ตอนที่แล้วPath to : ตอนที่ 1 - หญิงสาวผู้งดงาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปPath to : ตอนที่ 3 - หันหน้าไปทางอื่น

Path to : ตอนที่ 2 - ข้าไม่ได้โตขึ้นจากความกลัว!


เส้นทางสู่สวรรค์ ตอนที่ 2

ตอนที่ 2 – ข้าไม่ได้โตขึ้นโดยความกลัว

“สิบสามหินจิตวิญญาณระดับต่ำของข้า!”

“…”

ตอนกลางดึก มีเสียงร้องแสดงความเสียใจจากบ้านหินเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของเมืองจิตวิญญาณสูงส่ง

ไร้ซึ่งการตกแต่งใดๆ มันเป็นเพียงบ้านหินหยาบๆ ในขณะที่บนผนังใกล้เตียงประกอบไปด้วยภาพวาดหลายภาพ ความงามเพียงหนึ่งถูกวาดลงบนภาพวาดเหล่านี้ ท่าทางที่อ่อนช้อย รูปร่างที่สง่างามจนน่าตกใจ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะ ภาพเหล่านี้ถูกวาดด้วยความประณีต วาดได้ดีจนเหมือนมีชีวิตจริงๆ หญิงงามที่มองดูราวกับกำลังเคลื่อนไหว มันคงจะดีไม่น้อย หากนางสามารถออกมาจากภาพวาดนั้นได้ นอกจากนั้น ภาพวาดเหล่านั้นเปล่งแสงสลัวทำให้มันดูทรงคุณค่า เพียงแต่บริเวณช่วงอกของหญิงสาวถูกย้อมด้วยสีเทาเล็กน้อย

ภายในบ้านหินมีคนผู้หนึ่งโห่ร้องราวกับมารดาของเขาเสียชีวิต เขาสวมใส่เสื้อผ้าหยาบ การปรากฏตัวของเขาถือได้ว่าไม่เลวร้ายเท่าไรนัก เขาคือเหว่ยเส้า ผู้ที่ได้ต่อสู้กับกิ้งก่าเกาะหินที่หุบเขาทรายเหลืองเมื่อไม่นานมานี้

เหตุผลที่ว่าทำไมเหว่ยเส้าถึงได้ร้องตะโกนเช่นนี้นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่เขาขายมาร์เตนสีขาวลายแถบสีดำคล้ายกับมาร์เตนสายลมทมิฬที่ตลาดเสรีย่านตะวันออก เขาได้พบชายคนหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดากำลังประกาศขายโถหยกสีดำอย่างมุ่งมานะ

โถหยกสีดำนี้มีสีดำสนิทมีแสงสีดำส่องสว่าง แสงสีดำนั้นดูลึกลับเป็นอย่างมาก มีสัญลักษณ์แสดงถึงความเก่าแก่เล็กน้อยดูลึกซึ้งอยู่ที่โถหยกสีดำ จากมุมมองของคนๆหนึ่งโถหยกสีดำนี้น่าจะเป็นสมบัติเวทย์ที่ทรงพลัง

หลังจากได้ต่อรองราคากับผู้ขาย เหว่ยเส้าซื้อโถหยกสีดำทันทีด้วยสิบสามหินจิตวิญญาณระดับต่ำ เมื่อเขาเดินกลับบ้านก็ต้องดีใจ นั้นเป็นเพราะว่าสมบัติเวทย์ระดับจิตวิญญาณสามัญมีค่ามากกว่าสิบสามหินจิตวิญญาณระดับต่ำ ขณะที่เหว่ยเส้ากำลังเดินกลับฝนก็ได้ตกลง เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาก็นำโถหยกสีดำออกจากกระเป๋า โถหยกสีดำกลายเป็นโถหยกสีเทาด่างทันที สีชั้นนอกของโถหลอกหลุดออก ดูเหมือนว่ามันจะถูกทำมาจากยางไม้ชนิดหนึ่ง

แม้ว่าจะเป็นสมบัติเวทย์ของปลอม แต่มันก็ยังเป็นโถหยกอยู่ดี! มันดูคล้ายกับถูกสร้างขึ้นมาจากโถสีเทาด่างปกคลุมไปด้วยสีชั้นนอกหลายสีที่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำฝน

แต่สิ่งที่เหว่ยเส้ารับไม่ได้มากที่สุดคือความจริงที่ว่ามีรอยแตกหักสองเส้นอยู่

บนโถใบนี้ เมื่อชั้นนอกสุดถูกล้างออกทั้งสองรอยแตกจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ดี เขาไม่เข้าใจทำไมสัญลักษณ์เหล่านี้และงานเขียนบนโถถึงได้เป็นของจริง ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้าสิ่งนี้เป็นสมบัติเวทย์ มันก็ควรจะไร้ค่าในทันทีเมื่อมันพังเสียหายไปแล้ว นอกจากนี้เหว่ยเส้ายังได้ลองส่งถ่ายพลังแห่งสัจธรรมไปให้มัน ทั้งยังโยนมันลงน้ำ และเผาไฟ และทำทุกวิธีอื่นๆที่มี สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้ทำนั้นก็คือการปัสสาวะใส่โถนั้น อย่างไรก็ตามเจ้าสิ่งของนี่ก็ไม่มีการตอบสนองเลยแม้เพียงเล็กน้อย

เหว่ยเส้าไม่ได้เป็นเหมือนกับหญิงงามที่หุบเขาทรายเหลือง สำหรับผู้บ่มเพาะระดับล่างเช่นเขาแล้ว สิบสามหินจิตวิญญาณระดับต่ำ ถือได้ว่าเป็นเงินจำนวนมาก เขาจำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเข้าสู้กับกิ้งก่าเกาะหินทั้งสองตัว เป็นเพราะหนึ่งในพวกมันถูกทำล้ายเกล็ดไปบางส่วน เขาจึงสามารถแลกหินจิตวิญญาณระดับต่ำได้เพียง 8 ก้อนเท่านั้น

ตลอดวันที่เขาหาอสูรปีศาจเพื่อสังหารแลกกับหินจิตวิญญาณ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับหินจิตวิญญาณมาได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้หินจิตวิญญาณมา และอีกอย่างเขาต้องใช้มันดูดซับพลังให้กับตนเอง

ถึงแม้ว่าเหว่ยเส้าจะเป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับเขตแดนทะเลศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง หากว่าเขาได้เดินทางและดูดซับพลังจิตวิญญาณจากหินจิตวิญญาณเพื่อใช้ในการฝึก แต่นั้นก็ต้องใช้หินจิตวิญญาณระดับต่ำถึงหกเจ็ดก้อนต่อวัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเหว่ยเส้าก็ยังคงตั้งใจปฏิบัติสิ่งที่ตนทำอยู่ต่อไป เขาใช้หินจิตวิญญาณหนึ่งก้อนหรือไม่ก็สองก้อนในทุกๆวัน เขาขาดแคลนทรัพยากรในการบ่มเพาะอย่างหินจิตวิญญาณอยู่เรื่อมา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็ยังสามารถหาหินจิตวิญญาณระดับต่ำได้ถึงหนึ่งก้อนหรือมากกว่าหนึ่งก้อนหลังจากเวลาผ่านไปสองเดือน เกี่ยวกับเรื่องของหินจิตวิญญาณ เขาจึงไม่สามารถใช้มันในการฝึกได้ เขาต้องเก็บมันเอาไว้เป็นทุนสำหรับการทำธุรกรรมทางธุรกิจในกรณีที่เขาต้องการซื้อบางสิ่ง

ในตอนนี้เหว่ยเส้าถูกหลอกเอาหินจิตวิญญาณระดับต่ำ 13 ก้อนไป แล้วเขาจะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร?

“หินจิตวิญญาณระดับต่ำทั้ง 13 ก้อนของข้า!”

เหว่ยเส้าคิดมากเกี่ยวกับมัน เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ เขาลงมือทำล้ายโถไร้ค่านี้ทิ้งทันที เขาแลกหินจิตวิญญาณทั้งหมดเพื่อเจ้าสิ่งของที่อยู่บนพื้นนี่

ในความเป็นจริง เหว่ยเส้าวางแผนที่จะกระทืบชิ้นส่วนโอ่งถไร้ค่าที่แตกหักนี้ 17 ถึง 18 ครั้งเพื่อระบายความโกรธ

“เกิดอะไรขึ้น”

ในขณะนั้นเหว่ยเส้าเปลี่ยนอาการจากโกรธมาเป็นตะลึงและกดริมฝีปากลงเล็กน้อย โอ่งที่ไร้ค่าซึ่งดูราวกับจะแตกออกเป็นเจ็ดสิบถึงแปดสิบส่วนได้ มันถูกโยนทิ้งลงพื้นโดยเขา แต่ที่น่าประหลาดใจมันไม่ได้แตกออกจากกัน ดูเหมือนว่าจะมีรอยแตกปรากฏเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นผิวของมันยังส่องแสงประกายสีเขียวออกมา

“เร็วเข้า จงส่งเลือดมาให้ข้าแต่โดยเร็ว”

“ผี!”

เสียงตะโกนดังลั่นขึ้นในบ้านหิน เหว่ยเส้ารีบกระโจนขึ้นเตียงของตนอย่างว่องไว

แสงประหลาดสีเขียวได้พุ่งขึ้นสูงสามนิ้วก่อนจะค่อยๆรวมกันเป็นร่างของชายชรา ตาแก่ผู้นี้มีผมรกรุงรัง ปากแหลมและแก้มเหมือนลิง เขาจ้องไปที่เหว่ยเส้าและเลียริมฝีปาก

“เร็วสิ ข้าต้องการเลือด”

มองไปที่เหว่ยเส้าที่กระโจนขึ้นเตียงราวกับได้เจอกับโรคติดต่อร้ายแรง ชายชราคนนี้ยังคงลอยอยู่เหนือโถไร้ค่าที่ดูไม่ค่อยน่าสนใจ

“เจ้าว่าข้าเป็นผี? เจ้าไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างผีกับวิญญาณวัตถุรึไง ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังตะโกนเสียงดังอีกด้วย”

เหว่ยเส้าคร่ำครวญอีกครั้ง

“วัตถุสมบัติ จิตวิญญาณวัตถุ ท่านจิตวิญญาณผู้อาวุโสวัตถุ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาข้ามักจะไปเสพสุขอยู่ที่ย่านดอกไม้หมู่ทมิฬ หากท่านต้องการที่จะรู้จักเกี่ยวกับมัน? ข้าก็จะตอบให้มันคือซ่องเกรดต่ำ ดังนั้นข้าจึงไม่สบายเล็กน้อย ข้าคิดว่าเลือดของข้าคงไม่ดีพอ”

“ผู้ใดบอกว่าข้าต้องการเลือดของเจ้ากัน? จงรีบไปหาเลือดมังกรเพลิงปฐพีมาให้ข้าเสีย อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะความโง่เขลาเบาปัญญาของเจ้า เจ้าคงไม่สามารถหาเลือดมังกรเพลิงปฐพีมาได้ เจ้าก็ควรใช้เลือดแมงป่องไฟแทน” ร่างโปร่งแสงของชายชราพูดขึ้น

“ท่านผู้อาวุโส ท่านจะไม่ดื่มเลือดของข้าใช่ไหม?” เหว่ยเส้ารู้สึกโล่งใจ “ข้าขอถามคำถาม”

“ว่ามา”

“ท่านรู้จักทักษะเวทย์มนต์หรือไม่? ข้ารู้ที่อยู่ของเหล่ามังกรเพลิงปฐพี ข้าสามารถพาท่านไปหามันเพื่อฆ่าและดื่มเลือดของมันได้ตามใจอยาก”

“ถึงข้าจะรู้ แต่ทำไมข้าต้องบอกกับคนโง่อย่างเจ้าด้วยล่ะ? ข้าสามารถสู้กับเจ้าเพื่อให้เจ้าพาไปหาพวกมันเพื่อเอาเลือด”

“แต่ท่านไม่สามารถมาทำร้ายข้าในบ้านของผู้อื่นได้จริงหรือไม่?”

“ไร้สาระ! ข้าเป็นแค่วิญญาณวัตถุที่คอยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เป็นนายของข้าในการควบคุมโถปีศาจนี้ แต่ในตอนนี้โถปีศาจได้แตกไปเสียแล้ว แล้วข้าจะทำเช่นไรได้อีก? เฮ้ นั้นเจ้าคิดจะทำอันใดกัน?” ร่างโปร่งแสงสีเขียวของชายชราเอ่ยทักขึ้นอย่างเร่งรีบ

เหว่ยเส้ากระโดดลงจากเตียงและดึงเชือกคาดเอวออก…

ฟูฟู่ฟู เหว่ยเส้าเริ่มผิวปากและปัสสาวะใส่โถ สร้างความตะลึงแก่ร่างโปร่งแสงสีเขียวของชายชรา จากนั้นเขาก็ผูกเชือกคาดเอวไว้แน่น

“เนื่องจากท่านไม่สามารถทำอันใดได้อีก แล้วท่านยังจะกล้าทำตัวเช่นนั้นกับข้าอีก อะไรคือเลือดมังกรเพลิงปฐพี? ข้าไม่เคยรู้จักมัน แต่หากเป็นปัสสาวะข้ามีมันอยู่มาก ท่านต้องการหรือไม่”

“ข้า…” ร่างชายชราสีเขียวตะลึงนาน ไม่นานชายชราก็เริ่มแหกปากด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินไปเมื่อสักครู่ “ดูเหมือนแกจะกล้าฉี่ใส่ข้าจริงๆ? นี่แกกล้าที่จะฉี่ใส่ข้างั้นรึ?

“แล้วมันจะทำไมล่ะ? ท่านจะทำเช่นใดได้? กัดข้า? ลองเข้ามากัดข้าดูสิ”

“ข้า…นี่แกรู้หรือไม่ว่าข้ามีอำนาจมากแค่ไหน? หากเป็นผู้อื่นเมื่อเห็นข้า พวกเขาต่างพากันร้องไห้และขอความช่วยเหลือจากข้า แต่แก... กล้าที่ฉี่ใส่ข้า”

“จอมโกหก! ท่านไม่สามารถใช้ทักษะเวทย์มนต์ได้แม้แต่ทักษะเดียว แล้วท่านใช้อะไรในการควบคุมโถฉี่นี้กัน? ท่านไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ดูเหมือนท่านกำลังพยายามข่มให้ข้ากลัว? ท่านคิดว่าข้าโตมามาจากความกลัวยังงั้นรึ? ท่านควรออกไปด้านนอกและถามคนรอบๆดูก่อน เมื่อครั้งที่ข้ายังเด็กอายุสิบสามปี ข้าได้พร้อมที่จะออกจากบ้านและอาบน้ำร้อนมาก่อน

เหว่ยเส้ากกรอกตาด้วยความรังเกียจ เขาสามารถบอกได้เลยว่าชายชราผู้นี้เป็นคนไร้ประโยชน์ คล้ายกับโถไร้ค่านั้น!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด