ตอนที่แล้วTXV – 46 บททดสอบด่านแรก !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  48 ความงดงามที่สมบูรณ์แบบ !

TXV –  47 ธรรมชาติของปาก !


TXV –  47 ธรรมชาติของปาก !

 

          มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่เซี่ยเหล่ยจะทำชิ้นส่วนเหล่านั้นสำเร็จ เขาสามารถทำมันเสร็จภายใน 1 ชั่วโมงหลังเดินทางถึงอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป จากนั้นเขาใช้เวลาที่เหลือในการศึกษาวิธีอ่านปากคนจากคอมพิวเตอร์.......

 

          บัยดูเป็นเว็ปไซต์ที่น่ากลัว ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถค้นหาจากเว็ปไซต์นี้ได้เขาพิมพ์คำว่า ‘วิธีอ่านริมฝีปาก’ ข้อมูลก็โผล่ขึ้นมานับพันเว็ปไซต์ในทันที

 

          เขามองไปที่ข้อแนะนำและหัวข้อที่น่าสนใจของบัยดูมี 3 วิธี

 

          วิธีที่ 1 : ดูข่าว

          วิธีที่ 2 : ฝึกอ่านปากตัวเองหน้ากระจก

          วิธีที่ 3 : ใช้ซอฟแวร์ในการช่วยอ่านริมฝีปาก

 

          ทุกวิธีมีการอธิบายอย่างละเอียดและเข้าใจได้ง่ายหลังจากที่เซี่ยเหล่ยได้อ่านข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์พบว่าการอ่านปากผู้อื่นนั้นค่อนข้างซับซ้อนแต่สำหรับเขา มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากเพราะว่าตาซ้ายของเขาสามารถบันทึกภาพที่เขาเห็นได้ทั้งหมด เขาสามารถเห็นทุกการเคลื่อนไหวของริมฝีปาก !

 

          ‘ทำไมเราถึงไม่ใช้กระจกเงาเปรียบเทียบลักษณะปากของเรากับปากของสือจิงชิวล่ะ ? บางทีฉันอาจจะถอดความหมายที่เธอพูดกับลูกค้าคนนั้นก็ได้นะ’ หลังจากที่เขาคิดเขาก็รีบลงมือทำทันที !

 

          พนักงานทั้ง 7 คนของอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปพวกเขายุ่งกับงานของตัวเองและอุปกรณ์จากเฉินตู เทียนหยินแต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง พวกเขาไม่ได้นั่งว่างอยู่เฉยๆทั้งผู้คนและเครื่องจักรก็ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพถึงแม้ว่าพวกเขาจะเหน็ดเหนื่อยแต่พวกเขาก็มีพลังงานใจที่เปี่ยมล้น……

 

          ภาพเหล่านี้ทำให้เซี่ยเหล่ยมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาเดินไปหาจูเสี่ยวหงที่กำลังใช้ค้อนเชื่อมโลหะทั้ง 2 ชิ้นอยู่……

 

 

          “เสี่ยวหง ผมขอยืมกระจกแต่งหน้าของคุณหน่อยสิ” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          จูเสี่ยวหงไม่รู้ตัวเลยว่าเซี่ยเหล่ยเดินมาข้างๆเธอ เมื่อเธอรู้สึกตัวจึงลุกยืนขึ้นและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าออกไปและถามว่า “พี่เหล่ยมีธุระอะไรหรอ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ผมขอยืมกระจกแต่งหน้าของคุณหน่อยสิ !”

 

          จูเสี่ยวหงมองที่เซี่ยเหล่ยแปลกๆและถามว่า “คุณจะเอามันไปทำอะไรหรอ ?”

 

          “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มี ผมจะไปยืมจากเฉินอาเจียวก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ฉันมี ฉันมี เดี๋ยวฉันจะไปหยิบให้คุณโดยทันที” จูเสี่ยวหงเดินไปที่ห้องของเธอเพื่อหยิบกระจกให้เซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังคิดอยู่ว่าจะเดินตามเธอเข้าไปในห้องเลยดีไหม ? เมื่อเขาคิดได้แล้วเขาจึงเดินตามเธอเข้าไปในตอนนี้จูเสี่ยวหงสวมชุดทำงานที่รัดแน่น กางเกงที่สั้นของเธอทำให้ชุดที่เธอใส่นั้นดูเซ็กซี่มากๆ

 

          “เอ่อ…. พี่เหล่ย ?” จูเสี่ยวหงเห็นเซี่ยเหล่ยเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าที่กลมโตของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยทันที จากนั้นเธอนำมือไปดึงกางเกงของเธอขึ้นมาเพื่อที่จะปกปิดร่างกายของเธอ.......

 

          สถานการณ์เช่นนี้มันดีกว่าที่สือจิงชวงขณะที่เธอกำลังใส่บิกินี่ซะอีก เธอสวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นก็ทำให้เธอมีเสน่ห์มากกว่าสือจิงชวงตั้งหลายเท่า ทำให้เซี่ยเหล่ยไม่กล้ามองเธอในตอนนี้

 

          เซี่ยเหล่ยรีบหันหน้าไปทางอื่นอย่างเขินอาย “ผมขอโทษ ผมไม่ได้มีเจตนา…. ผมขอยืมกระจกคุณ ทำไมคุณต้องถอดกางเกงด้วยล่ะ ?”

 

          “ฉัน ฉันใส่มันไว้ในกางเกงหน่ะ” จูเสี่ยวหงกล่าวอย่างกังวล

 

          เซี่ยเหล่ยไม่มีคำพูดอะไรจะพูดต่อ… มันเป็นเพียงแค่กระจกทำไมคุณต้องเก็บไว้มิดชิดขนาดนั้น ?  มันทำให้เขายิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ ในกางเกงขาสั้นของเธอมีกระเป๋าไว้สำหรับเก็บกระจกอย่างนั้นหรอ ?

 

          จากนั้นจูเสี่ยวหงเอื้อมมือไปหยิบกระจกจากกางเกงของเธอและสวมกางเกงขาสั้นกลับเข้าที่และส่งกระจกอันนั้นให้กับเซี่ยเหล่ย.....

 

          มันเป็นกระจกที่มีขนาดกระทัดรัดพอดีมือ มันมีขนาดใหญ่กว่าเหรียญ 3 เท่า ด้านหน้าเป็นกระจกเงาส่วนด้านหลังของกระจกมีลวดสายที่สวยงามมาก.......

 

          เซี่ยเหล่ยรู้ทันทีเลยว่าทำไมเธอต้องเก็บมิดชิดไว้ในกางเกงของเธอ กระจกเงาอันนี้เป็นกระจกเงาโบราณซึ่งเป็นของหายาก !

 

          จูเสี่ยวหงอธิบายว่า “พี่เหล่ย กระจกอันนี้เป็นของคุณยายของฉันมีคนเคยบอกว่าคุณยายเคยเป็นคนรับใช้ในราชวงศ์ชิงและเมื่อราชวงศ์ชิงล่มสลายลงเธอจึงหลบหนีออกมาและสิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็มีแค่กระจกอันนี้ เมื่อฉันมองมันทำให้ฉันนึกถึงคุณยายของฉัน ดังนั้นฉันจึงรักมันมากๆฉันกลัวที่ทำมันหาย ดังนั้นฉันจึงต้องเก็บไว้อย่างมิดชิด”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “คุณไม่กลัวหรอ ว่าผมจะทำมันแตกหรอ ?”

 

          “ไม่ ! มันแข็งมาก มันจะไม่มีทางแตก” จูเสี่ยวหงกล่าว

 

          จากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็ยืนจ้องหน้ากันทำให้ใบหน้าของจูเสี่ยวหงเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง

 

          “ฉัน ฉันต้องกลับไปทำงานก่อน” จากนั้นจูเสี่ยวหงรีบออกจากห้องโดยทันที ราวกับว่าเธอกำลังหนีจากอะไรบางอย่าง……

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างเก้ๆกังๆขณะที่เขาส่ายหัวไปพร้อมๆกัน เมื่อเขามองกระจกก็รู้ว่ามันเป็นกระจกที่สวยงามจริงๆทั้งฝีมือและวัสดุที่แปลกประหลาดที่ใช้ในการผลิตกระจกชิ้นนี้ เขารู้เพียงแค่ว่ากระจกชิ้นนี้ไม่สามารถหาซื้อได้จากท้องตลาดทั่วไป…….

 

 

          เซี่ยเหล่ยนั่งที่เตียงของจูเสี่ยวหงและล้มตัวลงนอนในขณะนั้นเองเขาได้กลิ่นอันพิศวงของเธอ ไม่ทราบว่ากลิ่นเหล่านั้นเป็นกลิ่นจากอะไรแต่ทว่ากลิ่นเหล่านี้ทำให้สติเขาหลุดลอยไปไกล…….

 

          ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นเส้นผมสีดำที่ติดอยู่ในร่องกระจกมันดูเล็กและเงางาม เขาก็คิดทันทีว่ามันอาจจะเป็นขนคิ้วของจูเสี่ยวหง ‘มันคืออะไร ? นี่เรากำลังยุ่งเรื่องของเธอเกินไปหรือเปล่า ? ฉันควรจะใช้กระจกนี้ในการฝึกอ่านปากดีไหมเนี่ย ?’

 

          จากนั้นเซี่ยเหล่ยใช้เวลา 2 นาทีในการหยิบเส้นผมเหล่านั้นออกจากกระจกและวางมันอย่างช้าๆบนผ้าคลุมเตียงของจูเสี่ยวหง จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางกระจกและเริ่มฝึกซ้อมอ่านริมฝีปาก

 

          ภาพที่ดวงตาของเขาสามารถเก็บบันทึกไว้ได้นั้นเป็นภาพริมฝีปากของสือจิงชวงเมื่อเธออยู่ในห้องน้ำและได้พูดโทรศัพท์กับลูกค้า ภาพเหล่านั้นได้เเล่นในหัวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ริมฝีปากของเธอเปลี่ยนไปอย่างช้าๆราวกับว่าเขาสามารถย้อนไปดูในสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ตลอดเวลา

 

          การอ่านริมฝีปากนั้นเป็นเรื่องของการสังเกต ความจำและสมาธิถ้ามีเงื่อนไขครบทั้ง 3 ข้อนี้ทุกคนก็สามารถอ่านปากของคนอื่นได้แต่ใน 3 ข้อนี้ข้อที่ยากที่สุดก็คือ การสังเกตตามมาด้วยความจำและสมาธิ มันดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆแค่การสังเกตเอง !แต่ในความเป็นจริงการเปลี่ยนแปลงของมุมปากของแต่ละคนนั้นเร็วมากรวมถึงจังหวะของการพูดนั้นไม่เท่ากัน คนปกติไม่มีทางที่จะจับตามองความเปลี่ยนแปลงของริมฝีปากที่พูดอย่างรวดเร็วเหล่านี้ได้……

 

          อย่างไรก็ตามข้อจำกัดเหล่านี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเซี่ยเหล่ย เขามีดวงตาที่เป็นเครื่องมือที่สามารถมองทะลุและสามารถบันทึกภาพที่เขาเห็นได้ทั้งหมด การอ่านปากของผู้อื่นจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเซี่ยเหล่ย

 

 

          ‘ฉันอยู่ในสำนักงาน ฮี่ฮี่ เขาต่อรองขอเพิ่มราคา 20 เปอเซ็นต์ ….. 50 เปอเซ็นต์ เงินฝาก ….. คุณรับผิดชอบโครงการตั้งหลายอย่าง….อุปทานในหาดมอเทอร์มันก็เป็นของคุณ….. เงินนี้คงเป็นสิ่งเล็กๆ…… เอาล่ะ … ไม่มีปัญหา ผู้จัดการเซิงคุณไม่ไว้วางใจฉันหรือถ้าคุณไม่พอใจเดี๋ยวฉันจะไปหาคุณที่สปริงส์ รีสอร์ท…..คุณเป็นคนน่ารัก ใช่มั้ยที่รัก …. ลาก่อน จุ๊บ…..’

 

          ริมฝีปากของเธอและลักษณะการพูด เธอใช้เวลาในการคุยโทรศัพท์ 3-4 นาทีในห้องน้ำแถมเธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่สำหรับการจับใจความของเนื้อหาที่เซี่ยเหล่ยกำลังทำมันซับซ้อนและยากมากดังนั้นเขาจึงใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนที่เขาจะถอดรหัสข้อความเหล่านั้นออกมาได้…

 

          2 ชั่วโมงนี้เป็นเวลาที่ยาวนานมากแต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขามากเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่การที่รู้ว่าลูกค้าคนนั้นอยู่ที่ไหนแต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือความสามารถที่เขาสามารถอ่านปากคนอื่นได้ ตอนนี้เขายังไม่ชำนาญกับความสามารถนี้แต่เมื่อเขาสั่งสมความรู้รวมกับลักษณะของการพูดจากคนอื่นๆ เมื่อเขาคุ้นเคยกับมันแล้วเขาสามารถอ่านปากของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว ! เมื่อถึงเวลานั้นเขาสามารถอ่านปากของใครก็ได้ถึงแม้ว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปจากเขาถึง 200 เมตร !

 

          นี่คือการปลดล็อคความสามารถจากตาซ้ายของเซี่ยเหล่ย ความสามารถเช่นนี้หากเขานำไปใช้ในการทำธุรกิจ เขาก็ชนะคู่ต่อสู้และช่วงชิงจังหวะไปก่อนแล้ว 1 : 0

 

          เมื่อถึงเวลาพลบค่ำพนักงานอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปได้เลิกงาน เมื่อพวกเธอเห็นเซี่ยเหล่ยนอนอยู่บนเตียงและกำลังบ่นพึมพำกับกระจกเงา….

 

          “เจ้านายเหล่ย เป็นบ้าไปแล้ว ?” เฉินอาเจียวมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความกังวล

 

          “ใช่แล้ว เขาพูดกับกระจกตลอดทั้งวัน ฉันคิดว่าเอาน้ำให้เขาดื่มสักหน่อยดีไหม ?” หลิวเสวียบิงกล่าว

 

          จูเสี่ยวหงเริ่มไม่พอใจ “พวกคุณกำลังพูดอะไรหน่ะ ? มันเป็นเรื่องปกติของพี่เหล่ย เขาไม่ได้บ้า”

 

          หม่าเสี่ยวอันกล่าวเสริมอีกว่า “เหล่ย ทำตัวแปลกๆมากขึ้นใน 2-3วันนี้ แต่พวกคุณไม่ต้องกังวลหรอก ถึงแม้ว่าเขาจะบ้าแต่เขาไม่มีทางลืมที่จะเลี้ยงอาหารมื้อเย็นสุดพิเศษสำหรับพวกเราในค่ำคืนนี้”

 

          พนักงานใหม่ทั้งหมดหัวเราะออกมา.......

 

          พวกเขาพูดอย่างเบาๆและจุดที่พวกเขาพูดอยู่ห่างจากเซี่ยเหล่ยมาก ไม่มีทางที่เซี่ยเหล่ยจะได้ยินสิ่งที่พนักงานเหล่านั้นพูดออกมา ในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังสังเกตลักษณะการพูดจากริมฝีปากของพวกเขาผ่านกระจกและกำลังถอดความจากบทสนทนาที่พวกเขาพูดด้วยการอ่านริมฝีปาก…..

 

          สิ่งเหล่านี้มันไม่มีทางลัด ! การอ่านริมฝีปากเป็นสิ่งที่ยากและต้องหมั่นฝึกฝนเซี่ยเหล่ยจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสในการฝึกฝน เขาจึงฝึกการอ่านริมฝีปากจากพนักงานของเขาในตอนนี้

 

          ‘บ้าหรอ ? ฮี่ ฮี่ กำลังนินทาผมอยู่ใช่มั้ย ? ถ้าผมบอกว่าผมเห็นทุกอย่างว่าพวกคุณกำลังพูดอะไรล่ะ ?’ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถอ่านทุกคำพูดของพวกเขาได้แต่เขาก็สามารถอ่านได้อย่างรวดเร็วขึ้นเยอะ เซี่ยเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับความสามารถที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว…..

 

          จูเสี่ยวหงไม่สามารถระงับความสงสัยของเธอไว้ได้ เธอจึงเดินเข้าไปในห้องและถามว่า “พี่เหล่ย คุณสบายดีไหม ?”

 

          เซี่ยเหล่ยหยุดการอ่ารริมฝีปาก เขาลุกขึ้นยืนและยื่นกระจกคืนจูเสี่ยวหงเขาหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า “ผมสบายดี ผมกำลังดูสิวที่ขึ้นอยู่บนหน้าผมอยู่หน่ะ”

 

          “ห่ะ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยเดินออกไป “เก็บกระจกดีๆน่ะ มันมีค่ามากจริงๆ” เขาปิดประตูและเดินออกไป

 

          จูเสี่ยวหงสัมผัสได้ถึงความสุขของเซี่ยเหล่ยที่เอ่อล้นออกมา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่ทราบสาเหตุจากนั้นเธอถอดกางเกงที่ขาสั้นของเธอออกและใส่กระจกไว้ในกระเป๋ากางเกงของเธอ เซี่ยเหล่ยเป็นคนแรกที่รู้ว่าจูเสี่ยวหงซ่อนกระจกอันล้ำค่าไว้ในนั้น…..

 

          เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินออกจากห้องทุกคนต่างจ้องมองเขาเป็นสายตาเดียวกันพวกเขารู้สึกกังวลแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา “มองผม ? มีอะไรรึปล่าว ? ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เดี๋ยวมานั่งกินข้าวด้วยกัน”

 

          หม่าเสี่ยวอันหัวเราะ “ผมบอกพวกคุณแล้วเขาไม่ได้เป็นบ้า ฮ่าฮ่า”

 

          อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

 

          โฟล์คสวาเก้น ซีซี หยุดที่ข้างถนน สือจิงชิวก้าวออกจากรถพร้อมกระเป๋าของเธอ

 

          หม่าเสี่ยวอันและคนอื่นๆในเวิกค์ช็อปเดินออกไปเพื่อให้เซี่ยเหล่ยและสือจิงชิวได้คุยเป็นการส่วนตัว

 

          เซี่ยเหล่ยวางชิ้นงานที่เขาได้ทำไว้บนโต๊ะ “เชิญตรวจดู !”

 

          “ไม่จำเป็น ฉันไว้วางใจในฝีมือคุณ” สือจิงชิวเหลือบมองไปที่ชิ้นงานก่อนที่เธอจะหยิบเอกสารออกจากกระเป๋า “สัญญานี่เปลี่ยนไปตามความต้องการของคุณ เซ็นชื่อได้เลยหากไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” สือจิงชิวกล่าวกับเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยอ่านแบบผ่านๆ ในใบสัญญาฉบับนี้ไม่มีชื่อของผู้จัดการเซิงหรือลายเซ็นจากตัวแทนจากหาดมอเทอร์เลย มันมีชื่อของสือจิงชิวเพียงอย่างเดียว สถานการ์แบบนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมาก

 

          “ทำไมถึงไม่มีชื่อของลูกค้าล่ะ” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          สือจิงชิวยิ้มอย่างอ่อนโยน “ลูกค้าของฉันไว้ใจฉันมากและตัดสินใจให้ฉันจัดการเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องกังวลไปหรอก ! แค่เซ็นชื่อและบอกเลขบัญชีของคุณเพื่อให้ฉันสามารถโอนเงิน 150,000 หยวนให้กับคุณ ทำไมคุณต้องกังวลเกี่ยวกับรายชื่อลูกค้าด้วยล่ะ ?ในเมื่อลูกค้าจ่ายเงินให้คุณแล้วคุณคิดจะขโมยลูกค้าของฉันงั้นหรอ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ เขายกปากกาขึ้นก่อนที่เซ็นสัญญา จากนั้นเขาบอกเลขบัญชีของเขาให้สือจิงชิว

 

          ขณะที่สือจิงชิวกำลังตั้งใจฟังเซี่ยเหล่ยเขาคิดในใจว่า ‘ผมต้องการให้คุณแนะนำลูกค้ากระเป๋าหนักให้ผมรู้จัก ไม่ใช่แค่แค่ผู้จัดการเซิงหรือกลุ่มหาดมอเทอร์เท่านั้น ผมจะยอมให้คุณจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างและปล่อยให้คุณแนะนำผมรู้จักกับลูกค้ามากขึ้น หลังจากนั้นผมจะติดต่อกับลูกค้าเหล่านั้นด้วยตัวผมเอง !’

 

          “เอาล่ะ ฉันโอนเงินให้คุณแล้ว ตรวจดูล่ะกัน” สือจิงชิววางโทรศัพท์ของเธอและยื่นให้กับเซี่ยเหล่ยตรวจสอบจากนั้นเธอยิ้มออกมา “ทำแบบนี้ก็ดีนะ จะได้มีความสุขที่ได้ร่วมมือกัน !”

 

          เซี่ยเหล่ยก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน “ใช่แล้ว….จะได้มีความสุขที่ได้ร่วมมือกัน”

 

          ติดตามตอนต่อไป…...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด