ตอนที่แล้วตอนที่ 46   พลิกกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48   ตัวละครเพิ่มระดับ, รางวัลจากระบบ, ทักษะ [ประเมิน]

ตอนที่ 47   เมื่อฝุ่นหายตลบ


ตอนที่ 47   เมื่อฝุ่นหายตลบ

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

*เปรี้ยง*

 

เมื่อผลการแข่งขันถูกประกาศ  หลี่เฟิงก็เขวี้ยงโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัดซึ่งราคาไม่ถูกเลยลงบนโต๊ะหิน

 

แม้ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้จะมีความคงทนพอสมควร  แต่เมื่อปะทะกับโต๊ะหินด้วยการเขวี้ยงอย่างแรงเช่นนี้  เป็นธรรมดาที่โทรศัพท์เครื่องนี้จะลงไปอยู่สุสานอิเล็กทรอนิกส์  การกระทำนี้ทำให้แผ่นหลังของคนอ้วนหลี่อยู่ด้านข้างกลายเป็นเย็นเฉียบ

 

ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้นายน้อยยังรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากจากการประจบสอพลอของเขา  แต่จะให้ทำยังได้ล่ะ เพราะพวกเขาสามารถทำได้เพียงวางแผนตอนที่แข่งขันเท่านั้น  แต่ไม่สามารถวางแผนฉากจบได้

 

ชัยชนะนั้นอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้วแท้ๆ  แต่จู่ๆ ก็เกิดเหตุขัดข้องขึ้นจนกลายเป็นว่าชัยชนะที่สมควรตกอยู่ในมือของพวกเขาก็ถูกคว้าเอาไปในเวลาไม่ช้าไม่นาน  พวกนั้นชนะอย่างท่วมท้น  ซึ่งคล้ายกับเป็นการเหยียบย่ำและถ่มน้ำลายใส่หลี่เฟิง

 

คนอ้วนหลี่รู้สึกกลัวก็จริงแต่เขาก็ไม่ได้โง่  เพราะถ้าจะให้พูดถึงเรื่องสาเหตุของความพ่ายแพ้แล้ว  มันไม่ได้เกิดจากคุณลุงที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ซึ่งดูเป็นคนใจดีและซื่อตรงคนนั้น  ที่เอฟเฟนดี้แพ้เนื่องจากความสามารถสู้ฉินฟางไม่ได้  ทั้งคนอ้วนหลี่และหลี่เฟิงได้ลองกินอาหารของฉินฟางแล้ว  เห็นได้ชัดว่ามันอยู่คนละระดับเมื่อเทียบกับของเอฟเฟนดี้

 

ถ้าอาหารของเอฟเฟนดี้ดีกว่าแล้ว  พวกเขาก็ไม่ต้องมาทนรับการโห่ร้องของผู้คนและเล่นใต้โต๊ะเยี่ยงนี้  แต่น่าเสียดายที่อุบายของคนหรือจะสู้สวรรค์ลิขิต  พวกเขาได้รับกรรมไปในทันทีสำหรับการกระทำชั่ว

 

“นายน้อยเฟิง...”

 

ไม่ว่าตอนนี้คนอ้วนหลี่จะรู้สึกเกรงกลัวขนาดไหน  ก็ยังมีสิ่งที่เขาต้องทำและเรื่องที่เขาต้องพูด  ดังนั้นจึงแข็งใจไว้และร้องเรียกหลี่เฟิงในท้ายที่สุด

 

“บอกให้เจ้านั่นไสหัวไป!”

 

ตอนนี้หลี่เฟิงกำลังถูกแผดเผาจากเปลวเพลิงของโทสะ  แต่เมื่อมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่รอบตัวฉินฟางแล้ว  ต่อให้เขาอยากจัดการฉินฟางเดี๋ยวนี้  ก็ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน  จากนั้นก็มองไปยังเอฟเฟนดี้ที่นิ่งอึ้งไปจนเหมือนกับไอ้โง่  ภาพของเอฟเฟนดี้ทำให้ความโกรธของหลี่เฟิงปะทุขึ้นมาอีกรอบ  และตัดสินใจที่จะระบายความโกรธใส่มันแทน

 

“ขอรับ ครับ ครับท่าน...  กระผมจะดำเนินการให้เดี๋ยวนี้”

 

คนอ้วนหลี่จะไม่ยอมทำตามได้ยังไง?  การไล่เอฟเฟนดี้ออกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่  เพราะความเสียหายของลานบาร์บีคิวแห่งนี้อย่างมากที่สุดก็แค่เสียเชฟมือดีไป  นอกจากนี้ทันทีที่เอฟเฟนดี้แพ้การแขงขัน  ตำแหน่งแชมป์บาร์บีคิวสามสมัยของเอฟเฟนดี้ก็ไม่อาจนำมาใช้เรียกลูกค้าได้อีกแล้ว  ดังนั้นคนอ้วนหลี่จึงยินยอมที่จะไล่เอฟเฟนดี้ออกแต่โดยดี  และหามือดีคนอื่นมาเป็นเชฟหลักแทน

 

ตราบเท่าที่ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองได้  คนอ้วนหลี่ยินดีที่จะทำทุกอย่างให้นายน้อยคนนี้

 

“เอฟเฟนดี้  แกแพ้การแข่งขัน  และเงื่อนไขของการแข่งขันครั้งนี้ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว  ตอนนี้ให้แกไปที่ฝ่ายการเงินและรับเงินเดือนงวดสุดท้ายซะ”

 

คนอ้วนหลี่ไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้กับหลี่เฟิงซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยว  เลยไปทำการไล่เอฟเฟนดี้ออกในทันที

 

“ผู้จัดการหลี่...”

 

เอฟเฟนดี้ร้องเรียกคนอ้วนหลี่และทำสายตาให้ดูน่าสงสาร  คล้ายกับว่าอยากจะขอร้องให้คนอ้วนหลี่ช่วย  และต้องการอยู่ที่นี่ต่อไป

 

โชคร้ายที่คนอ้วนหลี่ไม่กล้าให้โอกาสใดๆ กับเอฟเฟนดี้  เขานึกในใจว่า  “ถ้าแกอยู่แล้ว  ฉันคงถูกกวาดออกจากที่นี่ไปแทน”

 

“ไม่ต้องพูดต่อแล้วเอฟเฟนดี้  พวกเราทำงานด้วยกันมานานหลายปี  และฉันเองก็ดูแลแกมาอย่างดี...”

 

คนอ้วนหลี่ตบไหล่เอฟเฟนดี้เบาๆ  และพูดอย่างจริงใจว่า

 

“… แต่อย่างที่แกเห็น  นายน้อยเฟิงตอนนี้กำลังควันออกหู  ถ้าแกอยากที่จะเป็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำพรุ่งนี้จริงๆ แล้ว  แกก็เข้าไปร้องขอความเมตตาได้  แค่อย่าลากฉันเข้าไปเกี่ยวกับแกด้วย...”

 

ด้วยคำพูดเหล่านี้  เอฟเฟนดี้ถึงกับงงงัน  ตอนแรกคนอ้วนหลี่ทำท่าเหมือนจะเจรจาต่อรองให้กับเอฟเฟนดี้  แต่สุดท้ายเขาก็ยังไล่เอฟเฟนดี้ออกอยู่ดี  ถึงแม้จะมีคำพูดช่วงท้ายที่คล้ายกับให้ทางเลือกกับเอฟเฟนดี้แล้วก็ตาม

 

เอฟเฟนดี้ไม่ใช่คนโง่  และเขาก็รู้ชะตากรรมของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

 

ฝั่งที่เอฟเฟนดี้ยืนอยู่นั้นบรรยากาศช่างเงียบเหงาและน่าหดหู่  ส่วนทางฝั่งของฉินฟางนั้นมีความสุขและปีติยินดีมากมาย  ความเหลื่อมล้ำนี้ทำให้เอฟเฟนดี้เกิดความโกรธในทันที  และเผลอเอามือไปหยิบแท่งเหล็กเสียบ  ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูและมุ่งร้าย

 

“เอฟเฟนดี้  นี่ที่ทำงานของฉัน  ไว้หน้าฉันบ้าง  และอีกอย่างหนึ่งนะ... ไม่ใช่ที่นี่”

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังจะทำการเคลื่อนไหว  ไหล่ของเอฟเฟนดี้ก็ถูกกดไว้ด้วยมืออ้วนใหญ่ข้างหนึ่ง  คนอ้วนหลี่ส่ายหน้าและคำพูดของเขาสื่อความหมายชัดเจนว่า  แกสามารถทำอะไรที่ต้องการได้หลังไปจากที่นี่  แต่... ไม่ใช่ที่นี่

 

“ก็ได้  ข้าเข้าใจแล้ว  ขอบคุณสำหรับการดูแลทั้งหมดตลอดหลายปี  ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ  ถ้ามีโอกาสได้เจอกันครั้งหน้า  ข้าขอเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้ว”

 

เอฟเฟนดี้ผงกหัว  และในขณะที่กำลังคุยกันนั้นเขาก็เริ่มเก็บข้าวของตัวเองอย่างไร้คนคอยช่วยเหลือ  ลานบาร์บีคิวนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่แห่งความเศร้าของเอฟเฟนดี้ไปแล้ว  เพราะเขาถูกขอให้ไสหัวไปจากที่นี่  สำหรับนักรบแล้ว  มันคือความอับอายขายหน้าไม่ใช่หรือ?

 

พอคิดถึงตรงนี้  เอฟเฟนดี้ก็มองไปยังฉินฟางจากระยะไกลด้วยดวงตาที่ดำมืด  แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังอันล้ำลึกในขณะที่ทำการเก็บข้าวของ  อย่างไรก็ตามเขาก็ยังความคุมความรู้สึกของตัวเองไว้  และออกไปจากลานบาร์บีคิว

 

“ฉินฟาง  เอฟเฟนดี้จากไปแล้ว  แต่สายตาของเขามัน...”

 

โดยบังเอิญ  สายตาของเอฟเฟนดี้ถูกสังเกตเห็นโดยถังเฟยเฟย  และนั่นทำให้เธอสั่น  จากนั้นก็พูดเตือนฉินฟางเรื่องเอฟเฟนดี้

 

“โอ้  โอเค”

 

ฉินฟางตอบรับอย่างเรียบง่าย  และแอบมองไปยังร่างของเอฟเฟนดี้ที่กำลังลับสายตาไป

 

ถังเฟยเฟยยังคงนึกกังวล  แต่สำหรับฉินฟางแล้วเขาไม่คิดมากอะไร  ประชากรของเมืองหนิงไห่มีมากกว่าสิบล้านคน  โอกาสที่พวกเขาจะได้เจอกันอีกครั้งท่ามกลางผู้มากมายนั้นมันช่างเล็กน้อยมากจริงๆ

 

การแข่งขันจบลงและทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง  ฉินฟางเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลี่เฟิงไปจากลานบาร์บีคิวแห่งนี้แล้วหลังจากที่เขากินอาหารของตัวเองเสร็จ  ส่วนถังเฟยเฟยกับเพื่อนในกลุ่มก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่จะอยู่ทำบาร์บีคิวอีกต่อไป  เนื่องจากได้รับประทานบาร์บีคิวแสนอร่อยของฉินฟางแล้ว  ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ ทยอยจากไป

 

อย่างไรก็ตามก็มีบางเรื่องที่น่าจดจำ  อย่างเช่น  ซุนซู แฟนของลี่เหยาค่อนข้างสนิทสนมกับฉินฟางมาก  กระทั่งให้เบอร์ติดต่อของเขากับฉินฟางไว้ด้วย  แถมยังพูดว่าฉินฟางสามารถโทรหาเขาได้ตลอดเวลาเมื่อไปที่หยางเฉิง

 

โชคร้ายที่ตัวของฉินฟางไม่มีโทรศัพท์  จึงไม่สามารถเก็บข้อมูลเบอร์ติดต่อของซุนซูไว้ได้  ดังนั้นเขาจึงให้ถังเฟยเฟยเป็นคนบันทึกข่อมูลแทนเขา

 

“เสี่ยวฉิน  ลุงก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน  หลังจากที่ได้ทานอาหารร่วมกับพวกคนหนุ่มสาว  ลุงรู้สึกเหมือนตัวเองหนุ่มขึ้นยี่สิบปี... นี่นามบัตรของลุง  ถ้าเธอไปเมืองกวนเฉิงก็สามารถโทรขอให้ลุงช่วยได้โดยไม่ต้องเกรงใจนะ  ลุงไม่กินอาหารของเธอฟรีๆ อยู่แล้ว!”

 

วันนี้คุณลุงที่ฉินฟางยังไม่รู้จักชื่อช่วยเหลือฉินฟางเป็นอย่างมากจริงๆ  ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนนำกลุ่มแล้ว  ฉินฟางก็คงไม่มีทางชนะได้ในท้ายที่สุด

 

แน่นอนว่าเหตุผลที่ฉินฟางชนะก็ยังเป็นเพราะความสามารถของตัวเอง  ถ้าอาหารของเขาไม่ดีกว่าของเอฟเฟนดี้จริงๆ แล้ว  ไม่ว่าคุณลุงจะอาจหาญขนาดไหนก็ตาม  มันคงเป็นไปไม่ได้ที่สถานการณ์จะพลิกกลับ

 

“ขอบคุณครับ  คุณลุง!”

 

ฉินฟางรับนามบัตรของคุณลุงมาอย่างมีมารยาท  แต่เพียงแค่ชำเลืองอ่านดู  ตัวของฉินฟางก็กลายเป็นแข็งทื่อ  จากนั้นเขาก็มองไปยังคุณลุงที่มีสำเนียงเป็นเอกลักษณ์ซึ่งหันหลังเดินจากไปแล้วด้วยท่าทีตกใจ  เนื่องจาก...

 

บนนามบัตรใบนั้นระบุชื่อกับตำแหน่งไว้ว่า  :  ลู่ฉางไห่,  ประธานบริษัทกลุ่ม หลันเทียน ตงหลู่

 

ที่ด้านหลังนามบัตรมีเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับเขา  แต่มันถูกเขียนด้วยลายมือและดูยุ่งเหยิงมาก  ราวกับว่ามันถูกเขียนอย่างรีบเร่ง  นี่แสดงให้ว่าคุณลุงปฏิบัติต่อฉินฟางดีขนาดไหน  ถึงกับเดินมาไกลเพื่อให้เบอร์โทรศัพท์ของเขา

 

“หลันเทียนกรุ๊ป... ไม่บอกไม่รู้จริงๆนะเนี่ย...”

 

ถึงแม้ว่าฉินฟางจะอยู่คนละจังหวัดไกลจากเขตตงหลู่  แต่เขาก็ยังรู้จักชื่อเสียงของหลันเทียนกรุ๊ป  หนึ่งในบริษัทเอกชนชั้นนำร้อยแห่งของประเทศ  เป็นอันดับต้นๆ ของเขตตงหลู่  บริษัทแห่งนี้ทำธุรกิจหลายประเภท  อุตสาหกรรมการผลิต บ้านจัดสรร โรงแรม ยาเวชภัณฑ์ การค้าและการพาณิชย์ เป็นต้น  ทรัพย์สินรวมกันมีมูลค่าหลายพันล้าน

 

คุณลุงที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายและเป็นคนที่เปิดเฟยตรงไปตรงมานั้น  ไม่ได้มีบุคลิกที่โดดเด่นและกลิ่นอายของประธานบริษัทที่ประสบความสำเร็จควรจะมีเลย

 

 

……………………………..

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด