลาย

 

“พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอะไรกัน” เซี่ยวหยุนตื่นตกใจและเขารีบจดจ่ออยู่กับการใช้พลังวิญญาณของเขาเพื่อให้รู้สึกถึงหอคอยกลืนกินสวรรค์ภายในตันเถียนของเขา เขามีแผนที่จะใช้บทการทำลายจิตวิญญาณเพื่อกลืนกินพลังวิญญาณของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์

 

หึ่งๆ!

 

ขณะที่เซี่ยวหยุนกำลังจะเปิดใช้งานบทการทำลายจิตวิญญาณ หอคอยกลืนกินสวรรค์ก็สั่นและส่งเสียงหึ่งๆออกมา ขณะที่ข้อความที่จารึกที่รั่วไหลไปทั่ว มันปลดปล่อยแสงแห่งความมืดขณะที่มันปล่อยคลื่นกระแทกอันเหลือเชื่ออกมา

 

ราวกับจิตใจของเซี่ยวหยุน เป็นหนึ่งในประตูของหอคอยกลืนกินสวรรค์ ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก กลายเป็นเส้นทางแห่งความมืด กระแสน้ำวนได้ยื่นออกมาจากมัน แล้วบินโฉบอยู่ภายในตันเถียนของเซี่ยวหยุน ดูเหมือนกับว่าจะผ่านไปยังยมโลก

 

เมื่อกระแสน้ำวนนี้ปรากฏ มันก็ได้กลืนกินพลังวิญญาณของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์โดยสมบูรณ์

 

“เกิดอะไรขึ้น?” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ร้องออกมาด้วยความตกใจ ขณะที่ลักษณะของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นภายในตาของมัน มันเริ่มจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มขณะที่มันพึมพำ “กลิ่นอายนี้รู้สึกคุ้นเคยมากและมันสามารถกลืนกินพลังวิญญาณของข้าได้ หรือว่าเด็กคนนี้จะมีสมบัติบางอย่าง?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด