ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 60 มรดกที่อยู่หลังกำแพง (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 62 อีกครั้งในห้องโถงวิญญาณ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 61 ชีวิตที่แขวนอยู่บนเชือกเถาวัลย์ (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 61 ชีวิตที่แขวนอยู่บนเชือกเถาวัลย์ 

แปลโดย iPAT 

เช้าวันใหม่บนภูเขาชิงเหมา

ภายในสถานศึกษาอาจารย์อาวุโสกำลังกล่าวถึงรายละเอียดสำคัญบางอย่าง “พรุ่งนี้พวกเจ้าจะเลือกวิญญาณดวงที่สอง ตอนนี้พวกเจ้ามีประสบการณ์ในการปรับแต่งวิญญาณแล้ว มันย่อมไม่ใช่ปัญหาของพวกเจ้า สำหรับวิญญาณดวงที่สอง พวกเข้าจงคิดให้รอบคอบว่าจะเลือกวิญญาณชนิดใด มันจะดีที่สุดหากเลือกวิญญาณที่เหมาะสมกับตนเอง”

วิญญาณดวงแรกเป็นวิญณาณที่สำคัญที่สุดของผู้ใช้วิญญาณเพราะมันจะเป็นรากฐานที่ช่วยเหลือพวกเขาบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ หลังจากนั้นวิญญาณดวงที่สองและสามจะเติบโตขึ้นตามทิศทางที่พวกเขาได้วางรากฐานเอาไว้

หลังจากได้ยินถ้อยคำของอาจารย์อาวุโส เด็กหนุ่มสาวเริ่มครุ่นคิดอยู่กับตนเอง มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่ยังคงนอนหลับอย่างสะดวกสบายอยู่ที่โต๊ะของเขา

เขาทำงานหนักมาตลอดหลายคืน หลังจากกลับหอพัก เขายังบ่มเพาะต่อจนถึงรุ่งเช้าก่อนจะงีบหลับไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น

อาจารย์อาวุโสมองฟางหยวนด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด

หลังจากผู้นำตระกูลพูดคุยกับเขา อาจารย์อาวุโสจึงยอมปล่อยฟางหยวน ‘ปล่อยให้ฟางหยวนทำตามที่เขาพอใจ ข้าจะไม่ยุ่งกับเขาอีก’

“วิญญาณชนิดใดที่ข้าควรเลือก?” เมื่อเด็กหนุ่มสาวคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะหันหน้าไปทางฟางหยวน

“สำหรับฟางหยวน เขามีวิญญาณสองดวงแล้ว”

“ถูกต้อง เขาได้รับวิญญาณสุรามาจากผลึกหินโชคลาภ เหตุใดเขาจึงโชคดีนัก?”

“หากข้ามีวิญญาณสุรา ข้าจะก้าวเข้าสู่ระดับกลางได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน”

เด็กหนุ่มสาวเต็มไปด้วยความคิดที่หลากหลาย แต่ทุกคนต่างรู้สึกอิจฉาฟางหยวน

ตั้งแต่วันที่ฟางหยวนถูกสอบสวน การคงอยู่ของวิญญาณสุราก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป ทุกคนรับรู้และรู้สึกหงุดหงิดกับความโชคดีของเขา

‘เหตุใดข้าจึงไม่โชคดีเช่นนั้นบ้าง?’ ซื่อเฉินผู้มีพรสวรรค์นภาที่สามลอบถอนหายใจ

ปู่ของเขาพยายามหาซื้อวิญญาณสุรามาตลอดแต่สุดท้ายยังไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบอารมณ์ของซื่อเฉินกับฟางเจิ้ง เด็กหนุ่มคนหลังกลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

‘พี่ใหญ่ ข้าจะต้องเหนือกว่าท่าน’ ฟางเจิ้งมองฟางหยวนและกล่าวกับตนเองอยู่ในใจ

วันนี้ดวงตาของเขาส่องประกายและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อาจารย์อาวุโสเข้าใจทันทีว่าอวี๋โป้เริ่มสั่งสอนฟางเจิ้งเป็นการส่วนตัวแล้ว

เมื่อค่ำคืนมาเยือนอีกครั้ง

ฟางหยวนกลับไปยังรอยแยกของภูเขา

เขาถือหูกระต่ายป่าเอาไว้ในมือ นอกจากนั้นยังมีกระดิ่งแขวนอยู่บนลำคอของมัน

“ฝุ่นผงที่ข้าโปรยเอาไว้ยังอยู่ในสภาพเดิม ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดคืบคลานออกมา นอกจากนั้นยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่” ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงหลังจากตรวจสอบ

เขาดึงเถาวัลย์จากผนังออกมาและเริ่มถักทอมันเข้าด้วยกันขณะที่ใช้เท้าหนีบกระต่ายป่าเอาไว้

เขามีประสบการณ์มากมากในชีวิตก่อนหน้า หลายครั้งที่วิญญาณของเขาตายและทำให้เขาไม่สามารถพึ่งพาพวกมัน

หากผู้ใช้วิญญาณปราศจากวิญญาณ เขาก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา การดำรงชีวิตของพวกเขาจะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เขาเคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมามากแล้ว ช่วงเวลาที่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเช่นการสานรองเท้าฟางหรือหมวกฟางเพื่อแลกกับหินวิญญาณมาประทังชีวิตของตนเอง

ขณะที่เขาถัดทอเถาวัลย์ในมือ เขาก็คิดไปถึงวันคืนเก่าๆ ความทุกข์ทรมานเหล่านั้นกลายเป็นเสียงหัวเราะที่ไร้เสียง

อย่างช้าๆและประณีต เถาวัลย์หลายเส้นค่อยๆเกี่ยวพันกันเป็นเส้นสาย

ภายในถ้ำที่เรืองแสงสีแดง ใบหน้าของฟางหยวนดูอ่อนเยาว์แต่ประสบการณ์ของเขากลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

“กริ้ง กริ้ง”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา กระต่ายป่าวิ่งเข้าไปในถ้ำลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระดิ่งบนลำคอของมัน

ฟางหยวนถือเชือกเถาวัลย์ที่เขาถัดทอเอาไว้โดยใช้ปลายด้านหนึ่งมัดติดกับข้อเท้าของกระต่ายป่าเพื่อให้มันนำทาง

อย่างไรก็ตามในที่สุดกระต่ายป่าก็หยุดการเคลื่อนไหว แต่นี่ไม่ได้บ่งบอกว่ามันถึงทางตัน มีความเป็นไปได้ที่มันอาจถูกสังหาโดยกับดักบางอย่าง

ฟางหยวนดึงเชือกเบาๆและค่อยๆเดินเข้าไป

ขณะที่อีกด้านหนึ่งของเชือกเริ่มออกแรงดึงอีกครั้งและค่อยๆเคลื่อนที่ต่อไปอย่างช้าๆราวกับมันกำลังรู้สึกกระวนกระวาย

เพียงไม่นานหลังจากนั้นกระต่ายป่าก็หยุดวิ่งอีกครั้งราวกับมันถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทาง

ฟางหยวนค่อยๆเพิ่มแรงดึงเชือกเถาวัลย์ขณะที่กระต่ายป่าพยายามขัดขืน

หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็ดึงกระต่ายป่ากลับมาอีกครั้ง เขาตรวจสอบมันและไม่พบสิ่งผิดปกติ นี่ทำให้เขาสามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“ดูเหมือนเส้นทางสายนี้จะปลอดภัย”

เมื่อกระต่ายป่าหมดประโยชน์ ฟางหยวนก็ฆ่ามันโดยไม่มีความลังเล

เขาไม่สามารถปล่อยกระต่ายออกไปเพราะมันมีความทรงจำและอาจนำบางคนเข้ามาที่นี่ได้ในภายหลัง

ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำอย่างระมัดระวัง

แม้กระต่ายป่าจะสำรวจเส้นทางมาแล้ว แต่มันมีกับดักบางชนิดที่กำหนดเป้าหมายที่มนุษย์เท่านั้น สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยไม่สามารถกระตุ้นการทำงานของมัน ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องระวังตัว

อุโมงค์ลาดชันลงไปใต้ดินเรื่อยๆ ยิ่งลึกลงไป มันก็ยิ่งกว้างใหญ่ อุโมงค์ทอดตัวยาวไปถึงสามร้อยเมตรแต่ฟางหยวนกลับใช้เวลาถึงสองชั่วโมงก่อนจะมาถึงจุดสิ้นสุดของมัน

ระหว่างทางเขาตรวจสอบพื้นที่แต่ละก้าวอย่างระเอียดรอบคอบเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็ตามเมื่อเดินทางมาถึงจุดนี้เขากลับรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบหินก้อนใหญ่ปิดเส้นทางเอาไว้

“อุบัติเหตุทำให้เส้นทางถูกปิดโดยบังเอิญงั้นหรือ?” ฟางหยวนคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ

ก่อนที่นักบวชปีศาจสุราดอกไม้จะเสียชีวิต เขาใช้แมงมุมปฐพีสร้างอุโมงค์ลึกลงมาใต้ดินเพื่อเก็บมรดกของเขาไว้ให้ผู้สืบทอด

แต่หลังจากผ่านไปนับร้อยปี มีความเป็นไปได้ที่อุโมงค์หินจะถูกกัดกร่อนและพังทลายลงมาเหมือนอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นในชีวิตของผู้คนเสมอ

“หากเป็นกรณีนี้ เส้นทางของข้าจะจบลงตรงนี้หรือไม่?” ฟางหยวนเดินหน้าต่อไปก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสหินก้อนใหญ่ที่กีดขวางเส้นทางของเขา

ฟางหยวนสามารถใช้ดาบแสงจันทร์ค่อยๆทำลายมัน แต่หากเขาต้องการบดขยี้หินก้อนใหญ่เช่นนี้ เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปี

“ดูเหมือนมีเพียงต้องใช้ค้อนเหล็กหรือจอบเสียมเพื่อทำลายมัน แต่หากข้าทำเช่นนั้นมันอาจเป็นการเปิดเผยร่องรอยด้วยเสียงของการขุดเจาะ” ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก เขากำลังชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย

หากความเสี่ยงสูงเกินไป เขาจะยอมแพ้ต่อมรดกชิ้นนี้

หลังจากทั้งหมดหากบางคนค้นพบความลับของเขา ชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย