ตอนที่แล้วTXV –  38 ความเยือกเย็นที่งดงาม !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  40 แม่ยายงี่เง่า !

TXV –  39 รูปปั้นแห่งความรัก ?


TXV –  39 รูปปั้นแห่งความรัก ?

 

          เซี่ยเหล่ยได้รับข้อความจากหนิงเหยี่ยซานเมื่อเขาได้มาถึงอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป อาหารมื้อค่ำพวกเขาจะไปทานที่โรงแรมโพลาริสเวลา 19.00 นาฬิกา

 

          ‘ เห้อ ลุงหนิงไม่ได้ถามความคิดเห็นของเราเลย เราคงต้องไปสินะ พวกเราสองคนอาจจะต้องทำงานด้วยกันในอนาคต แล้วก็ถ้าเราไม่ไปอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ที่จะปฏิเสธคำชวนของลุงเขา เราจะพาเสี่ยวอันกับเสี่ยวหงไปกับเราด้วยเพื่อให้พวกเขามีประสบการณ์กับโลกภายนอกด้วย ’ เซี่ยเหล่ยคิด....

 

          หม่าเสี่ยวอันเป็นช่างเชื่อมและจูเสี่ยวหงเป็นผู้ช่วย เนื่องจากหม่าเสี่ยวอันกำลังทำงานอยู่เหงื่อออกจึงเป็นเรื่องธรรมดาและจูเสี่ยวหงก็เช่นกัน เหงื่อของเธอได้ทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่ม และเหงื่อเหล่านั้นก็ได้ไหลย้อยไปยังกางเกงของเธอทำให้เห็นเนื้อที่แนบติดกับก้นของเธอได้เป็นอย่างดี มันให้เห็นถึงอวบแน่นของเธอ และมันยังสามารถปลุกเร้าอารมณ์ของเขาไปพร้อมๆกัน

 

          “ได้เวลาพักแล้ว” เซี่ยเหล่ยปรบมือ

 

          ตอนนั้นเองที่หม่าเสี่ยวอันและจูเสี่ยวหงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเซี่ยเหล่ยได้กลับมาแล้ว หม่าเสี่ยวอันวางที่เชื่อมที่อยู่ที่มือของเขา ส่วนจูเสี่ยวหงได้ยืนขึ้นและเดินไปยังตู้กดน้ำ

 

          “ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำให้ผมหรอก” เซี่ยเหล่ยหยุดการกระทำของเธอ “คุณเหนื่อยแล้วตัวเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่จะเอาน้ำมาให้ผม คุณควรจะกดน้ำเพื่อดื่มเองมากกว่านะ”

 

          “ฉันยังไม่เหนื่อยหรอกพี่เหล่ย เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้” จูเสี่ยวหงเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเธอด้วยหลังมือและรอยคราบปรากฎอยู่ที่หน้าผากสีขาวซีดของเธอ

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้กระหายน้ำแต่เมื่อจูเสี่ยวหงนำน้ำมาให้ถึงที่ เขาจึงกระดกน้ำรวดเดียวหมดแก้ว.....

 

          หม่าเสี่ยวอันล้างมือเสร็จก็เดินมาหาเซี่ยเหล่ย “เหล่ย ทำงานที่บูรพาอุตสาหกรรมเสร็จแล้วหรอ?”

 

          “เสร็จแล้ว” เซี่ยเหล่ยกล่าว “หัวหน้าหนิงของบูรพาอุตสาหกรรมได้ชวนผมไปเลี้ยงมื้อคำเพื่อแสดงความยินดีที่งานเสร็จ มันจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าผมไปคนเดียว ดังนั้นผมอยากพาพวกเธอทั้งสองคนไปด้วย”

 

          หม่าเสี่ยวอันส่ายหัวของเขาทันที “เหล่ย ผมไม่ควรไปสถานที่สำคัญแบบนั้น แค่เหล่ยพาเสี่ยวหงไปด้วยก็พอแล้วแล้ว บอกพวกเขาว่าเธอเป็นเลขา”

 

          “ปกติเสี่ยวอันก็หน้าหนาแล้วทำไมวันนี้ถึงเกิดปอดแหกขึ้นมา ? หรือเพราะว่าหนิงเหยี่ยซาน ? เขาจะทำอะไรคุณหรอ ?”  เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “หนิงเหยี่ยซานเป็นคนใหญ่คนโต ส่วนผมเป็นผู้น้อย ผมจะรู้สึกไม่สบายใจถ้าไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำกับเขา มันจะดีกว่าถ้าผมไม่ไปด้วย”

 

          “พี่เหล่ย ฉันก็จะไม่ไปด้วย...  ” จูเสี่ยวหงดูจะกังวลและขี้อายเป็นอย่างมาก เธอกล่าวออกมาอย่างติดๆขัดๆ “ฉันก็แค่เด็กชนบทและไม่เคยเห็นโลกภายนอก พี่เหล่ยถ้าจะพาฉันไปด้วย มันจะทำให้ฉันอึดอัด เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่อยากไป ฉันจะไม่ไปด้วยอย่างแน่นอน”

 

          “ทั้งสองคนเลย มันก็แค่ไปทานอาหาร? ทำไมทั้งสองคนถึงจะต้องกลัวขนาดนั้นด้วย ?”

 

          “ผมไม่ได้กลัว ผมแค่ไม่อยากไป  เสี่ยวหงเธอไปได้นะในฐานะเลขาของเหล่ยไปเพื่อไปเปิดโลกกว้าง พวกคุณไปกับเหล่ยเถอะ !” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

          จูเสี่ยวหงส่ายหัวอันน่ารักของเธออย่างรวดเร็วจนทำให้เหมือนกับเธอกำลังสั่นไปทั้งตัว “ฉันจะไม่ไปและฉันไม่ใช่เลขาของพี่เหล่ยด้วย”

 

          เมื่อคำพูดไม่ได้ผลเซี่ยเหล่ยจึงวางเงิน 50,000 หยวนไว้บนโต๊ะ “ไม่เป็นไรถ้าพวกคุณทั้งสองไม่อยากไป นี้เป็นเงิน 50,000 หยวน ผมจะให้พวกคุณทั้งคู่คิดซะว่าเป็นโบนัสแล้วกัน จะใช้เงินซื้ออะไรก็ได้ที่พวกคุณต้องการ”

 

          “เหล่ย ทำอะไรหน่ะ?” หม่าเสี่ยวอันมองไปยังเซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้แตะต้องเงินที่อยู่บนโต๊ะเลย

 

          จูเสี่ยวหงก็กล่าวด้วยความกังวล “พี่เหล่ย ฉันดีใจที่พี่รับฉันเข้าทำงาน ฉันทำงานยังไม่ครบหนึ่งเดือนเลยแล้วทำไมพี่ถึงให้โบนัสเยอะขนาดนี้ ? ฉันรับมันไม่ได้หรอก”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มและกล่าวว่า “งานผมที่บูรพาอุตสาหกรรมได้เงินตั้งหนึ่งล้านหยวน จริงๆผมตั้งใจจะให้มากกว่าโบนัสแต่ว่าพวกเราจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อปรับปรุงร้าน มันก็แค่ 50,000 เอง อย่าเสียใจไปเลยเงินจำนวนนี้เป็นเงินจำนวนเล็กน้อย.... รับเงินส่วนนี้ไว้ซะเถอะ  ”

 

          “น้อย น้อยตรงไหน! ลืมๆมันไปเถอะ ผมไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้อีกแล้ว ผมเอาเงินตรงนี้ก็แล้วกัน โอเคนะ?” หม่าเสี่ยวอันหยิบเงินไปสองก้อนและเขาก็พูดต่อ “เซี่ยเสวียกำลังจะย้ายไปจิงดูเพื่อไปเรียนที่นั้น ผมจะไปที่ห้องเหล่ยเพื่อทานอาหารค่ำและตรวจดูว่าเธอต้องการอะไรอย่างอื่นอีกไหมเพื่อการเรียนของเธอ”

 

          เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว “เสี่ยวอันจะให้เงินเธออีกแล้วหรอ แบบนี้จะทำให้เธอเสียคนนะ”

 

          “เธอจะเสียคนยังไงไหนลองอธิบายมาสิ? เหล่ยเป็นพี่ชายของเธอนะ และผมก็เป็นพี่ของเธออีกคน ทำไมผมจะซื้อของขวัญให้เธอไม่ได้?” หม่าเสี่ยวอันอธิบายความคิดของเขา

 

          “จะทำอะไรก็แล้วแต่ จำไว้ด้วยว่ามันต้องมีความพอดีด้วย แล้วก็อย่างให้เธอติดนิสัยใช้เงินเยอะๆละ ไม่อย่างนั้นมันจะแย่แน่ๆ” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          หม่าเสี่ยวอันหัวเราะ “ครับ ครับ เหล่ยบ่นมากกว่าแม่ผมอีก”

 

          จูเสี่ยวหงพูดขึ้นมา “พี่หม่า พาฉันไปด้วย ฉันจะไปบ้านของพี่ใหญ่เหล่ยด้วยเพื่อไปกินมื้อค่ำ เออ...  ฉันต้องการซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้เซี่ยเสวีย”

 

          “ได้เลย แต่เธอต้องเช็ดโต๊ะก่อนที่เธอจะไปนะ”  หม่าเสี่ยวอันกล่าวด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย.....

 

          “โอเค” จูเสี่ยวหงยิบผ้าขึ้นมาและมุ่งหน้าเพื่อเช็ดโต๊ะ

 

          “เอาเงินนี้ไปด้วยและเก็บไว้ดีๆ อย่าวางไว้แบบนั้น” เซี่ยเหล่ยยัดเงินเข้าไปยังมือของจูเสี่ยวหง

 

          ดวงตาของจูเสี่ยวหงมีน้ำตาคลอ เธอพูดไม่ออก เมื่อเธอออกจากหมู่บ้านมาเพื่อหางาน เป้าหมายสูงสุดของเธอคือการเก็บเงินให้ครบ 10,000 หยวนและส่งเงินนั้นกลับบ้านและจากที่เธอคำนวณเธอต้องทำงานเป็นปีกว่าจะทำตามเป้าหมายได้ แต่เธอทำงานที่อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปไม่ถึงเดือนเซี่ยเหล่ยก็ได้ให้เงินโบนัสมาจำนวน 20,000 หยวน เป็น 20,000 หยวนที่มีความหมายต่อเธอมาก แล้วแบบนี้เธอจะพูดอะไรออกมาได้ล่ะ ?

 

          “ไปทำงานได้แล้ว ทำงานดีๆละ” เซี่ยเหล่ยไม่อยากเห็นเธอร้องให้

 

          “ค่ะ” จูเสี่ยวหงเก็บเงินก้อนโตไว้ในกระเป๋าและกลับไปทำงานของเธอที่โต๊ะโดยใจที่เต็มเปี่ยม มือของเธอขยับอย่างจริงจัง ซ้ายขวา ซ้ายขวา และภูเขาสองลูกก็ขยับไปมาอย่างจริงจังเช่นกัน ซ้ายขวา ซ้ายขวา จนภูเขา2ลูกนั้นแทบจะกระทบกับโต๊ะ

 

          ดวงตาของหม่าเสี่ยวอันจ้องไปยังหน้าอกของจูเสี่ยวหง เขาจ้องไปที่นั้นราวกับว่าเวลาของโลกนี้หยุดลง เขาไม่กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว !

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆและส่ายหัวเบา เขาเดินไปยังหม่าเสี่ยวอันและกล่าวด้วยเสียงเบาๆ “เธอเป็นคนซื่อสัตย์ ขยันทำงาน ผมบอกไว้นะว่าอย่าทำอะไรเธอเด็ดขาด”

 

          หม่าเสี่ยวอันก็กล่าวด้วยเสียงที่เบาเช่นกัน “เหล่ยคิดว่าผมเป็นคนยังไง? คนแบบผมเนี้ยไม่เหมาะกับเธอหรอก ผมไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว ผมแค่มอง แค่มองเฉยๆ มันไม่ผิดกฎหมายซะหน่อยแล้วก็แค่มองไม่ทำให้เธอท้องหรอกน่า ใช่ไหม?”

 

          “ยังจะมาใช่ไหมอีก!” เซี่ยเหล่ยตบเข้าไปยังหลังศีรษะของหม่าเสี่ยวอัน

 

          แม้หม่าเสี่ยวอันจะโดนตบก็ไม่ได้ทำให้เขาโกรธแต่อย่างใด และเขาก็ยังจ้องมองจูเสี่ยวหงเช็ดโต๊ะต่อไปพร้อมๆกับหัวเราะคิกคักไปด้วย....

 

          ในตอนเย็นเซี่ยเหล่ยเรียกแท็กซี่ไปยังโรงแรมโพลาริส

 

          ก่อนที่เขาจะไปถึงที่นั่น หนิงจิงก็ได้โทรมา

 

          “มีอะไรหรอครับพี่หนิง?” เซี่ยเหล่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง

 

          “มันต้องแย่แน่ๆ” น้ำเสียงของหนิงจิงฟังดูเหมือนเธอจะเป็นกังวลอย่างมาก

 

          “มีอะไรเกิดขึ้นหรอ?  ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดก็ได้”

 

          “ลุงหนิงบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องของคุณ พ่อของฉันก็จะมาทานมื้อค่ำด้วย”

 

          “อะไรนะ!” เซี่ยเหล่ยตกใจ

 

          “ลุงของฉันเขาพูดถึงคุณเหมือนกับว่าคุณมีพลังเหนือมนุษย์ และเขายังพูดอีกว่าคุณเป็นลูกเขยที่สมบูรณ์แบบ พ่อของฉันตั้งใจฟังอย่างจริงจังและเขายิ้มพร้อมๆกับพูดว่า ‘ทำไมเรื่องใหญ่ๆแบบนี้ไม่บอกกันบ้าง’  ฉันควรทำยังไงดี?” หนิงจิงกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกปวดหัวกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเหมือนกัน  !”

 

          “ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน อ้าก! มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรบอกลุงว่าคุณเป็นแฟนของฉันโดยที่เราสองคนไม่ได้ปรึกษากันก่อน” หนิงจิงจนปัญญาแล้ว.....

 

          “อย่าเพิ่งกังวลไป คุณแค่ช่วยผมให้เจอกับลุงของคุณและช่วยผมให้หารายได้ ผมจะโทษคุณได้ยังไง?” เซี่ยเหล่ยกำลังปลอบใจหนิงจิง

 

          “ไม่เป็นไร อะไรที่เป็นอดีตก็ปล่อยให้มันไปไม่ต้องไปขุดคุ้ยขึ้นมาอีก พ่อของฉันหัวใจเขาไม่ค่อยแข็งแรง เขาจะโกรธไม่ได้ พวกเราสองคนต้องร่วมมือกันมาหลอกเขาอีกครั้ง  !”

 

          เซี่ยเหล่ยก็ต้องตามน้ำไป “โอเค เรามาแกล้งเป็นแฟนกันอีกรอบ ผมแสดงไม่ค่อยเก่ง ถ้ามีคนมองออกละก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”

 

          “ไม่เป็นไรๆ คุณแค่ต้องไหลไปตามสถานการณ์แค่นั้นเอง โอเคนะ มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ ฉันจะรอคุณที่โรงแรมนะ” หนิงจิงวางสายไป

 

          เซี่ยเหล่ยยังคงถือโทรศัพท์มือถืออยู่ เขากำลังหมกมุ่นกับความคิดอยู่ เขาคิดว่างานนี้จะเป็นงานฉลองหลังจากทำงานเสร็จแต่กลับกลายเป็นงานดูตัวของเขาเฉยเลย เขาไม่ใช่แฟนของหนิงจิงแต่ต้องไปเจอพ่อของเธอในฐานะแฟน เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาปวดหัวเมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้....

 

          “พี่ชาย ไปเจอพ่อตาหรอ ?” คนขับรถแท็กซี่มองกลับไปที่เขาแล้วยิ้ม

 

          เซี่ยเหล่ยกลับมายังโลกแห่งความจริง “คุณรู้ได้ไง”

 

          “ผมได้ยินที่คุยเมื่อกี้” คนขับรถแท็กซี่กล่าว “คุณไปทั้งๆแบบนี้ไม่ได้นะ คุณต้องหาของขวัญที่เหมาะสมไปด้วย”

 

          เซี่ยเหล่ยปวดหัวมามากพอแล้วแต่คำพูดของคนขับรถแท็กซี่ทำให้เขารู้สึกวุ่นวายเข้าไปใหญ่ “มันจะยุ่งยากซับซ้อนขนาดไหนเนี้ย? จริงๆแล้วผม.... ผมลืม จอดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างหน้าด้วยครับ ผมจะไปซื้อของขวัญซักหน่อย”

 

          คนขับรถแท็กซี่หัวเราะ “เป็นสิ่งที่ต้องควรทำอยู่แล้ว...”

 

          รถแท็กซี่หยุดข้างหน้าของวอลมาร์ท เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปยังวอลมาร์ท ขณะที่เขาเข้าไปในร้ายมือของเขาว่างเปล่า แต่เมื่อเขาออกมามือซ้ายกำลังถือถุงใบใหญ่และถุงใบอื่นๆที่มือขวา หนิงจิงไม่ได้บอกว่าแม่ของเธอจะมาด้วยแต่สถานการณ์แม่ของเธอต้องมาด้วยอย่างแน่นอนเพื่อมาดูว่าที่ลูกเขย ฉะนั้นเขาจึงเตรียมกระเช้าของขวัญไว้สองอัน อันหนึงสำหรับพ่อของเธออีกอันสำหรับแม่ของเธอ

 

          “พี่ชาย ทำดีมาก ไปหาพ่อเม่เขาด้วยของขวัญ มันทำให้พี่ชายเป็นลูกเขยที่ดี” คนขับรถแท็กซี่พูดอย่างตรงไปตรงมา

 

          เซี่ยเหล่ยไม่มีอารมณ์ที่จะตลกเขาจึงอยู่เงียบๆ เขาบอกแท็กซี่ให้รีบขับไป

 

          เมื่อมาถึงโรงแรมโพลาริส เซี่ยเหล่ยจ่ายค่าแท็กซี่และเดินไปยังล็อบบี้ เขาเห็นหนิงจิงรอเขาอยู่

 

          หนิงจิงใส่ชุดมางานวันนี้โดยเฉพาะ เธอใส่ชุดแบบดั้งเดิมลายครามสีฟ้าและขาว พร้อมกับเจคเก็ตน่ารักตัวเล็กๆสวมทับไว้และร้องเท้าของเธอก็เป็นคู่ที่ดูเรียบง่ายและสง่างามอีกทั้งเป็นส้นสูงที่ไม่สูงมาก ทำให้โดยรวมของเธอมีออร่าแผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในลอบบี้ยังมีผู้หญิงที่แต่งตัวสวยๆหลายคนแต่เธอเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดในโรงแรมแห่งนี้ เซี่ยเหล่ยอดไม่ได้ที่จะชมเชยความงามของเธอตั้งแต่ครั้งแรกเห็น

 

          เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาหนิงจิงพร้อมกับกระเช้าสองอัน ยิ้มทักทาย “ผมของโทษที่มาสายไปหน่อย พี่หนิง รอนานหรือเปล่า?”

 

          หนิงจิงเดินไปหาเขา เธอดูกังวล “หยุดเรียกฉันว่าพี่หนิงได้แล้ว ลุงฉันบอกพ่อแม่ว่าคุณอายุ 25 คืนนี้เรียกฉันด้วยชื่อเล่น เรียกฉันว่าจิง”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “โอเค รับทราบ”

 

          “ไหนลอง... ไหนลองเรียกดูสิ” หนิงจิงกล่าวด้วยความเขินอาย

 

          เซี่ยเหล่ยเปิดปากของเขาและสั่นนิดๆก่อนจะพูดชื่อ “จิ.. จิง”

 

          “น่าจะใช้ได้ รอบหน้าให้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้ อย่าให้มันดูแข็งๆ” หนิงจิงสั่งเหมือนทหารสั่งเมื่ออยู่ในสนามรบ “แล้วก็พ่อฉันชื่อหนิงหยวนฮ่าย แม่ชื่อชางฮ่วยหลาน พ่อของฉันรับมือได้สบายๆ แค่คุณดื่มกับเขาสองสามแก้ว เขาจะมีความสุขก็ต่อเมื่อเขาดื่ม ส่วนแม่ของฉันจะรับมือยากหน่อย เธอจะถามคำถามเยอะ คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมดีๆ ไม่งั้นเธอจับได้แน่ๆที่พวกเราโกหก  ”

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกกังวลเขาจึงถามต่อ “แม่ของคุณจะถามคำถามแบบไหนหรอ?”

 

          หนิงจิงตอบทันที “บ้าน รถ หน้าที่การงาน รายรับ สมาชิกครอบครัวและอื่นๆคุณควรจะเตรียมตัวตอบคำถามดีๆด้วย”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆ “เหมือนกับคุณเคยผ่านมันมาแล้วเลย”

 

          ใบหน้าที่บ่งบอกว่าช่วยไม่ได้ปรากฏบนหน้าของหนิงจิง “แม่ฉันบังคับไปนัดดูตัวมากกว่าสิบครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่รู้ว่าแม่ฉันจะถามอะไรบ้าง”

 

          ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาทันที

 

          “เราไปกันเถอะ ฉันจะควงแขนด้วย” หนิงจิงถือกระเช้าด้วยมือข้างหนึง และควงแขนด้านหนึ่ง

 

          พวกเขาทั้งคู่รู้สึกเป็นกังวลอย่างอธิบายไม่ได้และเขินอายในจังหวะที่พวกเขาต้องควงแขนกันแต่ต้องทำให้เป็นธรรมชาติและเดินเขาไปยังร้านอาหารด้วยกัน....

 

          แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักปลอมๆ แต่ผู้คนที่เห็นก็ต่างชื่นชมพวกเขาอยู่เงียบๆ พวกเขาควงแขนกัน

 

          พวกเขาเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันจริงๆควรสร้างรูปปั้นแห่งความรักให้พวกเขาเลย...

 

          ติดตามชมตอนต่อไป…….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด