ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 26 – ความสิ้นคิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 28 – หอคอยกลืนกินสวรรค์แสดงอำนาจ

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 27 – เซี่ยวหยุนบ้าไปแล้ว


Chapter 27 – เซี่ยวหยุนบ้าไปแล้ว

 

“ไม่ว่าเจ้าจะใช้กลอะไร เจ้าก็จะตายในวันนี้!” ฝางหรุยกล่าวด้วยการแสดงออกที่ดุดัน ขณะที่กระบี่อ่อนของเขาแทงไปที่เซี่ยวหยุน

 

กระบี่อ่อนฉีกอากาศผ่านไป ปล่อยปราณกระบี่ที่หนาวเหน็บออกมาและมองดูไม่สามารถปิดกั้นมันได้ อำนาจที่กระบี่ปล่อยออกมาทำให้เซี่ยวหยุนขมวดคิ้ว เขาไม่กล้าที่จะป้องกันการโจมตีนี้ ช่องว่างระหว่างขั้นต้นกับขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิดนั้นกว้างใหญ่จนเกินไปและไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะไม่สามารถข้ามช่องว่างนี้ได้

 

“ตราบเท่าที่ภูเขายังคงอยู่ มันจะไม่มีวันขาดแคลนฟืน ตราบเท่าที่ข้ารอดชีวิต ข้าจะได้แก้แค้นแน่นอน!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนกระพริบขณะที่เขารวบรวมพลังวิญญาณขึ้นและส่งมันออกมารอบๆเขา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดทั้งหมดถูกแช่แข็ง ราวกับว่าเทพอสูรได้ลงมา

 

ในช่วงเวลานั้น เซี่ยวหยุนได้กระโจนไปข้างหน้าขณะที่กระบี่ของเขาวาดเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีกในอากาศ แทงไปยังผู้เชี่ยวชาญต้นกำเนิด

 

จิ!

 

กระบี่ได้ทะลุผ่านหัวใจชายคนนั้นและได้ฆ่าเขาทันที เซี่ยวหยุนไม่กล้าที่จะพักอีกต่อไปและหันหลังแล้ววิ่งไปทันที  พลังวิญญาณของเขายังคงไม่แข็งแกร่งเพียงพอและอาจส่งผลกระทบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดได้ชั่วครู่เท่านั้น ในความจริง พลังวิญญาณของเขาแทบจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฝางหรุย ผู้ที่อยู่ขั้นปลายขอบเขตต้นกำเนิด ถ้าเขายังคงสู้ต่อไป เขาจะได้เผชิญหน้าอับอันตรายร้ายแรง

 

“กระบวนท่าชั่วร้ายประเภทใดกันที่เขาใช้?” ฝางหรุยได้ฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว และดวงตาของเขาก็ตกตะลึง ขณะที่เขามองไปยังสมาชิกตระกูลของเขาที่ล้มลง มันดูเหมือนชายคนนั้นถูกเด็กหนุ่มฆ่าหลังจากเพิ่งได้รับผลกระทบของทักษะ

 

“พลังอะไรกันที่ทำให้จิตใจและจิตวิญญาณของพวกเราสั่นสะท้านแบบนั้น?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดคนอื่นอีกสองคนมองไปยังกันและกัน รู้สึกแปลกใจอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกเขาสั่นอย่างช่วยไม่ได้ – เพียงแค่ชั่วครู่ สองคนในสมาชิกตระกูลของพวกเขาได้ล้มลง พลังอำนาจเหนือธรรมชาติประเภทใดกันที่เด็กหนุ่มได้ครอบครอง?

 

มันไม่ใช่แค่ผู้บ่มเพาะขอบเขตต้นกำเนิดที่ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายก็

ขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาได้เฝ้าดูการต่อสู้ทั้งหมดและสามารถทำได้เพียงจ้องมองเท่านั้นขณะที่กลุ่มสมาชิกตระกูลของพวกเขาถูกเข่นฆ่า เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นเหมือนกับพระเจ้าแห่งการสังหาร  – ทุกครั้งที่เขาโจมตี เขาจะเอาชีวิตไปด้วย การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเหตุการณ์ ทำให้หล่อหลอมเงามืดขึ้นในหัวใจของคนตระกูลฝาง

 

“ไล่ล่าเขา! เราต้องฆ่าเซี่ยวหยุนคนนี้ มิฉะนั้น มันจะเป็นตระกูลฝางของพวกเราที่ตาย!” สายตาของฝางหรุยมืดลงขณะที่เขาตะโกน

 

“ใช่!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดอีกสองคนที่ยังคงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์เป็นอย่างเป็น

 

ตระกูลฝางได้ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขากับตระกูลเซี่ยว ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ได้รับอุญาตให้ทรงพลังอย่างแท้จริง มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไว้ชีวิตพวกเขา?

 

“ในขณะนั้น พวกเจ้าทั้งหมดจำเป็นต้องทำจิตใจให้มั่นคงเพื่อไม่ให้พวกเราได้รับความประหลาดใจโดยสารเลวนี้อีกครั้ง” ฝางหรุยเตือน

 

สองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดพยักหน้า ตอนนี้ไม่มีใครกล้าที่จะประมาทอีกต่อไป ไม่นานหลังจากนั้น ฝางหรุยนำคนตระกูลฝางส่วนที่เหลืออยู่ไปไล่ล่าเซี่ยวหยุน

 

“บ้าเอ้ย คนเหล่านั้นยังคงไล่ตามข้าอยู่” ตอนนี้เซี่ยวหยุนได้ออกมาจากภูเขาลำธาร แต่เมื่อเขาส่งสัมผัสจิตวิญญาณของเขาออกไป เขาก็พบว่าคนตระกูลฝางยังคงไล่ล่าเขาอยู่ซึ่งเต็มไปด้วยความกระหายเลือด เขาได้แต่ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

 

“พี่ใหญ่เราควรทำอย่างไรดี?” เถาวัลย์สีม่วงได้กลับมาอย่างครบถ้วนในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา มันกระพริบตาขณะที่ดวงตาของมันกลายเป็นมืดสลัว มองขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “มันดูเหมือนคนเลวเหล่านี้จะไม่ปล่อยเราไป!”

 

“ไม่ต้องห่วง ม่วงน้อย รักษาบาดแผลของเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก” เมื่อเห็นว่าสหายตัวน้อยน่าสงสารมากแค่ไหน เซี่ยวหยุนรู้สึกเจ็บในหัวใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เขาพูด เซี่ยวหยุนควบคุมแก่นแท้แห่งชีวิตของหยกเขียวบนใบของจิตวิญญาณการต่อสู้ให้ไหลลงมาและปกคลุมบาดแผลของเถาวัลย์ม่วง

 

หลังจากถูกปกคลุมด้วยแก่นแท้แห่งชีวิตของหยกเขียว บาดแผลของสหายตัวน้อยเริ่มได้ฟื้นตัวด้วยอัตราที่ตาสามารถสังเกตได้ แก่นแท้แห่งชีวิตนี้เป็นแก่นแท้ของแก่นแท้(อ่านถูกแล้ว)ของจิตวิญญาณการต่อสู้ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชีวิต มันบรรจุไปด้วยคุณสมบัติในการรักษาอันยิ่งใหญ่

 

ในเวลาเดียวกัน บาดแผลของจิตวิญญาณการต่อสู้ก็ได้หายเป็นปกติอย่างรวดเร็วเช่นกันและกับสู่สถาวะดั้งเดิมของมัน

 

“พี่ใหญ่ ม่วงน้อยดีขึ้นแล้ว” หลังจากชั่วครู่ ดวงตาสีม่วงของสหายตัวน้อยก็ได้แจ่มใสอีกครั้งหนึ่งด้วยความเป็นเงาวับของมัน มองดูน่ารักอย่างยิ่ง "พี่ใหญ่ ท่านแข็งแกร่งมาก ในอนาคตน้องสาวสีม่วงจะไม่ต้องกลัวที่จะถูกรังแกโดยคนเลวเหล่านั้นอีกต่อไป"

 

“อืม” เซี่ยวหยุนส่งจิตสำนึกของเขาออกมาและรู้สึกประหลาดใจในความเร็วการฟื้นฟูของม่วงน้อยและจิตวิญญาณการต่อสู้ มันยังไม่ถึงชั่วโมงแต่พวกมันก็หายสนิทแล้ว จิตวิญญาณการต่อสู้ก็น่าอัศจรรย์

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจพบว่าผู้ฝึกตนตระกูลฝางยังคงติดตามพวกเขาอยู่ เซี่ยวหยุนช่วยอะไรไม่ได้นอกจากขมวดคิ้ว ถ้ามันเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดคนเดียว เขาจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม ฝางหรุยอยู่ในขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิด และแม้แต่พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้นานๆ ตอนนี้พวกเขาได้เตรียมพร้อมแล้ว มันจะเป็นเรื่องยากมากขึ้นไปอีกในการจัดการพวกเขา

 

“เราจำเป็นต้องหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อน เมื่อเราแข็งแกร่งเพียงพอ เราจะสั่งสอนบทเรียนให้กับคนเลวพวกนี้ เจ้ามีความคิดที่จะหนีจากคนเหล่านี้อย่างไร?” เซี่ยวหยุนถาม ตอนนี้เขาสามารถทำได้เพียงซ่อนตัวเท่านั้น เมื่อเขาจะแก้แค้นเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น

 

เรื่องนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบททำลายจิตวิญญาณ เซี่ยวหยุนมั่นใจว่าถ้าเขาสามารถทำให้พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นได้ เขาจะสามารถรบกวนได้แม้แต่จิตใจและวิญญาณของผู้ที่อยู่ขั้นปลายขอบเขตต้นกำเนิด เมื่อมันเกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ในการโจมตีเดียว แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้

 

“ม่วงน้อยไม่มีความคิดอะไรเลย” สหายตัวน้อยส่ายหัวของมันและกระพริบตาขณะที่มันเริ่มคิดอย่างจริงจัง

 

หลังจากนั้นชั่วครู่ ดวงตาของสหายตัวน้อยก็สว่างขึ้นทันทีขณะที่มันพูดว่า “ม่วงน้อยได้ยินได้ยินสัตว์อสูรบางตัวในลำธารเมฆาม่วงบอกว่ามีพระราชวังมรดกของผู้ฝึกตนโบราณอยู่ข้างหน้า มีถ้ำแห่งไฟอยู่ที่นั่นรวมทั้งบริเวณที่เป็นอันตรายจำนวนมาก บางทีพวกเราอาจะสามารถซ่อนอยู่ที่นั่นได้”

 

“พระราชวังมรดกของผู้ฝึกตนโบราณ?” ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้น ก่อนหน้านี้ สหายตัวน้อยได้พูดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้

 

“มีคนบอกว่ามีเปลวไฟที่เข้มข้นอย่างมากและนั่นก็เป็นอันตรายอย่ายิ่ง..” ม่วงน้อยได้อธิบายถึงพระราชวังมรดกของผู้ฝึกตนโบราณต่อ

 

หลังจากฟังสักครู่แล้ว เซี่ยวหยุนก็ได้รับความเข้าใจบางส่วนเกี่ยวกับสถานที่นั้นมีเส้นเปลวไฟอยู่ที่นั่นและเปลวไฟที่อยู่ในภายในพระราชวังได้ถูกเผาไม้ไปในสวรรค์ โดยปกติแล้วจะมีสัตว์อสูรประเภทไฟจำนวนมากที่นั่น อย่างไรก็ตาม เพราะว่านกกระจอกกลืนกินสวรรค์ พวกมันทั้งหมดจึงได้วิ่งหนีไป

 

“เอาล่ะ ไปที่นั่นกันเถอะ” หลังจากได้ยินเกี่ยวกับพระราชวังมรดกของผู้ฝึกตนโบราณ เซี่ยวหยุนรู้สึกมั่นใจมากพอจะไปที่นั่น

 

ข้างหลังเขา ผู้ฝึกตนตระกูลฝางยังคงไล่ตามเขาอย่างพากเพียร โชคดีที่เซี่ยวหยุนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดและค่อนข้างเร็วอยู่ มิฉะนั้น เขาจะต้องถูกจับกุมโดยคนตระกูลฝางมานานแล้ว อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถสลัดพวกเขาไปได้

 

หลังจากผ่านไปทั้งวัน เซี่ยวหยุนก็มาถึงที่ที่ไฟดูเหมือนจะเผาไหม้ขึ้นสู่สวรรค์และดูเหมือนจะมีหลุดภเขาไฟอยู่ระหว่างยอดเขา การเผาไหม้ของอากาศร้อนทำให้รู้สึกน่าอึดัอดอย่างยิ่ง และทำให้เซี่ยวหยุนรู้เหมือนกับว่ารางกายของเขากำลังถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่าน

 

“สาวเลวนั้นไปไหน?”

 

“เขาคิดว่าเขาจะหลบซ่อนจากพวกเราได้?” ผู้ฝึกตนตระกูลฝางตั้งใจจะไล่ล่าเขา แต่ก็มีคนจำนวนมากเริ่มบ่นงึมงำออกมา อุณหภูมิที่นี่ร้อนเกินไป ไม่ใช่บางสิ่งที่ผู้ฝึกตนหลอมร่างกายจะอดทนต่อต่อมันได้

 

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีอันตรายอยู่ที่นี่? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถงอกปีกและบินหนีไปได้?” การแสดงออกของฝางหรุยเป็นสิ่งที่อุบาทว์อย่างมาก หากเป็นแบบนี้ต่อไป ก็ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะมีศักยภาพมากขึ้น และฝางหรุยได้ตัดสินใจแล้วว่าจะถอนหญ้าออกจากรากของมันเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

 

เดือนที่ผ่านมา เซี่ยวหยุนพึ่งก้าวเข้าไปในระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายเท่านั้น แต่ตอนนี้ เขาได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว มีคนจำนวนมากที่แสดงพรสวรรค์ดังกล่าวตั้งแต่สมัยโบราณและฝางหรุยไม่กล้าที่จะประมาท มันเหมือนกับว่าถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ได้รับอนุญาตให้เติบโต เขาจะกลายเป็นเซียนที่หาคู่แข่งไม่ได้ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ตระกูลฝางจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร? หลังจากทั้งหมดในเดือนที่ผ่าน ฝางเฮ่าได้ทำลายความสัมพันธ์ของตระกูลกับเด็กหนุ่มคนนี้โดยสมบูรณ์!

 

ฝางหรุยสั่งให้ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดอีกสองคนพาบางคนไปขนาบข้างเพื่อค้นหาเด็กหนุ่มที่ด้านอื่น

 

เพราะว่าพลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนทรงพลังพอดูและมีภูมิปัญญาของภูมิศาสตร์จากม่วงน้อย เขาจึงสามารถที่จะหลีกเลี่ยงผู้ฝึกตนตระกูลฝาง ไม่นานหลังจากนั้น เซี่ยวหยุนได้ปล่อยพลังวิญญาณของเขาและค้นพบหุบเขาสีม่วง

 

แสงสีม่วงเต็มไปทั่วพื้นที่ มองดูเหมือนกับหมอกหนา ถ้าใครมองอย่างใกล้ชิด พวกเขาจะพบว่าแก๊สสีม่วงก่อเกิดขึ้นมาโดยแก่นแท้ปราณแห่งไฟ และแนวสันเขารอบๆมันก็ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ เฉพาะพืชพิเศษเท่านั้นที่สามารถเติบใต้ได้จากที่ไกลๆ สถานที่นี้ดูเหมอืนกับทะเลสีม่วง

 

“แก่นแท้ปราณแห่งไฟหนานแน่นเช่นนี้.....” เซี่ยวหยุนรู้สึกถึงใหญ่โตมโหฬารของคลื่นพลังที่มาจากสถานที่แห่งนั้น

 

“นั่นคือพระราชวังมรดกของผู้ฝึกตนโบราณ” ม่วงน้อยยังคงส่งสัมผัสจิตวิญญาณของมันออกมาขณะที่มันพูดด้วยเสียงราวกับเด็กทารก ดวงตสีม่วงของสหายตัวน้อยกระพริบอย่างตอเนื่อง และมองดูอยากรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกมากทีเดียว

 

“พระราชวังมรดกของผู้ฝึกตนโบราณ!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนวูบวาบ หลังจากยืนยันว่าไม่มีสัตว์อสูรใกล้ๆ เข้าก็มุ่งหน้าไปยังหุบเขานั้น

 

“มันได้ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ”

 

“นี่คืออะไรกัน?” คนตระกูลฝางได้ตามเซี่ยวหยุนอย่างเนื่องและพวกเขาบางคนก็ยังบ่น

 

“พวกเจ้าทั้งหมดกำลังตะโกนอะไร? มีหน้าผารอบๆ ทั้งหมด ดังนั้นสารเลวนั้นลงไปข้างล่างก็เพียงเพื่อการแสวงหาความตาย ตราบเท่าที่เราสามารถดักเขาได้ การที่เราจะสามารถฆ่าเขาได้ก็เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น” ฝางหรุยเค้นเสียงต่ำเย็นชาขณะที่เขาโบกมือเรียกสองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดเพื่อตีขนาบข้างเซี่ยวหยุน

 

คนตระกูลฝางเคลื่อนที่ไปข้างๆ ต้องการที่จะจับกุมเซี่ยวหยุนโดยพลัน แต่ตอนนี้ เซี่ยวหยุนได้เข้ามาสู่หุบเขาและเดินไปยังหน้าผ่า

 

ภายใต้หน้าผา มีทางน้ำไหลบางทางมี่ต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งภายในมีเปลวไฟคำรามที่บางครั้งจะลุกเป็นไฟ เปลวไฟเป็นสีม่วงเล็กขณะที่พวกมันเต้นรำ อากาศก็จะบิดเบี้ยวเล็กน้อย

 

“เปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวอะไรกัน! ข้าสงสัยว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาสามารถต้านทานพวกมันได้” เซี่ยวหยุนประหลาดใจมาก

 

เปลวไฟพวกนี้มีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเปลวไฟธรรมดาที่ดูเหมือนว่าพวกมันจะเผาทุกสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน หลังจากเดินไปข้างหน้า เซี่ยหวยุนคนก็พบถ้ำอยู่ข้างหน้าเขา ถ้ำไม่ได้ใหญ่นักและพวกมันมีแสงสีม่วงสดใสออกมาจากภายใน ราวกับว่าเป็นพระอาทิตย์ส่วนม่วงด้านในมัน

 

“นี่คือพระราชวังมรดกของผู้ฝึกตนโบราณ?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้ว เขาจะเข้าไปภายในถ้ำได้อย่างไร? เปลวไฟเหล่านั้นดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถเผาผลาญทุกสรรพสิ่งได้!

 

“ฮ่าฮ่า ไม่มีที่ไหนเลยที่จะให้เจ้าวิ่งหนีได้อีกแล้ว ข้าจะดูว่าเจ้าจะหนีไปในครั้งนี้ได้อย่างไร” เวียงดังออกมาตามด้วยเสียงหัวเราะที่คะนอง

 

ภายในหุบเขา ฝางหรุยและกลุ่มผู้ฝึกตนได้มาจับเซี่ยวหยุน ภายในชั่วครู่ พวกเขาก็ล้อมรอบเขาได้แล้ว

 

หลายทางน้ำเชื่อมต่อกันเป็นเส้นใยไฟ ซึ่งมีเปลวไฟหมุนวนอยู่รอบๆ และมีเพียงเส้นทางที่ปิดกั้นโดยฝางหรุยและคนอื่นเท่านั้น (ที่จะออกไป) เซี่ยวหยุนมองไปรอบๆเขาและยกคิ้วของเขาขึ้น ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้หนีไปไหนก็ตามจริงๆในครั้งนี้

 

"ข้าเป็นคนถึงเคราะห์กรรมแล้วจริงๆ?" เซี่ยวหยุนมองอย่างใจเย็นไปที่ผู้ฝึกตนตระกูลฝางที่อำมหิต ขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งแสงด้วยเจตนาอันหนาวเหน็บ ปล่อยจิตสำนึกแห่งความกระหายเลือดออกมา

 

"อะไร เจ้ากำลังจะทำการต่อสู้ครั้งสุดท้าย?" ฝางหรุยและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดอีกสองคนเริ่มก้าวไปยังเซี่ยวหยุน ขณะที่ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายติดตามไปด้านหลังพวกเขา

 

ถึงแม้ว่าการบ่มเพาะจะไม่สูงจนเพียงพอ แต่พวกเขาก็ยังสามารถกีดขวางเด็กหนุ่มได้

 

"ถ้าเจ้าต้องการสังหารข้า ก็เข้ามา" เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่เขาหันหลังและเริ่มเดินไปยังถ้ำที่พ่นไฟสีม่วง

 

"สาวเลวนี้กำลังจะเดินเข้าไปในถ้ำ?"

 

"เขาไม่ได้กลัวที่ถูกเผาจนตาย?"

 

"บ้าไปแล้ว! เซี่ยวหยุนมันบ้าไปแล้ว!" คนตระกูลฝางตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด