ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 89 อสรพิษที่พัวพันอยู่รอบขา (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 91 เป็นห่วงมาก (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 90 มันก็จะหนาวๆหน่อย (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 90 มันก็จะหนาวๆหน่อย 

แปลโดย iPAT 

ในห้องโถงที่สว่างไสว

บนโต๊ะเต็มไปด้วยสุราอาหาร

เปลวเทียนสีแดงสดใสสร้างเงาของลุงกับป้าขึ้นบนผนัง

แม่บ้านเฉินคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพวกเขา

ลุงส่งเสียงทำลายความเงียบงัน "ฟางหยวน เขากำลังต่อต้านข้า เห้อ...ข้าต้องการให้เขาสงบลงด้วยการกระทำอ่อนโยนและนำเขากลับมาอยู่บ้านก่อนจะหาเหตุผลไล่เขาออกไปอีกครั้ง แต่เขากลับไม่ตกหลุมพรางนี้ เขาปฏิเสธคำเชิญโดยไม่เจรจา ไม่แม้แต่จะก้าวเข้ามาในบ้านของข้า!"

ป้ากัดฟันแน่นและแสดงออกด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อย "คนชั่วผู้นี้อายุครบสิบหกปีแล้ว หากเขาต้องการมรดก พวกเราจะไม่สามารถปฏิเสธ มรดกของเขาถูกบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนในห้องโถงภารกิจฝ่ายใน เราไม่สามารถขัดขืน แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป?"

"ออกไปก่อน" ลุงโบกมือไล่แม่บ้านเฉินก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น "อย่ากังวล หนึ่งปีที่ผ่านมา ข้าวางแผนเอาไว้หมดแล้ว เพื่อให้ได้รับมรดก เขาต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นสุดยอดและกระทั่งได้รับอันดับหนึ่งในการสอบปลายปี นั่นน่าประทับใจจริงๆ ฮ่าฮ่า"

"อย่างไรก็ตามมันยังไม่ใช่เรื่องง่าย ฟางหยวนจะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจเพื่อพิสูจน์ว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอ นี่คือการป้องกันไม่ให้มรดกถูกส่งต่อไปยังผู้ที่ไม่สมควรได้รับและทำให้ตระกูลอ่อนแอลง"

ป้าเข้าใจได้ในที่สุด "นี่หมายความว่าเขาต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จก่อนจึงจะสามารถรับมรดก"

"ถูกต้อง" ลุงเผยรอยยิ้มชั่วร้าย "แต่ภารกิจจะถูกส่งมอบให้กับกลุ่มเท่านั้น หากฟางหยวนต้องการทำภารกิจ เขาต้องพึ่งพากลุ่ม เขาไม่สามารถทำมันได้เพียงลำพัง ตระกูลทำเช่นนี้เพราะต้องการให้เกิดความสามัคคีและเพิ่มสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา"

ป้าหัวเราะเสียงดัง "สามี ท่านฉลาดเกินไปแล้ว ท่านให้เจียวซานรับฟางหยวนเข้ากลุ่ม หากฟางหยวนต้องการทำภารกิจ เขาต้องพึ่งพาเจียวซาน แต่เจียวซานเป็นคนของเรา ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง"

ดวงตาของลุงส่องประกาย "ฮืม แม้เขาจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเจียวซาน ข้าก็ยังมีวิธีอื่นในการจัดการเขา ไม่ต้องกล่าวถึงการทำภารกิจให้สำเร็จ กระทั่งเขาต้องการยื่นเรื่องขอทำภารกิจเพื่อรับมรดก มันก็ยังเป็นไปได้ยาก"

เมื่อเวลาล่วงเลยถึงยามดึกสงัด หิมะก็หยุดโปรยปราย

ฟางหยวนเดินอยู่บนเส้นทางถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะ เมื่อสูดหายใจเอาอากาศอันเย็นเยียบเข้าไป สมองของเขาจึงถูกกระตุ้น

หลังจากปฏิเสธแม่บ้านเฉิน ไม่แยแสต่อคำแนะนำของเจียวซานและสมาชิกกลุ่ม เขาบอกลาทุกคนและจากมาทันที

‘มันเป็นเช่นนี้’ ฟางหยวนคิด ‘ลุงกับป้าพยายามวางกับดักข้าเพื่อให้ข้าสูญเสียโอกาสในการรับมรดก’

'หลังจากปีใหม่ ข้าจะอายุครบสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่จะรับมรดก พ่อแม่ของข้าตาย น้องชายก็มีพ่อแม่คนใหม่ ดังนั้นมรดกทั้งหมดจะตกเป็นของข้า แต่การรับมรดกยังต้องผ่านอีกสองขั้นตอน แต่ละขั้นตอนมีความสำคัญมาก'

'ขั้นตอนแรก ข้าต้องยื่นเรื่องขอรับภารกิจจากห้องโถงภารกิจฝ่ายในขณะที่ข้าต้องไม่มีภารกิจใดค้างคาอยู่ ขั้นตอนที่สอง ทำภารกิจให้ลุล่วง'

'เจียวซานเป็นตัวหมากเบี้ยของลุงกับป้า ยังไม่ต้องกล่าวถึงขั้นตอนที่สอง แต่เขาจะพยายามกีดขวางข้าตั้งแต่ขั้นตอนแรก'

กฎของตระกูลระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ใช้วิญญาณสามารถรับภารกิจได้ครั้งละหนึ่งภารกิจเท่านั้น นี่เป็นการป้องกันความเห็นแก่ตัวและทำให้เกิดการแข่งขันในเชิงลบ

เจียวซานรับภารกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากจบภารกิจรวบรวมน้ำแข็งหมัก เขาก็รับภารกิจล่ากวางป่าทันที

ภารกิจทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับกลุ่ม กล่าวคือฟางหยวนต้องทำภารกิจล่ากวางป่าให้สำเร็จก่อนที่เขาจะยืนเรื่องขอทำภารกิจเพื่อรับมรดก

'แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าเชื่อว่าเจียวซานจะรับภารกิจใหม่อีกครั้งในฐานะหัวหน้า นั่นจะทำให้ข้าไม่สามารถยื่นเรื่องขอทำภารกิจรับมรดก ข้าจะถูกหยุดยั้งเสมอ' ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจน

แผนการเหล่านี้กีดขวางเส้นทางของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามเขาไม่เสียใจที่เข้าร่วมกับกลุ่มนี้

ด้วยคำเชิญของเจียวซาน มันทำให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากมาได้

นอกจากนั้นหากเขาไม่ได้เข้ามาในกลุ่มนี้ เขาอาจมองไม่เห็นแผนการของลุงกับป้าและอาจไม่สามารถป้องกันหรือตอบโต้

'ปัญหานี้แก้ไม่ยาก เพียงแค่กำจัดเจียวซานออกไปหรือไม่ก็ลอบสังหารลุงกับป้า แต่วิธีนี้มีความเสี่ยงสูงเกินไป แม้ข้าจะสามารถสังหารพวกเขา มันก็ยังยากที่ข้าจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้าย เว้นเพียงมันจะมีโอกาสที่ดีให้ข้าใช้ประโยชน์ แต่โอกาสเช่นนี้ต้องอาศัยโชคเท่านั้น'

ฟางหยวนสามารถสังหารเกาเหวินและเฒ่าหวัง แต่นั่นเพราะพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ชีวิตของพวกเขามีค่าน้อยกว่าหญ้า มันไม่ต่างจากการฆ่าสุนัขหรือกำจัดวัชพืชที่ไม่มีนัยสำคัญ

แต่การลอบสังหารผู้ใช้วิญญาณเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้ใช้วิญญาณเป็นสมาชิกของตระกูล ไม่ว่าผู้ใดตกตาย ห้องโถงพิพากษาก็ต้องสอบสวน ฟางหยวนประเมินความสามารถของตนเองในเวลานี้และตัดสินว่ามีความเสี่ยงสูงหากเขาต้องการฆ่าผู้ใช้วิญญาณของตระกูล บางทีผู้ที่ถูกสังหารอาจกลายเป็นตัวเขาเอง กระทั่งเขาจะสามารถสังหารฝ่ายตรงข้าม มันก็ยังยากที่เขาจะรอดไปจากการตรวจสอบของห้องโถงพิพากษา สุดท้ายเรื่องราวเกี่ยวกับมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้อาจจะถูกเปิดเผยออกมาอีกด้วย

“ดึดดูดปัญหาใหญ่เพื่อแก้ปัญหาเล็กไม่ใช่เรื่องฉลาด โอ้ ข้ามาถึงที่นี่แล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนกล่าวเสียงเบาก่อนจะหยุดอยู่หน้าบ้านไม้ไผ่ที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง

บ้านไม้ไผ่หลังนี้ทรุดโทรมราวกับชายชราที่กำลังจะตายเพราะอากาศที่หนาวเย็น

เมื่อเห็นบ้านไม่ไผ่หลังนี้ มันทำให้เขารำลึกถึงความหลัง

นี่คือสถานที่ที่เขาเคยอาศัยอยู่ในชีวิตก่อนหน้า

ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากถูกลุงกับป้าขับไล่ออกจากบ้าน เขามีหินวิญญาณอยู่เพียงสิบห้าก้อน เขาต้องนอนริมถนนหลายวันก่อนที่จะพบสถานที่แห่งนี้ในที่สุด

เนื่องจากบ้านไม้หลังนี้ทรุมโทรมเป็นอย่างมาก ค่าเช่าของมันจึงต่ำกว่าที่อื่น นอกจากนั้นมันยังเป็นบ้านเช่ารายวัน

‘สถานที่อื่นอาจเป็นกับดักของลุงกับป้า แต่จากความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า ข้าสามารถบอกได้ว่าที่นี่ปลอดภัย’ ฟางหยวนเดินตรงเข้าไป

ครึ่งชั่วโมงหลังจากตกลงเรื่องค่าเช่าเรียบร้อยแล้ว เขาจึงถูกนำทางขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านไม้ไผ่โดยเจ้าของบ้านเช่า

ในห้องพักมีเพียงเตียงและผ้าห่มเก่าๆที่เต็มไปด้วยรูพรุนเท่านั้น

หัวเตียงวางไว้ด้วยตะเกียงน้ำมันที่เจ้าของบ้านเช่าทิ้งไว้

ฟางหยวนยังไม่เข้านอนแต่นั่งไขว้ขาอยู่บนเตียงและเริ่มบ่มเพาะ

ทะเลวิญญาณของเขาเป็นสีฟ้าเข้มประกายทองแดง มันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกำแพงคริสตัล

นี่คือทะเลวิญญาณระดับหนึ่งขั้นสุดยอด

ทันใดนั้นคลื่นน้ำพลันโหมกระหน่ำและสาดซัดไปยังกำแพงคริสตัลจากทุกทิศทุกทาง

“ครืน...ครืน...”

คลื่นขนาดใหญ่ปะทะกับกำแพงคริสตัลก่อนจะกลายเป็นละอองน้ำเล็กกระจัดกระจายหายไป

พลังวิญญาณของเขาถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว

กำแพงคริสตัลเริ่มปรากฎรอยแตกร้าวขึ้นเล็กน้อย

แต่มันยังไม่เพียงพอ

ฟางหยวนต้องทำลายกำแพงคริสตัลอย่างสมบูรณ์เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับสอง

คลื่นทะเลพุ่งเข้าปะทะกำแพงคริสตัลอย่างต่อเนื่องและทำให้รอยแตกร้าวขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามด้วยพลังวิญญาณเพียงสี่สิบสี่ส่วนของเขาไม่เพียงพอให้เขาทำลายกำแพงคริสตัลได้ในครั้งเดียว ในช่วงเวลาที่เขาหยุดโจมตี รอยแตกร้าวบนกำแพงคริสตัลจะรักษาตัวมันเองและทำให้รอยร้าวค่อยๆเลือนหายไปในที่สุด

ฟางหยวนไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ เขาเปิดเปลือกตาขึ้น แสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันดับลงแล้ว ห้องที่ว่างเปล่าถูกเติมเต็มด้วยความมืด มีเพียงแสงจันทร์อันแผ่วเบาเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแตกหักของบ้านไม้

ในห้องที่ไร้แสงสว่างและปราศจากความอบอุ่น ฟางหยวนนั่งอยู่บนเตียงอย่างยาวนานโดยไม่ขยับเขยื้อน นี่ทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นเย็นเยียบ

ดวงตาคู่สีดำสนิทของเขาผสานเข้ากับความมืด

‘วิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดในการทำลายแผนการของลุงกับป้าคือการทะลวงเข้าสู่ระดับสอง ผู้ใช้วิญญาณระดับสองสามารถใช้สิทธิ์ยอมแพ้ต่อภารกิจหนึ่งครั้งต่อปี เมื่อข้ากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง ข้าจะสามารถยอมแพ้ภารกิจและยื่นเรื่องขอทำภารกิจรับมรดก’

‘แต่การก้าวเข้าสู่ระดับสองไม่ใช่เรื่องง่าย’ ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปรอบๆห้อง

การก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง หรือขั้นสุดยอดสามารถทำได้ไม่ยากเพราะมันเป็นเพียงขอบเขตเล็กๆ แต่ระดับหนึ่งกับสองถือเป็นขอบเขตใหญ่ที่ยากจะทะลวงผ่าน กล่าวได้ว่าทั้งสองกรณีมีระดับความยากลำบากที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การทำลายกำแพงคริสตัลต้องระเบิดความแข็งแกร่งออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ

แต่ฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สามและมีพลังวิญญาณเพียงสี่สิบสี่ส่วน พลังวิญญาณของเขาจะหมดก่อนที่กำแพงคริสตัลจะพังทลาย ขณะที่มันจะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง

‘การทำลายกำแพงคริสตัลในครั้งเดียวจำต้องใช้พลังวิญญาณอย่างน้อยห้าสิบห้าส่วน แต่ข้ามีพลังวิญญาณเพียงสี่สิบสี่ส่วน นี่คือความสำคัญพรสวรรค์’

ฟางหยวนเดินไปหยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่างก่อนจะเปิดหน้าต่างที่ชำรุดออกไปและปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าของเขา

ภายใต้แสงจันทร์ในค่ำคืนอันเหน็บหนาว การแสดงออกของฟางหยวนยังคงสงบและเยือกเย็น เขาหัวเราะเบาๆกับตนเอง "มันก็จะหนาวๆหน่อย"