ตอนที่แล้วTXV – 21 หน้าท้องของหนิงจิง..
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV – 23 งานชิ้นสำคัญ !

TXV – 22 มองเข้าไปยัง...


TXV – 22 มองเข้าไปยัง...

 

          เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเธอกำลังปวดท้องอย่างรุนแรง เขาจึงนำมือไปสัมผัสที่หน้าท้องของเธอ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่สามารถทนเห็นเธอต้องทุกข์ทนทรมานกับความเจ็บปวดดังนั้นเขาจะคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อคลายความเจ็บปวดของเธอ

 

          หน้าท้องของหนิงจิงหนุ่มมากๆ ความเนียนนุ่มภายใต้เสื้อผ้าชั้นบางๆทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจ มือที่แข็งทื่อที่อยู่บนหน้าท้องของเธอขณะที่เขาสัมผัส เขาจึงรีบตัดความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นโดยการหาสาเหตุของการปวดท้องอย่างรุนแรงของเธอ

 

          “คุณ…..” หนิงจิงจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความตกใจ

 

          “เอ่อ… คิดซะว่าเป็นมือของแม่คุณแล้วกัน” เซี่ยเหล่ยกล่าวขณะที่นำมือไปนวดอย่างอ่อนโยนบริเวณหน้าท้องของเธอ

 

          หนิงจิงไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเซี่ยเหล่ยแต่เธอตกใจกับการกระทำของเซี่ยเหล่ยมากกว่ามือของเขาเป็นมือวิเศษที่สามารถไล่ความเจ็บปวดออกไปและอีกอย่างมันก็นำความผ่อนคลายมาให้เธอในเวลาเดียวกัน เสียงแปลกๆที่เปล่งจากลำคอของเธอเป็นเสียงที่อืออึง ใบหน้าของเธอตอนนี้มีทั้งความเจ็บปวดและความสุขในเวลาเดียวกัน

 

          “คุณยังปวดท้องอีกมั้ย ?” เซี่ยเหล่ยถามอย่างเป็นกังวล

 

          “งืม...ไม่แล้วนะ” คำตอบของหนิงจิงค่อนข้างคลุมเครือมันอาจเป็นเพราะมือที่นุ่มนวลของเซี่ยเหล่ยไปสัมผัสหน้าท้องของเธอจนลืมความเจ็บปวดไป !

 

          คำตอบที่คลุมเครือของหนิงจิงทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นทันใดนั้นเขามีความคิดขึ้นมาว่า “บางทีตาข้างซ้ายของเราอาจจะเห็นสาเหตุที่เธอปวดท้องที่รุนแรง ถ้ามันเป็นเรื่องร้ายแรงเราจะได้ส่งเธอไปโรงพยาบาลทันที !”

 

 

การมองเข้าไปในร่างกายคงเป็นเรื่องยากกว่าการมองทะลุเสื้อผ้าอย่างแน่นอนการมองผ่านเสื้อผ้าที่ผ่านมานั้นเปรียบเสมือนการที่วิ่งบนถนนด้วยรองเท้าที่สบายเท้าทำให้สามารถไปถึงเส้นชัยอย่างง่ายดาย แต่การมองเข้าไปในร่างกายของมนุษย์เปรียบเสมือนการเดินป่าที่รกทึบจึงต้องใช้สมาธิและพลังจากตาซ้ายมากกว่าเดิม

 

          หลังจากนั้นเซี่ยเหล่ยตัดสินใจรวบรวมพลังจากตาซ้ายออกมาทั้งหมด เสื้อผ้าของหนิงจิงหายไปอย่างรวดเร็วจากนั้นเขาก็เห็นเรือนร่างของเธอทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นบทเป็นคุณหมอที่เก่งกาจแต่สายตาของเขาก็ค่อนข้างซุกซนเล็กน้อย

 

          “ใจเย็น…..ใจเย็น…. เรากำลังมองหาสาเหตุที่ทำให้เธอปวดท้องอย่างรุนแรง.. มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก !” ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าอย่างแรงเพื่อเอาความคิดอื่นๆออกไปจากหัวของเขา ในตอนนี้เขามีเป้าหมายคือการมองเข้าไปในช่องท้องของเธอเพื่อดูสาเหตุที่ทำให้หนิงจิงปวดท้องคืออะไร ! ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงตั้งใจรวบรวมสมาธิและเพิ่มพลังไปยังตาซ้ายให้ได้มากที่สุด

 

          ในไม่ช้าเซี่ยเหล่ยก็เริ่มเห็นผิวบนหน้าท้องของหนิงจิงค่อยๆเลือนหายไปกลายเป็นสีแดงจากนั้น เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในร่างกายของเธอ เขามองเห็นลำไส้เล็ก ตับ ไต ม้ามและอวัยวะภายในอื่นๆ เขากำลังตกตะลึงกับความสามารถของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าตาซ้ายจะสามารถมองเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์การแพทย์ช่วย !

 

          เซี่ยเหล่ยกวาดสายตาไปอย่างรวดเร็วในร่างกายของหนิงจิงเขาพบถุงน้ำดีของหนิงจิงเต็มไปด้วยก้อนเนื้อเล็กๆเกาะอยู่ที่เยื่อบุของถุงน้ำดีและมันเพิ่งเริ่มมีการอักเสบตอนนี้การอักเสบของก้อนเนื้อยังไม่รุนแรงมากนัก

 

          สิ่งนี้คงจะเป็นสาเหตุทำให้หนิงจิงปวดท้อง จากนั้นเซี่ยเหล่ยหยุดใช้ตาซ้ายของเขาและร่างกายของเขาก็อ่อนแรงและล้มตัวลงไป จากนั้นใบหน้าของเซี่ยเหล่ยฟุบลงไปจุดที่บอบบางที่สุดของเธอ….

 

          “คุณ….” ทันใดนั้นคำพูดของหนิงจิงทำให้สติของเซี่ยเหล่ยกลับมาอย่างรวดเร็วและเธอพูดต่อว่า “คุณ..คุณทำอะไรหน่ะ ?”

 

 

          “ผมขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจ” เซี่ยเหล่ยรีบขยับตัวเองออกจากร่างกายของเธอและเขาพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายใบหน้าของเขาและใบหูตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นสีแดงและเขาก็หายใจอย่างรวดเร็ว

 

          ใบหน้าของหนิงจิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ เธอต้องการที่จะดุด่าเซี่ยเหล่ยแต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ความเจ็บปวดของเธอเริ่มค่อยๆหายไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก !

 

          บรรยากาศในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยความอับอายและความลังเลใจ ในขณะนี้ห้องเงียบจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น

 

          ในขณะนี้ได้เกิดภาพหลอนขึ้นในสายตาของเซี่ยเหล่ย ร่างกายที่นุ่มนวลของด็อกเตอร์หนิงกำลังลุกออกมาจากโซฟาจากนั้นเธอกำลังเต้นเย้ายวนอย่างร้อนแรงต่อหน้าเขา….

 

          เซี่ยเหล่ยส่ายหัวเพื่อที่จะขจัดภาพหลอนเหล่านั้นออกไป แต่ครั้งนี้ภาพหลอนเหล่านั้นมันไม่ได้หายไปอย่างที่เขาคิดมันเริ่มรุนแรงมากขึ้นและมันดูมีชีวิตชีวาสมจริง !

 

          “อย่าแตะนะ !” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “อย่าแตะอะไร ?” หนิงจิงจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยขณะที่เขาหน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ “ผม…..ผมไม่ได้แตะตัวคุณนะ !”

 

          เสียงของหนิงจิงทำให้เขากลับมาสู่ความเป็นจริง อาการเหน็บชาจากต้นขาและมือของเขาทำให้ภาพหลอนเหล่านั้นได้จางหายไป

 

          “คุณเป็นอะไรมั้ย ?” ในครั้งนี้หนิงจิงแสดงความห่วงใยต่อเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยหายใจเข้าอย่างลึกๆเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะตอบว่า “ผมสบายดี ก่อนหน้านี้ผมไม่มีเจตนาไม่ดีต่อคุณเลย…...เอ่อ…...ผมหมายความว่า…..” เขาก็งงกับตัวเองเหมือนกันว่าจะอธิบายเหตุผลเหล่านั้นไปทำไมจากนั้นเขารีบเปลี่ยนหัวข้อทันที “คุณต้องไปโรงพยาบาล มีก้อนเนื้ออยู่ในถุงน้ำดีของคุณและมันเริ่มมีอาการอักเสบ ถ้าคุณปล่อยไว้แบบนี้มันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างแน่นอน” ----> (หนิงจิงเป็นนิ่วในถุงน้ำดี)

 

          “คุณรู้ได้ยังไงว่ามีก้อนเนื้ออยู่ในถุงน้ำดีของฉัน ?” หนิงจิงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

 

          เซี่ยเหล่ยชะงักไปครู่หนึ่ง  ใช่ ! เขารู้ว่ามีอะไรอยู่ในถุงน้ำดี เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนแต่ไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับหนิงจิงได้ว่าเขาสามารถมองผ่านช่องท้องของเธอและเห็นก้อนเนื้ออยู่ในถุงน้ำดีจากนั้นเขาคิดอะไรบางอย่างออกและยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “ผมมีเพื่อนที่มีก้อนเนื้อในถุงน้ำดีคล้ายๆคุณดังนั้นผมจึงรู้ว่าคุณน่าจะมีก้อนเนื้อในถุงน้ำดีเหมือนกับเพื่อนของผม หนิงจิงนี่มันเป็นเรื่องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงนะ คุณต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรักษามันเดี๋ยวนี้”

 

          “ฉันมีก้อนเนื้อให้ถุงน้ำดีจริงๆหรอ ?” หนิงจิงยังคงไม่เชื่อ

 

          เซี่ยเหล่ยไม่สามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาเขาจึงพูดอ้อมๆว่า “80-90 เปอเซ็นต์ เชื่อผม ไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ”

 

          “ตกลง ฉันจะไปตรวจที่โรงพยาบาลหลังจากที่คุณซ่อมเข็มทิศเสร็จแล้ว” เธอยิ้ม “ตอนนี้คุณดูเหมือนหมอคนนึงเลยนะ”

 

          เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า “เราคิดว่าคงไม่มีหมอคนไหน ? ที่ใช้สายตามองไปยังคนไข้เพื่อค้นหาสาเหตุการเจ็บป่วยได้โดยตรงแต่เราสามารถทำได้ ! ถ้าเรามีความรู้เกี่ยวกับการจ่ายยามากกว่านี้เราคงจะเป็นหมอที่เก่งแน่ๆ”

 

          ทันใดนั้นหลงบิงและฮัวเว่ยกั่วเดินเข้ามาในห้องและตามมาด้วยเจ้าหน้าที่โบราณคดีคนหนึ่งพวกเขามีเครื่องเชื่อมขนาดเล็กที่มีความแม่นยำสูงและกล่องอุปกรณ์ช่าง ทั้ง 3 คนจ้องมองไปที่หนิงจิงและเซี่ยเหล่ยพร้อมกัน

 

          หนิงจิงพยายามลุกจากโซฟาอย่างเก้ๆกังๆและกล่าวว่า “ไม่..มันไม่มีอะไร”

 

          ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆแต่ปฏิกิริยาของเธอทำให้ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ยืนขึ้นอย่างเขินอายและเขาพูดว่า “ด็อกเตอร์หนิงเธอปวดท้องอย่างรุนแรงเมื่อสักครู่นี้ผมเลยพาเธอไปนอนที่โซฟา”

 

          หลงบิงจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยและหนิงจิงด้วยสายตาที่คมกริบของเธอ.....

 

          ฮัวเว่ยกั่วไม่ได้สนใจกับคำพูดเหล่านั้นเลยเขาชี้ไปที่เซี่ยเหล่ย “คุณเซี่ย ผมนำสิ่งที่คุณต้องการมาแล้วดังนั้นช่วยแสดงฝีมือของคุณให้ผมเห็นหน่อย”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและเดินไป

 

          เจ้าหน้าที่ทางโบราณคดีทำการเสียบปลั๊กเครื่องเชื่อมความแม่นยำสูงเข้ากับปลั๊กไฟจากนั้นเขาเปิดกล่องเครื่องมือขึ้นมาและหยิบอุปกรณ์ซ่อมแซมต่างๆขึ้นมาเช่น แหนบ คีม และอื่นๆจากนั้นเขาวางมันไว้ที่พื้น

 

          เซี่ยเหล่ยจ้องมองไปที่ชิ้นส่วนเหล่านั้นบนพื้นพวกมันทำมาจากโลหะและมีเฟืองเชื่อมต่อกับเพลาและแท่งโลหะอันอื่นๆอีก อุปกรณ์ชิ้นนี้ดูเหมือนว่าเป็นด่านทดสอบของช่างที่มีความชำนาญระดับสูง ชิ้นส่วนทั้งหมดนี้มีร่องรอยหลากหลาย บางชิ้นมีรอยแตกหักส่วนบางชิ้นหักครึ่งเป็น 2 ถึง 3 ท่อน

 

          “มีแค่นี้หรอ ?” เซี่ยเหล่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เขาคิดว่าอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนมากๆแต่ชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา ราวกับปอกกล้วยเข้าปาก

 

          “มีแค่นี้แหละ” ฮัวเว่ยกั่วพูด “แต่คุณเซี่ยจะต้องเชื่อมชิ้นส่วนทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันและห้ามมีน้ำหนักรวมเกิน 2 กรัม !”

 

          เซี่ยเหล่ยขมวดทันทีการเชื่อมจะทำให้น้ำหนักของสิ่งของเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนคำสั่งของฮัวเว่ยกั่วที่บอกว่าจะต้องเชื่อมสิ่งเหล่านี้และมีข้อจำกัดน้ำหนักรวมแค่ 2 กรัมจะทำให้การเชื่อมของเขายากขึ้นเป็นเท่าตัว

 

          “คุณเซี่ย คุณสามารถทำได้หรือไม่ ?” ฮัวเว่ยกั่วมองที่มาเซี่ยเหล่ยราวกับว่าเขารู้คำตอบของเซี่ยเหล่ยผ่านสายตา

 

          “เอาล่ะ คุณเซี่ยนี่เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ ฉันจะเชื่อว่าคุณสามารถทำได้” หนิงจิงกล่าว

 

          ฮัวเว่ยกั่วมองไปที่หนิงจิงอย่างประหลาดใจมันเป็นเรื่องที่แปลกมาก...เธอสงสัยในความสามารถของเซี่ยเหล่ยมาตลอดว่าเขาคงมีความสามารถไม่พอที่จะทำงานนี้ แต่ตอนนี้ทำไมเธอถึงให้กำลังใจเขาล่ะ ?

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาลงมือทำทันทีเขาเริ่มเชื่อมชิ้นส่วนโลหะเข้าด้วยกันอย่างช้าๆเขาตรวจสอบความหนาบางแต่ละชิ้นของโลหะอย่างตั้งอกตั้งใจและทำการเชื่อมชิ้นส่วนของโลหะให้บางที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

          ประกายไฟจากการเชื่อมทำให้ฮัวเว่ย หลงบิง หนิงจิงและพนักงานคนนั้นหันไปทางอื่นพวกเขาไม่สามารถมองเห็นรอยต่อโลหะระหว่างการเชื่อมได้ แต่เซี่ยเหล่ยต่างจากพวกเขา เขาสวมแว่นป้องกันและมองรอยเชื่อมด้วยตาซ้ายเขาจึงทำการเชื่อมได้อย่างปราณีต ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำให้เขาสามารถเชื่อมได้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้

 

          มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเขา แว่นตาป้องกันสำหรับเซี่ยเหล่ยแล้วมันทำหน้าที่แค่ป้องกันประกายไฟโดนดวงตาของเขา ในขณะที่ดวงตาของเขาสามารถมองเห็นรอยเชื่อมทุกส่วนของโลหะได้อย่างสบายๆ

 

          ปัญหาของการเชื่อมที่ผู้ค้นพบกันโดยส่วนใหญ่ก็คือไม่สามารถมองเห็นรอยเชื่อมของโลหะในขณะที่เกิดประกายไฟ ทำให้การเชื่อมบางครั้งมีข้อผิดพลาด แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ !

 

          มันเป็นการเชื่อมที่สมบูรณ์แบบ !

 

          ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

 

###################################################################

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด