ตอนที่แล้วTXV – 26 แท้จริงแล้ว... ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  28 เสียงหัวเราะปริศนา

TXV – 27 เพื่อ..ลาภก้อนโต !


TXV – 27 เพื่อ..ลาภก้อนโต !

 

          เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหล่ยออกจากห้องหลังจากที่กินอาหารเช้าที่เซี่ยเสวียได้เตรียมไว้ให้จากนั้นเขามุ่งหน้าไปยังร้านเครื่องยนต์ เขาจงใจออกก่อนเวลาประมาณ 10 นาทีเพื่อเลี่ยงการเจอหน้าเจียงหยู่ยี่ระหว่างทาง แต่เซี่ยเหล่ยก็พบเธอที่กำลังยืนกอดอกอยู่ในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังลงบันไดมา

 

          เจียงหยู่สวมชุดตำรวจ เธอสวมหมวกและชุดเหล่านั้นทำให้เจียงหยู่ยี่ดูสง่างามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เธอมองไปยังเซี่ยเหล่ยเหมือนกับเขาเป็นโจรโรคจิต

 

          เซี่ยเหล่ยจำได้ว่าเขาได้ตีก้นของเธอเมื่อคืน มันทำให้เขารู้สึกผิด เขาทักเธอด้วยเสียงที่หนักแน่น “อรุณสวัสดิ์หยู่ยี่ เธอรอใครตรงนี้หรอ?”

 

          “คุณไงละ !” เจียงหยู่ยี่ตอบ

 

          “มีอะไรหรอ?” เซี่ยเหล่ยตอบกลับไป

 

          เจียงหยู่ยี่จ้องมองไปยังเซี่ยเหล่ยและพูดว่า “อย่ามาเนียน! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องว่านายทำอะไรไปบ้างเมื่อคืน สารภาพมาซะดีๆเพราะตอนนี้ฉันยังพอให้อภัยได้”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะกลบเกลื่อน “ก็เมื่อคืนเธอเมาไอ้ซู่หลางก็มาส่งเธอที่บ้าน ซู่หลางมันต้องการมีอะไรกับเธอและผมก็รีบมาช่วยคุณเนี๊ย”

 

          ความเขินอายได้ปรากฏบนใบหน้าของเจียงหยู่ยี่ “ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นฉันรู้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้น เรามาพูดเรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นดีกว่า นายทำอะไรต่อจากนั้น?”

 

          “ไอ้ซู่หลางเดินออกไปจากห้องเธอ และผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยต่อจากนั้น”

 

          “โกหก” เจียงหยู่ยี่ยกสโพกของเธอและชี้ไปยังจุดที่สูงที่สุดของเธอทางด้านซ้าย “พอฉันตื่นมาตอนเช้า ฉันอยู่ในสภาพโป้เปลือยแล้วก็มีรอยตีอยู่ตรงนี้ นายบอกว่านายหยุดซู่หลางและทั้งนายและซู่หลางก็ออกจากห้องไป ถ้าอย่างนั้น ใครเป็นคนอาบน้ำให้ฉัน? ใครเปลี่ยนเสื้อให้? ใครเป็นคนยกฉันมานอนบนเตียงและใครกันที่ตีก้นฉัน ?”

 

          หน้าผากเซี่ยเหล่ยได้มีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมา เขากำลังเริ่มพูดอื้ออึงและไม่สามารถพูดอะไรอกมาได้

 

          “นายเป็นคนทำใช่ไหม?” เสียงเจียงหยู่ยี่อ่อนลง “ยอมรับมา แล้วฉันจะให้อภัยนาย”

 

          เซี่ยเหล่ยได้แต่อยู่เงียบๆโดยปราศจากคำพูดใดๆ

 

          “นายไม่ได้ทำแค่ตีก้นฉัน ใช่ไหม? นายลวนลามฉัน? จูบฉัน? หรือแม้แต่...ทำแบบนั้นด้วย? สารภาพมาซะดีๆ ฉันรู้ว่านายทำทุกอย่าง” เจียงหยู่ยี่ยังคงเค้นหาความจริง สายตาของเธอเหมือนพี่ที่ชั่วร้ายกำลังถืออมยิ้มที่เอาไว้หลอกเด็กๆ

 

          เซี่ยเหล่ยก็ทนไม่ไหว “พอแล้ว  มันจะแย่มากถ้าเพื่อนบ้านได้ยินทั้งหมดที่เราคุยกันในตอนเช้า ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมเป็นคนที่ชอบฉวยโอกาสตอนเธอเมาหรอ? มันต้องเป็นเธออยู่แล้วที่อาบน้ำเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าเองและไปนอนบนเตียงเอง”

 

          “แล้วรอยที่ก้นฉันละ?” เจียงหยู่ยี่ชี้ไปยังสะโพกเธออีกครั้ง ด้วยความโกรธและอายผสมปนเปกันไป

 

          “อาจจะเป็นเพราะยุงกัดเธอก็ได้และเธอก็เป็นคนตบเอง” เซี่ยเหล่ยตอบไปอย่างมั่นใจ

 

          “อ้อ เหรอ?”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ผมคิดว่านั้นเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมากที่สุด” เขาพูดต่อว่า “นอกจากนี้ถ้าผมทำจริงๆ เธอก็ต้องมีหลักฐานมายืนยันด้วย ว่าแต่เธอมีหลักฐานหรือเปล่าล่ะ?”

 

          “อี๋! น่าเกลียด อย่าพูดถึงเรื่องนั้นนะ ไอ้ผู้ชายหน้าไม่อาย” เจียงหยู่ยี่ต่อว่าเขา

 

          “โอเคๆ ผมจะไม่พูดถึงมันแล้วส่วนตอนนี้ผมกำลังรีบไปอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปไว้ค่อยคุยกันวันหลัง ไปก่อนนะ !”

 

          แต่เจียงหยู่ยี่ได้ขวางทางออกไว้…..

 

          เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว “ทำอะไรของเธอ? ถ้าฉันรู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นนะ ฉันจะไม่ช่วยเธอเลยเมื่อคืนและปล่อยให้ซู่หลางมันปล้ำเธอ”

 

          เจียงหยู่ยี่จับมือของเซี่ยเหล่ย ยิ้มอย่างสวยงาม “เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่น ฉันมารออยู่ตรงนี้เพราะอยากจะขอบคุณจริงๆ ขอบคุณนะ มาๆจับมือกับพี่ใหญ่ก่อนแล้วค่อยไปทำงาน”

 

          ‘อะไรของเธอเนี๊ย..’ เซี่ยเหล่ยบ่นเบาๆแต่หน้าเขาก็ยังคงยิ้มแย้มอยู่ในขณะที่กำลังจับมือกับเจียงหยู่ยี่

 

          เมื่อรอยยิ้มของเจียงหยู่ยี่หายไปพวกเขาก็เลิกจับมือ จากนั้นเธอจึงลอกแผ่นใสบางๆจากนิ้วของเธอตรงหน้าเซี่ยเหล่ยและหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันจะเอาลายนิ้วมือจากรอยที่ก้นฉันและที่มือของคุณ จากนั้นจะเอาไปเปรียบเทียบดูว่าเหมือนกันรึป่าว ถ้าเหมือนละก็น่าดู ฮึ่ม!!!”

 

          และเป็นอีกครั้งที่เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก...

 

          เจียงหยู่ยี่สะบัดผมพร้อมกับเดินออกไป ทิ้งเซี่ยเหล่ยยื่นงงไปซักพักก่อนที่เขาจะหัวเราะเบาๆและออกไปเพื่อไปขึ้นรถเมล์

 

          หลังจากที่ลงรถเมล์ เขาได้เห็นประตูของเวิร์คช็อปได้ถูกเปิดอยู่แล้ว จูเสี่ยวหงถูพื้นในเวิร์คช็อปไปพร้อมกับหน้าอกขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมา แสงสีทองได้สะท้อนลงมายังพื้นห้อง ทำให้หน้าอกก้อนนั้นเปล่งแสงสีทองของแสดงความยั่วยวน ภาพในช่วงเวลานั้นทำให้โลกของใครบางคนหยุดหมุนเลย...

 

          ตาข้างซ้ายของเขากระตุกอย่างไม่ทราบสาเหตุและเขาเริ่มเห็นเสื้อผ้าของจูเสี่ยวหงค่อยๆหายไปทีละชิ้น  เซี่ยเหล่ยตบแก้มตัวเองทันทีพร้อมกับด่าตัวเองไปในตัว ‘นี้มันยังตอนเช้าอยู่เลย ไอ้หื่นเอ๊ย’

 

          จูเสี่ยวหงเพิ่งจะสังเกตเห็นเขาเดินมาเมื่อเขาเข้ามายังเวิร์คช็อป เธอรีบวางไม้ถูพื้นและยิ้ม “อรุณสวัสดิ์เจ้านายเหล่ย เดี๋ยวจะชงชามาให้”

 

          “ไม่ๆ เธอไม่ต้องไปชงชาหรอก ผมทำเองได้” เซี่ยเหล่ยกล่าวอย่างสุภาพ

 

          อย่างไรก็ตามจูเสี่ยวหงได้ไปชงชาเขียวให้และนำมาให้ด้วยมือสองข้างเพื่อแสดงความสุภาพ

 

          “ขอบใจ ทำไมไม่พักสักหน่อยละ? เธอเหงื่อออกท่วมตัวแล้ว” เซี่ยเหล่ยกล่าวออกมา

 

          “ไม่เป็นไร ถูพื้นอีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว” จูเสี่ยวหง

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอยู่ในใจ  ‘เธอเป็นคนขยัน เราตัดสินใจถูกแล้วที่จ้างเธอมา’

 

          จูเสี่ยวหงก้มไปตามพื้นเพื่อถูพื้น และเช็ดเหงื่อของเธอและดูเหมือนว่าเธอจะร้อนเกินไป เธอจึงดึงปกเสื้อของเธอมาพัดตัวเอง ภูเขาลูกใหญ่สองลูกได้กระเพื่อมตามมือเล็กๆของเธอที่กำลังโบกอยู่...

 

          เซี่ยเหล่ยได้มองออกไปยังทางอื่นอย่างเสียดาย..และเห็นหม่าเสี่ยวอันมาถึงร้านด้วยรถจักรยานยนต์คู่ใจของเขา

 

          “เหล่ย ทายสิผมไปเจอใครมาเมื่อครู่นี้?” หม่าเสี่ยวอันได้กล่าวทันทีที่เข้ามาในร้าน

 

          “ไปเจอใครมาล่ะ?” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          “ผมไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นด็อกเตอร์ เออ... เธอชื่อะไรแล้วนะ?” หม่าเสี่ยวอันได้ลืมชื่อของเธอไปแล้ว และมองไปยังเซี่ยเหล่ย

 

          “หนิงจิง” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “นั้นเหละๆ หนิงจิง” หม่าเสี่ยวอันยิ้ม

 

          “ชาหน่อยไหม พี่หม่า” จูเสี่ยวหงนำชาเขียวมาให้หม่าเสี่ยวอันโดยที่เขาไม่ได้ขอ

 

          หม่าเสี่ยวอันดูเหมือนจะชอบการบริการแบบนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะติดนิสัยชอบสั่ง “ขอบคุณมาก !..... เธอไปทำงานต่อได้แล้ว”

 

          “ค่ะ” จูเสี่ยวหงนำผ้าขี้ริ้วไปที่โต๊ะของเซี่ยเหล่ยจากนั้นเธอเริ่มทำการเช็ดโต๊ะอย่างขยันและกระฉับกระเฉง หน้าอกของเธอก็เคลื่อนไหวตามมือที่เคลื่อนถูโต๊ะ แกว่งไปซ้ายทีไปขวาที....

 

          หม่าเสี่ยวอันอ้าปากค้างเมื่อเห็นการทำงานหนักของจูเสี่ยวหงกำลังเช็ดโต๊ะตัวนั้น จนเขาลืมที่จะพูดอะไรต่อ....

 

          เซี่ยเหล่ยเตะหน้าแข้งของหม่าเสี่ยวอันและจ้องไปที่เขา “นายบอกว่าเจอด็อกเตอร์หนิงจิง เธอกำลังทำอะไรอยู่หรอ?”

 

          “เธอกำลังกดเงินที่ตู้อยู่หน่ะ” หม่าเสี่ยวอันตอบอย่างรวดเร็ว เขาเดินรอบๆเซี่ยเหล่ยและชื่นชมจูเสี่ยวหงที่กำลังลังเช็ดโต๊ะอยู่ แต่แค่นั้นมันยังไม่พอเขาได้ชี้ไปยังจุดๆหนึ่งบนโต๊ะและกล่าวว่าเสี่ยวหง ตรงนี้ด้วย มันสกปรก”

 

          “โอเค” จูเสี่ยวหงนำเศษผ้าและเริ่มขัด และขัดตรงนี้ที ขัดตรงโน้นที ภูเขาคู่นั้นเคลื่อนไหวไปมาอย่างพริ้วไหวและเป็นภาพที่น่าจดจำ ไปซ้ายที ขวาที

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะและส่ายหน้า เขาอยากเตะหม่าเสี่ยวอันอีกครั้ง แต่ก็ไม่อยากไปขัดความสุขของเขา

 

          ไม่กี่นาทีต่อมา หนิงจิงได้เดินเข้ามาในร้านอย่างช้าๆพร้อมกับถุงกระดาษที่อยู่ใต้รักแร้ ถุงกระดาษหนาพอสมควรและมันพองอกมาดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น

          เธอมาที่ร้านหลังจากหม่าเสี่ยวอันได้พูดถึงเธอก่อนหน้านี้ เซี่ยเหล่ยเดินไปข้างหน้าเพื่อไปทักทายเธอด้วยความรู้สึกเป็นกันเองอรุณสวัสดิ์พี่หนิง มาทำอะไรที่นี่หรอ?”

 

          หนิงจิงหยิบถุงกระดาษที่อยู่ใต้รักแร้ ดันไปใส่ในมือของเซี่ยเหล่ยนี้เงิน 50,000 หยวน ฉันมาจ่ายค่าจ้างที่ติดไว้”

 

          เซี่ยเหล่ยลังเลนี้มัน...” เขาจำได้ว่าหม่าเสี่ยวอันเพิ่งบอกว่า หนิงจิงกดเงินที่ตู้ และเธอมาจ่ายเงินที่เป็นค่าจ้างทันที 50,000 หยวน แสดงว่าเงินนี้คงไม่ได้มาจากสำนักงานโบราณคดีแต่ว่ามาจากเงินเก็บของเธอเอง.....

 

 

          หนิงจิงกล่าวอย่างติดๆขัดๆ “งั้น... รับเงินนี้ไป ทางสำนักงานได้ให้อำนาจฉัน เอ่อ.... ทางหัวหน้าสำนักงานให้เอาเงินนี้มาให้เช้านี้เอง”

 

          เซี่ยเหล่ยก็คงเชื่อว่าเงินนี้ได้มาจากสำนักงานโบราณคดี ถ้าหม่าเสี่ยวอันไม่ได้เจอเธอกำลังกดเงินที่ตู้พี่หนิง เงินนี้ของคุณใช่ไหม?” เขาถามหนิงจิง

 

          หนิงจิงรู้สึกตกใจไม่ๆ เงินนี้มาจากสำนักงานโบราณคดีจริงๆ หยุดถามได้แล้วรับเงินนี้ไปสิ...

 

          ปฏิกิริยาของหนิงจิงทำให้เซี่ยเหล่ยมั่นใจว่าเงินที่เธอนำมาเป็นเงินของเธอเอง เขาไม่สามารถรับเงินนี้ได้ เขาพลักถุงกระดาษกลับไปยังมือของหนิงจิงแล้วกล่าวว่าพี่หนิง ผมรู้ว่านี้เป็นเงินพี่ ผมไม่สามารถรับได้ เดี๋ยวในไม่ช้าพวกเขาก็จ่าย 50,000 หยวนแน่นอน และผมก็ไม่ได้รีบร้อนต้องใช้เงิน”

 

          หนิงจิงได้ผลังถุงกระดาษกลับมายังเซี่ยเหล่ยทันทีทันใดคุณเซี่ย ไม่ต้องพูดอะไรมากและไม่ต้องถามอะไรแล้ว รับเงินนี้ไปเถอะ”

 

          “ผมไม่สามารถรับได้ ได้โปรดนำมันกลับไป” เซี่ยเหล่ยผลังถุงเงินกลับไปที่หนิงจิง

 

          หนิงจิงก้าวถอยหลังออกไปและทำถุงกระดาษหล่นไปยังพื้นและเงินจำนวน 50,000 หยวนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น

 

          เซี่ยเหล่ยยื่นมือออกมาและหัวเราะเบาๆพี่หนิงทำอะไรหน่ะ?”

 

          หนิงจิงกัดริมฝีปากเบาๆและตอบคำถามหลังจากนั้น “พวกเขาไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ฉันเขียนรายงานการเบิกเงิน 50,000 แต่พวกเขาบอกว่าหลงบิงต่างหากที่ต้องจ่ายเพราะว่าเธอเป็นคนเอาเข็มทิศไป ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไม่ดีแน่ๆ แล้วเธอจะจ่ายให้คุณไหม? คุณช่วยพวกเราไว้มากแต่ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย ฉันทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องจ่ายค่าจ้างที่ตกลงกันไว้”

 

          “ฉันมีหลักการของฉัน ยังไงก็ตามเมื่อนายไม่ได้เงินค่าจ้างมันส่งผลถึงฉันด้วยเพราะแบบนั้นฉันจึงต้องจ่ายค่าตอบแทน ฉันจะไม่รู้สึกสบายใจจนกว่านายจะรับเงินไว้” หนิงจิงกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

 

          หม่าเสี่ยวอันได้มาแทรกและกล่าวว่าเหล่ย รับเงินนั้นเถอะ มันเป็นความต้องการของด็อกเตอร์หนิง”

 

          แต่ละคนก็มีมุมมองของตัวเองทั้งนั้น และเซี่ยเหล่ยต้องการออกจากจุดๆนี้ เขาได้ทำการหยิบเงินจำนวน 5 กองจากพื้นและดึงแบงค์ 100 หยวนมา 1 ใบผมจะเอาเงิน 100 หยวนสำหรับเงินค่าจ้างซ่อมเข็มทิศ เธอก็เอาที่เหลือกลับไป และผมจะโกรธมากถ้าพี่ยืนกรานว่าจะให้ผมให้ได้”

 

          “คุณเซี่ย คุณ.....หนิงจิงไม่มีคำพูดใดๆจะพูดต่อ

 

          เซี่ยเหล่ยนำเงินมาใส่ในถุงกระดาษและยื่นถุงกระดาษให้แก่หนิงจิงเข้ายิ้มและกล่าวว่าถ้าเธอเห็นว่าผมเป็นเพื่อน ก็เอาเงินนี้กลับไป”

 

          หนิงจิงถอนหายใจ “ฉันควรทำยังไงดีนะ? ก็ได้ ฉันจะรับเงินกลับมา ฉันไม่อยากเสียเพื่อนแบบคุณไป”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมามันก็ควรจะเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว”

 

          หม่าเสี่ยวอันมองไปยังจูเสี่ยวหงและพูดกับเธอว่าเจ้านายเธอมันโง่....โง่...โง่มากถึงมากที่สุดเลย”

 

          จูเสี่ยวหงกระพริบตาโตๆของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หม่าเสี่ยวอันกล่าวไว้ ในทางกลับกัน เธอจึงเคารพนับถือการกระทำแบบนี้ของเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมาก

 

          หนิงจิงได้กล่าวอีกครั้งว่าฉันจะนำเงินกลับไป แต่ฉันจะหาวิธีช่วยนายให้ได้สิ่งที่เหมาะสมกับเวลาที่คุณเสียไป”

 

          “มันไม่จำเป็นเลย....พี่หนิง” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ให้ฉันพูดให้จบก่อน...ลุงของฉันเป็นเจ้าของกิจการซึ่งส่วนใหญ่ผลิตอุปกรณ์พิเศษ ชิ้นส่วนบางชิ้นในการสร้างจำเป็นต้องแม่นยำมากๆ เพื่อที่จะส่งไปยังต่างประเทศ แต่ในโซนยุโรปและอเมริกาเข้มงวดมากๆในการซื้อขายส่วนประกอบของชิ้นงาน เมื่อก่อนเราทำการซื้อขายกับพวกเขาได้สบายๆแต่ตอนนี้มันหาซื้อไม่ได้แล้ว เมื่อคืนคุณลุงของฉันได้คุยกับคุณพ่อว่ามีออเดอร์ที่ไม่สามารถทำได้เพราะมีปัญหา มันยิ่งทำให้คิดถึงคุณ คุณเป็นช่างที่มีฝีมือยอดเยี่ยม บางทีคุณอาจจะทำชิ้นส่วนที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงๆออกมาได้ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันสามารถแนะนำคุณให้กับคุณลุงได้รู้จักได้มั้ย ?”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา “มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าตัวของผม ไม่รู้ว่าผมจะทำได้รึปล่าว ?” เซี่ยเหล่ยกล่าวด้วยความตกตะลึง

 

          “นายทำได้อยู่แล้วละ ฉันได้พิจารณาความสามารถของคุณดีแล้ว” หนิงจิงกล่าว “ถ้ายังไงฉันจะนัดคุณกับลุงมาเจอด้วยกันแล้วลองทำงานนี้ดู คุณจะรู้ได้ยังไงว่าทำได้หรือไม่ได้ถ้าคุณยังไม่ลองทำดู”

 

          “ตกลง ! ถ้างั้นก็นัดวันเพื่อไปเจอคุณลุงของเธอ ผมของลองทำสิ่งนี้ดู”

 

          “คุณตกลงสินะ รอฉันโทรมาแล้วกัน ตอนนี้ต้องไปทำงานก่อนพวกนั้นยังอยู่คนละข้างกับฉัน บางทีพวกเขาอาจจะนำเรื่องของฉันไปฟ้องเจ้านาย ถ้าฉันเกิดเข้างานสาย !!” หนิงจิงกล่าวอย่างน่ารำคาญ

 

          เซี่ยเหล่ยมองไปยังหนิงจิงที่เดินผ่านประตูออกไปและกำลังไปที่รถของเธอ จากนั้นเขาก็เดินกลับไปยังร้านของเขา

 

          หม่าเสี่ยวอันหัวเราะอย่างเก้ๆกังๆเยื่ยมเหล่ย ผมเพิ่งด่านายว่าไอ้โง่ที่ปฏิเสธเงิน 50,000 หยวน มันควรจะเป็นของนาย แต่ไม่คิดเลยว่านายจะลาภก้อนโตกว่านั้น !!!”

 

          “ผมก็ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นหรอก หนิงจิงเป็นคนซื่อสัตย์เพราะแบบนั้นฉันจึงรับเงินนี้มาไม่ได้”

 

          จูเสี่ยวหงก็ได้กล่าวว่าเจ้านายเซี่ย คนนี้แหละเป็นดังคำที่ว่า...ทำดีย่อมได้ดี

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะออกมาฮี่ ฮี่ ฉันชอบการแสดงออกของเธอนะ พูดได้ดีมาก..”

 

          หม่าเสี่ยวอันชี้ไปยังโต๊ะของเขา “เสี่ยวหงเช็ดโต๊ะผมด้วย เช็ดแรงๆให้มันมันวาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย

 

          “ได้เลย!” จูเสี่ยวหงไปยังโต๊ะตังนั้นและเริ่มเช็ดโต๊ะตัวนั้นอย่างที่หม่าเสี่ยวอันได้บอกไว้ เธอเช็ดตรงนี้ที เช็ดตรงโน้นที เธอไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าพี่ใหญ่ของเธอได้จ้องไปยังหน้าอกที่ยิ่งใหญ่ของเธอที่กำลังเด้งไปมาอย่างตาไม่กระพริบ....

 

          เซี่ยเหล่ยถอนหายใจออกมาและกำลังพิจารณาความว่าโต๊ะในเวิร์คช็อปของเรามีไว้ทำอะไรกันแน่.......

 

          ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

 

###################################################################

 

         

         

         

 

         

         

         

         

         

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด