ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 63 หยกเขียวใต้แสงจันทรา หมูป่ากลางสวนดอกไม้ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 65 กับดัก (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 64 ถึงเวลาออกล่า (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 64 ถึงเวลาออกล่า 

แปลโดย iPAT 

อุณหภูมิร้อนแรงขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ดวงอาทิตย์ยังส่องแสงเจิดจ้าในช่วงบ่ายคล้อย

กิจการโรงเตี้ยมพักแรมกลายเป็นซบเซาอีกครั้ง

เมื่อฟางหยวนก้าวเข้าไปในโรงเตี้ยม เสี่ยวเอ้อเร่งเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มสอพลอ “โอ้ นายน้อย เชิญนั่งขอรับ”

“นำสุรามาให้ข้าหนึ่งไหกับอาหารสองสามอย่าง” ฟางหยวนสั่งอาหารและนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างตัวเดิมของเขา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อกลายเป็นลำบากใจก่อนจะกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “นายน้อย หลังจากขบวนสินค้ามาที่นี่ พวกเขากว้านซื้อสุราไผ่เขียวไปจนหมด ตอนนี้เราไม่เหลือสุราชนิดนี้อยู่อีกแล้ว”

ฟางหยวนพยักหน้าและไม่รู้สึกประหลาดใจ “เช่นนั้นก็นำสุราข้าวหมักมาให้ข้าและบอกกับเถ้าแก่ให้ผลิตสุราไผ่เขียวให้มากขึ้น ข้าจะสั่งจองล่วงหน้าหนึ่งร้อยไหในช่วงหนึ่งปีนี้ ข้าต้องชำระมัดจำเท่าใด หากคำนวณเรียบร้อยแล้วจงมารายงานข้า”

หลังจากเรื่องของวิญญาณสุราถูกเปิดเผย ฟางหยวนจึงไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องการสั่งซื้อสุราไผ่เขียวอีกต่อไป

“ทราบแล้ว ทราบแล้ว ข้าจะนำเรื่องนี้ไปรายงานเถ้าแก่” เสี่ยวเอ้อใช้ฝ่ามือตบหน้าอกของตนเอง

ไม่นานหลังจากนั้นอาหารและสุราก็ถูกนำออกมา

ขณะดื่มกิน ฟางหยวนมองออกไปนอกหน้าต่าง

มีผู้คนเพียงไม่มากเดินอยู่บนท้องถนน

มีเกษตรกรไม่กี่คนถือจอบเสียมเดินกลับมาจากท้องทุ่ง

เด็กน้อยสองคนวิ่งไล่จับกันขณะที่เด็กคนหลังส่งเสียงร้องไห้ออกมา ดูเหมือนเด็กน้อยผู้นี้จะถูกแย่งของเล่น

“หลีกทาง!” ผู้ใช้วิญญาณบางคนผลักเกษตรกรที่เดินอยู่ด้านหน้าให้ออกไปจากเส้นทางของเขา

เกษตรกรเร่งหลบออกไปด้วยความหวาดกลัว

“ฮืม!” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มสองคนเดินผ่านไปด้วยความหยิ่งผยอง

ฟางหยวนมองเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยดวงตาที่มืดครึ้ม อย่างไรก็ตามความสนใจของเขากลับจดจ่ออยู่ที่ทะเลวิญญาณภายในร่างกายของตน

ภายในทะเลวิญญาณสีครามประกายทองแดง หนอนสุรายังเล่นน้ำอยู่อย่างเพลิดเพลิน

วิญญาณกาลเวลาเร้นกายอยู่ในสถานที่ลึกลับ

วิญญาณหมูขาวกระโดดไปมาอยู่เหนือผิวน้ำ

วิญญาณหมูดำและวิญญาณหมูขาวต่างเป็นวิญญาณหายากและล้ำค่า พวกมันมีมูลค่าสูงกว่าวิญญาณสุราเป็นอย่างมาก

แม้การใช้งานพวกมันจะคล้ายคลึงกันแต่ยังมีความแตกต่างในรายละเอียด

วิญญาณหมูดำสามารถหลอมรวมกับวิญญาณไหมเขียวกลายเป็นวิญญาณไหมดำซึ่งเป็นวิญญาณระดับสองก่อนที่จะวิวัฒนาการไปเป็นวิญญาณไหมเหล็กระดับสาม

สำหรับวิญญาณหมูขาว มันเข้ากันได้ดีกับวิญญาณกายาหยกเขียว เมื่อพวกมันหลอมรวมกัน มันจะกลายเป็นวิญญาณกายาหยกขาวระดับสอง หลังจากนั้นมันจะวิวัฒนาการไปเป็นวิญญาณหยกสวรรค์ระดับสาม

วิญญาณไหมเหล็กจะทำให้เส้นขนทั่วร่างของผู้ใช้วิญญาณแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า มันสามารถเพิ่มทั้งพลังป้องกันและพลังโจมตี ขณะที่วิญญาณหยกสวรรค์จะมอบความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าวิญญาณไหมเหล็กให้แก่ร่างกายทั้งหมดของผู้ใช้วิญญาณ มันยังสามารถลดทอนพลังโจมตีของดาบแสงจันทร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

แน่นอนว่าฟางหยวนรู้สึกมีความสุขเล็กน้อยกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามการได้รับวิญญาณหมูขาวเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมากที่สุดคือเขาได้รับสืบมรดกนี้มาจากนักบวชปีศาจสุราดอกไม้

‘วิญญาณหมูขาวสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ใช้วิญญาณ ดูเหมือนนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ต้องการให้ผู้สืบทอดปรับแต่งมันและใช้มันเคลื่อนนย้ายหินก้อนใหญ่ก้อนนั้นออกไป นี่ถือเป็นการทดสอบด่านแรก’

‘ด้วยการจัดตั้งด่านทดสอบอย่างพิถีพิถัน มันสามารถอนุมานได้ว่ายังมีด่านทดสอบที่สองและที่สาม นี่ยังบอกได้อีกว่ามรดกชิ้นนี้ไม่ใช่กับดักแต่เป็นมรดกที่แท้จริง’

“ด้วยมรดกนี้ มันจะทำให้ข้าก้าวเข้าสู่ระดับสามอย่างรวดเร็วและสามารถออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ก่อนจะร่วมกลุ่มกับคนนอกเพื่อเพิ่มโอกาสในอนาคตของข้า”

สิ่งสำคัญที่สุดบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณคือสิ่งใด?

แน่นอนว่ามันคือทรัพยากร!

ฟางหยวนต้องการทรัพยากรจำนวนมาก แต่ตระกูลมีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นเขาจึงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รับมันมา

ไม่เพียงต้องต่อสู้เพื่อทรัพยากร แต่เขายังต้องได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งเขาต่อสู้และได้รับชัยชนะ คนรอบข้างก็จะไม่กล้าต่อต้านเขา

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนฆ่าคนรับใช้ของครอบครัวสกุลโม่ เหตุใดพวกเขาถึงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปอย่างง่ายดาย? ฟางหยวนต่อต้านและปฏิเสธระบบตระกูล เหตุใดผู้นำตระกูลถึงผ่อนปรนให้เขา?

ทั้งหมดก็คือเขาอ่อนแอและมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม

พวกเขาไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามจากฟางหยวน

แต่หลังจากนี้หากฟางหยวนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจะเริ่มระวังเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางใดที่เขาเลือกเดิน เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสมอ

ฟางหยวนตระหนักว่าเขายืนอยู่ในจุดที่ค่อนข้างอ่อนไหว เขาทำตัวราวกับเป็นศัตรูของทุกคน แต่เขาก็ไม่ได้ทำผิดกฎใดๆ

ยิ่งเขาฉกชิงผลประโยชน์จากตระกูลมากขึ้น ปัญหาก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

ดังนั้นมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้จึงถือว่ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ด้วยมรดกนี้ มันจะทำให้เขามีทรัพยากรเก็บซ่อนเอาไว้ เขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มอิทธิพลใดเพื่อชกชิงผลประโยชน์จากพวกเขา โดยวิธีนี้เขาจะสามารถก้าวออกจากระบบตระกูล ลอบยกระดับการบ่มเพาะให้สูงขึ้นอย่างลับๆ และเดินไปบนเส้นทางของตนเองได้อย่างมั่นคง

ในกรณีที่เขาถูกลากดึงให้เข้าสู่ระบบ เขาต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้เขาจะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวแต่เขาก็จะถูกชักนำให้เข้าสู่สงครามทางการเมืองในที่สุด

แม้ฟางหยวนจะมีความรู้มากมายแต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำได้เพราะมันคือกฎ!

ดังนั้นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คือการแยกตัวอยู่เพียงลำพัง

‘เหตุการณ์ต่างๆบนโลกใบนี้ มันง่ายที่จะกระทำการอย่างลับๆแต่ยากที่จะเปิดเผย ข้าจะใช้มรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้บ่มเพาะอย่างลับๆโดยไม่ดึงดูดความสนใจของผู้ใด แต่การกรรโชกทรัพย์ยังต้องดำเนินต่อไป หากข้าหยุดอย่างกะทันหัน มันจะทำให้ผู้คนเกิดข้อสงสัย นอกจากนั้นข้ายังต้องใช้หินวิญญาณอีกเป็นจำนวนมาก’ ฟางหยวนวางแผนการในอนาคต

เขาจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมากจริงๆ

เด็กหนุ่มสาวคนอื่นๆปรับแต่งวิญญาณเพียงสองดวงแต่เขาปรับแต่งวิญญาณแสงดาวและวิญญาณหมูขาว ตอนนี้เขามีวิญญาณรวมทั้งสิ้นสี่ดวง

ก่อนหน้านี้เขาใช้หินวิญญาณเพียงหนึ่งก้อนต่อหนึ่งวันเพื่อซื้ออาหารให้กับวิญญาณแสงจันทร์และวิญญาณสุรา แต่จากการคำนวณของเขา ปัจจุบันเขาต้องใช้หินวิญญาณวันละสองก้อนเป็นค่าเลี้ยงดูพวกมัน หากนับรวมค่าใช้จ่ายในการบ่มเพาะและค่าครองชีพของเขา เขาจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณถึงห้าก้อนต่อหนึ่งวัน

หินวิญญาณห้าก้อนเพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวมนุษย์ธรรมดาที่มีสมาชิกสามคนได้ถึงห้าเดือน

ตอนนี้เขาจะมีหินวิญญาณหลายร้อยก้อน แต่มันจะหมดไปในเวลาเพียงไม่นาน

สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือยิ่งเขายกระดับการบ่มเพาะให้สูงขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งต้องใช้หินวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับสอง เขาต้องหาวิญญาณระดับสองมาไว้ในการครอบครองและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องใช้หินวิญญาณมากขึ้นไปกับการเลี้ยงดูพวกมัน

เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะถอนหายใจออกมา

หินวิญญาณเป็นปัญหาใหญ่ เพียงการกรรโชกทรัพย์ยังไม่พอ มันช่วยชะลอปัญหาไม่ให้ปะทุขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้เขายังมีอีกปัญหาหนึ่ง นั่นคืออาหารของวิญญาณหมูขาว

อาหารของวิญญาณหมูขาวคือเนื้อหมู

ทุกๆห้าวันมันต้องกินเนื้อหมูที่โตเต็มวัยเป็นอาหาร

แต่หมูในโลกใบนี้ไม่ใช่อาหารราคาถูก มันจะถูกเชือดเป็นอาหารในโอกาสพิเศษเท่านั้น เนื้อหมูไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถหากินได้ นอกจากนั้นภูเขาชิงเหมาก็มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน พวกเขาไม่สามารถเลี้ยงหมู

การอาศัยอยู่บนภูเขา พวกเขาจะสามารถกินเนื้อหมูในกรณีที่นักล่าจับหมูป่ามาได้เท่านั้น

‘ดูเหมือนหลังจากนี้ข้าต้องออกไปล่า...เนื้อหมู’ ฟางหยวนยกมุมปากขึ้น

‘เสี่ยวเอ้อ เก็บเงิน!’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รีบออกจากโรงเตี้ยมทันที

ช่วงเวลาหลายวันนี้ สถานศึกษาให้ศิษย์หยุดพักการเรียนเพื่อปรับแต่งวิญญาณดวงที่สองของพวกเขา ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ออกไปนอกหมู่บ้านเพื่อล่า...หมู!