ตอนที่แล้วตอนที่ 12   ฟื้นฟูค่า HP
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14   [เกี๊ยวซ่าสูตรลับ (ฉบับไม่สมบูรณ์)]

ตอนที่ 13   ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง


ตอนที่ 13   ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

“เรื่องนี้... ผมก็ยังหิวอยู่จริงๆ นั่นแหละ...”

 

ฉินฟางกระดากอายมาก  เพราะกระเพาะของเขายังรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้กินอะไรมาก่อนเลย

 

“นาย... ความอยากอาหารของนายช่างน่าขันจริงๆ หรือว่าไม่ใช่ล่ะ?  ไปทำมาอีกชามเลย  เร็วเข้า!”

 

ถังเฟยเฟยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  ราเม็งสองชามใหญ่ลงไปอยู่ในกระเพาะของเขาแล้ว  แต่นายคนนี้พูดว่ายังกินไม่พอ  ความอยากอาหารแบบไหนกันเนี่ย....

 

ไม่คำนึงถึงว่าเธอแปลกใจขนาดไหน  แต่ฉินฟางที่ยังหิวอยู่ก็เป็นเรื่องจริง  ดังนั้นเธอจึงกระตุ้นให้ฉินฟางไปทำบะหมี่มารับประทานให้มากขึ้น

 

ฉินฟางที่รู้สึกอายมากจริงๆ ก็รีบลุกขึ้นและตรงไปทำเส้นบะหมี่  ท่าทางในการเดินดูแข็งแรงมากขึ้นและสภาพร่างกายที่ไม่สบายก็หายไปโดยสิ้นเชิง  ตัวของเขารู้สึกได้ถึงความสดชื่นและมีพลัง  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังผิดแปลกไปก็คือ.... เขายังรู้สึกหิวอยู่

 

ค่าประสบการณ์ทักษะในการทำบะหมี่ของฉินฟางเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว  และไม่ห่างจาก 100% ของขั้นเริ่มต้น  เขาเชื่อว่าภายในสองสามวันความเชี่ยวชาญจะเพิ่มระดับขึ้นอย่างแน่นอน

 

จึงเป็นธรรมดาที่ความเร็วการทำบะหมี่และคุณภาพของเส้นบะหมี่ที่ได้ของเขาจะสูงขึ้น  จนเมื่อเร็วๆ นี้ลูกค้าขาประจำในบางครั้งก็พูดในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน  และฉินฟางทำได้เพียงแต่ยิ้มรับเท่านั้น

 

ในไม่ช้าราเม็งสดใหม่ชามใหญ่ก็พร้อมทาน  และคุณสมบัติก็เป็นเช่นเดียวกับชามก่อนหน้าไม่มีความแตกต่างใดๆ  ฉินฟางในเวลานี้ค่า HP กลับมาเต็มโดยสมบูรณ์แล้วและความสามารถทางกายภาพก็อยู่จุดสูงสุดเช่นกัน

 

*ซร๊วบ*

 

หลังจากกินเข้าไปคำใหญ่  ฉินฟางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระเพาะที่ว่างเปล่าของเขาก็ถูกเติมเต็มด้วยอาหารขึ้นมาเล็กน้อยในทันที

 

ฉินฟางรู้สึกประหลาดใจแต่ปากของเขาก็ยังไม่หยุดกินจนราเม็งชามใหญ่หมด  ความรู้สึกแน่นในท้องค่อยๆ กลายเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

“มันเป็นแบบนี้เองเหรอ...”

 

การค้นพบในครั้งนี้มาพร้อมกับความประหลาดใจของฉินฟาง  ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าทำไมหลังจากกินราเม็งเข้าไปสองชามแล้วยังไม่รู้สึกอิ่ม  สัญชาตญาณบอกเขาว่าราเม็งสองชามใหญ่ที่กินไปก่อนหน้านั้นได้ถูกเปลี่ยนไปแทนที่ค่า HP ซึ่งเขาสูญไปจนกลับมาเต็มเปี่ยม

 

และในตอนนี้ที่เขากินหลังจากค่า HP เต็มไปแล้วก็จึงรู้สึกว่าได้เติมเต็มกระเพาะของเขาจริงๆ

 

“ฉินฟาง  นายคิดว่าพวกเรายังตั้งร้านต่อไปได้อีกมั้ย?”

 

พอมองไปยังฉินฟางที่กำลังทานบะหมี่  ถังเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความรู้สึกกังวล  ร้านแผงลอยแห่งนี้เป็นการร่วมทุนของพวกเขาสองคน  และพูดได้ว่าเป็นร้านที่ได้จากเลือดและน้ำตาของพวกเขา  จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับเงินที่หาได้มา  แต่การหยุดขายเนื่องจากถูกก่อกวนเช่นนี้ก็ค่อนข้างน่าเสียดาย

 

“ขายต่อได้อยู่แล้ว  ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ?”  ฉินฟางพูดอย่างแน่วแน่

 

ร้านค้าแผงลอยแห่งนี้สำคัญที่สุดสำหรับฉินฟาง  เขาวางแผนหาเงินค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันผ่านธุรกิจนี้  และยังต้องการให้เงินช่วยเหลือกับแม่ของเขาด้วยเช่นกัน  ในตอนนี้ยังมีเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่จะทำธุรกิจนี้  ฉินฟางไม่ได้วางแผนที่จะให้ธุรกิจของเขาล้มเพราะถูกอันธพาลสามคนก่อกวน  เพราะถ้าเขาหยุดขายที่นี่แล้วไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปตามความต้องการของใครบางคนที่ซ่อนเร้นเจตนาที่มุ่งร้ายงั้นเหรอ?

 

ขณะที่คิดมาถึงตรงนี้ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะหันสายตาไปยังร้านแผงลอยของคนอ้วนเฉิน  ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะคนอ้วนเฉินรู้สึกสำนึกเสียใจหรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นใด  แต่เมื่อสายตาของเขาปะทะกับของฉินฟาง  คนอ้วนเฉินก็รีบเบนสายตาไปในทันที  แสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากร่างกายยังไม่เลือนหายไปเลย

 

“ถังเฟยเฟย  เธอรู้สึกไหมว่ามีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้?”

 

“แปลกเหรอ?  มีอะไรที่แปลกงั้นเหรอ?”

 

ถังเฟยเฟยตกใจเมื่อถูกถามและถามกลับไปด้วยความงุนงง  ในเวลาเดียวกันเธอก็ขมวดคิ้วและเริ่มคิดตามเช่นกัน  เพราะเธอไม่ได้คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นผิดไปจากธรรมดา

 

“เธอไม่คิดว่าอันธพาลสามคนนั่นตั้งใจที่จะมาสร้างปัญหาที่นี่งั้นเหรอ?”

 

ฉินฟางเริ่มชี้นำความคิดของถังเฟยเฟยไปยังเหตุการณ์ขู่กรรโชกในทันที

 

“ฉันก็คิดอย่างนั้น  แต่พวกมันแค่เล็งเป้าหมายมาที่พวกเราเพราะขายดีไม่ใช่ยังงั้นเหรอ?”

 

ถังเฟยเฟยพยักหน้าเห็นด้วย  ใครๆ ก็คิดอย่างนั้นเช่นกันเพราะตอนที่ฟ่านเจี่ยเจียคุยกับเธอเมื่อครู่นี้  เธอก็ยังพูดถึงเกี่ยวกับการกระทำที่ชั่วร้ายของเหลาซูเฉียงกับพวกซึ่งเคยทำไว้ก่อนหน้านี้

 

“เธอก็เห็นว่าที่นี่มีร้านแผงลอยอย่างน้อย 10 ร้าน  แต่ทำไมพวกมันถึงไม่ไปรีดไถคนอื่นและตั้งใจที่จะเลือกพวกเราด้วยล่ะ?  มันเป็นเพราะว่าพวกเรายังเด็กและดูเหมือนกลั่นแกล้งได้ง่ายงั้นเหรอ?”

 

ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเยียบเย็น  บางที่เหลาซูเฉียงอาจจะต้องการที่จะรีดไถเงินจริงๆ ก็ได้  แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีแรงจูงใจการเลือกร้านของเขา

 

ถ้าต้องการที่จะรีดไถเงินโดยเฉพาะร้านแผงลอยขายอาหารที่เคลื่อนที่ได้นั้น  พวกอันธพาลก็จะพยายามเลือกคนที่บังคับได้ง่าย  พวกมันเจาะจงที่จะหลีกเลี่ยงพวกคนหนุ่มสาวและไม่กล้าที่จะข่มเหงพวกเขามากเกินไปเพราะมีแนวโน้มที่พวกนั้นจะหุนหันพลันแล่นและบ้าดีเดือดมากขึ้น  ดังนั้นเป้าหมายในการรีดไถของพวกมันส่วนใหญ่แล้วจะแก่กว่ามากเพราะข่มเหงได้ง่ายกว่า

 

แต่จากร้านแผงลอยขายอาหารที่มีทั้งหมด  เหลาซูเฉียงไม่ได้ไปที่ร้านของคนอื่นและตรงมาที่ร้านของฉินฟางเพื่อรีดไถเขา

 

“นายกำลังบอกว่า... มีใครบางคนชักจูงให้พวกมันมากลั่นแกล้งพวกเรายังงั้นเหรอ?”

 

ความสามารถในการทำความเข้าใจของถังเฟยเฟยสูงมาก  พอแค่ได้ยินที่ฉินฟางบอกก็คาดคะเนข้อสงสัยของฉินฟางได้โดยไม่จำเป็นต้องอธิบาย  และเมื่อเอาแนวความคิดของฉินฟางมาเปรียบเทียบกับของตัวเธอเองแล้ว  ถังเฟยเฟยจึงคิดว่ามันอาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้ในทันที

 

“ใช่แล้ว  ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

 

ฉินฟางพยักหน้าและสายตาก็เคลื่อนไปยังคนอ้วนเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ  ในตอนนี้คนอ้วนเฉินกำลังหลบซ่อนอยู่ในมุมร้านของเขาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางน่าสงสัย  และมองมายังทิศทางที่มีฉินฟางอยู่บ่อยครั้ง

 

“แล้วใครที่นายคิดว่าเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ล่ะ?”

 

ถังเฟยเฟยสังเกตเห็นสายตาของฉินฟางและมองไปยังทิศทางที่ฉินฟางกำลังดูอยู่เช่นกัน  แต่เปรียบเทียบกับการมุ่งความสังเกตที่ฉินฟางกำลังทำนั้น  ถังเฟยเฟยทำได้เพียงเฝ้าดูร้านแผงลอยที่น่าสงสัย 6-7 ร้านเท่านั้น

 

“พวกเราเปิดร้านเป็นเจ้าแรก  ทำราเม็งที่อร่อยและขายดีที่สุดรอบบริเวณนี้  เนื่องจากทั้งหมดล้วนเป็นร้านขายอาหาร  ถ้าร้านของพวกเราขายดีแล้วแน่นอนว่าจะมีผลกระทบกับยอดขายของร้านอื่น  แต่จะแตกต่างเพียงกระทบมากหรือกระทบน้อยเท่านั้น”

 

ตั้งแต่ฉินฟางแน่ใจว่าคนอ้วนเฉินมีเอี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้  จึงเป็นธรรมดาที่จะคิดว่าคนอ้วนเฉินเป็นผู้บงการ

 

ที่นี่มีร้านขายอาหารจำนวนมากทั้ง ราเม็ง ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ข้าวผัด ซุปเสฉวนรสเผ็ดร้อน บาร์บีคิว ฯลฯ  หรือพูดง่ายๆ ว่าที่นี่มีอาหารมากมายหลากหลายชนิด  ร้านแผงลอยโดยทั่วไปจะมีหลายอย่างให้เลือกรับประทาน  ดังนั้นจึงสามารถที่จะดึงดูดลูกค้าได้จำนวนมาก  แต่ร้านของฉินฟางกลับเรียบง่ายกว่ามากและมีอาหารขายชนิดเดียวก็คือราเม็ง

 

ดังคำที่กล่าวไว้ว่าถ้ามีความสามารถพิเศษที่ดีเยี่ยมแล้วก็จะสามารถอยู่รอดได้ทุกที่

 

ฉินฟางอาศัยเพียงทักษะในการทำบะหมี่ที่ดีก็สามารถทำให้ลูกค้าจำนวนมากที่ชอบกินบะหมี่มายังร้านของเขา  จึงเป็นธรรมดาที่จะส่งผลให้ร้านขายบะหมี่อื่นๆ หนักใจกับยอดขายที่ลดลง

 

และร้านของคนอ้วนเฉินส่วนใหญ่ก็จะขายเกี่ยวกับบะหมี่...

 

“ลืมมันซะ  ผมจะจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง…”

 

อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก  เขายังคงรู้สึกว่าการไม่ให้ถังเฟยเฟยมาเกี่ยวข้องด้วยเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า  ในเมื่อคนอ้วนเฉินกล้าที่จะก่อความวุ่นวายให้กับเขาอยู่หลังฉากแล้ว  แน่นอนว่าฉินฟางก็จะไม่ปล่อยให้เขาหลุดรอดไปได้ง่ายๆ

 

“ฉินฟาง  ฉันคิดว่าพวกเราควรลืมมันไปซะ  มีปัญหาน้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่องนะ”

 

เมื่อถังเฟยเฟยเห็นสายตาแหลมคมที่ฉินฟางแสดงออกมาอยู่ชั่วขณะ  ถังเฟยเฟยก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยและกลัวว่าฉินฟางจะทำอะไรเลยเถิด  จึงเตือนไม่ให้เขาทำการคิดบัญชี

 

ถ้าจริงๆ แล้วมันเป็นเพราะเจ้าของร้านแผงลอยอิจฉายอดขายของพวกเขา  เลยชักจูงให้พวกอันธพาลเข้ามาก่อกวนที่ร้านแล้ว  ในตอนนี้ที่ฉินฟางทุบตีพวกอันธพาลนั่นจนฟกช้ำดำเขียว  พวกมันก็น่าจะกลัวและหยุดก่อความวุ่นวาย  ดังนั้นเรื่องราวในครั้งนี้ก็น่าจะได้รับการแก้ไขแล้ว  อย่างไรก็ตามพวกเขาก็จะเปิดร้านนี้จนกระทั่งเปิดเรียนและจะไม่ขายอยู่ที่นี่เป็นเวลานานนัก  เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยเถิดเกินไป

 

 

…………………………

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด