ตอนที่แล้วตอนที่ 52   รถจักรยานความเร็วสูง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 54   ไล่ตามผู้ร้ายหลบหนี

ตอนที่ 53   หนุ่มบริสุทธิ์ผู้เป็นอมตะ


ตอนที่ 53   หนุ่มบริสุทธิ์ผู้เป็นอมตะ

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

“หยุด!  อย่าขยับ!”

 

รถจักรยานของฉินฟางเคลื่อนมาเร็วมาก  เพราะฉะนั้นระยะทางแค่ยี่สิบสามสิบเมตรก็เลยไม่จำเป็นต้องปั่นต่อ  เขาแค่ปล่อยให้แรงเฉื่อยทำหน้าที่ของมันก็พุ่งไปอย่างเร็วจี๋แล้ว  ส่วนผู้หลบหนีสองคนนั้นเพิ่งจะเข้าไปที่เนินเขา  แต่หนิงอวี่ม่อกลับแตกตื่นจนอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกมา

 

ตอนนี้  เธอเหมือนถูกแหย่รังแตนเข้าแล้ว

 

สองผู้หลบหนีไม่ได้รีบร้อนอะไรเป็นพิเศษ  ถนนสายนี้ไม่ได้มีคนหรือรถสัญจรผ่านมากนัก  และถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกมันจะเดินผ่านตำรวจสองคนนั้น  ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจพวกมันเลย  ไม่คาดว่าตอนที่กำลังจะเข้าไปเนินเขา  เสียงของตำรวจสาวที่เคยไล่ตามพวกมันอย่างบ้าคลั่งก็ดังแว่วมา

 

“เธอไม่ลดละจริงๆ!”

 

สองผู้หลบหนีมองไปยังแหล่งต้นกำเนิดเสียง  ขณะที่พวกมันประหลาดใจกับความเร็วรถจักรยานของฉินฟาง  ก็สังเกตเห็นใบหน้าของหนิงอวี่ม่อซึ่งอยู่ข้างหลังฉินฟาง  พวกมันก็สบถออกมาในทันที  จากนั้นก็รีบเร่งความเร็วของฝีเท้าและเข้าไปในเนินเขา

 

“เร็ว  ไปให้เร็วกว่านี้!... ว้าย!”

 

พอเห็นสองคนนั่นเข้าไปในเนินเขา  หนิงอวี่ม่อที่ลนลายก็เริ่มพูดเร่งฉินฟางอีกครั้ง

 

แต่ทันทีที่เธอพูดจนจบคำ  จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นไป  และสูญเสียการควบคุมของร่างกายไปโดยสิ้นเชิง  พอเห็นว่าใบหน้าของเธอกำลังจะลงไปจูบกับพื้น  ตอนนี้หนิงอวี่ม่อเลยรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ

 

ในนาทีวิกฤตนี้เอง  แขนข้างหนึ่งที่ไม่ได้ดูใหญ่โตอะไร  จู่ๆ ก็เข้ามาโอบรอบเอวของหนิงอวี่ม่อ  เธอรู้สึกว่าแขนนั่นออกแรงจากกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก  และนั่นเป็นการลบล้างแรงเฉื่อยที่กำลังจะพาเธอลงไปกองกับพื้นดิน

 

แขนข้างนั้นย่อมเป็นของฉินฟาง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกะทันหันเกินไปจริงๆ  จนฉินฟางไม่อาจเตรียมตัวได้ทัน  รถจักรยานของเขาจู่ๆ ก็ล้มลง  ประกอบกับการปั่นมาด้วยความเร็วสูงเมื่อสักครู่นี้  มันจึงเป็นเรื่องที่ยากมากถ้าต้องการลงจอดบนพื้นโดยไม่ได้รับอันตราย

 

ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้  ฉินฟางทุ่มเทออกมาสุดตัว  เขาดึงหนิงอวี่ม่อเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น  ขณะเดียวกันฉินฟางก็ทำการเก็บคอและใช้แขนขาของเขาทั้งหมดยึดตัวของหนิงอวี่ม่อไว้  ร่างของคนทั้งสองปลิวไปตามแรง  และตกกระทบพื้นอย่างหนักหน่วง  จากนั้นก็กลิ้งไปหลายสิบเมตรก่อนที่จะหยุดลง

 

ภายใต้การปกป้องของฉินฟาง  ส่วนที่สำคัญของหนิงอวี่ม่อเช่นใบหน้ากับศีรษะล้วนไม่ได้รับอันตราย  มีเพียงชุดราตรีบางเบาเกิดรอยขาดเล็กๆ เนื่องจากแรงเสียดสีตอนที่กลิ้งไปกับพื้น  โดยรวมแล้วสภาพเธอค่อนข้างดี

 

ตอนที่ทั้งสองคนหยุดกลิ้งในท้ายที่สุด  ฉินฟางรู้สึกว่าตลอดทั้งร่างเจ็บปวดเป็นอย่างมาก  และศีรษะก็มึนงงไปหมด  ไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงใดๆ  เขานอนเหยียดยาวอยู่กับพื้น  ปล่อยหนิงอวี่ม่อออกจากอ้อมแขน

 

“ฉินฟาง...!”

 

หนิงอวี่ม่อก็รู้สึกมึนงงจากการกลิ้งเช่นกัน  มีรอยถลอกเพียงไม่กี่แห่งบนแผ่นหลัง  เธอที่แทบไม่ได้รับอันตรายก็ฟื้นตัวหลังผ่านไปช่วงสั้นๆ  เมื่อกลับมาเป็นปกติ  เธอก็เห็นรถจักรยานนั่นกลายเป็นชิ้นๆ อยู่ไม่ห่างออกไป  กับฉินฟางที่ซีดเซียวราวกับคนตาย  เสียงของเธอในขณะที่กำลังร้องเรียกฉินฟางจึงสั่นอย่างไม่อาจควบคุม

 

ฉินฟางรู้สึกว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้  รถจักรยานมือสองคันนี้ใกล้พังอยู่แล้วก่อนที่เขาจะเอามาใช้ด้วยซ้ำ  เพียงแต่มันพังเร็วขึ้นเพราะแรงกดมหาศาลที่ฉินฟางใส่เข้าไปจากการปั่นอย่างเร็วจนไม่อาจรับไหว

 

โชคดีที่ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะน่าตกใจ  ตัวของฉินฟางกลับไม่เป็นอันตราย  แต่เมื่อมองไปที่ค่า HP ของตัวเองซึ่งยังคงมีเหลืออยู่สองหน่วย  ก็ทำให้หน้าที่ซีดเผือดของฉินฟางปรากฏรอยยิ้มที่เต็มฝืนขึ้น

 

“สะ-เสี่ยวหนิงเจีย... ผะ-ผมไม่เป็นไร...”

 

ตอนนี้ค่า HP ของเขาต่ำเกินไป  สมองฉินฟางเลยมึนงงไปหมด  กระทั่งเสียงพูดก็ยังกระท่อนกระแท่น  เขาสามารถทำได้เพียงเอ่ยเรื่องที่อยากบอกทีละน้อย

 

“นายสภาพขนาดนี้แล้ว  ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ?  ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาลให้เดี๋ยวนี้!”

 

ถึงแม้หนิงอวี่ม่อจะทำตัวเหมือนแม่เสือสาว  แต่จิตใจของเธอก็ยังคงสั่นไหวเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งยอมใช้ร่างกายตัวเองปกป้องตอนที่ชีวิตเธออยู่ในอันตราย  และพอมองไปยังฉินฟางที่มีใบหน้าซีดเซียวแล้ว  เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ

 

ขณะที่เธอกำลังจะหาโทรศัพท์อยู่นั้น  หนิงอวี่ม่อก็พบเรื่องที่น่าตกใจ... เพราะเธอไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วย!

 

หรือพูดให้เจาะจงมากกว่านี้  โทรศัพท์ของเธออยู่ในรถปอร์เช่  เนื่องจากชุดที่สวมใส่ไม่มีกระเป๋าใส่ของ

 

“เสี่ยวหนิงเจีย  ผมมีเกี๊ยวซ่าอยู่ในกระเป๋าตัวเองนิดหน่อย  เอามันออกมาให้ที... ผมค่อนข้างจะหิวมากเลย  และหลังจากที่กินจนอิ่ม  ผมก็จะไม่เป็นไร!”

 

หน้าของฉินฟางดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย  และเขาต้องใช้ความพยายามในการพูดเป็นอย่างมาก  แต่ก็ยังไม่ลืมเกี๊ยวซ่าพวกนั้น  ซึ่งเขาก็ได้แต่หวังว่าต่อให้เกี๊ยวซ่านั่นเละไปหมดแล้ว  มันก็ยังสามารถฟื้นฟูค่า HP ของเขาได้

 

“กะ-เกี๊ยวซ่าเหรอ?”

 

หนิงอวี่ม่ออึ้งไปเลย  ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังฉินฟางด้วยท่าทางไม่เชื่อที่ได้ยิน  และไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะมีใครที่ใกล้ตายอยากจะกินเกี๊ยวซ่า

 

“เอาเถอะ  ฉันจะหยิบออกมาให้นาย โอเค?”

 

หนิงอวี่ม่อเป็นกังวล  พอมองไปยังฉินฟาง  เธอก็ยิ่งคิดมากว่านี่อาจจะเป็น ‘การมีสติชั่วขณะก่อนสิ้นลมหายใจ’ ตามที่ร่ำลือกัน  แต่เพื่อไม่ให้ฉินฟางจากไปด้วยความเสียใจ  เธอก็ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าของฉินฟางพร้อมกับผงกหัวงึกงัก

 

กางเกงยีนส์ของฉินฟางเป็นประเภทที่มีกระเป๋าใส่ของหลายช่อง  ถึงแม้มันจะดูบ้าไปหน่อยที่สวมกางเกงแบบพวกขอทานนี้ในช่วงหน้าร้อน  แต่ด้วยฐานะทางการเงินของครอบครัว  เขาจะสามารถทำอะไรได้ล่ะ?

 

แต่มันก็ทำให้การพกเกี๊ยวซ่าติดตัวมาสะดวกมากขึ้น  แต่ที่ฉินฟางรู้สึกประหลาดใจก็คือ  เกี๊ยวซ่าพวกนั้นถูกกดทับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  มันยังคงรูปลักษณ์เดิมอยู่

 

“ค่อยๆ กินนะ... ช้าๆ สิ!”

 

หนิงอวี่ม่อพยายามป้อนเกี๊ยวซ่าให้ฉินฟางทีละน้อยอย่างอายๆ  แต่ฉินฟางกลับกินมันอย่างตะกละตะกลาม  เพราะเขาอ้าปากกว้างและเขมือบมันเข้าไปในคำเดียว

 

ฉินฟางไม่ใส่ใจในเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองเลย  หลังจากชิ้นแรกลงเข้าไปอยู่ในท้อง  มันก็ถูกแปลงเป็นค่า HP ของเขาทันที  ใบหน้าเริ่มมีสีเลือดมากขึ้น  รวมทั้งความเจ็บปวดของร่างกายก็ลดลงอย่างมาก

 

หนิงอวี่ม่อป้อนดกี๊ยวซ่าให้ฉินฟางมากขึ้น  และสังเกตเห็นว่าสีหน้าของฉินฟางดีขึ้นเรื่อยๆ  มันเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวแทนที่จะเป็นมีสติชั่วขณะก่อนสิ้นลมหายใจ

 

“เอ๋?  ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ?”

 

เมื่อเผชิญกับภาพเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้  หนิงอวี่ม่อย่อมสงสัยเป็นธรรมดา  แต่พอนึกถึงฉากที่น่าอึดอัดใจก่อนหน้านี้แล้ว  เธอก็ปล่อยวางความสงสัยนี้ไว้ชั่วคราว  และตั้งอกตั้งใจป้อนอาหารให้กับฉินฟาง

 

เกี่ยวกับเรื่องฉากที่น่าอึดอัดใจ  เป็นตอนที่หนิงอวี่ม่อหยิบเอาเกี๊ยวซ่าออกมากระเป๋าของฉินฟางก่อนหน้านี้  เธอไม่รู้ว่าเกี๊ยวซ่าพวกนั้นอยู่ตรงไหน  จึงทำได้เพียงควานหาเข้าไปในกระเป๋าลึกๆ

 

ถึงแม้ฉินฟางจะสวมกางเกงยีนส์  แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ในช่วงหน้าร้อนมักจะเป็นแบบบาง  ดังนั้นฉินฟางจึงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมือของหนิงอวี่ม่อผ่านทางเนื้อผ้า  ประกอบกับที่มือเธอคลำไปรอบต้นขาเขาแล้ว  ทำให้เด็กหนุ่มบริสุทธิ์ผู้ยากจนอย่างเขาไม่สามารถทนทานได้  และน้องชายของเขาก็เกิดการตอบสนอง

 

หนิงอวี่ม่อที่กำลังควานหาไปรอบๆ ก็ยังไม่พบเกี๊ยวซ่าพวกนั้น  พอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่แข็งๆ อยู่  เธอก็นึกว่าตัวเองหาเกี๊ยวซ่าเจอแล้ว  ดังนั้นก็เลยคว้าหมับ

 

อย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยตอนที่คว้าไปยัง ‘เกี๊ยวซ่า’ นั่น  ถ้าพูดถึงเกี๊ยวซ่าแล้วก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก  แต่ทำไม ‘เกี๊ยวซ่า’ ในมือเธอถึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นแท่งอะไรสักอย่างล่ะ?

 

หนิงอวี่ม่อยังลองลูบไล้มันสองสามครั้งไม่ได้คิดอะไรมาก  และจู่ๆ ก็ตระหนักได้  เธอสบถออกมาเบาๆ ทันทีพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ

 

ฉินฟางที่หัวยังคงมึนงงอยู่  เมื่อถูกกระตุ้นก็ย่อมมีการตอบสนองตามธรรมชาติ  พอเหลือบมองไปยังปฏิกิริยาของหนิงอวี่ม่อ  เขาจึงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะทำหน้าตายไม่แสดงอาการออกมา  ทำให้สถานการณ์ไม่ดูน่าอึดอัดใจไปมากกว่านี้

 

หลังจากกินเกี๊ยวซ่าไปหกชิ้น  ค่า HP ของฉินฟางก็กลับไปอยู่ที่ 8 หน่วย  ถึงแม้จะมากกว่าครึ่งของค่า HP เต็มหลอดของเขาที่ 15 หน่วยเพียงเล็กน้อย  ฉินฟางในตอนนี้ก็ดูเหมือนคนที่มีสุขภาพดีจริงๆ  แตกต่างไปจากคนป่วยที่เกือบตายเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง

 

“ฉินฟาง  นาย...”

 

ตอนที่ฉินฟางลุกขึ้นมาจากพื้น  หนิงอวี่ม่อก็ปากอ้าตาค้าง  เธออยากถามฉินฟางบางอย่าง  แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะถามเรื่องพวกนั้นได้ยังไง

 

“เสี่ยวหนิงเจีย  ดูสิ  สองคนนั่นเข้าไปในเนินเขาแล้วนะ!  ถ้าพวกเราไม่ไล่ตามไปตอนนี้แล้ว  มันอาจจะสายเกินไป!”

 

เป็นธรรมดาที่ฉินฟางจะไม่ยินยอมให้หนิงอวี่ม่อสอบถามเรื่องร่างกายอันแปลกประหลาดของเขา  ก็เลยรีบชี้ไปยังคู่ที่กำลังหลบหนีกับหนิงอวี่ม่อ

 

 

……………………………..

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด