ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 72 ทุกองค์กรต้องการความภักดี (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 74 แก้ปัญหาด้วยปัญญา (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 73 เครื่องหมายวงกลมสีแดง (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 73 เครื่องหมายวงกลมสีแดง 

แปลโดย iPAT 

"เจ้าบอกว่าการกรรโชกทรัพย์ครั้งนี้ แม้ฟางหยวนจะสามารถเอาชนะฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน แต่เขากลับไม่เรียกร้องหินวิญญาณจากพวกเขางั้นหรือ?" หลังจากอาจารย์อาวุโสได้รับรายงาน เขารู้สึกประหลาดใจมาก

"ผู้น้อยไม่กล้าโกหก มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ" ยามคุกเข่าลงบนพื้น

"อืม" อาจารย์อาวุโสไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงโบกมือไล่ยามผู้นั้นออกไปเท่านั้น "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้"

"ผู้น้อยขอลา" ยามเร่งทำความเคารพและจากไป

หลังจากนั้นอาจารย์อาวุโสก็จมลงสู่ห้วงแห่งความคิด

เดิมทีเขากังวลว่าฟางหยวนจะชิงหินวิญญาณสามสิบก้อนไปจากฟางเจิ้ง หากเป็นเช่นนั้นระบบการศึกษาจะกลายเป็นไร้ความหมายขณะที่อาจารย์อาวุโสจะไม่สามารถปล่อยผ่านและต้องลงโทษฟางหยวน

แต่โดยไม่คาดคิด ไม่เพียงฟางหยวนจะไม่ปล้นชิงหินวิญญาณของฟางเจิ้ง เขายังปล่อยโม่เป่ยและซื่อเฉินไปเช่นกัน

‘ฟางหยวนมีหินวิญญาณนับร้อยก้อนอยู่ในมือ เขาอาจไม่สนใจหินวิญญาณเพียงสามสิบก้อน นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่การข่มขู่ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน มีเหตุผลใดซ่อนอยู่?’

อาจารย์อาวุโสขมวดคิ้วลึก เขาคิดถึงความน่าจะเป็นบางอย่าง

ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน พวกเขาเป็นตัวแทนของสามกลุ่มอิทธิพล การปล่อยพวกเขาไปหมายความว่าฟางหยวนต้องการดึงดูดความสนใจจากทั้งสามฝ่าย เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้ เมื่อทัศนคติของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง เขาจะเข้าสู่ระบบตระกูลในที่สุด

‘มันควรจะเป็นเช่นนี้ ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณสุรา การบ่มเพาะของเขาพุ่งสูงขึ้นเล็กน้อย แม้เขาจะมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่มันก็ช่วยปลดปล่อยความรู้สึกในเชิงลบของเขา ตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว’

‘ดูเหมือนคำกล่าวของท่านผู้นำจะเป็นจริง ฟางหยวนอายุเพียงสิบห้า แล้วเขาจะต่อต้านตระกูลได้อย่างไร? ตอนนี้เขาเริ่มยอมรับความจริงได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มมองหาจุดยืนและค่อยๆผสานตนเองเข้ากับตระกูลอย่างเป็นธรรมชาติ’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อาจารย์อาวุโสจึงสามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและรู้สึกร่าเริงขึ้น

สามวันผ่านไป เวลาของการสอบกลางปีมาถึงในที่สุด

"เร็วเข้า เร็วเข้า ข้าล่อหมูป่ามาแล้ว" เด็กหนุ่มวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

บนเท้าทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มปรากฎวงแหวนแสงสีเขียวหมุนวนอยู่ สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากกว่าเด็กคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตามหมูป่าที่วิ่งตามหลังเขามากลับกระชั้นชิดเข้าไปเรื่อยๆ

"หมูป่ามาแล้ว ดึงเชือกได้!" เด็กสี่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ดึงเชือกขึ้นอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มเท้าไฟกระโดดข้ามเชือกก่อนจะวิ่งต่อไปข้างหน้า

หมูป่าที่อยู่ข้างหลังสะดุดเชือกล้มลงอย่างรุนแรงและกลิ้งต่อไปอีกห้าหรือหกเมตรก่อนจะหยุดลง

"อา..." เด็กทั้งสี่ถูกลากดึงและล้มลงพร้อมกับหมูป่า

"โจมตีได้!" เด็กหนุ่มเท้าไฟที่วิ่งอยู่ข้างหน้าตะโกนออกคำสั่ง

เด็กที่ล้มอยู่บนพื้นพยายามลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปปิดล้อมหมูป่า

"ปัง!"

ด้วยการซุ่มโจมตี กะโหลกศีรษะของหมูป่าถูกทุบจนแตกละเอียด

"เกือบไปแล้ว" ซื่อเฉินเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตน "โชคดีที่ข้าสามารถใช้วิญญาณจิ้งหรีดมังกรและกระโดดข้ามออกไปทางซ้ายสามเมตร มิฉะนั้นข้าอาจได้รับบาดเจ็บ”

"ฟิ้ว ฟิ้ว"

ดาบแสงจันทร์พุ่งปะทะหมูป่าและฝากรอยแผลตื้นๆเอาไว้บนชั้นผิวหนังของมัน

ใบหน้าของโม่เป่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้

ครึ่งชั่วโมงต่อมาหมูป่าล้มลงในที่สุด

โม่เป่ยหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลลงมาเป็นเส้นสาย

"การต่อสู้กับหมูป่าต่างจากการต่อสู้จำลองกับหุ่นไม้ในสถานศึกษาจริงๆ ข้าต้องใช้เวลาถึงสามสิบนาทีในการฆ่ามัน ข้าสงสัยว่ากลุ่มอื่นจะเป็นเช่นไร?"

บนเนินเขา มีกระโจมขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายๆซ่อนอยู่ในบริเวณนั้น แม้แสงแดดจะสาดส่องแต่ด้วยร่มเงาจากกระโจมเล็กๆหลังนี้ มันกลายเป็นพื้นที่ที่มีบรรยากาศเย็นสบาย

ภายในกระโจมหลังน้อยมีโต๊ะเก้าอี้หลายชุด ผู้อาวุโสหลายคนนั่งอยู่ที่นั่นและยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาของเขายืนอยู่ด้านข้าง

รอบๆกระโจมมีผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆเฝ้าระวังอยู่อย่างลับๆ

"ฟิ้ว..."

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งทะยานร่างออกมาจากป่าก่อนจะคุกเข่าลงหน้ากระโจม

"สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?" อาจารย์อาวุโสเปิดปากถาม

"รายงานผู้อาวุโส จนถึงขณะนี้ยังไม่มีศิษย์คนใดได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต" ผู้ใช้วิญญาณเร่งตอบคำถาม

"ดี ดี"

"การสอบผ่านไปครึ่งวันแล้ว แต่ยังไม่มีศิษย์คนใดได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่แตกต่างจากปีที่ผ่านๆมาอย่างสิ้นเชิง"

อาจารย์อาวุโสพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แต่หลังจากนั้นเขากลับส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้ม เขารู้ว่าทั้งหมดมีสาเหตุมาจากฟางหยวน การกรรโชกทรัพย์ของเขาทำให้เด็กหนุ่มสาวขยันฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นผลงานของพวกเขาจึงออกมาค่อนข้างดี

อาจารย์อาวุโสมองผู้ใช้วิญญาณที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าและกล่าว "แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?"

"รายงานผู้อาวุโส จนถึงเวลานี้ ฟางหยวน ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน พวกเขาเป็นผู้นำ ซื่อเฉินฆ่าหมูป่าได้สามตัว ฟางเจิ้งและโม่เป่ยฆ่าได้ห้าตัว สำหรับฟางหยวน เขาฆ่าได้ถึงแปดตัว"

"โอ้ ฟางหยวนกำลังเป็นผู้นำ!"

"โดยทั่วไปมันเป็นเรื่องยากที่ผู้มีพรสวรรค์นภาที่สามจะนำหน้าผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งและสอง"

"แต่เขามีวิญญาณสุรา มันหมายความว่าทะเลวิญญาณของเขาก้าวสู่ระดับหนึ่งขั้นสูงแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"

"อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉินจะค่อยๆกลับมานำหน้าเขา แม้เขาจะมีวิญญาณสุรา มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับพรสวรรค์นภาที่หนึ่งหรือสอง"

อาจารย์อาวุโสกล่าว

"เจ้าไปได้" อาจารย์อาวุโสโบกมือไล่ผู้ใช้วิญญาณที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้า "กำชับทุกคนให้ดูแลเด็กๆเป็นอย่างดีโดยเฉพาะฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน ให้ความสำคัญกับการปกป้องพวกเขาเป็นพิเศษ"

"รับทราบ" ผู้ใช้วิญญาณถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว

การล่าครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงครั้งแรกของศิษย์ส่วนใหญ่ ดังนั้นอาจารย์อาวุโสจึงต้องส่งผู้ใช้วิญญาณออกไปดูแลความปลอดภัยให้กับพวกเขาอย่างลับๆ นอกจากนั้นในกระโจมยังมีอาจารย์อาวุโสและผู้อาวุโสอีกสามคนนั่งอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น

ดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนคล่อยลงมาทางทิศตะวันตก

แต่หมู่ป่ายังล้มลงอย่างไม่รู้สิ้นสุด

'ยี่สิบสาม' ฟางหยวนคำนวณอยู่ในใจขณะที่นำมีดออกมาตัดเขี้ยวหมูป่าด้วยความชำนาญ

มีถุงผ้าป่านมัดอยู่บนแผ่นหลังของเขาพร้อมกับเขี้ยวหมูป่าจำนวนมาก

นอกจากนั้นเขายังมีถุงที่เต็มไปด้วยเขี้ยวหมูป่าอยู่อีกหนึ่งใบ เขี้ยวหมูป่าเหล่านั้นเป็นสมบัติที่เขาเก็บรวบรวมไว้ก่อนหน้า คืนที่ผ่านมาเขานำพวกมันมาฝังไว้ในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง

‘ข้าคุ้นเคยกับภูมิประเทศและยังรู้ตำแหน่งของรังหมูป่า ขณะเดียวกันพลังการบ่มเพาะของข้าก็อยู่ในระดับหนึ่งขั้นสูง ด้วยการใช้วิญญาณแสงจันทร์คู่กับวิญญาณแสงดาวในการฆ่าหมูป่า คนอื่นๆย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบกับข้า ถุงใบเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ข้าเป็นที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าอยากเห็นนักว่าพวกเขาจะแสดงออกอย่างไรเมื่อเห็นถุงอีกใบของข้า หึหึ’

ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและตระหนักว่าใกล้ถึงเวลาส่งผลงานแล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะลอบหัวเราะอยู่ภายใน

ฟางหยวนจำแผนที่ของนักล่าได้อย่างแม่นยำ จากตำแหน่งปัจจุบันของเขา หากเขาเลี้ยงซ้ายไปตามลำธารและเดินต่อไปเป็นเวลาสิบห้านาที เขาจะพบจุดที่เขาฝังถุงเขี้ยวหมูป่าเอาไว้

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกลังเล

‘ตำแหน่งในปัจจุบันของข้าอยู่ห่างจากวงกลมสีแดงเพียงห้าหรือหกร้อยเมตรเท่านั้น นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ข้าควรไปสำรวจมันหรือไม่?’

ฟางหยวนไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว

ด้วยเขี้ยวหมูป่าที่เขาครอบครองอยู่ มันเพียงพอให้เขาได้รับอันดับหนึ่ง นอกจากนั้นเวลาก็ยังเหลืออยู่อีกมาก

‘วงกลมสีแดงบนแผนที่หนังสัตว์เป็นสิ่งเดียวที่ข้าไม่สามารถถอดรหัส ข้าควรไปดูด้วยตาของตนเอง’

ฟางหยวนรู้ว่ามีผู้ใช้วิญญาณเฝ้ามองพวกเขาอยู่ นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาต้องระมัดระวัง

เขาทำตัวราวกับกำลังค้นหาหมูป่า แต่ในความเป็นจริงเขากำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายในใจของเขา

เจ็ดนาทีหลังจากนั้นเขามาถึงตำแหน่งของวงกลมสีแดงบนแผนที่หนังสัตว์

บ้านไม้ถูกซ่อนไว้บนต้นไม้ใหญ่ หากไม่สังเกตอย่างถี่ถ้วน มันค่อนข้างยากที่จะค้นพบบ้านไม้หลังนี้

‘นี่คือที่พักชั่วคราวของครอบครัวหวังงั้นหรือ?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มปีกขึ้นไปบนต้นไม้

อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองเห็นสิ่งที่อยู่ในบ้านไม้ การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันที