ตอนที่แล้วตอนที่ 3 : ช่วงพักภารกิจ(1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 : โรงพยาบาลร้าง (1)

ตอนที่ 4 : ช่วงพักภารกิจ(2)


ตอนที่ 4 : ช่วงพักภารกิจ(2)

แปลไทย : แพนด้าคุง | แก้ไข : แพนด้าคุง

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยยกเลิกการเชื่อมต่อ,เปิดประตูคอนโซลเกมและนั่งพักหายใจสักพักนึง

 

ตอนนี้เป็นยามบ่าย,แสงอาทิตย์ส่องประกายเจิดจ้าที่ด้านนอก

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยอยู่ในห้องเช่าชั้นสิบสามลำพัง, ชั้นที่เขาอยู่สูงเหยียดฟ้า พ่อแม่ของเขา และเขาเคยมีปัญหาซึ่งกันและกันเรื่องส่วนแบ่งการเงิน ไม่กี่ปีก่อน พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปเนื่องจากสาเหตุฆ่าตัวตาย เพราะเหตุนี้เขาจึงอยู่คนเดียว

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยมองมาที่นาฬิกา, และเขาก็รู้ว่าเขาเล่นเกมนี้ไปแค่ 15 นาที ในโหมดไม่ได้หลับนอน ส่วนในเวลาของทริลเลอร์ พาราไดซ์นั้นก็ห่างกับเวลาจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว ถ้าอธิบายแบบง่ายๆ ก็เล่นเกมเป็นเวลาสามสิบนาทีได้แล้ว ถ้าหากอยู่ในโหมดหลับ การเชื่อมต่อประสาทจะค่อนข้างลึก อัตราส่วนของเวลาอาจจะเป็น 1/10 เลยก็ว่าได้

 

มีคำกล่าวเคยกล่าวไว้ว่า, “ไม่มีเวลาในความฝัน” ถ้าหากผู้เล่นได้เล่นในช่วงที่เข้าไปในโลกเสมือนจริง ของการหลับนอนแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะสามารถเล่นเกมได้ถึงแปดหรือสิบชั่วโมงอย่างไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นฝันถึงหลายชั่วโมง แต่ถ้าเล่นหนักแบบนั้นก็อาจจะปวดหัวมากในตอนที่ตื่นนอนเช้าวันถัดไปก็ได้ ในคู่มือมีเขียนเอาไว้ว่า ผู้เล่นไม่ควรเล่นนานเกินกว่าสี่ชั่วโมงในโหมดหลับ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยได้อ่านนี่ก่อน เขาเลยจำมันได้ดี

 

ในเวลานี้, เฟิ่ง บู่เจวี๋ยที่ลุกขึ้นออกจากห้องคอนโซลเกม มันไม่ใช่ว่าเขาอยากจะพักผ่อนเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะว่าเขาและเพื่อนเพื่อนได้ตั้งเป้าว่าจะเล่นด้วยกัน

 

วันนี้เป็นวันแรกที่บริษัทดรีมได้ปล่อยให้เวอร์ชั่น Close Beta ช่วง 8:00 เช้า แต่เพื่อนของเขาตอนนี้ยุ่งอยู่ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยจึงได้แต่รอเขาไปก่อน เขาก็เลยเข้าไปออนไลน์สักพักเพื่อสร้างตัว เขาไม่อยากอัพเกรดเลเวลให้ไปไกลกว่าเพื่อนมากเท่าไหร่ เดี๋ยวมันจะสร้างช่องว่างระยะห่างกันเกินไปหน่อย

 

(ต่อไปช่วงนี้จะเหมือน บทคนเขียนพูดคุยนะครับ)

 

คำถามก็คือ, เฟิ่ง บู่เจวี๋ยไม่มีอะไรทำตอนเช้างั้นเหรอ?

 

ถูกต้องเขาแทบไม่มีอะไรต้องทำเลย

 

ผมบอกคุณได้เลยว่า ด้วยการที่เขาเป็นนักเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวน ด้วยการที่เป็นนักเขียน ก็ต้องมีอะไรกังวล ต้องเขียนงานนะ เขาแทบไม่มีอะไรต้องทำเลย?

 

 

เห็นได้ชัดเลย ว่าไม่

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยไม่ค่อยมีชื่อเสียง,แต่ผลงานของเขาก็ไม่ได้แย่ มีคุณสมบัติเพียงพอที่ได้ตีพิมพ์ สำนักพิมพ์ต่างก็ให้เอาผลงานเขาไปขาย เขาเป็นหนึ่งในพวกนักเขียนที่ยังไม่รวย

 

ถึงเขาจะเคยติดนิตรสารสองหน้าก็ตาม, แต่ด้วยเรื่องนิยายที่เขาเขียนเกี่ยวกับนักสืบ ที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น ทุกๆเดือนเขาต้องส่งต้นฉบับร่าง ทุกครั้งถ้าหากคุณภาพของมันไม่ดีมากพอ เขาก็ต้องเอามันมาเขียนใหม่ เส้นตายมักจบอยู่ที่สิ้นเดือน ช่วงเวลานั้นคือตัวตัดสินอนาคตของเขา

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยรายได้และปัจจัยเพียงแค่นี้ เขาไม่อาจที่จะอยู่รอดในเมือง S ดังนั้นการที่เขาเขียนนิยายนักสืบ ถึงแม้ว่าจะถูกตีพิมพ์แล้ว เขาจำเป็นต้องที่เก็บหอมรอบริบเรื่องเงินทองเอาไว้ เมื่อตอนที่หนังสือถูกขาย เงินบางส่วนก็ถูกเก็บไว้ใช้อนาคตอย่างในตอนนี้

 

แต่แล้วทำไมเขาถึงไม่มีอะไรทำในตอนเช้าล่ะ?

 

มันก็ง่ายที่จะอธิบาย เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเขามีแรงบันดาลใจในตอนทำงานของเขาเสมอ ‘แรงบันดาลใจมักก่อเกิดงาน การตรงเวลา,อาหาร ,ของหวาน, ทบะหมี่’ เห็นได้ชัดว่านี่คือคำนิยามของคำว่าแรงบันดาลใจของนักเขียน

 

ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ปรับตัวได้เก่ง เมื่อเขาเขียนไม่ได้,เขาก็จะบังคับให้เขียนแต่เรื่องที่ันแย่ๆไปแทน นั้นคือ ‘การเก็บรวบรวมแรงบันดาลใจ’ ของเขา

 

ดังนั้น การที่ต้องรอแรงบันดาลใจของเฟิ่ง บู่เจวี๋ยนั้น อาจจะต้อง รอนานถึงสิบๆปีเลยก็ว่าได้

 

เมื่อครึ่งเดือนก่อนได้ผ่านไป บรรณาธิการของนิตรสาร และผู้แก้ไข ได้ขี่ม้ามาเคาะที่หน้าประตูห้องของเขาพร้อมกับเจ้าของห้อง ในมือหนึ่งถือปีกทองคำ ของนกฟีนิกซ์และในมือถือกุญแจสำรองที่เอาไว้เปิดประตูของเขา

 

ทุกๆครั้งที่พวกเขามาทวงงาน,เฟิ่ง บู่เจวี๋ยแทบเหมือนอยู่ในสนามรบดีๆ เสมือนว่าพวกเขาและตัวของบู่เจวี๋ยกำลังห่ำหั่นด้วยต้นฉบับ

 

เอาล่ะ ผมว่าผมเกริ่นเรื่องราวของเขาไปพอสมควรแล้ว ยังไงซะเขาก็พอใจในชีวิตนี้ของเขาอยู่ดี

 

เอาล่ะ เรามาพูดเรื่องเพื่อนของเขาที่เป็นเหมือนขนนกอันแสนเบาบางของเขาดีกว่า แต่จะเป็นไปได้มั้ยถ้าหากเพื่อนของ เฟิ่ง บู่จเวี๋ยเป็นคุณ?(1)

 

ใช่ เป็นเขานั้นแหล่ะ ถูกแล้ว

 

คนๆนั้นมีชื่อว่า หวัง ทันจื่อ, เฟิ่ง บู่เจวี๋ยสนิทกับเขามาก ถ้าหากกล่าวแบบภาษาบ้านๆ ก็เหมือนว่าเขานั้นเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาลจนกระทั้งจบไฮสคูล หวังทันจื่อได้เรียนโรงเรียนแพทย์ ส่วน เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็กลายเป็นพวกขี้เกียจในสังคมไปแทน

 

ความสัมพันธุ์ของพวกเขานั้น เราสามารถแจกแจงอธิบายได้สองวิธี ซึ่งมีทั้งสมมุติฐานและความเป็นจริง

 

อย่างแรก, เราจะพูดคุยเกี่ยวกับความจริงก่อน ทำไมหวังทันจื่อถึงได้เลือกเรียนโรงเรียนแพทย์? นั้นเป็นเพราะว่า เฟิ่ง บู่เจวี๋ยอยากได้ผู้ช่วยที่เหมือนหมอในเรื่องเชอร์ล็อคโฮล์มน่ะสิ เขาก็เลยเลือกที่จะไปเรียนโรงเรียนแพทย์

 

ตอนนี้มาสมมุติฐาน ถ้าหวัง ทันจื่อเป็นเด็กผู้หญิงล่ะก็ นิยายที่ผมกำลังเขียนอยู่ มันคงจะเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะหวังน้อย อาจจะมอบความบริสุทธิ์ของเธอไปให้บู่เจวี๋ยไปหลายปีก่อนแล้วก็ได้

 

จากข้อสมมุติฐานนี่นั้น เก็บมันไว้ในใจก่อนละกันครัง ไม่ต้องกังวล พวกเขาเป็นผู้ชาย ทั้งคู่และไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน

 

แต่หวัง ทันจื่อเขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ถามว่าเขารวยมากแค่ไหน เอาเป็นว่ามันพอสำหรับการที่เขาไม่ต้องทำงานอะไรก็ได้เขาก็อยู่รอดอย่างสบายๆ เขาหล่อกว่า เฟิ่ง บู่เจวี๋ยนิดหน่อย อีกทั้งยังสูงกว่าถึง 6 ฟุต เป็นคนจิตใจดีงามอ่อนน้อมถ่อมจน อ่อนโยน อ่อนโยนชนิดที่ว่าไม่ค่อยอยากจะรบกวนผู้อื่นเท่าไหร่

 

 

ในระยะสั้น, ก็ยากที่จะหาข้อบกพร่องของเขาได้ เนื่องจากเขาเป็นเพื่อนเก่าสุดซี้ของ เฟิ่ง บู่เจวี๋ย หวัง ทันจื่อเป็นประเภทหนุ่มเรียบร้อยอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ถ้าหากอารมณ์แปรปรวนหรือโมโหอะไรก็ตามก็จะกลายเป็นนักเลงหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเหมือนกัน

 

อย่างไรก็ตาม, ชีวิตมักมีปาฏิหาริย์ พวกเขาสองคนดันกลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก

 

เที่ยงวันผ่านไปด้วยความรวดเร็ว เฟิ่ง บู่เจวี๋ยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่ออ่านข้อมูลต่างๆในเว็บไซต์ของเกม เพราะว่าเขาทำบทสอนของมือใหม่ไปแล้ว ทำให้เขาเข้าใจถึงเนื้อหาของเกมได้มากขึ้นกว่าเก่า

 

ในเวลาที่ยังว่างๆ, เขาได้ทำก๋วยเตี๋ยวกิน ไม่ใช่เพราะว่ารักก๋วยเตี๋ยวอะไรหรอกนะ, แต่เป็นเพราะว่าเขาซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อประหยัดเงินมาทำต่างหากล่ะ เพราะมันง่ายกว่าซื้อแป้งมานวดทำ

 

เขาช่างเป็นคนที่ประหลาดจริงๆ ทั้งคำนวนค่าอาหารต่างๆ สำหรับอาหารแต่ละมื้อ ปริมาณที่เขาควรจะมีชีวิตรอดอยู่ต่อ ปริมาณที่ต้องเซฟเงิน เพื่อให้พอเลี้ยงสำหรับเล่นเกม ส่วนที่เหลือก็ใช้จิปาถะอะไรทั่วไป

 

ถ้าคุณบอกว่า เขาที่เป็นคนประหยัด ที่ใช้เงินอย่างอดออม ในการจำกัดการซื้อพวกของหรูกินๆแล้วล่ะก็ (ที่จริงห้องเล่นเกมที่เป็นคอนโซลก็แทบทำให้เขาเป๋าแฟ้บเอาเรื่องอยู่นะ) ถ้าคุณบอกว่าเขาเป็นพวกประเภทฟุ่มเฟือย เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองมาหิวแบบนี้หรอก

 

------------------------------

ในไม่ช้า,เวลาก็ผ่านไปจนพลบค่ำ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยตอนนี้กินได้อาหารเย็นจากก๋วยเตี๋ยวที่ยังเหลือคาเอาไว้อยู่

 

หวัง ทันจื่อ ก็ได้โทรหาเขา และบอกเขาว่า ได้ลงทะเบียนและจบการสอนมือใหม่เรียบร้อย เขาบอกว่าเขาเหงื่อชุ่มทั้งตัว หลังจากที่ออกจากระบบเรียบร้อย เขาก็รีบโทรหา เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเพื่อมาให้ช่วยเขาทันที

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยคิดว่า “ฉันละขอชมแกจริงๆ! เหงื่องั้นเหรอ? ไม่ได้สัมผัสอะไรแบบนี้มาตั้งหลายเดือนแล้ว”

 

หลังจากคำพูดไม่กี่คำ พวกเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อเล่น,และเข้าเกมทันที

----------------------------

(1) 高富帥: เก๋า-ฟู-ฉ่วย,มันคือคำแสลงในโลกอินเตอร์เน็ตของประเทศจีน, ที่มีคำว่าหล่อและรวยมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด