ตอนที่แล้วตอนที่ 21   ถ้าปลุกไม่ตื่นก็ซ้อมมันซะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23   [ซอสสูตรลับ]

ตอนที่ 22   ชั่วมาก็ชั่วกลับ


ตอนที่ 22   ชั่วมาก็ชั่วกลับ

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

ในค่ำคืนที่สงบเงียบเช่นนี้  เสียง *เพี๊ยะ* ที่มาจากการตบนั้นดังชัดเจนมาก  น่าเสียดายที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ เพื่อมาเป็นพยานกับฉากเหตุการณ์นี้

 

หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ร้องไห้ก็หยุดร้องและหันหน้ามายังทิศที่ฉินฟางอยู่  ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาแต่ยังคงงดงามของเธอนั้นเหมือนกับหยาดฝนบนดอกสาลี่ที่เบ่งบาน  ซึ่งทำให้หัวใจของฉินฟางรู้สึกเจ็บปวด

 

ฉินฟางรู้ว่าหญิงสาวคนนี้สวยมาก  แต่ไม่คาดคิดว่าสีหน้าที่ดูน่าเวทนาของเธอจะมีพลังโจมตีมากกว่าความงามของเธอหลายเท่านัก  เธองดงามมากจนเกือบจะน็อคฉินฟางผู้ซึ่งยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกลูกสมุนของมันจะไม่ทันเห็น  แต่ฉินฟางก็พบว่าเหลาซูเฉียงได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว

 

แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร  และยังคงมองเจ้าลูกสมุนตบหน้าของเหลาซูเฉียงต่อไป  จนหน้าของมันเหมือนกับหัวหมูยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก  เพียงแต่เมื่อเลือดเริ่มที่จะไหลออกมาเขาจึงพูดอะไรบางอย่าง

 

“เอาละ  แกพอได้แล้ว”

 

เมื่อเจ้าลูกสมุนได้ยินประโยคนี้  มันก็รู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงจากสวรรค์  ไม่สนใจแม้กระทั่งสายตาปองร้ายของเหลาซูเฉียงซึ่งมุ่งตรงมายังมัน  และหลบออกไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อเริ่มหอบหายใจ  มันหมดเรี่ยวแรงไปแล้วหลังจากต่อสู้กับฉินฟาง  และเพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกตี  มันก็ใช้แรงทั้งหมดตบตีเหลาซูเฉียงอย่างจริงจัง  จนในตอนนี้มันไม่เหลือแม้กระทั่งกำลังจะขยับตัว

 

“เหลาเกอ  ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้...”

 

ฉินฟางพูดขณะใช้มีดที่เปื้อนเลือดลูบไล้ซอกคอของเหลาซูเฉียงเบาๆ   ความรู้สึกที่เย็นปานน้ำแข็งของมีดซึ่งอยู่เหนือผิวหนังทำให้ตัวของมันสั่นและไม่กล้าที่จะตื่นเต้นอะไรมาก  เป็นไปได้ว่ามันอาจกลัวว่าจะตายถ้ามีดนั่นเปิดรูหายใจใหม่บนคอของมัน

 

น้ำเสียงที่ฉินฟางใช้กับเหลาซูเฉียงนั้นสงบนิ่งมาก  ทำให้บทสนทนานี้ดูราวกับเพื่อนเก่าสองคนได้มาพูดคุยกัน  ไม่ใช่ผู้ชนะกับนักโทษที่เรียกร้องขอความเมตตา

 

“พี่... พี่ชาย... ไม่ใช่สิ  พี่ใหญ่!  ได้โปรดใจกว้างปล่อยผู้น้อยไปเถอะครับ!”

 

สำหรับเหลาซูเฉียงที่ข่มเหงคนอ่อนแอและก้มหัวต่อผู้ที่แข็งแรงกว่านั้น  สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้ามันในเวลานี้ชัดเจนมาก  มันกับลูกสมุนทั้งสองร่วมมือกันยังไม่สามารถทำอะไรฉินฟางได้  และผลลัพธ์ที่ได้คือลูกสมุนคนหนึ่งถูกตีเกือบตาย  ส่วนอีกคนหนึ่งก็เหน็ดเหนื่อยจนไม่สามารถขยับตัวได้  และคนสุดท้ายก็คือมันที่กลัวจนเกือบจะฉี่รดกางเกงแล้ว

 

“ปล่อยแกไปงั้นเหรอ?”

 

ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา  พวกอันธพาลกลุ่มเล็กๆ ล้วนเป็นเช่นนี้  เมื่อพวกมันได้เปรียบก็จะจองหองและกดขี่ข่มเหง  ไม่รีรอที่จะทำให้ชีวิตของคนอื่นเหมือนตกอยู่ในนรก  แต่เมื่อพวกมันเสียเปรียบก็จะขี้ขลาดยิ่งกว่า  และไม่รั้งรอที่จะเลียเท้าของคุณ

 

ฉินฟางชี้ไปที่แผลซึ่งอยู่ตรงเอว  เลือดนั้นได้หยุดไหลไปแล้ว  แต่รอยแผลยังคงอยู่  มันมีความยาวประมาณครึ่งนิ้วและเด่นมาก

 

“ถ้าผมปล่อยแกไป  แล้วที่ผมโดนแทงล่ะ?”

 

พอพูดถึงตอนที่ถูกเสียบด้วยมีดก่อนหน้านี้  ฉินฟางก็รู้สึกกลัวจริงๆ  เขากลัวว่าจะตายไปแบบนั้น  ไม่คาดคิดว่าถึงแม้จะเจ็บปวดแต่มีดไม่ได้โดนจุดสำคัญ  เสียเลือดอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่ได้ถึงจุดที่จะทำให้เขาตาย  ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ช่วยให้เขารักษาชีวิตไว้ได้แม้จะโดนแทง

 

แต่โดยรวมแล้วมันก็คือประสบการณ์เฉียดตาย  ฉินฟางรู้สึกว่าเขาเพิ่งจะเดินผ่านประตูยมโลก  แผ่นหลังของเขาเย็นเฉียบเนื่องจากความกลัวมากเกินไป  นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาจะไม่ปล่อยเหลาซูเฉียงไปง่ายๆ

 

“ข้าจะจ่าย  ข้าจะจ่ายค่ารักษาให้  โอเคไหม?”

 

เหลาซูเฉียงมองไปที่บาดแผล  และก็รู้สึกขนลุกด้วยเช่นกัน

 

มันต่อสู้บ่อยๆ เลยได้เห็นคนที่ถูกแทงมาก่อนด้วยเช่นกัน  บาดแผลรุนแรงที่ฉินฟางได้รับมานั้นมันเคยเห็นมาก่อนครั้งสองครั้ง  แต่คนที่โดนแทงแล้วไม่กรีดร้องและไม่ร่ำร้องไปโรงพยาบาลหลังโดนแทงเนี่ยนะ?  ไม่เพียงเลือดของฉินฟางจะหยุดไหล  แต่บาดแผลก็...

 

ฟังจากที่ฉินฟางพูด  เหลาซูเฉียงรู้ว่าถ้ามันไม่เสียอะไรบางอย่างที่นี่  มันก็จะไม่ได้จากไป  โชคดีที่มันรีดไถเงินหนึ่งหมื่นกว่าหยวนมาจากคนอ้วนเฉิน  ดังนั้นมันจึงนำห่อเงินนั่นออกมาจากประเป๋าอีกครั้ง

 

“พี่ใหญ่  เงินนี่ถือว่าเป็นของขวัญให้กับคุณ...”

 

ท่าทีของเหลาซูเฉียงในเวลานี้  เป็นเพราะมันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้  และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี  ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงใช้เงินเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา  ใบหน้าของมันก็พยายามทำให้ดูน่าเวทนาและเกรงกลัว  หวังว่าจะช่วยให้ฉินฟางยุติเรื่องนี้

 

จากการคาดคะเนของมัน  ฉินฟางเป็นแค่เจ้าของร้านแผงลอย  ต่อให้ยอดขายดี  มันก็ไม่อาจสร้างผลกำไรหนึ่งหมื่นกว่าหยวนได้ภายในหนึ่งเดือน  มันโยนเงินพวกนี้ให้กับฉินฟาง  ปรารถนาว่ามันจะทำให้ฉินฟางสับสนเพราะความตื่นเต้นดีใจและปล่อยมันไป

 

“ในเมื่อเป็นของขวัญจากเหลาเกอแล้ว  ผมก็ไม่เกรงใจล่ะนะ...”

 

ดวงตาของฉินฟางส่องประกายผิดปกติ  จากนั้นใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มที่น่าพิศวงฉาบไว้  เมื่อเขาหยิบเงินหนึ่งหมื่นกว่าหยวนมาจากมือของเหลาซูเฉียง  ก็กล่าวขอบคุณมันไปด้วยเช่นกัน

 

“นาย...”

 

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของฉินฟางดูต่างออกไปในสายตาของเสี่ยวซู  หญิงสาวอ้าปากต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง  แต่ขณะที่กำลังจะพูดออกไปเธอก็กล้ำกลืนมันเอาไว้

 

เงินนั่นเป็นของลุงที่เธอนำมาส่งด้วยตัวเอง  พวกอันธพาลให้เงินนี้กับฉินฟางเหมือนกับการยืมดอกไม้มาถวายพระ (เป็นการเอาของผู้อื่นมาแสดงน้ำใจ)  เธอจึงไม่อาจจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้

 

 

แต่เมื่อเธอหวนนึกถึงความเลือดเย็นของคนอ้วนเฉิน  และความจริงที่ฉินฟางช่วยชีวิตเธอ  ปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอ  กระทั่งโดนแทงก็เพราะเธอ  ภายในใจของหญิงสาวก็หยุดความปรารถนาที่จะพูดในทันที  เธอคิดว่าเงินพวกนี้สมควรที่จะเป็นของฉินฟางแล้ว

 

“รับมันและรีบกลับไปได้แล้ว”

 

อย่างไรก็ตามขณะที่หญิงสาวยังคิดว่าทำไมฉินฟางสมควรได้รับเงินพวกนี้  ฉินฟางก็โยนห่อใส่เงินไปให้เสี่ยวซู  พร้อมกับพูดออกมาหนึ่งประโยค  เพื่อไล่ให้เธอไปไกลๆ

 

“นายให้มันกับฉันงั้นเหรอ?”

 

หญิงสาวอึ้งไปในทันที  และถูกทำให้สับสนโดยการกระทำที่แปลกและไม่คาดคิดของฉินฟาง

 

แต่ฉินฟางก็ไม่ได้เสียเวลามาสนใจเธอ  เพราะเขาได้หันไปเผชิญหน้ากับเหลาซูเฉียงแล้ว

 

“ผมได้รับของขวัญอย่างดีจากแก  แต่ตอนนี้เราควรคุยเกี่ยวกับจำนวนเงินค่ารักษาที่แกจะจ่ายให้กับผม...”

 

“เพี๊ยะ!”

 

เหลาซูเฉียงกำลังชมเชยตัวเองว่าตัดสินใจได้ดี  แต่ไม่คาดว่าฉินฟางจะฟาดหลังมือใส่ทั้งที่มันยังดีใจได้ไม่ถึงนาที  ถ้าตอนนี้มันสามารถกระอักเลือดออกมาได้  แน่นอนว่ามันก็คงกระอักใส่ทั่วทั้งใบหน้าของฉินฟางไปแล้ว

 

“พะ... พี่ใหญ่  นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นนะ!”

 

ใบหน้าที่บวมปูดของเหลาซูเฉียงขมวดเข้าหากัน  ทำให้มันดูหยาบกระด้างมากยิ่งขึ้น  ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ก็พยายามใช้สีหน้าที่น่าสงสารและเวทนามองไปยังฉินฟาง

 

“ล้อเล่นงั้นเหรอ?  ผมไม่เคยล้อเล่นกับใครมาก่อน...  แกพูดมาเองว่าเงินเมื่อสักครู่นี้เป็นของขวัญสำหรับผม  ซึ่งผมก็ยอมรับไว้เพราะเห็นแก่หน้าแก  แต่ผมไม่ควรโดนแทงโดยไม่ได้อะไรเลย  ถูกมั้ย?  ค่ารักษาจึงควรต้องจ่าย...  แต่ถ้าแกไม่จ่าย  ผมก็ไม่รังเกียจที่จะจ้วงแทงสักแผล  พวกเราจะได้เสมอภาคกัน”

 

ขณะที่เขาพูดประโยคเหล่านี้ออกมาช้าๆ  ใบหน้าของฉินฟางก็มีรอยยิ้มที่ดูนุ่มนวลเป็นอย่างมาก  เขายังใช้มีดที่เปื้อนเลือดเขี่ยเสื้อของเหลาซูเฉียงขึ้น  เลื่อนมีดไปตามเอวของเหลาซูเฉียง  และตรวจสอบเอวของเหลาซูเฉียงด้วยตัวเองเป็นครั้งคราว  นอกจากนี้ก็พูดพึมพำออกมาเบาๆ ว่า  “ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นตรงนี้...”

 

“อย่า  อย่า!  ข้าจะจ่าย  ข้าจะจ่าย  โอเคไหม?!”

 

มีดที่เยียบเย็นเหมือนเช่นเคย  ประกอบกับเลือดที่ยังไม่ทันแห้งดีบนเอวของเหลาซูเฉียง  ทำให้เหลาซูเฉียงตกใจกลัวสุดขีดเมื่อได้เห็น  จนลืมเลือนความไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะจ่ายค่ารักษาโดยสิ้นเชิง  ขณะที่มันพยายามหลบหลีกสุดชีวิต  เหลาซูเฉียงก็ได้พูดตกลงว่าจะจ่ายด้วยเช่นกัน

 

“ชั่วมาก็ชั่วกลับ… อ๊า!  เขาไม่น่าจะใช่คนเลวหรอก  ใช่มั้ย?”

 

ไม่ไกลออกไป  หญิงสาวที่ยังคงอึ้งอยู่จากเงินที่ได้รับ  เธอมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างด้วยตาของตัวเอง  จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดที่ว่า ‘ชั่วมาก็ชั่วกลับ’  แต่ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดได้ว่าคำพูดนี้ไม่เข้ากับเรื่องราว  และรู้สึกเสียใจในทันที  ใบหน้าที่สะสวยของเธอจึงแดงขึ้นและขับเน้นความงามให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

……………………………..

 

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด