ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 15 – หัวใจแห่งความแข็งแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 17 - เจ้าแห่งทักษะกระบี่

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 16 – สายเลือดสูงสุด


*ยังไม่เปลี่ยนคำว่านะครับยังไม่ทราบว่าจะใช้คำว่าอะไรดี ถ้าช่วยเสนอมาได้จะดีมากเลยครับ

 

Chapter 16 – สายเลือดสูงสุด

 

เซี่ยวหยุนอ่านศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์เสร็จสิ้น มันทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ด้วยศิลปะนี้ เขาจะสามารถเหนือกว่าฝางเฮ่าได้อย่างแน่นอน

 

หลังจากทำให้ตัวเองสงบลง เซี่ยวหยุนเริ่มอ่านคำแนะนำในการบ่มเพาะศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

 

เซี่ยวหยุนออกมาดังๆ “เพื่อที่จะบ่มเพาะศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ อย่างแรกต้องมีร่างกายของพวกเขาที่เจือจางด้วยสายเลือดกลืนกินสวรรค์  ไข่มุกนี้อาจจะเป็นสายเลือดกลืนกินสวรรค์?” เซี่ยวหยุนมองข้ามไปยังไข่มุกสีแดงสดใสภายในกล่องเหล็ก

 

ไข่มุกเลือดนี้เป็นสีแดงอย่างไม่น่าเชื่อและหลังจากตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เซี่ยวบนว่ามีเส้นของเลือดบางๆรอบมัน นอกจากนี้ยังมีน้ำวนของลมหมุนที่อยู่รอบมันที่เกือบจะไม่สามารถตรวจจับได้ และเมื่อจิตใจของเซี่ยวหยุนพยายามจะตรวจสอบมัน เขารู้สึกราวกับว่าจิตใจของเขากำลังถูกกลืนกิน

 

“สายเลือดกลืนกินสวรรค์ลึกลับอะไรแบบนี้ ข้าสงสัยจังว่าท่านพ่อได้รับมันมาจากที่ไหน?”

 

เซี่ยวหยุนเลียริมฝีปากของเขาอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าจะต้องกลืนไข่มุกเลือดนี้ก่อนที่ข้าจะสามารถบ่มเพาะศิลปะกลืนกินสวรรค์ได้?”

 

เซี่ยวหยุนไม่มีเวลาจะมาเสียขณะที่เขาหยิบไข่มุกเลือดที่ดูเหมือนการเต้นของหัวใจดวงเล็กๆขึ้นมาอย่างรอบคอบแล้วบีบมัน

 

ไข่มุกเลือดมีขนาดค่อนข้างเล็กและใหญ่พอๆกับถั่วเหลือง อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยวหยุนถือมันไว้ในมือของเขา เขารู้สึกได้ถึงคลื่นที่บ้าคลั่งของพลังงาน ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน เขารู้สึกค่อนข้างตกใจราวกับว่าเขาได้พบเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้

 

“ข้าจะเป็นอะไรไหมนะถ้ากลืนมุกนี้?” ร่องรอยของความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขา ถ้าเขากลืนมุกเลือดที่ทรงพลังเช่นนี้ ถ้าพลังอันบ้าคลั่งหลุดออกจากการควบคุม เขาจะสามารถอดทนต่อมันได้หรือไม่?

 

อย่างไรก็ถาม ถ้าเขาไม่กลืนมุกเลือด มันจะเป็นยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเขาในการบ่มเพาะศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

 

“เพราะมันเป็นสมบัติที่ถูกท่านพ่อทิ้งไว้ให้ข้า ข้าไม่ควรจะกังวลเกี่ยวกับการกลืนมัน มิฉะนั้นมันจะถือว่าข้าได้ปฏิเสธความหวังดีของเขาหรือ?” เซี่ยวหยุนคิดขึ้นมาได้ เขายังเด็กนักและรู้สึกกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตราย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดถึงเกี่ยวกับพ่อของเขา เขาก็ได้ตัดสินใจแล้ว

 

คุณปู่ของเขาได้บอกว่าเคยกลับมาแล้ว พ่อของเขาต้อนทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลที่รุนแรงเพื่อที่จะพาเขาและน้องสาวมายังเขตเมฆาม่วง!

 

เซี่ยวหยุนขบฟันแน่แล้วเปิดปากของเขาจากนั้นก็กลืนไข่มุกสีแดงสดใส

 

ขณะที่มุกเลือดเดินทางลงไปยังลำคอของเขา คลื่นของปราณเลือดที่บ้าคลั่งถูกปล่อยทั่วร่างกายของเด็กหนุ่ม

 

อ๊ากกก!!!

 

เซี่ยวหยุนกรีดร้องอยู่ภายในและขบฟันของเขาอย่างแรง เขารู้สึกราวกับว่ามีกระบี่นับไม่ถ้วนได้แทงเข้าไปภายในของเขาและเขารู้สึกว่าเลือดเนื้อของเขากำลังฉีกขาด ความรู้สึกนี้ได้ตัดเข้าไปในหัวใจและเจาะเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้เหงื่อของเขาแตกออกมา

 

ภายใต้ความเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่นั้น จิตใจของเซี่ยวหยุนกลายเป็นเลือนรางและเขาเกือบจะสลบไป

 

ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างเหลือเชื่อนี้ จิตวิญญาณการต่อสู้ได้ทำให้แสงหยกสีเขียวพุ่งออกมา แสงที่ว่าได้เป็นแสงของความอมตะที่อาบไล้ไปทั่วตัวเขา ทำให้จิตใจของเขาได้รับการฟื้นขึ้นมาบางส่วนขณะที่เขาได้ตัดสินใจอีกครั้ง ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับร่องรอยของความเด็ดเดี่ยวภายในพวกมัน "ข้าต้องอดทน!"

 

ในขณะที่เขาคิดเช่นนี้ เซี่ยวหยุนเริ่มต้นใช้งานศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

 

ตามตำราโบราณ เพียงแค่กลืนสายเลือดกลืนกินสวรรค์ก็จะให้หนึ่งโอกาสที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้น การบ่มเพาะศิลปะเฉยๆจะทำให้ยากต่อการจะบ่มเพาะให้สำเร็จ มันจะทำให้ไม่ไปถึงระดับของการกลืนกินสวรรค์และทำลายเทพเจ้า

 

บุซซว!

 

เช่นเดียวกับที่เซี่ยวหยุนเริ่มใช้งานศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ได้รู้สึกได้ถึงปราณเลือดที่บ้าคลั่งภายในร่างกายของเขากำลังถูกปราบปราม

 

กระแสน้ำวนเล็กๆปรากฏภายในร่างกายของเขา นำทางปราณเลือดเข้าไปยังกล้ามเนื้อของเขา กระดูก เส้นลมปราณและเซลล์ ขณะที่ร่างกายของเขากำลังคุกรุ่น เซี่ยวหยุนรู้ได้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา

 

เซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับว่าเขาได้รับการล้างบาปมา สิ่งสกปรกภายในร่ายกายของเขาได้รับการทำความสะอาดโดยปราณเลือดภายใต้การนำทางของศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เส้นลมปราณและกระดูกของเขาบริสุทธิ์อย่างยิ่งและไม่มีที่ติ เขารู้สึกสดชื่นอย่างเหลื่อเชื่อราวกับว่าเขาได้รับร่างใหม่

 

การล้างบาปประเภทนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา และกระแสน้ำวันดูเหมือนจะให้ไขมุกเลือดหลอมละลาย หลอมรวมมันเข้ากับศิลปะนี้ สุดท้ายกระแสน้ำวนก็ได้ปรากฏขึ้นในตันเถียนของเซี่ยวหยุน

 

“ข้าทำสำเร็จแล้ว?” ขณะที่เขามองไปยังกระแสน้ำวน จิตใจที่ตึงเครียดของเซี่ยวหยุนก็ได้ผ่อนคลายในที่สุด

 

บุซซ!

เช่นเดียวกับที่รูปร่างกระแสน้ำวนภายในตันเถียนของเขา หอคอยเหล็กสีดำภายในกล่องได้บินออกมาและพุ่งเข้าไปยังตันเถียนของเซี่ยวหยุน มันหลอมรวมเข้ากับน้ำวน ทำให้เซี่ยวหยุนตกใจมาก

 

ภายใต้การนำทางของศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จิตใจของเขาได้เข้าไปในหอคอยเหล็กและก่อเกิดสัมพัมธ์กับมัน

 

“หอคอยกลืนกินสวรรค์!” ในขณะที่จิตใจของเขาได้เชื่อมต่อกับหอคอยสีดำ ข้อมูลบางอย่างได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเซี่ยวหยุน

 

เซี่ยวหยุนพึมพำกับตัวเอง “หอคอยนี้เป็นของกลืนกินสวรรค์สูงสุดและมีเก้าชั้น หลังจากการบ่มเพาะศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์สำเร็จนั้นจึงจะสามารถปฏิบัติตามการควบคุมของหอคอยนี้ได้! ดังนั้น ดังนั้นหอคอยนี้ได้เชื่อมต่อกับศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน และยังถูกทิ้งโดยท่านพ่อเพื่อข้า”

 

หลังจากหลอมรวมกับไข่มุกเลือดและหอคอยสีดำแล้ว เซี่ยวหยุนก็บ่มเพาะอย่างต่อเนื่องขณะที่เขาอ่านตำราโบราณเสร็จสิ้น

 

“บทกลืนกินสวรรค์และบทการทำลายจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงถูกแบ่งออกเป็นสองศิลปะ” หลังจากมองผ่านศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เซี่ยวหยุนยังได้รับความเข้าใจบ้างอย่างเกี่ยวกับศิลปะนี้ กลืนกินสวรรค์กล่าวถึงการกลืนกินแก่นแท้ปราณทั้งหมดภายในสวรรค์และโลก และหลังจากบ่มเพาะศิลปะนี้เสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถกลืนกินได้แม้กระทั่งภูเขา

 

แน่นอนว่านั้นเป็นขอบเขตบางประเภทที่ไม่ใช่เรื่องในปัจจุบันที่เซี่ยวหยุนจะคิดถึง

 

การทำลายจิตวิญญาณได้กล่าวถึงการใช้พลังงานจิตวิญญาณที่ทรงพลังในการโจมตีจิตวิญญาณแรกเริ่มของคนอื่น

 

ในระยะเริ่มแรกของการทำลายจิตวิญญาณ จะสามารถใช้ได้เพียงพลังวิญญาณเพื่อทำลายจิตใจและหัวใจของคนอื่นได้ ในฐานะผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะสามารถเริ่มใช้พลังวิญญาณของพวกเขาในการโจมตีได้ เช่นเดียวกับการฆ่าจิตวิญญาณของคนอื่น การโจมตีที่ไร้รูประเภทนี้จะสามารถใช้ฆ่าอย่างร้ายแรงได้

 

ตอนนี้เซี่ยวหยุนนั้นได้ก้าวเข้าไปยังระดับแรกของศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาสามารถดูดซับแก่แท้ปราณแห่งสวรรค์และโลกได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายังห่างไกลจากการสามารถใช้พลังวิญญาณของเขาเพื่อฆ่าศัตรูได้

 

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ เซี่ยวรู้สึกว่าประสาทสัมผัสเขาได้คมชัดมากยิ่งขึ้น และเขาสามารถเห็นได้แม้กระทั่งสิ่งที่เล็กอย่างมาก เซี่ยวหยุนมองไปรอบๆและรู้สึกราวกับเขาอยู่ในการควบคุมของโลก

 

ตราบที่ข้ายังคงทำตามศิลปะกลืนกินสวรรค์และบ่มเพาะอย่างต่อเนื่อง บางทีข้าอาจจะสามารถกลืนกินสวรรค์และทำลายพระเจ้าได้จริงๆ” เซี่ยวหยุนคิดกับตัวเขา แล้วเขายังคงฝึกซ้อมศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และพอใจอย่างมากกับความสามารถในการดูดซับแก่นแท้ปราณแห่งสวรรค์และโลกของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมุ่งเน้นไปที่การทำลายจิตวิญญาณ เพื่อที่เขาจะสามารถไปขั้นทำลายจิตวิญญาณแรกเริ่มของคนอื่นได้ด้วยพลังวิญญาณของเขา

 

ตามลำดับเพื่อที่จะทำลายจิตวิญญาณแรกเริ่มของคนอื่น เขาจำเป็นต้องมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเพียงพอ

 

ศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมหัศจรรย์อย่างมากและเซี่ยวหยุนเริ่มเปิดใช้งานมัน มันก็ได้เริ่มช่วยให้เซี่ยวหยุนรวบรวมพลังวิญญาณ

 

เมื่อได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ขึ้นมา พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนนั้นเดิมทีก็แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนปกติอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าจะควบคุมหรือไหลเวียนมันได้อย่างไร

 

อย่างไรก็ตามด้วยศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาได้พบวิธีที่จะหมุนเวียนมันทันที ราวกับดวงตาของเขาได้ถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน

 

เมื่อเซี่ยวหยุนใช้ศิลปะ เขารู้สึกได้ว่าประสาทสัมผัสทางจิตวิญญาณภายในจิตใจของเขาได้แข็งแกร่งและเริ่มแสดงให้เห็นสัญญาณของการมุ่งไปยังจุดเดียว นี่เป็นสัญญาณว่าพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น หลังจากรู้สึกถึงเรื่องนี้แล้วเซี่ยวหยุนยังคงบ่มเพาะต่อ

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยวหยุนเปิดตาของเขาขึ้นภายใต้แสงแห่งรุ่งอรุณ

 

แม้จะบ่มเพาะมาตลอดทั้งวัน เซี่ยวไม่ได้รู้เหนื่อยเลยแต่กลับรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง ดวงตาของเขาส่งความรู้สึกที่แหลมคมขณะที่เขามองไปรอบๆราวกับว่าเขาเป็นเสือชีต้าอันยิ่งใหญ่ และสามารถควบคุมทุกสิ่งรอบตัวของเขาได้ ประสาทสัมผัสของเขาตอนนี้นั้นห่างไกลจากสิ่งที่คนธรรมดามี

 

เซี่ยวหยุนเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี่ไม่ธรรมดาเลย ประสาทสัมผัสของข้าได้กลายเป็นดีอย่างไม่น่าเชื่อและละเอียดลออ ซึ่งจะทำให้ข้าได้เปรียบเหนือศัตรู อย่างไรก็ตามขอบเขตการบ่มเพาะของข้านั้นยังต่ำเกินไป ถ้าข้าไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ มันจะเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับข้าที่จะล้มฝางเฮ่าภายใน 3 เดือนและข้าจะสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าร่วมนิกายใหญ่”

 

“แก่นแท้ปราณแห่งสวรรค์และโลกของเขตเมฆาม่วงนั้นเบาบางเกินไป ไม่ว่าพรสวรรค์ของข้าจะดีแค่ไหน มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะก้าวจากระดับ 8 ขั้นหลอมร่างกายไปยังขอบเขตต้นกำเนิด ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปยังส่วนลึกภายในภูเขาเมฆาม่วง เห็นได้ชัดว่าเส้นเลือดดำแก่นแท้ที่นั้นได้หนาแน่นไปด้วยแก่นแท้ปราณ”

 

ความสำคัญสูงสุดของเซี่ยวหยุนนั้นคือการก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดและล้มฝางเฮ่า เพียงเพื่อที่เขาจะสามารถทำให้ตระกูลเซี่ยวปลอดภัยได้

 

หลังจากคิดระยะนึง เซี่ยวหยุนได้มาถึงศาลาทักษะการต่อสู้ของตระกูลเซี่ยว เตรียมพร้อมที่จะเลือกทักษะการต่อสู้อย่างอันเพื่อเรียน “ที่นั่นได้มีสัตว์อสูรขอบเขตต้นกำเนิดลึกลงไปภายในภูเขาเมฆาม่วงและบางครั้งก็เป็นสัตว์อสูรขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงด้วย ข้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะไปที่นั่น”

 

หลังจากเข้ามา เซี่ยวหยุนเริ่มเดินผ่านทักษะการต่อสู้

 

ศิลปะกระบี่แทงเมฆา!

 

การจ้องมองของเซี่ยวหยุนได้อยู่ที่ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนบนตำราโบราณ “เป็นชื่อที่แปลก มันเป็นทักษะระดับสีดำ?” จากความอยากรู้อยากเห็น เซี่ยวหยุนได้เปิดตำราและเริ่มอ่านมัน

 

ภายใต้สวรรค์มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่ไม่สามารถแตกสลายได้

 

กระบี่ที่รวดเร็วที่สุดและสามารถทะลวงผ่านกระบวนท่านับหมื่น หนึ่งการโจมตีสังหารศัตรู!

 

“กระบี่ที่ว่ารวดเร็วที่สุดและสามารถทะลวงผ่านกระบวนท่านับหมื่น?” ลักษณะของความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวหยุนและเขาส่ายศีรษะด้วยความปฏิเสธ

 

ในโลกนี้ที่มีพลังต่อสู้เป็นสิ่งสูงสุด เซียนส่วนมากสามารถทำลายภูเขาและแม่น้ำได้ด้วยฝ่ามือเดียว กระบี่จะสามารถทำสิ่งเดียวกันได้หรือไม่?

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวหยุนตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าการบ่มเพาะของเขานั้นยังค่อนข้างต่ำ และเขายังไม่เข้าใจได้ว่าผู้ฝึกตนสามารถทำอะไรได้บ้าง การคิดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ เขาส่ายหัวและตัดสินใจที่จะเก็บศิลปะกระบี่นี้เอาไว้ขณะที่เขาออกมาจากศาลาทักษะการต่อสู้

 

เวลานี้ เพื่อที่จะเข้าไปยังส่วนลึกของภูเขาเมฆาม่วง เซี่ยวหยุนจำเป็นต้องเรียนทักษะการต่อสู้ที่ฆ่าได้แน่นอน

 

หนึ่งการโจมตีสังหารศัตรู!

 

ศิลปะกระบี่แทงเมฆานี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 

ความต้องการเบื้องต้นของศิลปะกระบี่แทงเมฆานั้นค่อนข้างง่าย มันอาจจะแสดงได้ด้วยคำเดียว - เร็ว! เร็วที่สุด!

 

ทุกการเฉือน ฟันและกระบวนท่าอื่นๆวนเวียนรอบๆคำเดียว

 

นอกจากนี้เพื่อให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว อย่างแรกที่ต้องทำคือใช้รูปแบบปกติเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะเข้าใจคำว่า ‘เร็ว’!

 

หวด! หวด!

 

ภายในลานบ้าน เซี่ยวหยุนได้ใช้กระบี่ของเขาโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง

 

เขาจะทำซ้ำการเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายแต่ละรอบเกือบพันครั้งและจะเป็นแบบนี้ต่อไปเป็นเวลามั้งหมด 3 วัน

 

เมื่อเซี่ยวหยุนได้ฝึกอย่างต่อเนื่องด้วยกระบี่ของเขา เด็กสาวที่น่ารักและน่ารื่นรมย์ ประณีต เดินผ่านและกล่าวว่า “พี่ใหญ่ พักผ่อนสักเล็กน้อย”

 

“ข้าสบายดี” เซี่ยวไม่ได้มองข้ามและดูดซับได้อย่างเต็มที่ในการฝึกของเขา

 

ห่างไปออกไปประมาณ 3 เมตร ยุงบินหนีไปขณะที่มันส่งเสียงหึ่ง

 

“เจ้าต้องการจะหนี!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนจดจ่ออยู่กับสมาธิขณะที่เขาล็อกยุงไว้และแทงมันด้วยกระบี่ของเขา

 

แสงวูบวาบเมื่อมันสะท้อนออกมาจากกระบี่ ยุงถูกแยกเป็นสองส่วนและร่วงไปยังพื้น

 

“พี่ใหญ่ท่านแข็งแกร่งมาก แม้กระทั่งยุงก็ไม่สามารถหนีจากกระบี่ของท่านได้!” เซี่ยวหลิงเอ๋อเฝ้าดูด้วยความตกใจ

 

ยุงตัวนั้นเล็กอย่างเหลือเชื่อและได้บินหนีไป ประสาทสัมผัสและความเร็วประเภทไหนกันที่เขามีจนสามารถตัดมันออกเป็นสองส่วนได้

 

***ตอนหน้าศิลปะจะเปลี่ยนเป็นทักษะนะครับ ทักษะการบ่มเพาะ ทักษะการต่อสู้ อะไรแบบนี้ บางทีอาจใช้คำว่าทักษะยุทธ์ครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด